MSI Venture A16 AI+ A3HM โน๊ตบุ๊คทำงานตัวคุ้มครบเครื่อง สแกนหน้ามี USB-C Full Function พร้อมใช้ ได้จอ OLED สีสวยลื่นไหลในงบ 39,990 บาท!!
ถ้าถามถึงโน๊ตบุ๊คทำงานของ MSI ว่ามีรุ่นไหนบ้าง ใครๆ ก็จะคิดถึง Modern Series แล้วข้ามไป Prestige Series ซึ่งราคาแพงกว่าทันที จึงมี MSI Venture A16 AI+ A3HM เข้ามาเป็นตัวคั่นกลางเพื่อให้คนทำงานมีตัวเลือกมากขึ้น วางจำหน่ายควบคู่กับ MSI Venture 15 AI ซึ่งได้รีวิวไปก่อนหน้านี้ ดังนั้นดีไซน์จึงเรียบง่ายและตัวเครื่องก็แข็งแรงทนทาน ได้รับการรับรองความแข็งแรง MIL-STD-810H/G แล้ว ทนทานต่อหลากสภาพอากาศหลายสถานการณ์ไม่เป็นใจได้อย่างแน่นอน
จากความสวยงามเรียบง่ายภายนอกสู่สเปคภายใน ได้ AMD Ryzen AI 7 350 สถาปัตยกรรม Zen 5 ใหม่ เป็นหัวใจขับเคลื่อนให้ทำงานออฟฟิศและกราฟิคได้ราบลื่นและเล่นเกมฆ่าเวลาได้ด้วยจีพียู Radeon 860M ได้ และยังคงเพิ่ม RAM ไปได้ถึง 96GB DDR5 ได้สบาย และยังติดตั้ง Windows 11 Home กับ Microsoft Office Home 2024 มาให้ใน M.2 NVMe SSD 1TB เช่นเดียวกับโน๊ตบุ๊คทำงานรุ่นอื่นในเครือ และทุกงานจะแสดงผลผ่านหน้าจอความละเอียดสูง 2K พาเนล OLED ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ให้แสดงสีสันได้สวยงาม จะเซ็ตอัพเป็นคอมตั้งโต๊ะทำงานก็ได้หรือหยิบติดกระเป๋าไปพบลูกค้าก็เหมาะทั้งนั้น
นอกจากสเปค MSI Venture A16 AI+ A3HM ก็ได้ USB-C Full Function ติดมาให้ต่อหน้าจอแยกและชาร์จไฟได้ เวลานำไปใช้งานนอกสถานที่จะได้ชาร์จด้วยอะแดปเตอร์ GaN 100W ได้ทันที มีกล้องอินฟาเรดสแกนไว้ใช้ยืนยันตัวได้สะดวกโดยทำงานร่วมกับชิป Microsoft Pluton ไม่ให้มือดีที่ไหนมาขโมยใช้คอมของเราได้ และยังกางหน้าจอได้แบนราบขนานพื้นโต๊ะและกดปุ่ม Flip-n-Share พลิกจอให้ลูกค้าหรือเพื่อนร่วมงานดูได้ง่าย ไม่ต้องพลิกเครื่องกลับไปมาให้เสียเวลามาก
NBS Verdicts
โน๊ตบุ๊คทำงานแบรนด์ MSI แต่ละรุ่นก็จะมีจุดเด่นเฉพาะตัว เช่น Modern Series จะมีราคาไม่แพง ไม่เกินสามหมื่นบาทจึงตัดสินใจได้ง่ายแถมมีรุ่นย่อยให้เลือกซื้อได้มากมายแล้วข้ามไปรุ่นพรีเมี่ยมอย่าง Prestige Series ราคาเริ่มต้น 45,000 บาท ซึ่งต่างกันถึง 20,000 บาททันที และด้วยสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้ประกอบกับพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าของผู้คนส่วนใหญ่ ทำให้ Modern Series ยังคงได้รับความนิยมต่อไป เหตุนี้ทำให้ MSI เปิดตัว MSI Venture A16 AI+ A3HM เข้ามาอุดช่องว่างราคาให้มีตัวเลือกมากยิ่งขึ้น ได้บอดี้สวยแข็งแรงไม่แพ้รุ่นพรีเมียม สเปคดีพอใช้ทำงานออฟฟิศทั่วไปได้และเพิ่มเงินจาก Modern Series ไม่เยอะมาก แถมเลือกซื้อได้หลากหลายสเปคด้วย
ถ้าสังเกตในชื่อ Venture A16 AI+ A3HM จะเห็นว่าตัวเลขหลังชื่อซีรีส์จะนำด้วยตัว “A” ซึ่งนำมาจากคำว่า “AMD” ดังนั้นชิปเซ็ตในเครื่องนี้จึงเป็น Ryzen AI 7 350 ใหม่พร้อมจีพียู Radeon 860M คู่กับ RAM 16GB DDR5 และ SSD 1TB ตั้งต้นมาให้พร้อม Windows 11 Home และ Microsoft Office Home 2024 เพียงเปิดเครื่องลงชื่อเข้าใช้ก็จัดการงานเอกสารไปจนใช้รัน AI ได้สบายๆ ด้วย AMD Ryzen AI NPU สมรรถนะรวม 66 TOPS กับหน้าจอ 16 นิ้ว ตามชื่อซึ่งมีความละเอียด 2K พาเนล OLED ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ตามแบบพิมพ์เขียวโน๊ตบุ๊คพรีเมี่ยมในปัจจุบัน เสริมด้วยลูกเล่นอื่นๆ อย่างเพิ่มไมโครโฟนตัวที่ 3 เข้ามาให้ประชุมงานกับผู้อื่นได้สะดวกยิ่งขึ้น, กล้องอินฟาเรดสแกนใบหน้าซึ่งทำงานได้รวดเร็ว ช่วยปลดล็อคเครื่องไปจนยืนยันตัวกับระบบ Microsoft Passkey เพื่อทำธุรกรรมออนไลน์ได้อย่างรัดกุม ติดปลายนวมด้วย USB-C Full Function ไว้ใช้ต่ออุปกรณ์เสริมอื่นๆ ได้หลากหลายชิ้นเพิ่มความสะดวกดไม่ว่าจะเซ็ตอัพเป็นคอมทำงานตั้งโต๊ะหรือยกไปใช้งานนอกสถานที่ก็ง่ายไม่ต้องพกของเยอะนัก
