
กระแสวิจารณ์ครั้งใหม่เกี่ยวกับ Edge บน Windows
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา Microsoft ถูกจับตามองเรื่องพฤติกรรมผลักดันให้ผู้ใช้เปลี่ยนมาใช้ Edge บน Windows ไม่ว่าจะเป็นการแสดงโฆษณาขนาดใหญ่บนหน้าเว็บของ Chrome การแจ้งเตือนแนะนำ Edge แบบเต็มหน้า หรือแม้กระทั่งคู่มือปลอมที่ทำเหมือนวิธีถอนการติดตั้งเบราว์เซอร์คู่แข่ง แต่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปี 2025 นี้ทำให้ประเด็นยิ่งร้อนแรงกว่าเดิม เมื่อกลุ่มพันธมิตร Browser Choice Alliance ออกมากล่าวหาโดยตรงว่า Microsoft ใช้วิธี “ติดสินบน” ผู้ใช้ เช่น การแลกแต้มสะสมที่มีมูลค่าเป็นเงินจริง เพื่อจูงใจให้หันมาใช้ Edge เป็นหลัก
กลุ่ม Browser Choice Alliance คือใคร และทำไมถึงออกแถลงการณ์ในตอนนี้
Browser Choice Alliance เป็นกลุ่มความร่วมมือระหว่างผู้พัฒนาเบราว์เซอร์รายสำคัญ เช่น Google Chrome, Opera, Vivaldi และผู้พัฒนาอีกหลายรายที่รวมตัวกันเพื่อรณรงค์เรื่อง “สิทธิ์ในการเลือกเบราว์เซอร์” บน Windows โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้ที่ไม่พอใจพฤติกรรมของ Microsoft ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ภารกิจของกลุ่มนี้คือการผลักดันให้ผู้ใช้งาน Windows สามารถเลือกเบราว์เซอร์ได้โดยไม่มีการบิดเบือน ไม่มีโฆษณารบกวน และไม่มี “dark pattern” ที่ทำให้ผู้ใช้ถูกบังคับทางอ้อมให้ใช้ Edge แม้จะไม่ได้ต้องการก็ตาม
กลุ่มนี้ระบุว่า สิ่งที่ Microsoft ทำตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นเพียงการโปรโมตผลิตภัณฑ์ของตนเอง แต่เป็นการ “ล็อกผู้ใช้ไว้ในระบบนิเวศของตัวเอง” ซึ่งเป็นอันตรายต่อการแข่งขันในตลาดเบราว์เซอร์
Edge และ Microsoft Rewards: จุดเริ่มต้นของข้อกล่าวหา “ติดสินบน”
ประเด็นที่ทำให้เกิดความขัดแย้งล่าสุดมาจากการใช้ระบบ Microsoft Rewards เพื่อให้ผู้ใช้สะสมแต้มเมื่อใช้งาน Edge หรือ Bing แต้มเหล่านี้สามารถนำไปแลกเป็นรางวัลจริง เช่น บัตรของขวัญ Microsoft Store, Xbox Gift Card หรือใช้ร่วมกิจกรรมลุ้นของรางวัลต่าง ๆ เช่น Xbox Series X หรืออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์อื่น ๆ
Browser Choice Alliance ระบุว่า การให้แต้มสะสมที่มีมูลค่าจริงนั้นเป็นการ “จูงใจเกินควร” และแฝงไปด้วยแรงจูงใจที่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าต้องใช้ Edge แม้จะไม่ได้ต้องการจริง ๆ
คำแถลงของกลุ่มนี้สรุปสั้น ๆ ได้ว่า:
“แทนที่จะปล่อยให้ผู้ใช้เลือกเบราว์เซอร์อย่างอิสระตามคุณสมบัติ Microsoft กลับเลือกวิธีติดสินบน ด้วยการให้แต้ม Microsoft Rewards ที่มีมูลค่าจริง ผู้ใช้ควรมีสิทธิ์เลือก ไม่ใช่ถูกบีบบังคับให้ใช้ Edge”
วิธีอื่นที่ Microsoft ใช้ผลักดันให้คนกลับมาใช้ Edge
กลุ่ม Browser Choice Alliance ชี้ให้เห็นว่าระบบ Rewards เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะ Microsoft ถูกจับได้อีกหลายครั้งว่าใช้วิธีการที่เข้าข่าย “กีดกันการแข่งขัน” เช่น
