
Valve กำลังพยายามยกระดับเครื่องมือ Performance Overlay บน Steam ให้กลายเป็นศูนย์กลางการตรวจสอบสภาพเครื่องพีซีของเกมเมอร์แบบครบวงจร
ล่าสุดในอัปเดต Steam Client Beta ได้เพิ่มฟีเจอร์การวัดผลการใช้งาน GPU (GPU utilization) ที่อ้างว่า “แม่นยำกว่าค่าใน Windows Task Manager” โดยตรง
Steam ชี้ Task Manager รายงานค่า GPU ไม่ครบ
หนึ่งในปัญหาที่เกิดขึ้นมานานคือ Task Manager ของ Windows มักรายงานค่า GPU utilization ต่ำกว่าความเป็นจริง โดยเฉพาะเกมที่มีการเปิด process เสริมขึ้นมานอกเหนือจาก process หลัก ทำให้บางครั้งค่าโหลดการ์ดจอดูเหมือนต่ำ ทั้งที่ในความจริง GPU กำลังทำงานหนัก
Steam จึงออกแบบระบบใหม่ที่สามารถรวบรวมการใช้งานจากทุก process ที่เกี่ยวข้องกับเกม แล้วประมวลผลรวมออกมา ทำให้ค่า GPU utilization ที่เห็นใกล้เคียงกับเครื่องมือยอดนิยมอย่าง MSI Afterburner หรือ RivaTuner มากกว่าเดิม
Valve เคยอธิบายเอาไว้ว่า:
“ผลลัพธ์คือในเกมส่วนใหญ่จะไม่ต่างจากเดิมมากนัก แต่ในบางสถานการณ์ที่เราเคยรายงานค่าต่ำเกินไป ตอนนี้ค่าจะสูงขึ้นและใกล้เคียงกับเครื่องมือภายนอกมากขึ้น”
อย่างไรก็ตาม คำอธิบายนี้ถูกถอดออกจากหน้า patch notes อย่างรวดเร็ว หลังจากมีเสียงวิจารณ์ในชุมชนเกมเมอร์ จนท้ายที่สุด Valve ต้อง ถอนอัปเดตนี้ออกจาก Beta และเปลี่ยนข้อความเป็นว่า “ฟีเจอร์การวัดค่า GPU utilization ถูกถอดเพื่อทดสอบเพิ่มเติม”
พัฒนาใกล้เคียงเครื่องมือมืออาชีพ
จริง ๆ แล้ว การอัปเดตครั้งนี้ต่อยอดจากฟีเจอร์ใหม่ที่ Valve เพิ่มเข้ามาตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น:
- แสดงข้อมูลเฟรมแบบละเอียด แยกได้ว่าภาพมาจาก native render หรือถูกสร้างด้วย DLSS / FSR
- กราฟการใช้ CPU, RAM, frame timing และ clock speed แบบเรียลไทม์
- ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดคือการโชว์ อุณหภูมิ CPU บนทั้ง Windows และ Linux โดยใช้ไดรเวอร์ที่พัฒนาร่วมกับทีม CPUID
ทั้งหมดนี้ทำให้ Steam Overlay เริ่มกลายเป็น “คู่แข่งโดยตรง” ของเครื่องมือระดับโปรอย่าง MangoHud หรือ MSI Afterburner เลยทีเดียว
ทำไมฟีเจอร์นี้ถึงสำคัญต่อเกมเมอร์
การมีตัววัดประสิทธิภาพเครื่องที่แม่นยำและใช้งานได้ทันที โดยไม่ต้องพึ่งแอปเสริม ถือเป็น game-changer สำหรับหลายคน โดยเฉพาะเกมเมอร์ที่ไม่ได้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคมากนัก เพราะสามารถมองเห็นว่าคอมพิวเตอร์ของตนเองกำลังทำงานอย่างไร GPU ทำงานหนักแค่ไหน หรือ CPU ร้อนเกินไปหรือไม่
นอกจากนี้ ยังช่วยให้ผู้เล่นที่จริงจังกับการปรับแต่งประสิทธิภาพและวิเคราะห์ปัญหาคอขวด (bottleneck) ทำได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องลงซอฟต์แวร์ภายนอกเพิ่มเติม
บทสรุป
แม้ฟีเจอร์ GPU utilization จะถูกถอดออกไปก่อน แต่ทิศทางที่ Valve กำลังพัฒนานั้นชัดเจน คือการทำให้ Steam Overlay กลายเป็นเครื่องมือ monitoring แบบครบวงจร ไม่ต่างจากซอฟต์แวร์มืออาชีพที่เกมเมอร์สายปรับแต่งนิยมใช้
หาก Valve สามารถแก้ไขและทดสอบฟีเจอร์ได้จนเสถียร คาดว่าในอนาคต Steam จะไม่ใช่แค่แพลตฟอร์มเกม แต่ยังเป็น “ศูนย์กลางการตรวจสอบฮาร์ดแวร์” สำหรับเกมเมอร์ทุกคน
ที่มา: tomshardware





