เข้าสู่ช่วงปลายปีแบบเกือบจะเต็มตัวแล้ว หลายท่านคงเริ่มมองหาของขวัญ ไม่ว่าจะเพื่อซื้อเป็นรางวัลให้ตัวเอง หรือซื้อให้คนอื่นก็ตาม โดยหนึ่งในสินค้าไอทีที่สามารถใช้เป็นของขวัญได้ ทั้งยังมีประโยชน์ และผู้รับน่าจะชอบด้วย โดยเฉพาะในวัยที่กำลังเล่นเกม หรือต้องการคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ นั่นก็คือเกมมิ่งโน้ตบุ๊ก ด้วยสมรรถนะที่สูง รองรับการเล่นเกมและใช้ทำงานได้หลากหลาย อีกทั้งตัวเครื่องยังได้รับการพัฒนาให้มีน้ำหนักเบาและบางลงกว่าเมื่อก่อนมาก จึงทำให้โน้ตบุ๊กในกลุ่มนี้ก็เหมาะกับการใช้เป็นของขวัญไม่น้อยทีเดียว เช่น ซื้อให้กับบุตรหลานในวัยเรียน หรือซื้อให้คู่รักที่ชื่นชอบในการเล่นเกม โดยในบทความนี้เราก็จะมาแนะนำสเปคในจุดต่าง ๆ ที่ควรพิจารณา ในกรณีที่กำลังวางแผนจะซื้อเกมมิ่งโน้ตบุ๊ก AMD ซักเครื่อง โดยอิงจากรุ่นที่ใช้ CPU AMD เป็นหลัก
สำหรับสาเหตุที่เกมมิ่งโน้ตบุ๊ก AMD เป็นทางเลือกที่น่าสนใจก็ด้วยพลังประมวลผลที่มีจุดเด่นในการทำงานแบบมัลติคอร์ ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรมที่มีออกมาระยะหนึ่งแล้วอย่าง Zen 4 ที่ยังคงแรงตอบโจทย์การเล่นเกมและการใช้งานในยุคนี้ได้สบาย หรือจะเป็นสถาปัตยกรรม Zen 5 ที่มีให้เลือกในชิป AMD Ryzen AI 300 series และ AMD Ryzen 9000 series เองก็ยิ่งทรงประสิทธิภาพและมีระบบจัดการพลังงานที่ดีขึ้นไปอีกระดับ ประกอบกับผู้ผลิตโน้ตบุ๊กแต่ละแบรนด์ก็มีการจัดสเปคโน้ตบุ๊กที่ใช้ CPU AMD มาให้เลือกกว่าแต่ก่อนมาก เลยทำให้ผู้บริโภคอย่างเรามีทางเลือกในการซื้อเกมมิ่งโน้ตบุ๊กที่กว้างขึ้นมากทีเดียว ทีนี้เรามาดูสเปคที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อเกมมิ่งโน้ตบุ๊ก AMD ในช่วงปลายปี 2025 กันว่าจะมีปัจจัยเรื่องอะไรบ้าง
1) CPU – เลือกรุ่นใหม่เอาไว้ก่อน
สำหรับเกมมิ่งโน้ตบุ๊ก AMD ที่มีวางจำหน่ายในขณะนี้ สามารถเข้าไปดูได้จากในหน้าค้นหาของเว็บไซต์เราได้เลย ที่จะมีการใส่ตัวกรองไว้เรียบร้อยแล้วว่าจะให้แสดงเฉพาะรุ่นที่ใช้ชิป AMD Ryzen 7, Ryzen 9 และ Ryzen AI เท่านั้น โดยในรุ่นใหม่ ๆ จะมีซีรีส์ของ CPU/APU ให้เลือกดังนี้
AMD Ryzen 8000 series ได้แก่
- AMD Ryzen 7 8840HS / 8840HX / 8845HS
- AMD Ryzen 9 8940HX
AMD Ryzen 9000 series ได้แก่
- AMD Ryzen 9 9955HX / 9955HX3D
AMD Ryzen 200 series ได้แก่
- AMD Ryzen 7 250 / 260
- AMD Ryzen 9 270
AMD Ryzen AI series ได้แก่
- AMD Ryzen AI 7 350
- AMD Ryzen AI 9 365
- AMD Ryzen AI 9 HX 370
- AMD Ryzen AI Max+ 395