1. การเปิดเว็บ Microsoft 365 บน Edge โดยอัตโนมัติ
มีรายงานว่างานเอกสารบางประเภทจาก Microsoft 365 จะถูกเปิดบน Edge แม้ผู้ใช้ตั้งค่าเบราว์เซอร์เริ่มต้นเป็น Chrome หรือ Firefox ทำให้ผู้ใช้ถูกบังคับทางอ้อมให้ใช้งาน Edge โดยไม่ตั้งใจ
2. การขึ้นโฆษณา Pop-up เชิญชวนให้กลับมาใช้ Edge
ผู้ใช้ Windows หลายคนยังคงเจอโฆษณาเด้งแจ้งเตือนที่แนะนำให้เปลี่ยนมาใช้ Edge แม้จะปิดการแจ้งเตือนบางส่วนแล้วก็ตาม
3. การโปรโมต Edge เมื่อค้นหาเบราว์เซอร์คู่แข่ง
เมื่อผู้ใช้ค้นหา “Chrome” หรือ “Firefox” ใน Bing หรือแม้แต่ใน Windows Search ก็ตาม Microsoft จะขึ้นพื้นที่โฆษณาของ Edge ขนาดใหญ่ไว้ด้านบนสุด ทำให้ผลการค้นหาของคู่แข่งถูกดันลงล่าง
4. การรีเซ็ตค่าเริ่มต้นกลับไปใช้ Edge ในบางสถานการณ์
มีผู้ใช้จำนวนไม่น้อยพบว่า เมื่อ Windows อัปเดตครั้งใหญ่ ระบบบางครั้งจะตั้ง Edge กลับมาเป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้น แม้ผู้ใช้จะไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น
ทำไมประเด็นนี้ถึงร้อนแรงขึ้นในปี 2025
ในปี 2025 หลายประเทศเริ่มเข้มงวดกับเรื่องความโปร่งใสของแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ โดยเฉพาะแพลตฟอร์มที่ถือส่วนแบ่งตลาดสูง เช่น Windows ที่ครองพีซีทั่วโลก การผลักดันผู้ใช้ให้ใช้แอปของบริษัทเดียวกันแม้จะขัดกับความต้องการของผู้ใช้ จึงเป็นเรื่องที่หน่วยงานกำกับดูแลให้ความสนใจมากขึ้น
Browser Choice Alliance ยังเรียกร้องให้หน่วยงานกำกับดูแลในสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปเข้ามาตรวจสอบพฤติกรรมของ Microsoft ว่าเข้าข่ายผูกขาดหรือกีดกันการแข่งขันหรือไม่ แม้ตอนนี้จะยังไม่มีการฟ้องร้องหรือมีคำสั่งทางกฎหมายอย่างเป็นทางการก็ตาม
วิเคราะห์ผลกระทบต่อผู้ใช้ Windows ในไทย
แม้ประเด็นนี้จะเกิดขึ้นในระดับสากล แต่ผู้ใช้ในประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน เช่น
- การค้นหาโปรแกรมใน Windows Search แล้วเจอโฆษณา Edge เด้งขึ้นมา
- Microsoft 365 บางเว็บเปิดบน Edge โดยอัตโนมัติ
- การแจ้งเตือนเด้งซ้ำ ๆ แนะนำให้เปลี่ยนกลับไปใช้ Edge
- ปัญหาการตั้งค่าเบราว์เซอร์เริ่มต้นถูกรีเซ็ตหลังอัปเดตใหญ่ของ Windows
ผู้ใช้จำนวนมากอาจรู้สึกว่าต้องถูกบังคับให้ใช้ Edge ทั้งที่ต้องการใช้ Chrome, Firefox หรือเบราว์เซอร์อื่นอยู่แล้ว ซึ่งนำไปสู่ความไม่พอใจในหลายประเทศ รวมถึงไทยด้วย
สรุป: ประเด็นนี้จะจบลงตรงไหน
แม้ตอนนี้จะยังไม่มีคดีความหรือมาตรการควบคุมจากหน่วยงานรัฐ แต่กระแสจากกลุ่มพัฒนาเบราว์เซอร์รายใหญ่ทำให้เรื่องนี้ถูกจับตาหนักขึ้นมาก หาก Microsoft ไม่ปรับพฤติกรรม อาจมีผลกระทบด้านกฎหมายในอนาคต โดยเฉพาะในยุโรปที่มีมาตรฐานการตรวจสอบเข้มงวดเป็นพิเศษ
สิ่งสำคัญคือผู้ใช้ควรมีสิทธิ์เลือกเบราว์เซอร์ที่ต้องการใช้อย่างแท้จริง และบริษัทเทคโนโลยีควรแข่งขันกันด้วยคุณภาพ ไม่ใช่ด้วยวิธีที่ทำให้ผู้ใช้ถูกบังคับทางอ้อมโดยไม่ได้ตั้งใจ
ที่มา: Neowin





