
อัปเดต Windows รอบใหม่ ทำบางเครื่องเด้งเข้า BitLocker เอง
Microsoft ออกประกาศเตือนว่าการอัปเดต Windows Security Update เดือนตุลาคม 2025 อาจทำให้พีซีบางเครื่องเข้าโหมด BitLocker Recovery โดยไม่ตั้งใจ หลังรีสตาร์ทเครื่อง โดยเฉพาะบน Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 และ 25H2 รวมถึง Windows 10 เวอร์ชัน 22H2
จากรายงานของเว็บไซต์ BleepingComputer นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดปัญหาแบบนี้ เพราะก่อนหน้านี้เคยเจอมาแล้วทั้งในปี 2022, 2024 และช่วงกลางปี 2025
Microsoft ยืนยัน ปัญหาเกิดหลังอัปเดต 14 ตุลาคม 2025
Microsoft ระบุว่า หลังจากติดตั้งอัปเดตประจำวันที่ 14 ตุลาคม 2025 หรือเวอร์ชันหลังจากนั้น บางเครื่องอาจรีสตาร์ทเข้าหน้า BitLocker Recovery ทันที พร้อมให้กรอกรหัสกุญแจ (Recovery Key) เพื่อปลดล็อกระบบ
เมื่อใส่รหัสถูก เครื่องจะกลับมาใช้งานได้ปกติ และจะไม่ถามซ้ำอีก
แต่หากใครไม่ทราบว่ารหัสอยู่ที่ไหน ก็มีสิทธิ์ “เข้าถึงข้อมูลไม่ได้เลย” เพราะ BitLocker จะล็อกทั้งไดรฟ์ไว้ทั้งหมด
เครื่องที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด
ปัญหานี้จะไม่เกิดถ้าเครื่อง ไม่ได้เปิดใช้ BitLocker
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ Windows 11 24H2 เป็นต้นมา ระบบจะเปิด BitLocker อัตโนมัติหากเป็นเครื่องที่ติดตั้งใหม่ และล็อกอินด้วยบัญชี Microsoft
นั่นหมายความว่า โน้ตบุ๊กใหม่ ๆ ในปี 2025 ส่วนใหญ่จะเปิด BitLocker อยู่แล้วโดยไม่รู้ตัว
โดยเฉพาะเครื่องที่ใช้ซีพียู Intel รุ่นใหม่ที่รองรับ Modern Standby (โหมดพักเครื่องแบบพร้อมใช้งานทันที) ซึ่งดูเหมือนจะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากบั๊กนี้
วิธีตรวจสอบและสำรองกุญแจ BitLocker
หากคุณไม่แน่ใจว่าเครื่องเปิด BitLocker อยู่หรือไม่ สามารถเช็กได้ง่าย ๆ ดังนี้
- กด Start แล้วพิมพ์คำว่า “Manage BitLocker”
- เปิดหน้าต่าง BitLocker Drive Encryption
- หากขึ้นว่า “BitLocker is On” แปลว่าเปิดใช้งานอยู่
- กด Back up your recovery key เพื่อเก็บกุญแจไว้ (แนะนำให้เก็บไว้ในบัญชี Microsoft หรือแฟลชไดรฟ์แยกต่างหาก)
หากเครื่องล็อกแล้ว สามารถกู้รหัสได้จากเว็บไซต์
https://account.microsoft.com/devices/recoverykey
ส่วนผู้ใช้ในองค์กร ฝ่าย IT สามารถป้องกันบั๊กนี้ล่วงหน้าได้ผ่านนโยบาย Known Issue Rollback (KIR)
BitLocker คืออะไร?
BitLocker คือระบบเข้ารหัสข้อมูลของ Windows ที่ช่วยป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเข้าถึงข้อมูลในเครื่อง แม้จะถอดฮาร์ดดิสก์ไปเสียบกับคอมพ์เครื่องอื่นก็ตาม
แต่ในอีกมุมหนึ่ง มันก็สร้างความสับสนให้ผู้ใช้ทั่วไปไม่น้อย โดยเฉพาะคนที่ไม่รู้ว่าระบบเปิดใช้งานอยู่ หรือไม่รู้ว่าต้องเก็บรหัสกู้คืนไว้ที่ไหน พอระบบล็อกขึ้นมาจริง ๆ ก็ไม่สามารถปลดได้อีกเลย
สรุป: เก็บกุญแจ BitLocker ไว้ให้พร้อมก่อนอัปเดต
แม้ปัญหานี้จะเกิดกับผู้ใช้บางส่วนเท่านั้น แต่ก็ถือเป็น “สัญญาณเตือน” ให้ผู้ใช้ทุกคนรีบตรวจสอบสถานะ BitLocker ของตัวเอง และ สำรองกุญแจ Recovery Key ไว้ให้พร้อม
เพราะเมื่อ Microsoft เริ่มเปิดใช้ BitLocker อัตโนมัติใน Windows 11 ทุกเครื่อง การรู้ว่ารหัสกุญแจของคุณอยู่ที่ไหน อาจเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลสำคัญของคุณได้อีกครั้ง
ที่มา: tomshardware