ชื่อของรุ่น CPU ที่ระบุมาในข้างต้น คือกลุ่มของชิปที่เหมาะสมสำหรับการใช้เล่นเกม ด้วยประสิทธิภาพที่อยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะกลุ่มของ AMD Ryzen AI series ที่จะมีการใส่ทั้งส่วน CPU GPU และ NPU มาให้รองรับการใช้งานได้รอบด้าน โดยที่มีอีกสายเลยก็คือ AMD Ryzen 9000 series ที่จะเน้นความแรงของ CPU เป็นหลัก ส่วน iGPU ก็จะมาในแบบที่ไม่เน้นมากนัก รวมถึงยังตัด NPU ออก เพื่อเน้นพลังประมวลผลแบบเต็มตัว และยังมีรุ่นพิเศษอย่าง Ryzen 9 9955HX3D ที่มี 3D V-Cache มาเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมเข้าไปอีก ทำให้ CPU สองซีรีส์นี้คือตัวเลือกที่น่าจะตอบโจทย์เกมเมอร์ที่ต้องการเกมมิ่งโน้ตบุ๊ก AMD แรง ๆ ได้เป็นอย่างดี ส่วนซีรีส์ที่จัดว่ามีประสิทธิภาพลดหลั่นลงมาหน่อยในปัจจุบันก็คือ AMD Ryzen 8000 series ที่ยังมีวางขายอยู่ โดยอาจจะจับคู่มากับการ์ดจอแยกทั้งเจ็นก่อนหน้าและเจ็นล่าสุดเลยก็ยังมี จุดเด่นก็คือได้ประสิทธิภาพของคอร์ Zen 4 ที่ยังแรงแบบเหลือ ๆ อยู่ โดยที่ตัวชิปมี iGPU รุ่นเริ่มต้นมาให้เพื่อเน้นการประหยัดพลังงานในขณะที่ไม่ได้เล่นเกม และไม่ได้เน้นการใช้งานด้าน AI มากนัก เพราะหลายรุ่นจะไม่มี NPU ในตัว ทำให้เหมาะกับการนำมาใช้เป็นเกมมิ่งโน้ตบุ๊กในราคาย่อมเยาลงมา แต่ได้การ์ดจอแยกเจ็นใหม่มาใช้งาน อย่างไรก็ตามอาจจะลองไปตรวจสอบข้อมูลจากหน้าเว็บ AMD ก่อนก็ได้ว่าชิปรุ่นไหนมี NPU และรองรับ AMD Ryzen AI บ้าง
และปิดท้ายด้วย AMD Ryzen 200 series ที่จะดูว่าเป็นการนำซีรีส์ 8000 มาปรับปรุงก็ว่าได้ โดยชิปเกือบทุกรุ่นย่อยมาพร้อม NPU เพื่อให้สามารถใช้งาน AI ในเครื่องได้ดีขึ้น ซึ่งถ้าถามว่าระหว่างซีรีส์ 8000 กับ 200 จะเลือกฝั่งไหนดี ก็ต้องบอกว่าควรพิจารณาจากสเปคในจุดอื่น ๆ ประกอบด้วยครับ อาทิ การ์ดจอแยกที่ได้ แรมและหน้าจอ จึงจะสามารถเลือกรุ่นที่เหมาะสมกับงบที่มีได้
สรุปการเลือก CPU
- ถ้าจะเน้นความแรงสุด ๆ งบสูง – AMD Ryzen 9000 series
- เน้นความแรงแบบสมดุล ได้เทคโนโลยีใหม่ – AMD Ryzen AI series
เน้นให้ไปอัดสเปคการ์ดจอมากกว่า แต่ CPU ก็ยังแรงอยู่ – AMD Ryzen 8000 หรือ Ryzen 200 series
2) ชิปการ์ดจอแยก
หากจะเป็นโน้ตบุ๊กเล่นเกม แน่นอนว่าการ์ดจอแยกคือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะบ่งบอกว่าโน้ตบุ๊กเครื่องนั้นจะสามารถเล่นเกมได้ระดับไหน สำหรับในปัจจุบันนี้ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าโน้ตบุ๊กที่มาพร้อมการ์ดจอแยกในไทยนั้น มักจะใช้ชิปการ์ดจอจาก NVIDIA เป็นส่วนมาก ซึ่งล่าสุดก็จะเป็นซีรีส์ RTX 5000 ที่มีให้เลือกตั้งแต่ RTX 5050, 5060, 5070, 5070 Ti และ 5080 ส่วนซีรีส์ก่อนหน้าอย่าง RTX 4000 