
วงการเซมิคอนดักเตอร์กำลังร้อนระอุ เมื่อมีรายงานว่า TSMC ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลก เตรียมปรับขึ้นราคาการผลิตชิปเทคโนโลยี 2 นาโนเมตร (nm) อย่างมหาศาล ซึ่งอาจสูงถึง 50% การเคลื่อนไหวนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลูกค้ารายใหญ่อย่าง Qualcomm และ MediaTek ที่กำลังพิจารณาอย่างจริงจังที่จะหันไปหา Samsung Foundry เป็นฐานการผลิตแห่งใหม่ เพื่อควบคุมต้นทุนชิปเซ็ตเรือธงรุ่นต่อไป
สถานการณ์นี้อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ Samsung สามารถทวงคืนส่วนแบ่งการตลาดในธุรกิจรับจ้างผลิตชิปกลับคืนมาได้
TSMC ขึ้นราคาไม่ยั้ง ปัจจัยหลักที่ผลักดันลูกค้า
ตามรายงานจากสื่อต่างประเทศ Chosun ระบุว่า TSMC มีแผนจะขึ้นราคาชิปกระบวนการผลิต 2nm อย่างก้าวกระโดดถึง 50% นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลว่าราคาของเวเฟอร์ (Wafer) สำหรับกระบวนการผลิต 3nm ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันก็จะถูกปรับขึ้นด้วยเช่นกัน โดยรุ่น ‘N3E’ อาจมีราคาสูงถึง $25,000 และรุ่น ‘N3P’ อาจพุ่งไปถึง $27,000
การปรับขึ้นราคาอย่างต่อเนื่องนี้ ทำให้ต้นทุนการผลิตชิปเซ็ตระดับไฮเอนด์สูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งบีบให้ผู้พัฒนาชิปอย่าง Qualcomm และ MediaTek ต้องมองหาทางเลือกอื่นที่คุ้มค่ากว่า
Qualcomm และ MediaTek เดินเกมอย่างไร?
การที่ต้นทุนสูงขึ้นทำให้ทั้งสองบริษัทต้องวางแผนอนาคตอย่างรัดกุม โดยมีแนวทางที่น่าสนใจดังนี้
Qualcomm จับมือ Samsung ทดสอบแล้ว?
มีรายงานว่า Qualcomm ได้เริ่มทำงานร่วมกับ Samsung แล้ว โดยกำลังอยู่ในขั้นตอนการประเมินชิป Snapdragon 8 Elite Gen 5 รุ่นที่ผลิตด้วยสถาปัตยกรรม 2nm GAA (Gate-All-Around) ของ Samsung ซึ่งหากผลการทดสอบเป็นที่น่าพอใจ เราอาจได้เห็นชิปเรือธงของ Qualcomm ผลิตโดย Samsung ในอนาคตอันใกล้นี้
MediaTek กับก้าวต่อไปสู่ 2nm
ทางด้าน MediaTek แม้จะยังไม่มีการระบุแผนที่ชัดเจนกับ Samsung แต่บริษัทก็ได้ประกาศความสำเร็จในการ “tape-out” หรือการออกแบบชิป 2nm ตัวแรกเสร็จสมบูรณ์แล้ว และมีแผนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2026 การมองหาพันธมิตรการผลิตที่สามารถควบคุมต้นทุนได้จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง
ผลกระทบต่อราคาสมาร์ทโฟนเรือธงในอนาคต
ต้นทุนของชิปเซ็ตส่งผลโดยตรงต่อราคาขายของสมาร์ทโฟน ปัจจุบันราคาประเมินของชิปอย่าง Snapdragon 8 Elite Gen 5 อยู่ที่ $280 และ Dimensity 9500 อยู่ที่ $200 หาก TSMC ขึ้นราคาจริง อาจทำให้ชิปรุ่นถัดไปอย่าง Snapdragon 8 Elite Gen 6 มีราคาทะลุ $300 ได้
นั่นหมายความว่า ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจะต้องเลือกระหว่าง:
- ลดกำไรของตัวเอง เพื่อรักษาระดับราคาขายเดิมไว้
- ลดสเปกฮาร์ดแวร์ส่วนอื่น เพื่อชดเชยต้นทุนชิปที่สูงขึ้น
- ผลักภาระให้ผู้บริโภค โดยการขึ้นราคาสมาร์ทโฟนเรือธงให้สูงขึ้นไปอีก
Samsung โอกาสทองท่ามกลางความท้าทาย
สถานการณ์นี้ถือเป็น “โอกาสทอง” สำหรับ Samsung Foundry ที่จะดึงดูดลูกค้ารายใหญ่ทั้งสองรายเข้ามาอยู่ในมือ ปัจจุบันมีรายงานว่าอัตราการผลิตที่สำเร็จ (Yield Rate) ของกระบวนการ 2nm GAA ของ Samsung อยู่ที่ประมาณ 50% ซึ่งเป็นตัวเลขที่มีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายสำคัญของ Samsung คือการสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนมา หลังจากที่เคยมีประเด็นเรื่องประสิทธิภาพและความร้อนในชิปที่ผลิตในอดีต หาก Samsung สามารถพิสูจน์ได้ว่าเทคโนโลยี 2nm ของตนมีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมและมีเสถียรภาพ ก็มีโอกาสสูงที่จะได้เห็นการจับมือเป็นพันธมิตรกับทั้ง Qualcomm และ MediaTek ซึ่งจะส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดของ Samsung เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ที่มา: wccftech