อย่างไรก็ตาม MSI Venture A16 AI+ A3HM มีข้อสังเกตตรงการอัปเกรดถึงจะเพิ่ม RAM ได้ 96GB DDR5 ก็จริง แต่ยังมีอินเทอร์เฟส PCIe 4.0 x4 สำหรับ M.2 NVMe SSD เพียงช่องหลักเท่านั้น ถ้าจะอัปเกรดก็ต้องเปลี่ยนตัวเก่าออกจึงอยากแนะนำให้หา External HDD/SSD มาบันทึกไฟล์งานแยกไปจะง่ายกว่า และพาเนลหน้าจอเป็น OLED มีสีสันสวยงามและสวยสมจริง แม้จะมีฟีเจอร์ถนอมพาเนลติดมาให้แต่อย่างไรก็แนะนำให้เปิดความสว่างราว 80% เพื่อถนอมพาเนลหน้าจอให้อายุการใช้งานยาวนานไม่เสื่อมง่ายจะเหมาะกว่า
ข้อดีของ MSI Venture A16 AI+ A3HM
- AMD Ryzen AI 7 350 มีประสิทธิภาพดี ใช้งานได้รอบด้านและ NPU มีสมรรถนะรวม 66 TOPS
- AMD Radeon 860M ใช้ทำงานกราฟิคได้ดีและเล่นเกมชั้นนำฆ่าเวลาได้
- มีหน่วยความจำ M.2 NVMe SSD 1TB ติดตั้ง Windows 11 Home, Office Home 2024 มาให้
- RAM ตั้งต้นมีความจุ 16GB DDR5 เพิ่มความจุได้มากสุด 96GB
- กล้องหน้ามีเซนเซอร์อินฟาเรด ใช้สแกนใบหน้าปลดล็อคเครื่องได้สะดวกรวดเร็ว
- ติดตั้งชิป Microsoft Pluton, AMD PSP 11 มาช่วยรักษาความปลอดภัยได้รัดกุมขึ้น
- พอร์ต USB-C เป็น Full Function ใช้ต่อหน้าจอแยกและชาร์จไฟได้ในตัว
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้รวดเร็วและเสถียรผ่านทาง Wi-Fi 6E
- บานหน้าจอกางได้แบนราบ 180 องศา พร้อมปุ่ม Flip-n-Share พลิกจอกลับให้อีกฝ่ายดูได้
- หน้าจอมีความละเอียด 2K พาเนล OLED แสดงภาพได้คมชัดสีสันสวยงามและลื่นไหล
- ขอบเขตสีหน้าจอกว้างถึง 100% DCI-P3 และความลึกสี 10-bit แสดงสีสันได้สวยงาม
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานถึง 8 ชม. ครึ่ง ใช้ทำงานได้ทั้งวัน
- บนตัวเครื่องมีช่องไมโครโฟนตัวที่ 3 เพิ่มเข้ามาให้ประชุมออนไลน์ได้เสียงคมชัดขึ้น
- ตัวเครื่องระบายความร้อนได้ดีมีอุณหภูมิพื้นผิวเครื่องไม่สูงมาก ไม่รบกวนการใช้งาน
ข้อสังเกตของ MSI Venture A16 AI+ A3HM
- มีอินเทอร์เฟส PCIe 4.0 x4 สำหรับ M.2 NVMe SSD เพียงช่องเดียวเท่านั้น
- หน้าจอเป็นพาเนล OLED แนะนำให้เปิดฟีเจอร์ถนอมสายตาเอาไว้เสมอ
รีวิว MSI Venture A16 AI+ A3HM
- Specification
- Hardware & Design
- Screen & Speaker
- Keyboard & Touchpad
- Connector, Thin & Weight
- Inside & Upgrade
- Performance & Software
- Battery & Heat & Noise
- User Experience
- Conclusion & Award
- Gallery
Specification
MSI Venture A16 AI+ A3HM เป็นโน๊ตบุ๊คทำงานซีรีส์ใหม่แกะกล่องของปี 2025 จาก MSI ผู้ผลิตเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คชั้นนำของโลก โดยตั้งใจให้สเปคและวัสดุประกอบตัวเครื่องมีคุณภาพสูงกว่า Modern Series เป็นรองจาก Prestige Series เล็กน้อย แต่ฟีเจอร์ใช้งานก็ยังได้มาครบเครื่อง สเปคของรุ่นที่รีวิวจะเป็นดังนี้
| CPU | AMD Ryzen AI 7 350 แบบ 8 คอร์ 16 เธรด (Zen 5*4 / Zen 5c*4) ความเร็วสูงสุด 5GHz |
| GPU | AMD Radeon 860M |
| NPU | AMD Ryzen AI NPU 50 TOPS สมรรถนะประมวลผลรวม 66 TOPS |
| Storage | M.2 NVMe SSD 1TB |
| Memory | 16GB DDR5 บัส 5600MHz รองรับความจุสูงสุด 96GB |
| Display | 16″ 2K (2048*1280) พาเนล OLED Refresh Rate 120Hz 100% DCI-P3 VESA DisplayHDR True Black 600 |
| Software | Windows 11 Home Microsoft Office Home 2024 |
| Connectivity | USB-A 3.2 Gen1*2 USB-C 3.2 Full Function*1 HDMI 2.1*1 LAN*1 Audio combo*1 Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax Bluetooth 5.3 |
| Weight | 1.9 กก. |
| Price | 39,990 บาท (MSI Thailand) |
Hardware & Design
ปกติแล้วโน๊ตบุ๊คทำงานส่วนใหญ่จะมีดีไซน์เรียบง่ายไม่หวือหวามากเพื่อให้เจ้าของนำมันไปใช้งานได้ทุกโอกาสไม่ว่าจะเซ็ตเป็นคอมทำงานในออฟฟิศหรือหยิบใส่กระเป๋าติดตัวไปพบลูกค้าก็ไม่นำสายตาเกินไป ซึ่ง MSI Venture A16 AI+ A3HM ก็เป็นอย่างว่า ไม่มีลายเส้นนำสายตาใดๆ ติดมา อย่างมากมีเพียงสติกเกอร์ AMD Ryzen และ Radeon ตรงมุมเครื่องฝั่งซ้ายล่างเท่านั้น ส่วนฝั่งขวาจะเป็นเนื้อตัวเครื่องอย่างเดียว แต่ถ้าสังเกตจะเห็นว่ามุมล่างถัดลงมาจากคีย์บอร์ดจะมีรูไมโครโฟนตัวที่ 3 เจาะเพิ่มเข้ามาเพื่อรับเสียงเวลาประชุมงานออนไลน์จะได้ยินเสียงชัดเจนขึ้น