ก็จะยังมีให้เลือกซื้ออยู่เช่นกัน แต่อาจเริ่มค่อย ๆ ทยอยลดปริมาณลงตามระยะเวลา สำหรับการ์ดจอแยกของฝั่ง AMD น่าเสียดายที่แทบไม่มีให้เลือกมากนัก แต่จะมี iGPU แบบออนชิปที่น่าสนใจอยู่นั่นคือ AMD Radeon RX 8060S ที่มีอยู่ใน AMD Ryzen AI Max+ 395 ที่อยู่ใน ASUS ROG Flow Z13 ด้วยประสิทธิภาพในระดับที่ชนกับการ์ดจอแยกระดับกลางได้เลย แต่ก็จะมีราคาที่ค่อนข้างสูงซักนิดนึง เลยอาจทำให้การเลือกโน้ตบุ๊ก AMD ที่ใช้การ์ดจอแยกค่ายเขียวดูจะเป็นทางเลือกที่ลงตัวกว่า
ในด้านของการพิจารณาสเปคการ์ดจอแยกในโน้ตบุ๊ก ปกติแล้วแบรนด์ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กมักจะมีการระบุข้อมูลสำคัญเอาไว้ในหน้าสเปคเชิงเทคนิคของแต่ละรุ่นอยู่แล้ว ซึ่งเราจะใช้ข้อมูลนี้มาช่วยเทียบความแรงเพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อ โดยจ้อมูลที่ควรดูก็ได้แก่
- ค่า TGP หน่วยเป็น W ยิ่งเลขมาก ก็มักจะมีประสิทธิภาพสูงกว่า เพราะเท่ากับสามารถอัดไฟให้ชิปได้มากขึ้นตามไปด้วย เช่น ถ้าเป็นการ์ดจอแยกชิปรุ่นเดียวกัน เครื่องที่ทำได้ 115W ก็ควรจะมีความแรงสูงกว่าเครื่องที่ทำได้ 90W
- แรมแยกสำหรับการ์ดจอโดยเฉพาะ (VRAM) เจ็นปัจจุบันจะใช้เป็นแรม GDDR7 โดยความจุของแรมจะเป็นไปตามสเปค GPU อยู่แล้ว เช่น RTX 5060 จะมาพร้อม VRAM 8GB เป็นต้น
- ความเร็วคล็อก หน่วยเป็น MHz อันนี้หลายแบรนด์อาจจะไม่มีการระบุไว้ เลยอาจจะไม่ได้เป็นปัจจัยชี้ขาดในการเลือกซื้อมากนัก
ซึ่งในการจะเทียบสเปคการ์ดจอ ก็อาจต้องดูหลายปัจจัยผสมกัน ไล่ตั้งแต่รุ่นของการ์ดจอที่จะมีการเรียงลำดับความแรง และมีการกำหนดปริมาณ VRAM ไว้ตายตัวอยู่แล้ว จากนั้นจึงค่อยดูค่า TGP ประกอบ โดยถ้าเป็นการ์ดจอรุ่นเดียวกัน รุ่นที่มี TGP สูงกว่าก็มักจะมีประสิทธิภาพสูงกว่า แต่ถ้าหากเจอกรณีที่การ์ดจอรุ่นต่ำกว่าแต่มีค่า TGP สูงกว่า เช่น สมมติ RTX 4060 TGP 90W เทียบกับ RTX 4050 TGP 115W อันนี้อาจจะเทียบความแรงตรง ๆ ได้ไม่เต็มที่นัก แนะนำว่าควรลองหารีวิวของโน้ตบุ๊กรุ่นนั้น ๆ โดยตรงเพื่อเทียบคะแนน เทียบเฟรมเรตที่ได้ในเกม รวมถึงดูเรื่องการระบายความร้อน และการปรับลดความแรงลงเมื่อเครื่องร้อน (thermal throttling) เพื่อเทียบกันอย่างละเอียดอีกที เนื่องจากในเกมมิ่งโน้ตบุ๊กจะมีหลายปัจจัยมากที่ส่งผลถึงประสิทธิภาพขณะเล่นเกม ในกรณีก็รวมถึงการเทียบการ์ดจอต่างเจ็นด้วย เช่น RTX 5060 กับ RTX 4060 ที่แม้จะเป็นชิประดับกลางของซีรีส์เหมือนกัน แต่ก็มีปัจจัยอื่นที่อาจส่งผลต่อความแรงได้ อย่างไรก็ตามก็จะมีจุดที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดคือชิปเจ็นใหม่ก็จะรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ มากกว่า และน่าจะมีอายุการใช้งานในอนาคตที่ยาวนานกว่าด้วย
