
ศาล Competition Appeal Tribunal (CAT) ของสหราชอาณาจักรมีคำตัดสินเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2025 ให้ Apple มีความผิดฐานใช้ตำแหน่งทางการตลาดแบบผูกขาดผ่านระบบ App Store ซึ่งจำกัดทางเลือกของนักพัฒนาและผู้บริโภค จนอาจต้องจ่ายค่าเสียหายสูงถึง £1.5 พันล้าน (ประมาณ ฿72,000 ล้าน) ให้กับผู้ใช้ iPhone และ iPad ในประเทศกว่า 20 ล้านราย
คดีแรกของอังกฤษในลักษณะ “Class Action” แบบสหรัฐฯ
คดีนี้ถูกยื่นโดย Rachael Kent นักเศรษฐศาสตร์จาก University College London ในนามของผู้ใช้ iOS ในสหราชอาณาจักรราว 20 ล้านคน โดยกล่าวหาว่า Apple
- เรียกเก็บ ค่าคอมมิชชั่นสูงเกินควร (สูงสุด 30%) จากนักพัฒนาแอป
- บังคับใช้ระบบจ่ายเงินภายในของตนเอง (In-App Purchase)
- และ ห้ามไม่ให้นักพัฒนาเผยแพร่แอปผ่านช่องทางอื่น
ผลคือ นักพัฒนาต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น และส่งผลให้ผู้บริโภคต้องจ่ายแพงกว่าโดยไม่รู้ตัว
ศาลเห็นพ้องว่าการกระทำของ Apple เป็นการใช้อำนาจตลาดในทางที่ผิด หรือ “near-absolute market power” และมีผลกระทบต่อผู้บริโภคโดยตรง
Apple เตรียมอุทธรณ์ คัดค้านคำตัดสิน
Apple ออกแถลงการณ์ภายหลังว่าไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาล โดยอ้างว่าคำตัดสินนี้มี “มุมมองที่ผิดพลาดต่อระบบเศรษฐกิจแอปที่แข่งขันกันอย่างเสรี” และยืนยันว่าจะ อุทธรณ์คำตัดสิน เพื่อขอให้พิจารณาใหม่
อย่างไรก็ตาม หากศาลอุทธรณ์ยืนตามคำตัดสินเดิม Apple จะต้องชดเชยให้ผู้ใช้ในสหราชอาณาจักรเป็นจำนวนเงินกว่า £1.5 พันล้าน (ประมาณ US $2 พันล้าน หรือ ฿72,000 ล้านบาท) ซึ่งถือเป็นคดีใหญ่ที่สุดคดีหนึ่งในประวัติศาสตร์ของ Apple ในภูมิภาคยุโรป
คดีนี้สะท้อนแรงกดดันทั่วโลกต่อ App Store ของ Apple
ปัจจุบัน Apple เผชิญแรงกดดันด้านกฎหมายคล้ายกันในหลายประเทศ
- สหรัฐฯ: ศาลมีคำสั่งในคดี Epic Games vs Apple ให้อนุญาตให้นักพัฒนาใช้ช่องทางชำระเงินภายนอกได้ ซึ่ง Apple ยื่นอุทธรณ์และยังพยายามเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นบางส่วนต่อไป
- สหภาพยุโรป (EU): บังคับใช้กฎหมาย Digital Markets Act (DMA) ที่บังคับให้ Apple ต้องเปิดให้ติดตั้งแอปจากร้านอื่น (sideloading) และรองรับช่องทางจ่ายเงินภายนอก
- ออสเตรเลีย: Epic ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอสิทธิ์เผยแพร่แอปบนอุปกรณ์ iOS โดยไม่ต้องผ่าน App Store
- จีน: มีรายงานว่าทางการจีนกำลังตรวจสอบ App Store จากข้อร้องเรียนด้านการผูกขาดคล้ายกับในยุโรป
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อผู้ใช้ไทย
แม้คดีนี้จะเกิดขึ้นในสหราชอาณาจักร แต่มีแนวโน้มว่าอาจส่งผลต่อทิศทางทั่วโลก หาก Apple ถูกบังคับให้เปิดระบบให้ร้านแอปอื่นเข้ามาแข่งขัน หรือปรับลดค่าธรรมเนียมลง
- นักพัฒนาไทยอาจ เข้าถึงผู้ใช้ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องเสียค่าคอมมิชชั่นสูง
- ผู้ใช้ในไทยอาจ ได้แอปราคาถูกลง หรือมีทางเลือกมากกว่าเดิม
- อุตสาหกรรมแอปไทยอาจได้แรงกระตุ้นใหม่ หากระบบปิดของ Apple เริ่มเปิดกว้าง
สรุป
คำตัดสินครั้งนี้ถือเป็น “หมุดหมายสำคัญ” ในการควบคุมพฤติกรรมผูกขาดของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ทั่วโลก และเป็นครั้งแรกที่ Apple ต้องเผชิญ “คดีรวมกลุ่มผู้บริโภค (class action)” ในสหราชอาณาจักรโดยตรง
ผลลัพธ์สุดท้ายของการอุทธรณ์จะเป็นตัวกำหนดว่า Apple จะต้องจ่ายเงินชดเชยจริงหรือไม่ แต่ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร คดีนี้ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับโมเดลธุรกิจของ App Store ทั่วโลกไปแล้ว
ที่มา: wccftech