บานหน้าจอถ้าสังเกตจะเห็นว่าส่วนกลางขอบบนจะยื่นสูงกว่าส่วนอื่น เป็นลิ้นยื่นสูงให้เจ้าของใช้นิ้วมือเดียวกางหน้าจอใช้งานได้สะดวกไม่ต้องจับมุมใดมุมหนึ่งให้ขาบานพับฝั่งนั้นๆ รับน้ำหนักมากเกินจำเป็นแล้วเสื่อมสภาพเร็ว น้ำหนักตลอดตัวเครื่องทำมาได้สมดุลจึงใช้นิ้วเดียวก็เปิดจอใช้งานได้โดยไม่ต้องจับตัวเครื่องก็ได้
ตัวบานพับดีไซน์ให้ก้านจุดหมุนเป็นเสาตั้งสูงขึ้นและเว้นเนื้อตัวเครื่องให้โค้งเป็นแอ่งลงไปแล้วเอาบานหน้าจอครอบทับลงมาข้างบน จึงกางหน้าจอได้กว้างถึง 180 องศา ราบขนานไปกับพื้นโต๊ะและมีปุ่ม Flip-n-Share ให้กดพลิกภาพหน้าจอกลับด้านให้คู่สนทนาดูได้สะดวก จะวางใช้งานบนโต๊ะคอมหรือขึ้นแท่นวางโน๊ตบุ๊คก็ปรับองศาให้เข้ากับมุมสายตาได้ง่าย ภายในตรงฐานขาบานพับทั้งคู่เป็นประกับอลูมิเนียมยึดน็อตเอาไว้ 4 ดอก จึงแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษและลดอาการบานหน้าจอกระพือได้ด้วย
ฝาหลังของ MSI Venture A16 AI+ A3HM เวลาหันไปหาคู่สนทนาจะเรียบง่ายไม่มีลวดลายใดๆ สกรีนหรือยิงเลเซอร์ฝังเอาไว้ ยกเว้นโลโก้อักษร MSI สีดำตรงกลางบอดี้สีเทาเข้มเกือบดำชื่อ “Solid Gray” เท่านั้น ถัดลงมาตรงฐานตัวเครื่องจะเห็นช่องระบายความร้อนเป็นระแนงยาวจากขอบฝั่งหนึ่งสู่อีกฝั่ง การออกแบบเช่นนี้ทำให้ Venture A16 AI+ ไม่นำสายตาเกินไป จะนำไปใช้นำเสนองานลูกค้าก็ดูมีระดับเสริมบุคลิคเจ้าของไปในตัว
ฝาด้านใต้เครื่องจะมีช่องนำอากาศเย็นเข้าเครื่องเจาะช่องเป็นช่องวงรีแนวตั้งแถวคู่รวม 3 แถว กินพื้นที่เกือบทั้งหมด เสริมมุมสี่ด้านด้วยจุกยางกันลื่นเส้นสั้นเพื่อยกบอดี้และป้องกันการเกิดรอยขนแมวได้ ล็อคเอาไว้ด้วยน็อตหัวแฉก Philips head ทั้งหมด 12 ดอก ให้ประกบเข้าหากันได้แข็งแรง ในภาพจะเห็นเพียง 11 ดอก เพราะใต้สติกเกอร์ Factory sealed ปิดเอาไว้ เวลาจะเปิดฝาให้ขันดอกนี้ออกด้วยจะได้ไม่เกิดความเสียหายตามมา
Screen & Speaker
หน้าจอ 16 นิ้วของ MSI Venture A16 AI+ A3HM เป็นหน้าจออัตราส่วน 16:10 มีแนวตั้งสูงกว่าแนวนอนเล็กน้อยเพื่อให้มีพื้นที่แสดงผลเพิ่ม ช่วยให้ทำงานได้สะดวกขึ้น ขอบหน้าจอสามด้านถูกรีดให้บางเพื่อเพิ่มพื้นที่แสดงผลแต่ขอบบนส่วนกลางจะมีหยักยื่นสูงขึ้นมาให้เจ้าของใช้กางหน้าจอได้ง่ายแล้ว ยังติดตั้งกล้องเว็บแคม, ไมโครโฟนและเซนเซอร์อินฟาเรดสำหรับสแกนใบหน้าเอาไว้ด้วย ช่วยให้ปลดล็อคเครื่องและยืนยันตัวกับระบบ Windows Passkey ได้ง่ายขึ้น ขอบล่างจะหนาเป็นสองเท่าขอบข้าง สกรีนโลโก้ MSI เอาไว้ตรงกลาง
ความละเอียดของหน้าจอนี้มากกว่าโน๊ตบุ๊คทั่วไป เป็น 2K มีความละเอียด 2048*1280 พิกเซล อัตรา Refresh Rate 120Hz และสังเกตในหัวข้อ Advanced display จะเห็นว่าความลึกสี (Bit depth) มากถึง 10-bit ทำให้พาเนล OLED บานนี้มีองศาการมองเห็นกว้าง 178 องศาเท่ากับ IPS แล้ว ยังแสดงสีได้มากถึง 1.07 พันล้านสี ซึ่งมากกว่า 16.7 ล้านสีของจอ 8-bit หลายเท่า แต่เสียดายอยู่บ้างว่า MSI ไม่ได้ทำให้ Refresh Rate หน้าจอทำงานได้แบบ Dynamic ปรับความถี่ของค่า Hz บนจอได้ตามการใช้งานได้แบบทันควัน
ด้านขอบเขตสีหน้าจอจากการทดสอบกับโปรแกรม DisplayCal 3 จะเห็นว่าพาเนล OLED เมื่อเร่งความสว่างสูงสุดแล้ววัดได้ 393.79 cd/m2 และ Calibrite Display Pro HL วัดขอบเขตสีจริง (Gamut coverage) ได้ 100% sRGB, 95.7% Adobe RGB, 99.9% DCI-P3 ขอบเขตสีองค์รวม (Gamut volume) ได้ 169.9% sRGB, 117.1% Adobe RGB, 120.4% DCI-P3 ค่าความเที่ยงตรงสี Delta-E 0.10~1.3 ตรงตามการเคลมหน้าสเปคว่าพาเนลนี้มีขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 อย่างแน่นอน
การใช้งานจริงเวลาอยู่ในอาคารแนะนำให้ลดความสว่างเหลือ 50% ก็มองเห็นได้ชัดเจนแล้ว แต่ถ้ามีแสงอาทิตย์ส่องทาบหน้าจอหรือนำไปใช้นอกสถานที่จะเร่งไปสัก 80% ก็เพียงพอแล้ว ใช้งานได้โดยไม่ต้องห่วงเรื่องแสงจะสว่างจนเกิดเงาทาบจอไปได้เลย