สรุปการเลือกการ์ดจอแยก
- ระดับของรุ่นจะสะท้อนถึงประสิทธิภาพได้แทบจะ 100% และจะเป็นส่วนที่กำหนดปริมาณ VRAM ด้วย
- ค่า TGP ยังคงใช้บอกถึงขีดจำกัดความแรงคร่าว ๆ ได้ ยิ่งมีค่าวัตต์สูง ก็มีโอกาสที่จะมีประสิทธิภาพสูงกว่า
ควรหารีวิวเพื่อประกอบการตัดสินใจ เพราะการออกแบบเครื่องและระบบระบายความร้อนจะส่งผลถึงความแรงของการ์ดจอด้วย
3) แรม
เรื่องของแรมแน่นอนว่าเป็นหนึ่งในส่วนสำคัญมาก ๆ ที่ส่งผลกับประสิทธิภาพของเครื่อง แต่สำหรับเกมมิ่งโน้ตบุ๊กที่มีวางจำหน่ายในตอนนี้ โดยมากแล้วจะให้แรมแบบ DDR5 ความจุขั้นต่ำที่ 16GB ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณแรมพื้นฐานสำหรับการใช้งานทั่วไปได้อย่างราบรื่นในยุคนี้ แต่ถ้าต้องการจะใช้นำมาเล่นเกม และถ้าเป็นเกมที่ค่อนข้างกินสเปค ต้องมีการโหลดฉาก โหลดสิ่งของในฉากปริมาณมาก เช่นเกมแนว open world ที่เปิดให้ผู้เล่นสำรวจโลกได้อิสระในกรอบที่ตัวเกมกำหนดไว้ และต้องการความต่อเนื่องในการเล่นด้วยการออกแบบเกมให้แทบไม่มีฉากโหลดเกมเลย ตรงส่วนนี้แรมจะมีบทบาทสำคัญในการใช้เป็นที่พักข้อมูล ทำให้ตัวเกมกินแรมเยอะขึ้นกว่าแต่ก่อน ซึ่งถ้าหากเครื่องมีแรมอยู่ 16GB ก็อาจจะตึงไปซักหน่อย เพราะจะต้องแบ่งให้ทั้งตัว Windows เอง โปรแกรมต่าง ๆ ที่ทำงานเบื้องหลัง หรือถ้าเปิดเว็บเบราเซอร์หรือโปรแกรมแชท โปรแกรมสตรีมมิ่งทิ้งไว้ แน่นอนว่าแรม 16GB อาจจะไม่พอ และทำให้ระบบมีประสิทธิภาพลดลง เนื่องจากต้องมีการสลับข้อมูลระหว่างแรมกับ SSD บ่อยครั้ง ซึ่งจะส่งผลถึงอายุการใช้งานของ SSD ในระยะยาวด้วย ดังนั้นถ้าจะเลือกซื้อเกมมิ่งโน้ตบุ๊กเครื่องใหม่ ในด้านของแรมก็ควรเลือกแรม 16GB เป็นขั้นต่ำ และจะยิ่งดีมากถ้ามีช่องใส่แรม DDR5 เพิ่มได้ เพื่ออัปเกรดแรมเครื่องให้เป็นซัก 24, 32 หรือมากกว่านี้เท่าที่ระบบสามารถใช้งานได้ เพื่อให้ตัวเครื่องสามารถแสดงประสิทธิภาพได้อย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม สำหรับกลุ่มของเกมมิ่งโน้ตบุ๊กที่เน้นความบางเบา เช่น ASUS ROG Zephyrus G16 ซึ่งเป็นเกมมิ่งโน้ตบุ๊ก AMD Ryzen AI 7 350 ที่มาพร้อมการ์ดจอ RTX 5060 หน้าจอ 16” ในตัวเครื่องที่มีความบางเพียง 1.49 ซม. และน้ำหนักแค่ 1.85 กก. หรือรุ่นอื่น ๆ ที่มีแนวคิดในการออกแบบเป็นโน้ตบุ๊กเกมมิ่งที่เน้นการพกพา ตัวเครื่องบางเบา ก็มักจะเลือกใช้แรมแบบชิปออนบอร์ด สังเกตได้จากการบอกประเภทแรมจะใช้เป็น LPDDR5x ซึ่งข้อดีคือความเร็วในการทำงานมักจะสูงกว่าแรมแบบแท่ง รวมถึงทำให้เครื่องมีความบางลงกว่าปกติได้ แต่ก็จะตามมาด้วยข้อจำกัดในเรื่องของการอัปเกรด เนื่องจากผู้ผลิตมักจะไม่มีช่องใส่แรมมาให้ ทำให้ผู้ใช้งานไม่สามารถเพิ่มความจุแรมได้เลย
