
ภาพรวมวิกฤตราคา DRAM: ทำไมปี 2026 ถึงน่ากังวล
ตลาดหน่วยความจำกำลังประสบปัญหาขาดแคลนอย่างรุนแรง โดยเฉพาะกลุ่ม DRAM ที่ถูกใช้งานในทุกอุตสาหกรรม ตั้งแต่เซิร์ฟเวอร์ AI, พีซี, สมาร์ตโฟน ไปจนถึงอุปกรณ์รถยนต์อัจฉริยะ ข้อมูลล่าสุดจาก Counterpoint Research ระบุว่า ราคาของ DRAM เพิ่มขึ้นแล้วกว่า 50% ตั้งแต่ต้นปี 2025 และยังมีแนวโน้มจะเพิ่มอีก 30% ในไตรมาส 4/2025 ต่อด้วยอีก 20% ในช่วงต้นปี 2026
เมื่อรวมทั้งหมด นี่คือหนึ่งในวิกฤตราคา DRAM ที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายปี และมีความเสี่ยงที่ ราคาแรม DDR5 ที่ใช้ในเซิร์ฟเวอร์จะเพิ่มขึ้นเท่าตัวภายในปลายปี 2026
ดีมานด์ HBM ทำ DRAM ขาดตลาดอย่างหนัก
ปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาด RAM ราคาเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด มี 2 ประเด็นสำคัญ:
- ความต้องการ HBM (High Bandwidth Memory) พุ่งสูงขึ้นมาก เนื่องจากเป็นหัวใจสำคัญของ GPU และระบบ AI
- HBM ใช้พื้นที่เวเฟอร์มากกว่า DRAM ทั่วไปหลายเท่า ทำให้สายการผลิต DRAM ปกติถูกลดสัดส่วนลง
- ไม่มีโรงงาน DRAM ใหม่ที่จะเปิดในเร็ว ๆ นี้ ส่งผลให้กำลังผลิตยังคงจำกัด
ตัวอย่างราคาที่เห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจน:
- DRAM 16GB DDR5 ราคาที่ DRAMeXchange เมื่อ 20 กันยายน 2025: $6.84 (ประมาณ ฿245)
- ราคาล่าสุดเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2025: $24.83 (ประมาณ ฿890)
- ค่าต่ำสุดในเซสชัน: $17.5 (ประมาณ ฿630)
- ค่าสูงสุดในเซสชัน: $35 (ประมาณ ฿1,255)
ราคาที่แกว่งแรงและสูงขึ้นอย่างรวดเร็วสะท้อนถึงความตึงตัวของตลาดที่กำลังทวีความรุนแรง

ราคาแรมสำหรับเซิร์ฟเวอร์อาจเพิ่มเป็น 2 เท่าภายในปี 2026
Counterpoint คาดการณ์ว่า DDR5 RDIMM ขนาด 64GB ซึ่งถูกใช้ในเซิร์ฟเวอร์ยุคใหม่ อาจมีราคาสูงกว่าเดิม 2 เท่าในช่วงปลายปี 2026 เมื่อเทียบกับราคา Q1 2025
นี่เป็นผลมาจากการมาของระบบ AI ใหม่ เช่น:
- Nvidia Grace + Blackwell
- Nvidia Vera Rubin
- ระบบ AI รุ่นใหม่ที่ต้องการหน่วยความจำแบบ LPDDR5X จำนวนมาก
LPDDR5X: จากหน่วยความจำสมาร์ตโฟน สู่การเป็นทรัพยากรในศูนย์ข้อมูล AI
อีกสัญญาณหนึ่งที่น่ากังวล คือ Nvidia เริ่มใช้ LPDDR5X ในระบบเซิร์ฟเวอร์ AI ระดับสูง เช่น Grace และ Vera Rubin CPUs
ทำให้ LPDDR5X ซึ่งเดิมเป็น “หน่วยความจำของสมาร์ตโฟนระดับพรีเมียม” กลายเป็นส่วนประกอบที่ถูกแย่งชิงโดยตลาดเซิร์ฟเวอร์ AI ขนาดใหญ่
ตัวเลขที่สะท้อนสถานการณ์:
- ระบบ Grace CPU ในปัจจุบันใช้ 480GB LPDDR5X ต่อ 1 ชิป
(เทียบกับสมาร์ตโฟนพรีเมียมที่ใช้ 16GB) - รุ่น Vera Rubin จะใช้มากกว่านี้อีกเป็น 2 เท่า
เมื่อตลาดเซิร์ฟเวอร์ต้อง LPDDR5X จำนวนมาก ผลกระทบย่อมเกิดขึ้นกับตลาดสมาร์ตโฟนโดยตรง
สมาร์ตโฟนราคาประหยัด-ระดับกลาง อาจเป็นผู้เสียหายรายแรก
Counterpoint ชี้ว่า:
- สมาร์ตโฟนตลาดล่างที่ยังใช้ LPDDR4 จะถูกกระทบก่อน
- สมาร์ตโฟนระดับกลาง–พรีเมียมจะเจอ ต้นทุนผลิตเพิ่มขึ้นราว 25%
- ผู้ผลิตต้องเลือกระหว่าง “กำไรลดลง” หรือ “ขึ้นราคาขายปลีก”
ผลที่ตามมาอาจทำให้สมาร์ตโฟนรุ่นกลางระดับราคาประมาณ ฿8,000–฿15,000 ขยับขึ้นอีกหลายร้อยถึงหลักพันบาทต่อรุ่น
SMIC: อุตสาหกรรมรถยนต์และสมาร์ตโฟนกำลังเข้าสู่จุดเสี่ยง
ซีอีโอร่วมของ SMIC ระบุเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า อุตสาหกรรมหลายกลุ่มเริ่มชะลอการสั่งซื้อ เพราะไม่มั่นใจว่าจะได้รับ DRAM เพียงพอในไตรมาส 1/2026
คำกล่าวของ Zhao Haijun ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม (Co-CEO) ของ SMIC ระบุว่า:
“ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ สมาร์ตโฟน หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทุกกลุ่มกำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนักจากปัญหาขึ้นราคาและการขาดแคลนหน่วยความจำในปีหน้า”
ข้อมูลรายได้ล่าสุดของ SMIC:
- อุตสาหกรรมยานยนต์คิดเป็น 11.9% ของรายได้รวม (ประมาณ 8,000 ล้านบาท)
- ส่วนสมาร์ตโฟนลดลงเหลือ 21.5% ของรายได้รวม สะท้อนความลังเลของลูกค้าในการสั่งผลิตชิประหว่างความไม่แน่นอนของ DRAM
บทสรุป: ปี 2026 อาจเป็นปี “หน่วยความจำแพงที่สุดในรอบทศวรรษ”
ความต้องการหน่วยความจำในยุค AI ที่เติบโตเร็วเกินกว่ากำลังผลิตทั่วโลก กำลังผลักราคา DRAM ให้เข้าสู่จุดสูงสุดครั้งใหม่ ซึ่งอาจส่งผลต่อผู้บริโภคในทุกตลาด:
- พีซีประกอบอาจแพงขึ้น
- สมาร์ตโฟนระดับกลางอาจขยับราคา
- อุปกรณ์ IoT, รถยนต์, สมาร์ตทีวี ก็จะได้รับผลกระทบตามไปด้วย
และหากไม่มีโรงงาน DRAM ใหม่เปิดตัวในเร็ว ๆ นี้ แนวโน้มราคายังคงมีโอกาส “ขึ้นอย่างต่อเนื่อง” ไปจนถึงปี 2027
ที่มา: tomshardware





