
อีกหนึ่งบุคลากรสำคัญของ Apple ที่เลือกเดินจากไป
รายงานล่าสุดจาก Mark Gurman ผู้สื่อข่าวสาย Apple ของ Bloomberg ระบุว่า Abidur Chowdhury ผู้ออกแบบ iPhone Air ได้ตัดสินใจลาออกจาก Apple เพื่อไปร่วมงานกับ สตาร์ทอัปด้าน AI ที่ยังไม่เปิดเผยชื่อ โดยความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ Apple เผชิญแรงกดดันสูงจากตลาด ทั้งยอดขาย iPhone ที่ชะลอตัวและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในด้าน AI
บทความนี้จะวิเคราะห์ว่าเกิดอะไรขึ้นกับ iPhone Air และปัญหาการ “สูญเสียคนเก่ง” ซึ่งเริ่มกลายเป็นประเด็นใหญ่สำหรับ Apple ในรอบหลายปีที่ผ่านมา เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจภาพรวมชัดเจนที่สุด
iPhone Air คืออะไร และเหตุใดการลาออกจึงมีความหมาย
iPhone Air เป็นหนึ่งในโครงการทดลองเชิงดีไซน์ของ Apple ที่เน้นความบางเฉียบเป็นพิเศษ จุดประสงค์หลักไม่ใช่ยอดขาย แต่เป็นแพลตฟอร์มทดลองเทคโนโลยีใหม่ เช่น โครงสร้างภายในแบบปรับแต่งใหม่ วัสดุที่เบากว่าเดิม หรือเทคนิคการจัดวางชิ้นส่วนเพื่อรองรับนวัตกรรมในอนาคต
แม้ยอดขายของ iPhone Air จะมีสัดส่วนเพียง 6–8% ของยอดขาย iPhone ทั้งปี ตามข้อมูลของ Gurman แต่ Apple ยังคงมองว่ามันมีคุณค่าในเชิงวิศวกรรมและการทดลองเทคโนโลยีใหม่
ดังนั้น การที่คนออกแบบหลักตัดสินใจออกจากบริษัท จึงถือเป็นสัญญาณที่ทำให้นักวิเคราะห์หลายคนตั้งคำถามว่า
Apple กำลังเจอปัญหาเชิงวัฒนธรรมหรือไม่
หรือบริษัทกำลังเสียเสน่ห์ที่เคยดึงดูดสุดยอดนักออกแบบอย่างในยุค Jony Ive กันแน่
เหตุผลที่ iPhone Air 2 เลื่อนเปิดตัวไปเป็นปี 2027
ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่า Apple ต้องการให้ Air รุ่นถัดไปใช้ชุดกล้องคู่ จึงต้องปรับการจัดวางภายในใหม่ ทำให้การเปิดตัวอาจเลื่อนไปเป็นปี 2027
แต่ Mark Gurman มองต่างออกไปโดยชี้ว่า
การเปลี่ยนโครงสร้างภายในเพื่อรองรับกล้องที่ “ไม่ได้ใช้บ่อย” ไม่น่าจะเป็นเหตุผลหลัก
เขาเชื่อว่า ปัญหาจริงคือการเตรียมเทคโนโลยีสำหรับชิป A20 ซึ่งผลิตบนสถาปัตยกรรม TSMC 2nm พร้อมเทคโนโลยีแพ็กเกจ Wafer-Level Multi-Chip Module (WMCM) ที่รวม SoC และ DRAM ในระดับเวเฟอร์
การผลิตแบบนี้มีความซับซ้อนสูง ต้นทุนสูง และกำลังผลิตมีจำกัดมากในช่วงแรก ทำให้ Apple อาจต้องปรับรอบการเปิดตัว โดยให้ Air 2 เปิดตัวพร้อม iPhone 18 และ iPhone 18e ในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2027 แทนฤดูใบไม้ร่วงปี 2026
ปัญหาหลัก: Apple กำลังสูญเสีย “นักนวัตกรรมตัวจริง”
นอกจากการลาออกของผู้ออกแบบ iPhone Air ครั้งนี้ Apple ยังถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดถึงประเด็น “Talent Bleed” หรือปัญหาสูญเสียบุคลากรเก่ง ๆ ในหลายฝ่าย โดยเฉพาะสายดีไซน์และฮาร์ดแวร์
สิ่งที่น่าจับตาคือมีบุคลากร Apple จำนวนไม่น้อยที่ไหลไปสู่
ทีม io ของ Jony Ive อดีตหัวหน้าฝ่ายออกแบบของ Apple ซึ่งปัจจุบันถูก OpenAI เข้าซื้อกิจการ เพื่อใช้ความเชี่ยวชาญนั้นสร้าง “อุปกรณ์รุ่นใหม่” ที่ทางสื่อต่างประเทศเรียกกันว่า iPhone Killer
จนถึงตอนนี้ มีพนักงาน Apple ราว 20 คนที่ย้ายไปทำงานร่วมกับ Jony Ive และ OpenAI โดยในจำนวนนี้มีชื่อเด่นหลายคน เช่น
- Matt Theobald ผู้เชี่ยวชาญด้านการดีไซน์กระบวนการผลิต
