
ในการทดสอบประสิทธิภาพคอม อย่าง CPU ก็จะมีตัวเลือกเช่น Cinebench หรือ PassMark ให้ใช้ แต่ถ้าเป็นงาน 3D ระดับมืออาชีพ ก็มี V-Ray benchmark พัฒนามาเพื่อทดสอบการทำงานของเหล่า Content Creator, สถาปนิก, นักออกแบบ 3D เป็นต้น ซึ่งได้การยอมรับในวงการของมืออาชีพ ครั้งนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับโปรแกรมทดสอบนี้ คืออะไร, ทดสอบอะไร และผลคะแนนที่ได้นั้นสามารถบอกอะไรกับเราได้บ้าง เพื่อให้คุณเข้าใจถึง ในเลือกซื้อหรืออัปเกรดฮาร์ดแวร์ได้อย่างเหมาะสม กับการทำงานสร้างสรรค์ของคุณในปี 2025
V-Ray Benchmark คืออะไร?
V-Ray Benchmark เป็นโปรแกรมทดสอบประสิทธิภาพฟรี ที่พัฒนาโดย Chaos Group (ผู้สร้าง V-Ray Render Engine) โดยออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อ วัดความสามารถของฮาร์ดแวร์ในการ “เรนเดอร์” (Render) ภาพ 3D ด้วย V-Ray Engine
เป็นอีหนึ่งโปรแกรมที่จำลองการทำงานจริงของศิลปิน 3D, สถาปนิก, หรือนักทำ Visual Effects ที่ต้องแปลงโมเดล 3D ที่สร้างขึ้นให้กลายเป็นภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวที่สมจริงขั้นสุดท้าย โปรแกรมจะทำการเรนเดอร์ฉากทดสอบที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า แล้ววัดว่าฮาร์ดแวร์ของทั้ง CPU และ GPU สามารถทำงานเหล่านั้น ให้เสร็จสิ้นได้รวดเร็วเพียงใด
V-Ray Benchmark มีการทดสอบอะไรบ้าง?

V-Ray Benchmark เวอร์ชันล่าสุด (ณ ปัจจุบันคือ V-Ray 6) มีการทดสอบหลักๆ 3 รูปแบบ ซึ่งสะท้อนถึงเทคโนโลยีการเรนเดอร์ที่แตกต่างกัน:
ทดสอบอะไร?: วัดประสิทธิภาพของ “CPU” ในการเรนเดอร์ภาพ 3D แบบดั้งเดิม (Production Rendering) โดยใช้พลังการประมวลผลจากทุกคอร์และทุกเธรดของ CPU ที่คุณมี
สำคัญอย่างไร?: การเรนเดอร์ด้วย CPU ยังคงเป็นมาตรฐานในหลายๆ สตูดิโอ เนื่องจากให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำและสามารถจัดการกับฉากที่ซับซ้อนและมีหน่วยความจำ (RAM) ขนาดใหญ่ได้ดี
หน่วยของคะแนน: vsamples (ตัวเลขมากยิ่งดี)
V-Ray GPU CUDA (GPU Benchmark for NVIDIA):

ทดสอบอะไร?: วัดประสิทธิภาพของ “GPU NVIDIA GeForce/RTX” ในการเรนเดอร์ภาพ โดยใช้ CUDA Cores ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผลเฉพาะทางของ NVIDIA
สำคัญอย่างไร?: การเรนเดอร์ด้วย GPU กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงเพราะให้ความเร็วที่เหนือกว่า CPU อย่างมหาศาล คะแนนในส่วนนี้จะบอกว่าการ์ดจอ NVIDIA ของคุณแรงแค่ไหนสำหรับงานเรนเดอร์
หน่วยของคะแนน: vpaths (ตัวเลขมากยิ่งดี)
V-Ray GPU RTX (GPU Benchmark for NVIDIA RTX):

ทดสอบอะไร?: วัดประสิทธิภาพของ “GPU NVIDIA RTX” โดยใช้ทั้ง CUDA Cores และ RT Cores (ฮาร์ดแวร์สำหรับ Ray Tracing โดยเฉพาะ) ในการเรนเดอร์
สำคัญอย่างไร?: นี่คือการทดสอบที่ทันสมัยที่สุด สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการเรนเดอร์แบบ Real-time Ray Tracing ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหลักในการ์ดจอ RTX การ์ดจอที่มี RT Cores ที่ดีกว่า จะได้คะแนนในส่วนนี้สูงเป็นพิเศษ
หน่วยของคะแนน: vrays (ตัวเลขมากยิ่งดี)
(หมายเหตุ: V-Ray Benchmark ยังมีการทดสอบสำหรับ GPU AMD ด้วย API อย่าง OpenCL/HIP แต่การทดสอบ CUDA และ RTX จะเป็นที่นิยมและถูกใช้อ้างอิงมากกว่าในวงการ)
ผลทดสอบ V-Ray บอกอะไรกับเราได้บ้าง? (อัปเดตสำหรับปี 2025)
คะแนนจาก V-Ray Benchmark เป็นข้อมูลเชิงลึกที่มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้งานระดับมืออาชีพ:

บ่งบอก “พลังการเรนเดอร์” ที่แท้จริง:
แตกต่างจาก Benchmark ทั่วไป คะแนน V-Ray สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการทำงานเรนเดอร์โดยตรง ไม่ใช่แค่ความเร็วในการเล่นเกมหรือการทำงานทั่วไป คะแนนที่สูงกว่า หมายถึง “ระยะเวลาในการเรนเดอร์ที่สั้นลง” อย่างชัดเจน ซึ่งสำหรับมืออาชีพแล้ว เวลาคือสิ่งสำคัญ
ช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อฮาร์ดแวร์ (CPU vs GPU):
คุณสามารถเปรียบเทียบคะแนน CPU และ GPU จากฐานข้อมูลออนไลน์ของ Chaos Group เพื่อดูว่า “ระหว่างการลงทุนอัปเกรด CPU รุ่นใหม่ กับการซื้อการ์ดจอ RTX รุ่นท็อป อย่างไหนจะให้ประสิทธิภาพการเรนเดอร์ที่คุ้มค่ากว่ากัน” สำหรับงบประมาณที่คุณมี
เปรียบเทียบประสิทธิภาพระหว่างฮาร์ดแวร์รุ่นต่างๆ:

เป็นเครื่องมือที่ดีในการเปรียบเทียบ CPU ระหว่างค่าย (เช่น Intel Core i9 vs AMD Ryzen 9) หรือเปรียบเทียบการ์ดจอระหว่างรุ่น (เช่น NVIDIA RTX 5080 vs RTX 5090) ในแง่ของการเรนเดอร์โดยเฉพาะ แต่ผลลัพธ์ในการเล่นเกม ก็อาจจะแตกต่างกันออกไปได้
ตรวจสอบความเสถียรและประสิทธิภาพของระบบ:
นอกจากนี้ยังเป็นการทดสอบที่เค้นประสิทธิภาพของ CPU และ GPU อย่างหนักหน่วง หากระบบของคุณสามารถรันจนจบได้โดยไม่มีปัญหา ก็เป็นการยืนยันความเสถียรในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ หากคะแนนที่ได้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของฮาร์ดแวร์รุ่นเดียวกันมาก อาจบ่งบอกถึงปัญหาการระบายความร้อน (Thermal Throttling) ได้
ประเมินความคุ้มค่าของการ์ดจอ Workstation vs Gaming:

เราสามารถใช้คะแนนที่ได้นี้ นำมาใช้เปรียบเทียบระหว่างการ์ดจอสำหรับมืออาชีพ (เช่น NVIDIA RTX Ada Series) กับการ์ดจอสำหรับเล่นเกม (GeForce RTX) ในด้านการเรนเดอร์ เพื่อดูว่าการลงทุนกับการ์ดจอ Workstation ที่มีไดรเวอร์เสถียรและ VRAM เยอะกว่านั้น ให้ประสิทธิภาพที่แตกต่างกันมากน้อยเพียงใด
ความสำคัญของ V-Ray Benchmark 2025:
การทดสอบ GPU RTX จะสำคัญที่สุด: ด้วยซอฟต์แวร์ 3D ส่วนใหญ่ที่หันมาใช้ประโยชน์จาก Real-time Ray Tracing มากขึ้น คะแนน V-Ray GPU RTX จะกลายเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดในการเลือกซื้อการ์ดจอ

การประเมินประสิทธิภาพ AI: แม้จะไม่ได้ทดสอบ AI โดยตรง แต่ Tensor Cores ที่ใช้ในการทดสอบ RTX ก็เป็นหน่วยประมวลผลเดียวกับที่ใช้ในงาน AI (เช่น AI Denoising) ทำให้คะแนนนี้สามารถบ่งบอกถึงประสิทธิภาพด้าน AI ในงานเรนเดอร์ได้ทางอ้อม
การแข่งขันที่ดุเดือด: การเปรียบเทียบคะแนน V-Ray ระหว่าง CPU และ GPU รุ่นใหม่ๆ จากทั้ง Intel, AMD, และ NVIDIA จะช่วยให้ผู้บริโภคเห็นภาพการแข่งขันในตลาด Workstation ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
V-Ray Benchmark เหมาะกับใคร?
นับเป็นเครื่องมือวัดประสิทธิภาพ “การเรนเดอร์” ที่ตรงไปตรงมาและน่าเชื่อถือ สำหรับผู้ใช้งานระดับมืออาชีพ จะสามารถบอกเราได้ว่า CPU หรือ GPU ที่ใช้อยู่นี้สามารถทำงาน 3D ให้จบเสร็จสิ้นได้รวดเร็วเพียงใด และนำไปใช้เป็นข้อมูลเบื้องต้น ที่ช่วยให้เราสามารถตัดสินใจ เลือกซื้อฮาร์ดแวร์ได้อย่างชาญฉลาด, เปรียบเทียบประสิทธิภาพได้อย่างตรงจุด, และประเมินความคุ้มค่าของการลงทุนได้ ในยุคที่เวลาในการสร้างสรรค์ผลงานมีความสำคัญอย่างยิ่ง การเข้าใจและใช้ประโยชน์จากโปรแกรมนี้ จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าคอมพิวเตอร์ของคุณมี “พลัง” ที่พร้อมสำหรับทุกโปรเจกต์งาน 3D ที่จะทำต่อไปในอนาคต