ลำโพงของ MSI Venture A16 AI+ A3HM มีกำลังขับดอกละ 2W รวม 4W ปรับจูนด้วย DTS Audio ได้รับการรับรอง Hi-Res แล้ว พอเร่งเสียงดังสุดจะวัดได้ 85dB พอฟังชัดเจนในห้องส่วนตัวขนาด 13 ตารางเมตรได้ โทนเสียงเน้นนักร้องนำและได้ยินเสียงเครื่องดนตรีชัดเจนมีเบสสนับสนุนเล็กน้อยพอให้ฟังเพลงได้ แต่เหมาะกับการฟัง Podcast มากกว่า ถ้าใครเน้นฟังเพลงแนะนำให้ต่อลำโพงแยกไปเลยจะดีสุด
Keyboard & Touchpad
MSI Venture A16 AI+ A3HM ได้คีย์บอร์ด Full Size ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีไฟ LED Backlit สีขาวปรับความสว่างได้ 3 ระดับ ทำให้พิมพ์งานได้สะดวกแม้แสงไฟในห้องไม่สว่างนักและไฟยังลอดตัวอักษรขึ้นมาจึงมองเห็นได้ง่าย ปุ่ม Numpad มีขนาดใหญ่พอกับปุ่มอื่นจึงกดเลขได้ง่าย มีเครื่องหมายทางคณิตศาสตร์ติดมาพร้อมใช้งาน เสียดายว่าทางบริษัทยังไม่แยกปุ่ม Power ออกไปจากปุ่มชุดหลัก เวลาใช้งานถ้าเผลอกดผิดจะไม่ได้ดับเครื่องแต่ล็อคหน้าจอแทน หากแยกปุ่มนี้ออกไปสักหน่อยก็จะดีแล้วเพิ่มปุ่ม Function เข้ามาอีกสักปุ่มก็จะใช้งานสะดวกขึ้น
ฟังก์ชั่นอื่นๆ บนคีย์บอร์ดจะอยู่ถัดจาก F12 เป็นต้นไป ได้แก่ Print screen ใช้กดเรียกโปรแกรม Snipping Tool, Insert และ Delete ส่วน Home, End, Page Up/Down จะอยู่รวมกับตัวเลขบน Numpad แทน สังเกตจะเห็นว่าปุ่ม Enter มุมล่างขวาของแป้นถ้ากดร่วมกับปุ่ม Fn จะเรียกเครื่องคิดเลขมาใช้งานได้ด้วย
สัมผัสการพิมพ์ของคีย์บอร์ดนี้เน้นความเงียบและลงน้ำหนักเวลาพิมพ์น้อย ไม่ต้องลงน้ำหนักมากจึงทำงานได้นานแล้วเสียงไม่รบกวนผู้อื่นมาก ปุ่มฟังก์ชั่นใช้งานมีให้ครบถ้วนและใช้ความคุ้นเคยเวลาใช้คีย์บอร์ดมาตรฐานมาใช้ร่วมกันได้ทันทีไม่ต้องปรับตัวอะไรนัก
ปุ่ม Hotkeys ตรงบรรทัดบนสุดของคีย์บอร์ดนยังรวมอยู่กับปุ่ม F1~F12 เช่นเดิม เวลาต้องการปรับเลเยอร์การทำงานสามารถกด Fn+Esc เพื่อสลับคำสั่งให้ใช้งานได้ง่าย การตั้งค่าคีย์ลัดยกมาจาก Modern Series โดยไม่ปรับแก้อะไรเพิ่มเติม เวลากดแล้วจะมีคำสั่งดังนี้
- F1~F3 – ปิด, ลด/เพิ่มเสียงลำโพง
- F4 – ปิด/เปิด Touchpad
- F5 – ปิด/เปิดไมโครโฟน
- F6 – ปิด/เปิด Bluetooth
- F7 – MSI Center กดเพื่อเปลี่ยนโหมดตัวเครื่อง
- F8 – ปรับความสว่างไฟ LED Backlit ของคีย์บอร์ด
- F9~F10 – ลด/เพิ่มความสว่างหน้าจอ
- F11 – ปุ่ม Project ตั้งค่าหน้าจอหลักและเสริม
- F12 – ปุ่ม Flip-n-Share พลิกหน้าจอกลับ
เมื่อยกเซ็ตคำสั่งมาใช้โดยตรงไม่ปรับแก้อะไรเพิ่ม ข้อสังเกตเดิมๆ ก็ยังคงตามติดมาถึง MSI Venture A16 AI+ A3HM เช่นกัน นั่นคือคำสั่ง F6 ปิดการทำงาน Bluetooth ซึ่งควรเปลี่ยนเป็น Airplane mode แทน ให้เจ้าของเครื่องปิดการเชื่อมต่อไร้สายทุกรูปแบบได้ทันทีเวลาเดินทางด้วยอากาศยาน หากปรับแก้จุดนี้สักหน่อยก็จะลงตัวแล้ว
การกด F7 เพื่อเปลี่ยนโหมดของ Venture A16 AI+ จะมีทั้งหมด 4 แบบ ไล่จากซ้ายมือในภาพจะเป็น AI Engine ปล่อยให้ตัวเครื่องตัดสินใจเปลี่ยนโหมดเอง, Performance เร่งสมรรถนะสูงสุดให้ทำงานเร็วขึ้นแลกกับระยะเวลาใช้งานด้วยแบตเตอรี่จะน้อยลง, Balanced ให้ทำงานโดยสมดุล ใช้งานได้นานแล้วสมรรถนะดีระดับหนึ่ง, ECO-Silent เน้นประหยัดไฟ ลดกำลังการทำงานให้น้อยลงพอใช้งานได้ โดยส่วนตัวถ้าเน้นความสะดวกไว้ก่อนก็เลือกเป็น AI Engine ให้ตัวเครื่องปรับโหมดตามการใช้งานโดยอัตโนมัติไปได้เลย
แป้นทัชแพดตรงกลางที่วางข้อมือทั้งสองฝั่งมีขนาดไล่เลี่ยกับโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นๆ วางตัวค่อนไปทางขวามือทำให้เวลาวางมือพิมพ์งานแล้วสันมือซ้ายจะอยู่เหนือขอบบนซ้ายของแป้นเท่านั้น แต่ไม่เจอปัญหาเรื่องทัชแพดลั่นเวลาใช้งานและยังกด Fn+F4 ปิดการทำงานได้เมื่อไม่ต้องการและรองรับ Touch gesture ของ Windows ครบถ้วน
Connector, Thin & Weight
พอร์ตการเชื่อมต่อด้านข้างทั้งสองฝั่งสังเกตว่า MSI จะเน้นให้พอร์ตส่วนใหญ่อยู่ฝั่งขวา เพราะฝั่งซ้ายมือจะมีช่องระบายอากาศจึงมีเพียง 2 พอร์ตเท่านั้น ซึ่งแต่ละฝั่งจะมีพอร์ตดังนี้
- ฝั่งซ้ายจากซ้ายมือ – Kensington Lock, RJ45 LAN, USB-A 3.2
