
Intel ฟ้องอดีตพนักงานฐานขโมยข้อมูลลับกว่า 18,000 ไฟล์
เกิดเหตุภายในที่เขย่าชื่อเสียงของ Intel บริษัทชิปยักษ์ใหญ่แห่งสหรัฐฯ หลังมีรายงานว่าอดีตพนักงานคนหนึ่งถูกกล่าวหาว่าขโมยข้อมูลลับระดับ “Top Secret” จำนวนมหาศาลออกจากระบบภายใน หลังได้รับหนังสือเลิกจ้างจากบริษัทที่เขาทำงานมานานกว่า 10 ปี
คดีนี้กลายเป็นประเด็นใหญ่ในแวดวงเทคโนโลยี เนื่องจากข้อมูลที่หลุดออกไปอาจเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีหรือแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์สำคัญของบริษัทในอนาคต ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของการแข่งขันในอุตสาหกรรมชิประดับโลก
รายละเอียดของเหตุการณ์
ตามรายงานจาก OregonLive ระบุว่า ผู้ต้องหาชื่อ Jinfeng Luo ทำงานอยู่กับอินเทลตั้งแต่ปี 2014 จนถึงช่วงกลางปี 2025 ก่อนจะได้รับจดหมายเลิกจ้างในวันที่ 31 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ระหว่างช่วงสุดท้ายของการทำงาน Luo ถูกกล่าวหาว่าพยายามดาวน์โหลดข้อมูลภายในของบริษัทลงในอุปกรณ์จัดเก็บภายนอก
ลองโอนข้อมูลแต่ถูกระบบสกัดไว้ได้ในครั้งแรก
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม Luo พยายามคัดลอกไฟล์จากโน้ตบุ๊กของบริษัทไปยังฮาร์ดไดรฟ์ส่วนตัว แต่ระบบควบคุมความปลอดภัยตรวจจับได้และบล็อกไว้ทันที
ครั้งที่สองสำเร็จ — โหลดออกไปกว่า 18,000 ไฟล์
อย่างไรก็ตาม เพียงห้าวันต่อมา (ประมาณวันที่ 28 กรกฎาคม) เขาได้เชื่อมต่ออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลอีกตัวหนึ่ง และสามารถดาวน์โหลดไฟล์จำนวนกว่า 18,000 ไฟล์ ออกไปได้สำเร็จ ซึ่งอินเทลยืนยันว่ามีข้อมูลระดับ “Top Secret” รวมอยู่ด้วย
Intel ตรวจสอบทันที – เดินหน้าฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย
หลังตรวจพบการโอนข้อมูลผิดปกติ ทีมความปลอดภัยภายในของอินเทล ได้เริ่มการสืบสวนและพบหลักฐานว่าผู้กระทำคือ Luo โดยตรง บริษัทจึงได้ยื่นฟ้องต่อศาลพร้อมเรียกค่าเสียหายจำนวน 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 9.3 ล้านบาท) และร้องขอให้ศาลออกคำสั่งห้ามไม่ให้ Luo นำข้อมูลไปเผยแพร่ต่อ
รายงานเพิ่มเติมว่าทางอินเทล พยายามติดต่ออดีตพนักงานคนนี้เป็นเวลาหลายเดือนที่ที่อยู่เดิมในเมืองซีแอตเทิล แต่ไม่สามารถติดต่อได้โดยตรง จึงตัดสินใจดำเนินคดีตามกฎหมายเต็มรูปแบบ
ขณะนี้ คดียังอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการศาล และยังไม่มีแถลงการณ์จาก Luo หรือฝ่ายทนายความของเขา
ข้อมูล “Top Secret” มีอะไรบ้าง ?
คำว่า “Top Secret” ในกรณีของอินเทลหมายถึงเอกสารหรือไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีระดับลึก เช่น
- โค้ดและสถาปัตยกรรมภายในของชิป
- แผนพัฒนา roadmap ของ CPU หรือ GPU รุ่นใหม่
- เอกสารเกี่ยวกับสิทธิบัตร หรือ การวิจัยร่วมกับพันธมิตร
ข้อมูลในระดับนี้ถือเป็น “ทรัพย์สินทางปัญญา” ที่มีมูลค่ามหาศาล และหากรั่วไหลออกไป อาจสร้างความเสียหายต่อการแข่งขันในตลาดได้โดยตรง
ผลกระทบและบทเรียนที่องค์กรควรเรียนรู้
1. ความเสี่ยงจากพนักงานภายใน (Insider Threat)
กรณีนี้สะท้อนว่าแม้บริษัทจะมีระบบป้องกันขั้นสูง แต่หากบุคลากรภายในไม่ปฏิบัติตามนโยบาย ความเสี่ยงก็ยังคงอยู่ การตรวจสอบพฤติกรรมและการควบคุมสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง
2. มาตรการหลังเลิกจ้าง (Off-Boarding Process)
องค์กรควรมีขั้นตอนหลังเลิกจ้างที่รัดกุม เช่น
- ปิดการเข้าถึงบัญชีทั้งหมดทันที
- ตรวจสอบการเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายนอก
- เก็บคืนอุปกรณ์ทุกชิ้น และตรวจสอบไฟล์ที่คัดลอกก่อนส่งคืน
3. ผลกระทบด้านภาพลักษณ์และความเชื่อมั่น
การที่บริษัทระดับโลกอย่างอินเทลเกิดเหตุข้อมูลรั่วจากภายใน ย่อมส่งผลต่อความเชื่อมั่นของลูกค้า นักลงทุน และคู่ค้าระดับองค์กร ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างมากในยุค AI และการผลิตชิปขั้นสูง
สรุป: เหตุการณ์ที่สะท้อนจุดเปราะบางขององค์กรใหญ่
แม้จะเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีระบบรักษาความปลอดภัยเข้มงวดที่สุดในโลก แต่เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าความเสี่ยงจาก “คนใน” ยังคงเป็นภัยที่ควบคุมได้ยากที่สุด โดยเฉพาะเมื่อเกิดขึ้นในช่วงที่บริษัทกำลังปรับโครงสร้างหรือเลย์ออฟพนักงานจำนวนมาก
ในอนาคตอินเทลอาจต้องเข้มงวดกับการตรวจสอบสิทธิ์ การจัดการอุปกรณ์พนักงาน และระบบติดตามการโอนถ่ายไฟล์ให้มากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดซ้ำ
ที่มา: wccftech