ดังนั้น ถ้าหากต้องการเกมมิ่งโน้ตบุ๊กสายบางเบา ก็จะต้องพิจารณาเรื่องแรมเป็นพิเศษ เพราะเกือบทั้งหมดจะไม่สามารถเพิ่มแรมได้ จะมีส่วนน้อยเท่านั้นที่ให้แรมฝังบอร์ดมา แล้วก็ยังมีช่องใส่แรมแผงว่างอยู่เพื่อรอการซื้อแรมมาใส่เพิ่ม
สรุปการเลือกแรมในเกมมิ่งโน้ตบุ๊ก
- ขั้นต่ำคือ 16GB ถ้าได้ 24 ก็ดี หรือ 32GB ก็จะเหมาะมาก
- หากเป็นรุ่นแรม 16GB ก็ควรจะมีช่องให้ใส่แรมเพิ่มได้ เพราะแรม 16GB อาจไม่เพียงพอแล้วสำหรับการเล่นเกมในอีก 2 ปีข้างหน้า
รุ่นที่ใช้แรมแบบออนบอร์ด โดยมากจะเพิ่มแรมไม่ได้ ดังนั้นควรเลือกรุ่นที่ได้แรม 32GB ขึ้นไปมาตั้งแต่แรกเลย
4) SSD
คือส่วนสำคัญที่ใช้ในการเก็บข้อมูล ตั้งแต่ระบบปฏิบัติการ ไฟล์สำคัญ ไฟล์งาน ไปจนถึงการติดตั้งเกม ปัจจุบันมักจะให้มาเป็น SSD แบบ NVMe PCIe 4.0 ที่จะมีลักษณะเป็นแท่ง M.2 ความจุขั้นต่ำเริ่มที่ 512GB ถ้ารุ่นราคาสูงขึ้นก็จะขยับมาเป็น 1TB ส่วนรุ่นท็อปราคาหลักแสนก็จะให้มา 2TB เลย
อย่างไรก็ตาม เกมมิ่งโน้ตบุ๊กส่วนมากจะสามารถอัปเกรด เปลี่ยนหรือเพิ่ม SSD ได้ ขึ้นอยู่กับการออกแบบของผู้ผลิตโน้ตบุ๊กว่าจะติดตั้งช่องใส่ SSD แบบ M.2 PCIe มากี่ช่อง โดยขั้นต่ำจะอยู่ที่ 1 ช่อง ซึ่งก็จะติดตั้ง SSD หลักมาให้จากโรงงาน บางรุ่นจะมีสองช่อง แบ่งเป็นติดตั้งมา 1 และว่างอีก 1 เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถหาซื้อ SSD มาใส่เพิ่มได้ในภายหลัง
ซึ่งในการจะซื้อ SSD มาเปลี่ยนหรือใส่เพิ่มในเครื่อง นอกจากจะต้องดูว่าเป็น SSD M.2 PCIe NVMe หรือแบบ M.2 แบบอื่นตามที่เครื่องรองรับแล้ว ยังมีปัจจัยเรื่องขนาดความกว้าง ความยาวของแท่ง SSD ที่ต้องเลือกให้ตรงกับที่เครื่องรองรับด้วย ซึ่ง SSD แบบ M.2 ที่มีขายทั่วไปส่วนใหญ่จะเป็นขนาด 2280 (กว้าง 22 มม. ยาว 80 มม.) ถ้าช่องใส่ SSD ในเครื่องรองรับขนาด 2280 ได้ ก็สามารถหาซื้อใส่ได้ง่ายเลย แต่ก็จะมีบางรุ่น โดยเฉพาะโน้ตบุ๊กของ Lenovo มักจะใช้เป็นขนาด 2242 ที่อาจหาซื้อได้ยากกว่า แบบนี้ก็อาจต้องหาข้อมูลให้ละเอียดและเลือกซื้อให้ตรงกัน ทางที่ดีก็อาจจะหาคลิปรีวิวแกะเครื่อง หรือพกเครื่องไปให้ร้านที่ขาย SSD เปลี่ยนให้ก็น่าจะได้ของที่ตรงสเปคกว่า
สรุปการเลือก SSD ในเกมมิ่งโน้ตบุ๊ก
- ความจุขั้นต่ำที่มีให้เลือกในปัจจุบันคือ 512GB ซึ่งถ้าต้องลงเกมขนาดใหญ่หลาย ๆ เกม อาจต้องพิจารณาการเปลี่ยน SSD ให้ความจุสูงขึ้น หรือใส่ SSD เพิ่ม
- หากต้องซื้อ SSD มาเปลี่ยนหรือใส่เพิ่ม ต้องเช็คสเปคให้ละเอียดว่าช่องที่จะใส่ SSD นั้นรองรับ M.2 แบบ PCIe NVMe หรือ SATA (ที่มักไม่ค่อยมีแล้ว) และต้องใช้ SSD ขนาดความยาวเท่าไหร่