- ฝั่งขวาจากซ้ายมือ – Audio combo, USB-C 3.2 Full Function, USB-A 3.2, HDMI 2.1, DC-in
- การเชื่อมต่อไร้สาย – Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.3
พอร์ตกับการเชื่อมต่อของ MSI Venture A16 AI+ A3HM นับว่ามีให้พอใช้งานทั้งพกไปทำงานนอกสถานที่ก็มี USB-A, USB-C และ HDMI 2.1 ติดมาให้เผื่อต่อโปรเจคเตอร์กับอุปกรณ์เสริมไว้นำเสนองานได้ ถ้าอยู่ออฟฟิศแล้วมี USB-C Hub ติดโต๊ะไว้ก็ช่วยลดความยุ่งยากไปได้มาก
การเชื่อมต่อ Wi-Fi แม้จะเป็นเวอร์ชั่น 6E ไม่ใช่ 7 แบบโน๊ตบุ๊ค MSI รุ่นอื่น มีฟังก์ชั่นต่างๆ น้อยกว่า แต่ในแง่การใช้งานจริงแทบไม่มีความแตกต่างกันมาก ยังเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทำงานได้สะดวกรวดเร็วจนไม่ได้เป็นประเด็นนัก
MSI เคลมน้ำหนัก Venture A16 AI+ ไว้ 1.9 กก. บนหน้าสเปค ซึ่งตรงกับน้ำหนัก 1.95 กก. บนตาชั่งพอดี ถ้ารวมอะแดปเตอร์หัวกลมกำลังไฟ 90W อีก 362 กรัม เข้าไปทั้งหมดจะหนัก 2.37 กก. และเวลาวัดมิติความหนาทั้งด้านหน้าและหลังเครื่องยังไล่เลี่ยกันที่ 23.2~23.3 มม. เสมอกันทั้งคู่ จึงพกใส่กระเป๋าเป้โน๊ตบุ๊คขนาด 16″ ไปไหนมาไหนได้สะดวกสบาย
เมื่อมีพอร์ต USB-C Full Function ติดมาให้ใช้ช่องหนึ่งแล้วอะแดปเตอร์ประจำตัวมีกำลังไฟ 90W แนะนำให้ต่อปลั๊กไว้กับโต๊ะคอมแล้วใช้ปลั๊ก GaN หรือพาวเวอร์แบงค์ 100W กับสาย USB-C สักเส้นก็ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตหมดระหว่างวันเลย
Inside & Upgrade
วิธีการเปิดฝาใต้ MSI Venture A16 AI+ A3HM ทำได้ค่อนข้างง่าย หลังจากขันน็อต Philips Head ทั้ง 12 ดอก เสร็จแล้ว ให้เอานิ้วรั้งตรงช่องระบายความร้อนด้านข้างเครื่องลงมาเล็กน้อยค่อยสอดปิ๊กกีตาร์หรือการ์ดแข็งเข้าไปและบิดงัดเล็กน้อย ฝากับเครื่องจะแยกจากกันทีละน้อย พอไล่จนครบสามด้านก็เพิ่ม RAM เปลี่ยน SSD ได้ตามต้องการ
บนเมนบอร์ดของโน๊ตบุ๊ค MSI แทบทุกรุ่นในปัจจุบันจะมีชิปต่างๆ ติดตั้งไว้หนาแน่นมากจนแทบไม่มีพื้นที่ติดตั้งอินเทอร์เฟสอะไรมากนัก จึงมีเพียงช่องสำหรับ RAM DDR5 สองช่องในกรอบอลูมิเนียมตรงกลางเครื่องและถัดมาทางขวามือมี PCIe 4.0 x4 สำหรับ M.2 NVMe SSD ตัวเดียวเท่านั้น ไม่มีช่องสำหรับไดรฟ์รองแต่ก็ได้ความจุ 1TB ตั้งต้นมาให้เก็บไฟล์งานและติดตั้งโปรแกรมทำงานต่างๆ ได้ ดังนั้นวิธีที่เหมาะกับเครื่องนี้คือซื้อ External SSD มาเก็บไฟล์งานแล้วเปลี่ยน SSD เวลาไดรฟ์หลักเสียหายเปิดเครื่องไม่ได้จะเหมาะกว่า
Performance & Software
ซีพียูของ MSI Venture A16 AI+ A3HM เป็น AMD Ryzen AI 7 350 รุ่นใหม่ล่าสุด มี 8 คอร์ แบ่งเป็นคอร์หลัก Zen 5 ความเร็ว 2-5GHz กับคอร์รอง Zen 5c ความเร็ว 2-3.5GHz อย่างละ 4 คอร์ มีฟังก์ชั่น Simultaneous multithreading (SMT) ทำงานรับส่งข้อมูลไปกลับได้พร้อมกันทั้งหมดจึงมี 16 เธรด จึงทำงานได้ดีตั้งแต่งานเอกสารไปจนรัน AI ก็ได้เพราะ NPU มีกำลังประมวลผล 50 TOPS ยืนพื้นแล้ว สมรรถนะรวมทั้งชิปเซ็ตจะได้ 66 TOPS ทำให้โน๊ตบุ๊คนี้เข้าเงื่อนไขเป็น Copilot+ PC ไปอย่างง่ายดาย
RAM 16GB DDR5 บัส 5600MHz ในเครื่องเป็น SO-DIMM ความจุ 8GB*2 ค่า CL46 ผลิตชิป RAM จาก Samsung จึงใช้งานได้ดี ถ้าจะอัปเกรดเพิ่มก็ได้เพราะหน้าสเปคระบุว่ารองรับความจุมากสุด 96GB DDR5 (48GB*2) ถ้าไม่พอใช้จะอัปเกรดเพิ่มในภายหลังก็ได้
จีพียู AMD Radeon 860M ในชิปเซ็ตมี Shaders 512 Unified พอให้ใช้ทำงานกราฟิคทั่วไปอย่างแต่งภาพหรือตัดต่อวิดีโอสั้นได้ ด้านการเล่นเกมก็ทำได้ดีไม่แพ้กันซึ่ง AMD แนะนำว่าความละเอียดหน้าจอ 1080p กราฟิค Medium จะเหมาะกับจีพียูตัวนี้ที่สุด ตัวชิปเซ็ตรองรับชุดคำสั่ง DirectX 12 API, OpenCL, OpenGL 4.6, DirectCompute, DirectML, Vulkan, Ray Tracing ในตัว
ชิ้นส่วนภายใน MSI Venture A16 AI+ A3HM จากหน้า Device Manager หัวข้อ Security devices นอกจากชิปมาตรฐานของ Windows 11 อย่าง TPM 2.0 แล้ว จะมี AMD PSP 11.0 เสริมเข้ามาควบคู่กับ Microsoft Pluton เพื่อรักษาความปลอดภัยระดับฮาร์ดแวร์เพิ่มเข้ามาป้องกันการเจาะระบบให้รัดกุมขึ้น
