
ในช่วงที่ Microsoft ต้องการผลักดันระบบปฏิบัติการ Windows 11 และฟีเจอร์ AI อย่าง Copilot ให้เข้าถึงผู้ใช้จำนวนมากมากขึ้น บริษัทจึงเริ่มทำแคมเปญร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์ด้านเทคโนโลยีเพื่อโปรโมตฟีเจอร์ต่าง ๆ ของระบบ อย่างไรก็ตาม ความพยายามล่าสุดกลับกลายเป็นประเด็นที่ถูกวิจารณ์อย่างกว้างขวาง เพราะโชว์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า AI บน Windows 11 ยังไม่แม่นยำพอ แม้ในงานที่เรียบง่ายสุด ๆ อย่าง “ปรับขนาดตัวอักษร”
โฆษณาที่ตั้งใจโปรโมต แต่กลับเผยปัญหาของ Copilot บน Windows 11
Microsoft ได้โพสต์วิดีโอโปรโมตบนบัญชี X (Twitter เดิม) ของ Windows โดยเชิญอินฟลูเอนเซอร์ชื่อ Judner Aura หรือที่รู้จักกันในชื่อ UrAvgConsumer มาทดลองสั่งงาน Copilot ด้วยคำสั่งเสียง “Hey Copilot” และถามว่า “ปรับขนาดตัวอักษรยังไง”
สถานการณ์นี้เป็นเคสที่พบบ่อยในชีวิตจริง โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มองเห็นตัวหนังสือเล็กยาก หรือผู้ใช้ที่เพิ่งต่อโน้ตบุ๊กกับจอมอนิเตอร์ภายนอกแล้วพบว่าขนาดตัวอักษรเล็กกว่าปกติ
Copilot แนะนำให้ไปที่ Settings > Display และตั้งค่า Text Scaling เป็น 150% ซึ่งเป็นค่าที่ Windows 11 แนะนำอยู่แล้ว
แต่ปัญหาคือ…
ในวิดีโอ ค่าถูกตั้งไว้เป็น 150% อยู่แล้ว!
พูดง่าย ๆ คือ Copilot ให้คำแนะนำที่ “ไม่ตรงกับสถานการณ์จริง” และหากผู้ใช้ทำตามที่ว่า ก็จะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ทั้งสิ้น
เพื่อไม่ให้วิดีโอกลายเป็นภาพเสีย อินฟลูเอนเซอร์จึงรีบปรับสเกลเป็น 200% ด้วยตัวเองแทน ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เป็นคำตอบที่ Copilot แนะนำตั้งแต่แรก ซึ่งทำให้ผู้ชมหลายคนมองออกทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ทำไม Microsoft ถึงไม่ถ่ายใหม่? คำถามที่หลายคนสงสัยเหมือนกัน
สิ่งที่ทำให้ผู้ชมงงยิ่งกว่าคือ ทำไมทีมงาน Microsoft ไม่เช็กก่อนโพสต์ หรือไม่เลือกถ่ายใหม่ให้ถูกต้องตั้งแต่ต้น เพราะนี่ไม่ใช่คอนเทนต์ที่สื่ออื่นทำ แต่เป็นคอนเทนต์ “ทางการ” จากแบรนด์เอง
ประเด็นนี้จึงถูกตีความว่า
- Microsoft รีบปล่อยโฆษณาโดยไม่ตรวจสอบให้ดี
- Copilot บน Windows 11 ยังตอบงานพื้นฐานบางอย่างได้ไม่แม่นยำ
- หรืออาจเป็นทั้งสองอย่างพร้อมกัน
และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Microsoft ถูกวิจารณ์เรื่องคุณภาพของคอนเทนต์หรือคำแนะนำภายใน Windows ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ปัญหานี้สะท้อนอะไรเกี่ยวกับ Copilot บน Windows 11?
เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจบริบทชัดขึ้น นี่คือข้อเท็จจริงที่เห็นจากเหตุการณ์นี้:
1. Copilot ยังขาดความเข้าใจบริบทหน้าจอ
Copilot สามารถให้คำแนะนำแบบทั่วไปได้ดี แต่ยังตรวจสอบ “สถานะปัจจุบันของระบบ” ได้ไม่ละเอียด เช่น ไม่รู้ว่า Text Scale ถูกตั้งไว้แล้วที่ 150%
นี่คือปัญหาพื้นฐานของ AI Assistant ที่ต้องการ “ความเข้าใจสภาพแวดล้อมจริง”
2. ผู้ใช้ทั่วไปอาจเชื่อคำตอบผิด ๆ ได้ง่าย
แม้จะเป็นงานง่ายอย่าง “ปรับขนาดตัวอักษร” แต่การแนะนำผิดสามารถทำให้ผู้ใช้สับสน เช่น ผู้สูงอายุอาจทำตามขั้นตอนที่ Copilot แนะนำแล้วไม่เห็นผลลัพธ์ ทำให้คิดว่าเครื่องมีปัญหา
3. Copilot ยังต้องการการอัปเดตเพื่อให้ใช้งานจริงได้ดี
เหตุการณ์นี้ย้ำว่าการผสาน AI เข้ากับ OS ต้องอาศัยมากกว่าแค่ระบบตอบคำถาม แต่ต้องรู้จักสภาพของระบบแบบเรียลไทม์ และเสนอคำตอบที่ “ตรงบริบท”
Microsoft ต้องทำอะไรต่อไป?
หาก Microsoft ต้องการให้ Copilot กลายเป็นหัวใจสำคัญของ Windows 11 อย่างที่ตั้งใจ ควร:
- ปรับปรุงให้ Copilot วิเคราะห์สถานะจริงของ Windows ก่อนตอบ
- เพิ่มความสามารถด้าน Context Awareness
- ตรวจสอบคุณภาพคอนเทนต์โปรโมตก่อนเผยแพร่ทุกครั้ง
- ทำให้คำแนะนำมีความแม่นยำแบบผู้ใช้ทั่วไปทำตามได้จริง
เพราะในโลกที่ผู้ใช้คาดหวัง AI ที่ช่วยแก้ปัญหาได้ทันที ความผิดพลาดแบบนี้ทำให้ความน่าเชื่อถือของฟีเจอร์ลดลงมาก
สรุป
จากโฆษณาที่ควรเป็นการโชว์ “ความฉลาดของ Copilot” กลับกลายเป็นการโชว์ “ข้อจำกัดของ Copilot” แทนอย่างชัดเจน แม้จะเป็นเหตุการณ์ที่ดูเล็กน้อย แต่สะท้อนถึงคุณภาพการทำงานของ AI ผู้ช่วยบน Windows 11 ได้ดีว่า ยังต้องพัฒนาอีกมาก
Microsoft อาจมีความตั้งใจดีในการโปรโมต Windows 11 และฟีเจอร์ AI ให้เข้าถึงคนทั่วไป แต่โฆษณาชิ้นนี้แสดงให้เห็นว่า การเร่งรีบโดยไม่ตรวจสอบให้ละเอียด อาจสร้างผลเสียมากกว่าผลดีได้เหมือนกัน
ที่มา: Neowin





