
TSMC ขึ้นราคาชิปขั้นสูงสูงสุด 10%
รายงานล่าสุดจาก DigiTimes ระบุว่า TSMC ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ที่สุดของโลก เตรียมปรับขึ้นราคาชิปที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตระดับ 5nm และต่ำกว่า สูงสุดถึง 10%
โดยสาเหตุหลักมาจากการที่บริษัทต้องเผชิญกับภาระ ภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ รวมถึงต้นทุนการลงทุนในโรงงานผลิตแห่งใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้น
การขึ้นราคาครั้งนี้ครอบคลุมกระบวนการผลิตชิปขั้นสูงหลายรุ่น เช่น 5nm/4nm, 3nm และ 2nm ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ลูกค้ารายใหญ่ของ TSMC อย่าง Apple และ NVIDIA ใช้อยู่ในปัจจุบัน นั่นหมายความว่าต้นทุนการผลิตของบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้จะสูงขึ้นตามไปด้วย
แรงกดดันจากภาษีและค่าเงิน
แม้ TSMC จะเป็นผู้นำตลาดการผลิตชิปโลก ด้วยส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 50% แต่บริษัทก็ยังต้องรับแรงกดดันจากหลายด้าน
- ภาษีของสหรัฐฯ: แม้ TSMC จะลงทุนสร้างโรงงานใหม่ในรัฐแอริโซนา มูลค่ารวมกว่า 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 10.5 ล้านล้านบาท) แต่ชิปที่ยังผลิตในไต้หวันและส่งออกไปยังสหรัฐฯ ก็ยังต้องเสียภาษีในอัตราที่สูง
- ค่าเงินดอลลาร์ไต้หวันที่แข็งค่า: ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ค่าเงินดอลลาร์ไต้หวันแข็งค่าขึ้น ทำให้รายได้เมื่อแปลงกลับมาเป็นเงินท้องถิ่นลดลง ส่งผลให้บริษัทจำเป็นต้องปรับราคาชิปเพื่อรักษาอัตรากำไร
ส่วนลดสำหรับเทคโนโลยีเก่า
แม้จะขึ้นราคาชิปขั้นสูง แต่มีรายงานว่า TSMC อาจมอบส่วนลดให้กับกระบวนการผลิตรุ่นเก่า เช่น 7nm หรือ 16nm เพื่อดึงดูดลูกค้าให้ยังใช้บริการอยู่ต่อไป โดยเฉพาะบริษัทที่ไม่ได้ต้องการใช้ชิปประสิทธิภาพสูงสุดอย่างตลาดมือถือหรืออุปกรณ์ IoT
อนาคตการผลิตในสหรัฐฯ
TSMC มีแผนชัดเจนที่จะขยายกำลังการผลิตในสหรัฐฯ โดยเฉพาะในโรงงาน Arizona Fab ที่จะรองรับเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง และการ Advanced Packaging เพื่อลดการพึ่งพาการผลิตจากไต้หวันเพียงอย่างเดียว รวมถึงเป็นการตอบสนองนโยบายของสหรัฐฯ ที่ต้องการความมั่นคงทางซัพพลายเชน
เป้าหมายของ TSMC คือการผลิตชิป 2nm ในสหรัฐฯ ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งจะทำให้ลูกค้าในตลาดอเมริกามีความมั่นใจมากขึ้นว่าจะสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีล่าสุดได้โดยไม่สะดุด
ลูกค้าต้องยอมจ่ายแพงขึ้น
แม้จะขึ้นราคา แต่สถานการณ์ของ TSMC ก็ยังคงเหนือกว่าคู่แข่ง เนื่องจากแทบไม่มีโรงงานใดที่สามารถผลิตชิปขนาดเล็กกว่า 5nm ได้อย่างมีเสถียรภาพในเชิงพาณิชย์ ลูกค้าอย่าง Apple, NVIDIA, AMD และ Qualcomm จึงแทบไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมจ่ายแพงขึ้น
ที่ผ่านมา TSMC ถือว่าเป็นบริษัทที่ “ใจดี” กับลูกค้า เพราะตั้งราคาการผลิตที่ค่อนข้างแข่งขันได้ แม้จะมีความต้องการสูงมากในยุค AI ก็ตาม อย่างไรก็ตาม การลงทุนระดับแสนล้านดอลลาร์และต้นทุนภาษีที่เพิ่มขึ้น ทำให้การขึ้นราคาครั้งนี้แทบจะหลีกเลี่ยงไม่ได้
สรุป
การที่ TSMC ขึ้นราคาชิปขั้นสูงสูงสุด 10% จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดเทคโนโลยีโลก เพราะลูกค้ารายใหญ่ทั้ง Apple และ NVIDIA ต้องจ่ายต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งอาจสะท้อนมายังราคาสินค้าผู้บริโภคในอนาคต โดยเฉพาะ iPhone, Mac, และการ์ดจอรุ่นใหม่ ๆ ของ NVIDIA ที่อาจมีราคาสูงขึ้นเพื่อชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
ที่มา: wccftech