โมดูล Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax เป็น AMD RZ616 หรือ MediaTek Filogic 330 รุ่นยอดนิยมสำหรับโน๊ตบุ๊ค AMD ในปัจจุบัน สเปคของมันสามารถเชื่อมต่อ Wi-Fi คลื่น 2.4 GHz / 5 GHz / 6 GHz ได้ มีแบนด์วิดท์ 160MHz มีความเร็ว Data throughput สูงสุด 1.9Gbps ทดสอบวัดความเร็วกับเว็บไซต์ Speedtest by Ookla แล้ว มีความเร็ว Download 830.83 Mbps และ Upload 826.99 Mbps เร็วพอจะอัปโหลดดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ได้ในเวลาสั้นๆ แม้จะไม่ได้ชิป Wi-Fi 7 ก็ตาม แต่เท่านี้ก็เร็วพอใช้งานในชีวิตประจำวันได้สบายมาก
M.2 NVMe SSD ความจุ 1TB เป็นรุ่น Micron 2500 ซึ่งเป็น OEM SSD ยอดนิยมในปัจจุบัน พบในโน๊ตบุ๊คได้หลากหลายกลุ่ม ด้วยสเปคแล้วตัวมันติดตั้ง QLC NAND 232 layer ทำให้ความเร็วรับส่งข้อมูลสูง มีระบบเข้ารหัสข้อมูล AES 256-bit แต่จะรองรับการเขียนอ่านไฟล์ได้มากสุด 300 TBW ซึ่งมากพอจะใช้งานได้นานหลายปีก่อนเสื่อมสภาพ ซึ่งความเร็วจากการทดสอบกับ CrystalDiskMark 9.0.1 จะมีความเร็วดังนี้
| สเปค / ความเร็ว | Read (MB/s) | Write (MB/s) |
| สเปคเคลมโรงงาน | 7,100 | 5,800 |
| Sequential | 6,974.27 | 6,082.5 |
| RND4K | 509.01 | 451.45 |
อิงกับความเร็วจากการทดสอบแล้วไม่มีความจำเป็นจะต้องเปลี่ยน SSD ในเครื่องเป็นรุ่นอื่นแม้แต่น้อย กลับกันแนะนำว่าเอาเงินไปลงกับ External SSD ไว้บันทึกไฟล์งานจะดีกว่า เช่น ADATA SE880, SanDisk Portable SSD หรือ Kingston XS1000 แทนจะสะดวกว่า ไว้ให้ Micron 2500 ดับใช้งานไม่ได้ค่อยเปลี่ยนในภายหลังก็ได้
คะแนนจากการทดสอบกับโปรแกรมทำงานอย่าง PCMark 10 จะเห็นว่า MSI Venture A16 AI+ A3HM จะได้คะแนนเฉลี่ยรวม 4,277 คะแนน แม้คะแนนแต่ละหมวดจะไม่สูงมากเหมือนรุ่นเรือธงก็ตาม แต่พอใช้งานจริงกลับทำได้รวดเร็วดีไม่ว่าจะประชุมงานออนไลน์, ดูหนังฟังเพลง, จัดการเอกสารไปจนถึงตัดต่อภาพนิ่งและวิดีโอก็ได้เช่นกัน
กำลังประมวลผลของ Ryzen AI 7 350 เมื่อทดสอบรันโปรแกรมตระกูล CINEBENCH ทั้ง 3 เวอร์ชั่นเพื่อทดสอบการเรนเดอร์ 3D ซึ่งกำลังประมวลผลของชิปเซ็ตนี้ถือว่าสูงพอให้ใช้ทำงานกราฟิคทั่วไปอย่างตัดต่อแต่งภาพหรือวิดีโอสั้นได้แน่นอน โดยแต่ละการทดสอบเป็นดังนี้
- 2024 – ใช้ทดสอบประสิทธิภาพของซีพียูกับจีพียูอย่างหนักพร้อมกันโดยใช้เอนจิ้น Redshift สำหรับอุตสาหกรรมภาพยนต์ ได้ CPU (Multi-Core) 895 pts และ CPU (Single Core) 117 pts
- R23 – ใช้ทดสอบพลังประมวลผลของซีพียูเป็นหลัก มีความละเอียดและแม่นยำสูง ได้คะแนน Multi Core 16,419 pts และ Single Core อีก 1,991 pts
- R20 – ใช้ทดสอบกำลังประมวลผลของซีพียูเป็นหลัก ได้คะแนน CPU 6,432 pts
ด้านการเรนเดอร์โมเดล 3D ด้วย Blender Benchmark ทดสอบว่าภายใน 1 นาที ซีพียูกับจีพียูจะเรนเดอร์โมเดลออกมาได้กี่ Sample ถ้าทำได้มากยิ่งดี โดยแต่ละการทดสอบจะเป็นดังนี้
| Test / Sample (ยิ่งมากยิ่งดี) | Ryzen AI 7 350 | Radeon 860M |
| monster | 99 | 93 |
| junkshop | 71 | 19 |
| classroom | 50 | 44 |
คะแนนการทดสอบการทำงานกับโปรแกรมตระกูล Geekbench ทั้ง 3 เวอร์ชั่น กับซีพียู AMD Ryzen AI 7 350 ใน MSI Venture A16 AI+ A3HM นับว่าทำได้ดีทีเดียว ถ้าสังเกตจะเห็นว่าคะแนนแบบ Single-Core ทำได้ดีขึ้นมากพอจะใช้ทำงานต่างๆ ได้ โดยคะแนนจากการทดสอบแต่ละเวอร์ชั่นจะเป็นดังนี้
- Geekbench 6 – ใช้ทดสอบว่าซีพียูสามารถประสานงานกับหน่วยความจำในเครื่องได้ดีหรือไม่ โดยจำลอง workloads งานประเภทการบีบอัดข้อมูล (data compression), การประมวลผลภาพ (image processing), Machine Learning และ Compile code มาทดสอบ
- Windows AVX2 (Advanced Vector Extension 2) ชุดคำสั่งเสริมจาก AVX พื้นฐาน ใช้ทดสอบคำนวน vector integer ได้รวดเร็วหรือไม่ ถ้าเป็น Single-Core ทำได้ 2,505 คะแนน และ Multi-Core ได้ 9,261 คะแนน
- Geekbench ML ทดสอบด้วย ONNX CPU – ใช้ทดสอบว่าฮาร์ดแวร์ชิ้นนั้นสามารถใช้งานโปรแกรม Machine Learning ได้ดีหรือไม่ ในส่วนนี้ทำได้ 2,703 คะแนน