5) หน้าจอ
ส่วนสเปคข้อสุดท้ายที่จะส่งผลถึงประสบการณ์การเล่นเกมแบบโดยตรงก็คือหน้าจอแสดงผล ที่จะมีการแบ่งสเปคออกเป็นส่วนย่อย ๆ ดังนี้
ขนาดและความละเอียดจอ
สำหรับเกมมิ่งโน้ตบุ๊ก AMD ที่มีเลือกในขณะนี้ มักจะให้หน้าจอขั้นต่ำขนาด 15.6” ความละเอียดระดับ Full HD 1920×1080 ส่วนขนาดที่ได้รับความนิยมสูงสุดก็คือ 16” ที่จะได้ความละเอียดจอระดับ QHD 2560×1600 ขึ้นไป หรือในรุ่นที่เน้นคุณภาพจอสูง ๆ ก็จะได้เป็นจอ 4K ไปเลยก็มี ส่วนขนาดจออื่นที่มีบ้างประปรายก็เช่น 17” 17.3” และ 18”
โดยหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลถึงการเลือกความละเอียดจอในเครื่องแต่ละรุ่นของผู้ผลิตโน้ตบุ๊ก ก็คือระดับประสิทธิภาพของชิปการ์ดจอด้วย อย่างถ้าเป็นรุ่นเริ่มต้นก็มักจะมาพร้อมจอ Full HD รุ่นกลางก็จอ QHD ขึ้นไป เป็นต้น เพื่อให้เป็นการการันตีว่าการ์ดจอจะขับจอที่มีความละเอียดที่เหมาะสมได้ดี ซึ่งสุดท้ายก็จะไปสัมพันธ์กับราคาด้วยในอีกทาง
รีเฟรชเรต และเทคโนโลยีการซิงค์ภาพ
ส่วนใหญ่แล้วโน้ตบุ๊กที่ออกแบบมาสำหรับการเล่นเกม จะให้หน้าจอที่มีรีเฟรชเรตขั้นต่ำ 120Hz กันอยู่แล้ว ขยับขึ้นไปก็จะเป็น 144, 165 และ 240Hz ขึ้นอยู่กับราคาและการให้น้ำหนักสเปคของทางผู้ผลิต ซึ่งโดยมากแล้วผู้ผลิตก็จะให้รีเฟรชเรตจอที่เหมาะสมกับสเปคในส่วนอื่น ๆ ได้แก่ ความแรงของการ์ดจอ ความละเอียดหน้าจอ เหตุผลก็แบบเดียวกับในข้อก่อนหน้านี้เลย คือเพื่อให้มั่นใจได้ว่าการ์ดจอจะขับไหว ได้ภาพในเกมที่เฟรมเรตเหมาะสมสำหรับการเล่นเกม
สำหรับเฟรมเรตที่เหมาะสม หากมองเฉพาะด้านภาพอย่างเดียวแบบไม่นำปัจจัยด้านราคามาเกี่ยวข้อง แน่นอนว่าจอที่รีเฟรชเรตสูงมักจะให้ประสบการณ์ในการเล่นเกมที่ดีกว่า ไม่ว่าชิปการ์ดจอจะมีพลังระดับไหนก็ตาม เพราะถึงแม้การ์ดจอจะขับภาพไม่ได้เฟรมเรตถึงระดับเต็มรีเฟรชเรตที่จอทำได้ เช่น จอ 165Hz แต่การ์ดจอทำได้ประมาณ 135 fps แต่ก็เท่ากับว่าเรามีโอกาสจะได้ภาพที่รีเฟรชเรตสูงกว่าโน้ตบุ๊กอีกเครื่องที่สเปคเหมือนกัน แต่ใช้จอ 120Hz เพราะเฟรมเรตมันก็จะถูกจำกัดไว้ที่ 120 fps ตามสเปคของจอเท่านั้น เพื่อป้องกันปัญหาภาพฉีกขาดที่เกิดจากเฟรมเรตสูงกว่ารีเฟรชเรตจอ จนรอบภาพไม่ซิงค์กัน ทีนี้ก็ต่อเนื่องมากับเทคโนโลยีการซิงค์ภาพที่จะช่วยป้องกันปัญหาภาพฉีกขาด ในปัจจุบันก็จะมีจากสองค่าย ฝั่ง AMD จะเป็น FreeSync ที่มีแบ่งย่อยเป็น FreeSync ปกติ FreeSync Premium และ FreeSync Premium Pro ซึ่งระดับประสิทธิภาพก็จะแตกต่างกันไป สำหรับในโน้ตบุ๊กเกมมิ่งที่ประสิทธิภาพสูงหน่อยก็จะมาพร้อมตัว