
Microsoft Edge 141 อัปเดตใหม่ มีอะไรเปลี่ยนบ้าง
เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2025 Microsoft ได้ปล่อยอัปเดตใหม่ Edge เวอร์ชัน 141 บนช่องทาง Stable ซึ่งมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่ผู้ใช้ทั่วไปและฝั่งองค์กรควรรู้ โดยมีทั้งเรื่องของการเปลี่ยนเอนจินอ่าน PDF, การปรับด้านความปลอดภัย, รวมถึงฟีเจอร์ใหม่อย่าง การแปลเสียงวิดีโอแบบเรียลไทม์
PDF Reader ตัวใหม่สำหรับองค์กร
หนึ่งในจุดที่ Microsoft เน้นย้ำคือ การนำ Adobe engine-based PDF reader มาใช้เป็นค่าเริ่มต้นใน Edge สำหรับพีซีฝั่งองค์กรและสำนักงาน โดยทางบริษัทอธิบายว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้ได้ “ประสิทธิภาพ ความเข้าถึง และความเข้ากันได้” ที่ดีกว่าเดิม พร้อมกับฟีเจอร์ระดับองค์กรที่ไม่เคยมีมาก่อน
การปรับเปลี่ยนนี้ไม่ได้เปิดให้ทุกคนใช้งานพร้อมกัน แต่ Microsoft ระบุว่าจะทยอยเปิดให้ใช้งานเป็นระยะในอีกหลายเดือนข้างหน้า
และผู้ดูแลระบบสามารถจัดการได้ผ่านนโยบาย
NewPDFReaderEnabled (ควบคุมค่าเริ่มต้นของตัวอ่าน PDF บน Edge) หรือ NewPDFReaderWebView2List (ควบคุมพฤติกรรมในแอปที่รันบน WebView2)
การเปลี่ยนแปลงด้านความปลอดภัย
Edge เวอร์ชันใหม่นี้ยังมีการเสริมระบบรักษาความปลอดภัย โดยเพิ่มการควบคุมไม่ให้เว็บไซต์ส่งคำร้อง (request) ไปยังเซิร์ฟเวอร์ในเครือข่ายภายในของผู้ใช้โดยอัตโนมัติ
ในเวอร์ชัน 141 ฟีเจอร์นี้ยังถูกปิดค่าเริ่มต้นอยู่ แต่ Microsoft ยืนยันว่าใน Edge เวอร์ชัน 143 จะเปิดใช้งานเป็นค่าเริ่มต้นทันที ซึ่งหมายความว่า เมื่อเว็บไซต์พยายามเชื่อมต่อกับเครือข่ายภายใน ผู้ใช้จะเห็นกล่องข้อความแจ้งเตือนเพื่อเลือก “อนุญาต” หรือ “ปฏิเสธ” การเข้าถึง ซึ่งช่วยเสริมทั้งเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย
การเปลี่ยนแปลงการลบข้อมูลการใช้งาน
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างในอัปเดตนี้คือ การเปลี่ยนตัวเลือก Clear browsing data on close ที่เคยอนุญาตให้ผู้ใช้ลบรหัสผ่าน (passwords) และข้อมูล autofill อัตโนมัติเมื่อปิดเบราว์เซอร์
แต่ใน Edge 141 Microsoft ได้ลบตัวเลือกนี้ออกไปแล้ว ผู้ใช้ไม่สามารถตั้งให้ลบข้อมูลดังกล่าวอัตโนมัติได้อีกต่อไป แต่ยังคงสามารถกดลบเองแบบแมนนวลได้เช่นเดิม
การเปลี่ยนแปลงนี้อาจกระทบต่อผู้ที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว เพราะบางคนเคยใช้การลบอัตโนมัติเพื่อป้องกันไม่ให้รหัสผ่านและข้อมูลส่วนตัวค้างอยู่ในเครื่อง
ฟีเจอร์ใหม่: Real-time Video Translation
อีกฟีเจอร์ที่ Microsoft เริ่มเปิดตัวในอัปเดตนี้คือ การแปลเสียงวิดีโอแบบเรียลไทม์ (Real-time video translation) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถดูวิดีโอภาษาต่างประเทศพร้อมเสียงพากย์ที่ถูกแปลเป็นภาษาของตนเอง
อย่างไรก็ตาม Microsoft ระบุชัดว่า ฟีเจอร์นี้ยังไม่เปิดให้ใช้กับทุกเครื่อง และมีข้อกำหนดสเปกขั้นต่ำคือ
- แรม (RAM) อย่างน้อย 12GB
- ซีพียู (CPU) แบบ 4 คอร์ขึ้นไป
นอกจากนี้ ฟีเจอร์ยังจำกัดการใช้งานเฉพาะบางภูมิภาคและบางแพลตฟอร์มเท่านั้น
บทสรุป
โดยรวมแล้ว Microsoft Edge 141 ถือเป็นอัปเดตที่มีทั้งการปรับด้านความปลอดภัย, การปรับปรุงฟีเจอร์การจัดการไฟล์ PDF สำหรับองค์กร และเพิ่มลูกเล่นใหม่อย่างการแปลวิดีโอเรียลไทม์ แต่ในขณะเดียวกันก็มีการตัดฟังก์ชันบางอย่างออกไป เช่น ตัวเลือกการลบรหัสผ่านและ autofill อัตโนมัติ
ผู้ใช้ทั่วไปควรจับตาการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ โดยเฉพาะคนที่เน้นการใช้งานด้านความเป็นส่วนตัว ส่วนผู้ใช้ฝั่งองค์กรควรเตรียมพร้อมปรับนโยบายการใช้งาน Edge ให้เหมาะสมกับมาตรการใหม่ของ Microsoft
ที่มา: Neowin