- Geekbench AI – คำนวณว่าซีพียูสามารถรันการทำงานกับโปรแกรม AI ต่างๆ ได้แม่นยำหรือรวดเร็วหรือไม่ แบ่งเป็น Single Precision เน้นความเที่ยงตรง, Half precision เน้นความเร็วมากขึ้นและลดความแม่นยำลง และ Quantized Score เน้นความเร็วแต่ไม่แม่นยำนัก
- ONNX ได้คะแนน Single Precision 2,376 คะแนน, Half precision 1,286 คะแนน และ Quantized Score 6,280 คะแนน
- OpenVINO ได้ Single Precision 3,551 คะแนน, Half precision 3,405 คะแนน และ Quantized Score 10,810 คะแนน
จีพียู AMD Radeon 860M จะได้คะแนนดังนี้
- Geekbench 6 – ใช้ทดสอบว่าจีพียูสามารถประสานงานกับหน่วยความจำในเครื่องได้ดีหรือไม่ โดยจำลอง workloads งานประเภทการบีบอัดข้อมูล (data compression), การประมวลผลภาพ (image processing), Machine Learning และ Compile code มาทดสอบ
- OpenCL, Windows AVX2 (Advanced Vector Extension 2) ชุดคำสั่งเสริมจาก AVX พื้นฐาน ใช้ทดสอบ vector integer ด้วย OpenCL framework ทำได้ 19,153 คะแนน
- Vulkan, Windows AVX2 (Advanced Vector Extension 2) ชุดคำสั่งเสริมจาก AVX พื้นฐาน ใช้ทดสอบคำนวน vector integer ด้วย Vulkan framework ทำได้ 21,527 คะแนน
- Geekbench ML ทดสอบด้วย ONNX DirectML – ใช้ทดสอบว่าฮาร์ดแวร์ชิ้นนั้นสามารถใช้งานโปรแกรม Machine Learning ได้ดีหรือไม่ ในส่วนนี้ทำได้ 4,153 คะแนน
- Geekbench AI ทดสอบว่าสามารัน AI ได้ดีหรือไม่
- ONNX DirectML – Single Precision 5,237 คะแนน, Half precision 8,389 คะแนน และ Quantized Score 3,841 คะแนน
จากการทดสอบกับโปรแกรมทั่วไปแล้ว สรุปได้ว่า MSI Venture A16 AI+ A3HM เหมาะกับงานธุรการทั่วไปตั้งแต่งานเอกสาร, บัญชี, ทำคอนเทนต์ดูแลเพจไปจนตัดต่อวิดีโอและแต่งภาพได้ดี หรือจะพกไปทำงานนอกสถานที่พบลูกค้าก็เหมาะเหมือนกัน
นอกจากใช้ทำงาน MSI Venture A16 AI+ A3HM ก็เล่นเกมฆ่าเวลาได้ไม่ใช่แค่เล่นเกม 8-bit แต่เป็นเกมชั้นนำได้สบายมาก มีเงื่อนไขว่าควรตั้งความละเอียดหน้าจอไว้ระดับ 1080p ตั้งค่ากราฟิคไว้ระดับ Medium และถ้าเปิด AMD FidelityFX Super Resolution “AMD FSR” เสริมอีกต่อก็จะเล่นได้ไหลลื่น เริ่มจากการทดสอบกับโปรแกรมตระกูล 3DMark จะได้ผลดังนี้
- Fire Strike Extreme (จำลองการเล่นเกมชั้นนำบนหน้าจอความละเอียด QHD ใช้ DirectX 11 API) – คะแนนเฉลี่ย 2,655 คะแนน แยกเป็น Graphics score 2,798 คะแนน, Physics score 12,889 คะแนน, Combined score 1,032 คะแนน
- Time Spy (จำลองการเล่นเกมชั้นนำบนหน้าจอความละเอียด QHD ใช้ DirectX 12 API) – คะแนนเฉลี่ย 2,650 คะแนน แยกเป็น CPU score 6,343 คะแนน Graphics score 2,404 คะแนน
- Time Spy Extreme (จำลองการเล่นเกมชั้นนำบนหน้าจอความละเอียด UHD ใช้ DirectX 12 API) – คะแนนเฉลี่ย 1,201 คะแนน แยกเป็น CPU score 2,872 คะแนน Graphics score 1,090 คะแนน
- Steel Nomad (จำลองการเล่นเกมชั้นนำบนหน้าจอความละเอียด UHD ใช้ DirectX 12 API) – คะแนนเฉลี่ย 338 คะแนน ได้ Graphics test 3.39 FPS
แม้ AMD จะแนะนำให้เล่นบนความละเอียด 1080p ก็ตาม แต่มั่นใจว่ามีผู้ใช้หลายคนต้องเปิดเล่นบนความละเอียด 2K ของ Venture A16 AI+ อย่างแน่นอน ซึ่งเฟรมเรทเฉลี่ยของแต่ละเกมจะยืนพื้นอยู่ในระดับ 24~30 FPS ขึ้นไปโดยไม่เปิด AMD FSR เสริม แต่ถ้าใช้ก็จะทำให้ภาพของแต่ละเกมลื่นไหลขึ้นพอให้เล่นฆ่าเวลาได้เลย และลดอาการเฟรมเรทลดกะทันหันจนกระตุกไปได้ด้วย ซึ่งเวลาเล่นแต่ละเกมเป็นดังนี้
- Forza Horizon 5 – ตัวเกมได้ Optimize มาเป็นอย่างดี สามารถเล่นได้ลื่นไหลไม่มีอาการภาพหน่วงหรือช้าไม่ว่าจะวิ่งผ่านฉากในป่า เจอฝุ่นหนาหรือน้ำก็ไม่มีปัญหา สามารถควบคุมรถได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าอยากให้เฟรมเรทเพิ่มขึ้น จะปรับจาก FSR Quality เป็น Balanced ก็ช่วยได้มากแล้ว