Premium ที่รองรับจอรีเฟรชเรตได้สูงกว่า 120Hz ส่วนค่ายเขียวก็จะมี G-SYNC ให้ใช้งาน ซึ่งด้วยการที่เกมมิ่งโน้ตบุ๊กในไทยส่วนใหญ่จะใช้ชิปการ์ดจอค่ายเขียวกันแทบทั้งนั้น จึงมีโอกาสจะได้พบเครื่องที่จอรองรับ G-SYNC มากกว่า ส่วนถ้าถามว่ามีแล้วดีมั้ย ก็แน่นอนว่ามีไว้ดีกว่าไม่มี แต่ตามจริงก็อาจไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น เพราะเกมส่วนใหญ่มักจะมีตัวเลือกการตั้งค่าซิงค์ภาพให้ตรงกับรีเฟรชเรตในจอ หรือสามารถเปิดการล็อกเฟรมเรตจากในเกมได้เลยอยู่แล้ว
พาเนลจอ และสีสัน
สเปคหลักส่วนสุดท้ายที่ควรพิจารณาในการเลือกหน้าจอเกมมิ่งโน้ตบุ๊ก AMD ก็คือประเภทของพาเนลจอ และสีสันที่ได้ โดยพาเนลที่มีโอกาสพบได้บ่อยสุดก็คือ IPS ที่ใช้หลอดไฟ LED ให้แสงสว่างเบื้องหลัง เนื่องจากเป็นพาเนลที่มีคุณสมบัติอยู่ระดับกึ่งกลาง ให้ภาพที่สีสันสดใสดีในระดับหนึ่ง สามารถใช้รีเฟรชเรตได้สูง response time ก็กำลังใช้สำหรับเล่นเกมได้ มุมมองกว้าง แต่ก็อาจจะมีปัญหาแสงไฟลอดบริเวณขอบจอได้อยู่บ้าง ในกรณีที่ใช้งานในที่มีแสงน้อย หรืออาจจะได้ภาพส่วนที่เป็นสีดำที่ไม่ดำสนิท ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเกรดของพาเนลจอ เกรดของกระจกหน้าจอด้วย อย่างไรก็ตาม ควรไปดูเครื่องจริงก่อนตัดสินใจซื้อก็จะยิ่งดี
ขยับมาก็จะเป็นกลุ่มพาเนล OLED ที่พอจะมีอยู่บ้างในรุ่นราคาสูง หรืออาจจะเป็นโน้ตบุ๊กสายครีเอเตอร์ที่ให้สเปคมาในระดับที่เล่นเกมได้ ข้อดีคือสีสันที่สวยงาม คอนทราสต์สูง ส่วนที่เป็นสีดำก็ดำลึกได้ใจ แต่ถ้านำมาใช้เล่นเกมที่มีการแสดง HUD ตำแหน่งเดิมเสมอ หรือเปิดจอใช้งานโดยมีการแสดงภาพในบางจุดแบบติดค้างตลอดไว้นาน ๆ ก็อาจเกิดปัญหาจอเบิร์นได้ เราจึงไม่ค่อยพบเกมมิ่งโน้ตบุ๊กราคาสูง ๆ ที่ใช้จอ OLED มากนัก ส่วนพาเนลที่อยู่ตรงกลางของทั้งสองแบบด้านบนก็คือพาเนล IPS ที่ใช้แผงหลอดไฟ Mini-LED จำนวนมากในการให้แสงสว่างเบื้องหลัง โดยจะได้รับข้อดีของ IPS LED ตรงมุมมองภาพกว้าง สีสันสวยงามสมจริง และได้ข้อดีของจอ OLED คือคอนทราสต์ภาพที่สูงขึ้น ส่วนที่ดำมืดในภาพก็จะดูมีมิติกว่าจอ IPS ปกติ ทั้งยังกินไฟน้อยลงกว่าการใช้แผงหลอด LED ด้วย พ่วงมากับการไม่มีปัญหาหน้าจอเบิร์น จึงทำให้จอ Mini-LED IPS เป็นพาเนลที่ผู้ผลิตหลายรายนำมาใส่ในเกมมิ่งโน้ตบุ๊กรุ่นราคาสูงกันมากขึ้น