- Cyrus Daniel Irani ผู้นำด้าน Human Interface Design
การย้ายตัวระดับสูงหลายคนแบบนี้ทำให้เกิดคำถามว่า
Apple ยุคหลัง Jony Ive ยังรักษาเอกลักษณ์ด้านดีไซน์ได้อยู่หรือไม่
หรือบริษัทกำลังเปลี่ยนจุดสนใจไปสู่ AI จนทำให้ทิ้งแก่นวัฒนธรรมด้านงานออกแบบที่เคยโดดเด่น
อะไรคือปัจจัยที่ทำให้คนเก่งเลือกออกจาก Apple
นักวิเคราะห์ต่างประเทศชี้ให้เห็นหลายประเด็นที่อาจส่งผลต่อการลาออกครั้งนี้และก่อนหน้า ได้แก่
1. ความเร็วในการตัดสินใจที่ช้าลง
Apple เป็นบริษัทที่มีโครงสร้างใหญ่ การอนุมัติและทดลองฟีเจอร์ใหม่ต้องผ่านหลายขั้นตอน ส่งผลให้คนรุ่นใหม่ที่เคยชินกับความเร็วของสตาร์ทอัปเริ่มเบื่อ
2. แรงดึงดูดจากสตาร์ทอัปด้าน AI
ปี 2025 เป็นปีที่มูลค่าตลาด AI พุ่งสูงทั่วโลก ทำให้สตาร์ทอัปหลายแห่งกล้าจ่ายค่าตอบแทนสูงมากเพื่อดึงบุคลากรระดับท็อป
3. ความท้าทายด้านดีไซน์ลดลงในยุค iPhone อิ่มตัว
ดีไซเนอร์บางคนเริ่มรู้สึกว่าพื้นที่ในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ บน iPhone มีข้อจำกัดมากขึ้น ขณะที่ AI-first device ของ OpenAI กลับเป็น “สนามใหม่”
4. วัฒนธรรมองค์กรหลังยุค Tim Cook
มีเสียงวิจารณ์จากอดีตพนักงานบางส่วนว่า Apple เน้นการจัดการเชิงธุรกิจมากขึ้น และลดพื้นที่ทดลองสิ่งใหม่แบบครั้งยุค Steve Jobs และ Jony Ive
ผลกระทบต่อ Apple ในระยะยาว
แม้ Apple จะยังมีความแข็งแกร่งในตลาดสมาร์ทโฟนและบริการ แต่การสูญเสียบุคลากรระดับแนวหน้าอาจทำให้เกิดปัญหาหลายด้าน ได้แก่
- ความช้าของการพัฒนาเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ใหม่
- ความเสี่ยงที่ดีไซน์ผลิตภัณฑ์จะค่อย ๆ สูญเสียเอกลักษณ์
- ความท้าทายในการแข่งขันกับบริษัท AI-first อย่าง OpenAI
- การต้องหานักออกแบบรุ่นใหม่มาทดแทนทักษะระดับสูงที่หายไป
และที่สำคัญที่สุด หากนักออกแบบระดับท็อปที่เคยทำงานให้ Apple ไปช่วย OpenAI สร้างอุปกรณ์ใหม่จริง
Apple อาจต้องเผชิญคู่แข่งรายใหม่ที่มีผสมผสานทั้ง AI ที่แข็งแกร่งและดีไซน์ระดับสูง ซึ่งเป็นจุดเด่นที่เคยเป็นของ Apple มาก่อน
มองไปข้างหน้า: Apple ต้องปรับทิศทางอย่างไร
ผู้เชี่ยวชาญมองตรงกันว่า Apple ต้องทำ 3 อย่างเพื่อแก้ปัญหานี้
1. สร้างพื้นที่ให้ทีมออกแบบทดลองนวัตกรรมใหม่
ไม่ใช่แค่ incremental update แบบปีต่อปี แต่ต้องผลักดันโปรเจกต์ใหม่ที่กล้าทดลองมากขึ้นเหมือนในอดีต
2. เพิ่มบทบาทของ AI ให้สัมพันธ์กับฮาร์ดแวร์
ไม่ใช่แค่สร้างฟีเจอร์ AI ในซอฟต์แวร์ แต่ต้องออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ “เกิดมาเพื่อ AI” ซึ่งอาจเป็นจุดที่ Apple ยังช้ากว่าคู่แข่ง
3. ปรับวัฒนธรรมองค์กรให้ดึงดูดนักนวัตกรรม
โดยเฉพาะการเปิดโอกาสให้คนเก่งแสดงผลงานได้มากขึ้น และลดขั้นตอนภายในที่ทำให้พัฒนาได้ช้า
สรุป
การที่ผู้ออกแบบ iPhone Air ตัดสินใจย้ายไปทำงานกับสตาร์ทอัปด้าน AI สะท้อนปัญหาที่ Apple กำลังเผชิญอย่างชัดเจน นั่นคือ การรักษานักสร้างนวัตกรรมไม่ได้เหมือนในอดีต ขณะเดียวกัน คู่แข่งอย่าง OpenAI กลับเดินหน้าอย่างรวดเร็วทั้งในด้านเทคโนโลยีและดีไซน์
นี่คือช่วงเวลาที่ Apple ต้องตัดสินใจใหม่ว่าจะรักษาเอกลักษณ์ด้านนวัตกรรมที่ทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จ หรือจะเดินหน้าทางเลือกใหม่โดยเน้นตลาด AI ที่กำลังเติบโต แต่ต้องแลกกับการสูญเสียบุคลากรแกนหลักของบริษัท
ที่มา: wccftech