เรื่องสีสันก็จะใช้การระบุในสเปคถึงขอบเขตสีที่หน้าจอสามารถแสดงผลได้ เมื่อเทียบกับมาตรฐานระดับอุตสาหกรรม โดยในกลุ่มของหน้าจอโน้ตบุ๊กที่ใช้กันทั่วไป ค่ามาตรฐานที่นิยมระบุกันก็คือมาตรฐาน sRGB และ DCI-P3 ใช้การระบุเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สามารถทำได้ตามแต่ละมาตรฐาน เช่น จอ 100% sRGB ก็ควรจะแสดงสีสันได้ครบถ้วนกว่าจอ 80% sRGB เป็นต้น ส่วนอีกมาตรฐานอย่าง DCI-P3 จะนิยมใช้กับสายคอนเทนต์ สายงานภาพยนตร์ แต่ในปัจจุบันก็ถูกนำมาระบุในสเปคจอมากขึ้น ซึ่งปกติแล้วยิ่งตัวเลขสูง ก็ยิ่งได้ภาพที่สีสันสวยงาม เต็มอิ่มยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเฉดสีแดงที่ DCI-P3 จะมีขอบเขตของสีที่กว้างและละเอียดมาก อย่างไรก็ตาม การแสดงสีสันของหน้าจอก็จะขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นอีก อาทิ คุณภาพของกระจกหน้าจอ และการเคลือบสารลดแสงสะท้อน ซึ่งอาจส่งผลกับสีสันที่แสดงออกมาด้วยเช่นกัน
ส่วนการจะเลือกหน้าจอเกมมิ่งโน้ตบุ๊ก ถ้ามองแบบง่าย ๆ ก็คือควรได้จอที่ 100% sRGB ขึ้นไป ส่วนถ้ามีการระบุ DCI-P3 มาด้วย ก็ควรจะอยู่ที่ 90% ขึ้นไป แต่ถ้าผู้ผลิตระบุมาว่าเป็น 45% NTSC อันนี้ก็ต้องบอกว่าอาจจะได้สีสันที่ไม่จัดเต็มเท่าไหร่ เพราะหากเทียบกันแล้วต้องเป็น 72% NTSC ถึงจะได้ขอบเขตสีสันที่เทียบเท่ากับ 100% sRGB แต่ทั้งนี้สำหรับโน้ตบุ๊กสายครีเอเตอร์ก็มักจะมีการคาลิเบรตจอมาให้อีก อันนี้ก็แล้วแต่ความต้องการเลย
สำหรับคำถามที่ว่า หากเลือกรุ่นที่จอมี %sRGB ไม่ค่อยสูง จะสามารถคาลิเบรตจอเพื่อให้ %sRGB สูงขึ้นมาได้หรือไม่ อันนี้บอกเลยว่าไม่ได้ แม้ว่าอาจจะช่วยให้สีสันของภาพดีขึ้นมาบ้างก็ตาม เพราะพวก % ที่ระบุมา เทียบง่าย ๆ ก็เหมือนว่าเป็นตึก 90 ชั้น ถ้านำมาคาลิเบรตเพื่อจัดสรรบริเวณดี ๆ ก็จะสามารถใช้งานพื้นที่ได้ครอบคลุม และมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ก็จะติดกรอบว่ามีตัวตึกแค่ 90 ชั้นอยู่ดี ไม่สามารถขยายไปเป็นตึก 100 ชั้นที่มีพื้นที่สำหรับการจัดสรรเพื่อใช้งานได้มากกว่า มีโอกาสรีดประสิทธิภาพได้เต็มที่กว่า จะมีทางเดียวที่ทำได้ก็คือการเปลี่ยนตึก หรือในโน้ตบุ๊กก็คือการเปลี่ยนพาเนลจอไปใช้รุ่นที่สเปคดีขึ้นนั่นเอง
สรุปการเลือกหน้าจอในเกมมิ่งโน้ตบุ๊ก AMD
- เลือกจากขนาดที่ต้องการ ซึ่งมักจะให้ความละเอียดจอที่สัมพันธ์กันอยู่แล้ว
- รีเฟรชเรตขั้นต่ำ 120Hz
- ถ้าต้องการภาพที่สวยงาม สมจริง ใช้งานได้แบบสบายใจ ควรเลือกพาเนล IPS ที่มีค่าขอบเขตสี 100% sRGB ขึ้นไป ถ้าได้จอ Mini-LED IPS ก็จะยิ่งดีขึ้นไปอีก แต่ถ้าต้องการภาพสวยสุด คอนทราสต์ดีสุดก็จิ้มไปที่จอ OLED
ทั้งหมดนี้ก็คือกลุ่มของสเปคหลัก ๆ ที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อเกมมิ่งโน้ตบุ๊ก AMD ช่วงปลายปี 2025 นี้ เพื่อให้ได้เครื่องที่ตอบโจทย์การเล่นเกม และการใช้ทำงานที่ต้องการเครื่องสมรรถนะสูงได้เป็นอย่างดี ลงตัวกับงบประมาณที่ตั้งไว้ที่สุด