- Red Dead Redemption II – เล่นได้เป็นอย่างดีแต่บางจังหวะเวลาเจอฉากต้นไม้หรือพื้นที่กว้างแล้ว เฟรมเรทจะลดลงบ้าง แต่โดยรวมสามารถเล่นได้ไม่มีปัญหาเวลาเดินเนื้อเรื่องหรือปะทะศัตรูก็ตาม แต่แนะนำให้เปิด AMD FSR Quality เสริมเสมอ จะเล่นได้ดีมาก
- Black Myth: Wukong – ตัวเกมขาดการ Optimize และพึ่งพา Upscalling และ Frame Generation มากเกินไป ถ้าไม่เปิด FSR Upscalling ภาพจะไม่ลื่นไหลเลยแถมเฟรมเรทยังตกจนกระตุกได้ด้วย ถ้าเปิดทั้งสองอย่างถึงจะเล่นได้เหมือนเกมอื่นที่ไม่ได้ใช้ AI เข้ามาช่วย
- Call of Duty: Modern Warfare II – สามารถเล่นได้ทั้งโหมดเนื้อเรื่องและ Warzone เพราะผู้พัฒนาปรับแต่งมาดี แม้จะเล่นบนความละเอียด 2K และไม่เปิด AMD FSR ช่วย เฟรมเรทเฉลี่ยยังยืนพื้น 30 FPS ได้สบายมาก ยิ่งถ้าตั้งค่าตามคำแนะนำของ AMD จะยิ่งเล่นได้ดีกว่านี้
ด้านซอฟท์แวร์ตั้งค่า MSI Venture A16 AI+ A3HM ก็ยังเป็น MSI Center S ซึ่งถูกปรับแต่งจากเวอร์ชั่นก่อนหน้าให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม ในหน้าแรกจะรวมการตั้งค่าทั่วไปและระบบมอนิเตอร์ตัวเครื่องว่าเรียกใช้ทรัพยากรตัวเครื่องเท่าไหร่จะดูในส่วนนี้ได้ ถัดมาเป็น AI Zone จะเรียกใช้ฟังก์ชั่นร่วมกับ AI ได้และ Support จะใช้ตรวจสอบและโหลดเฟิร์มแวร์ใหม่มาอัปเดตให้ตัวเครื่องทำงานดีขึ้นและติดต่อทาง MSI ได้โดยตรงด้วย
Battery & Heat & Noise
แบตเตอรี่ใน MSI Venture A16 AI+ A3HM เป็นแบบลิเธียมโพลีเมอร์ความจุ 75Whr จากบริษัท Atemitech วัดเป็น Typical capacity ได้ 4,850mAh (75Whr) และ Rated capacity ได้ 4,680mAh (72.4Whr) มีความกว้างพอควรและประกบคั่นด้วยก้านพลาสติกคู่เพื่อประคองแบตให้อยู่กับที่และทำให้ตัวเครื่องรู้สึกแน่นยิ่งขึ้นด้วย
ข้อดีของการใช้ซีพียู AMD Ryzen AI 300 Series ใหม่ ทั้งเรื่องสมรรถนะดีพอให้ทำงานต่างๆ ได้แล้ว ยังจัดการพลังงานได้ดีทีเดียวโดยระยะเวลาใช้งานด้วยแบตเตอรี่จะอยู่ได้นานถึง 8 ชม. 35 นาที ตามการทดสอบของทางเว็บไซต์ โดยลดความสว่างหน้าจอ 50% เปิดเสียงลำโพง 10% ใช้โหมด ECO-Silent แล้วดูคลิป YouTube นาน 30 นาทีด้วย Microsoft Edge เป็นผลจากคอร์รอง Zen 5c ซึ่งสมรรถนะรองจากคอร์หลักอย่าง Zen 5 เล็กน้อย แต่ได้เปรียบเรื่องการจัดการพลังงานได้ดีกว่าอย่างชัดเจน
ระยะเวลาการใช้งานระดับนี้ ทั้งนานพอให้ใช้ประชุมประจำวันทั่วไปจนกระทั่งระดับ Town hall ได้สบายและยกกลับไปต่อที่โต๊ะทำงานได้สบายมาก ยิ่งใครเป็นตำแหน่งเซลส์หรืองานที่ต้องไปพบปะลูกค้าเป็นประจำก็ไม่ต้องลำบากหาช่องเสียบปลั๊กหรือต่อพาวเวอร์แบงค์ให้เสียจังหวะ สามารถใช้จนจบการประชุมแล้วค่อยต่อชาร์จในภายหลังก็ยังได้
ส่วนชุดระบายความร้อนใน MSI Venture A16 AI+ A3HM จะเป็นฮีตไปป์ 3 เส้นประกบซีพียูตรงมายังฮีตซิ้งค์ 2 ชิ้น หน้าพัดลมโบลวเวอร์เพื่อระบายความร้อนออกจากเครื่อง โดยให้เส้นใหญ่ประกบซีพียูแล้วตรงมายังฮีตซิ้งค์ทั้งสองตัวโดยตรงและมีเส้นเล็กสำหรับชิปเซ็ตต่างๆ ตรงมายังซิ้งค์ด้านหลังเครื่องเพื่อระบายความร้อนออกไป
เรื่องอุณหภูมิเวลาใช้งานจริงไม่ได้สูงจนรบกวนผู้ใช้แน่นอน ถ้าดูจากเลเซอร์วัดอุณหภูมิพื้นผิวจะเห็นว่าอุณหภูมิตามมุมต่างๆ ของเครื่องอยู่ในช่วง 26~39 องศาเซลเซียสเท่านั้น เทียบกับอุณหภูมิผิวมนุษย์ซึ่งอยู่ในช่วง 33.5~36.9 องศาเซลเซียสแล้ว สามารถใช้งานได้แน่นอน ส่วนภายในเครื่องเมื่อวัดกับโปรแกรม CPUID HWMonitor จะเห็นว่าซีพียูเวลาทำงานเต็มกำลังจะขึ้นไปได้สูงเกือบร้อยองศาก็จริง แต่เพียง 1-2 วินาทีเช่นกันแล้วลดลงมาเหลือ 80-90 องศาเซลเซียสตามปกติและจะเกิดก็ต่อเมื่อรันโปรแกรมใหญ่ราว Adobe Photoshop, Lightroom เท่านั้น จึงไม่ต้องกังวลแล้วใช้งานไปได้ตามปกติเลย
| ชิ้นส่วน / อุณหภูมิ | อุณหภูมิต่ำสุด (เซลเซียส) | อุณหภูมิสูงสุด (เซลเซียส) |
| CPU (Package) | 36 | 97.3 |
| CPU (CCD #0) | 22 | 22 |
| RAM 1 | 40.5 | 60 |
| RAM 2 | 41.5 | 62.8 |
| SSD | 37 | 69 |
เสียงของพัดลมระบายความร้อนเวลาทำงานเต็มกำลังแล้ววัดด้วยเครื่องวัดเสียงจะเห็นว่าด้านหน้าเครื่องมีความดัง 54.2dB และหลังเครื่อง 60.8dB เท่านั้น เทียบแล้วเท่ากับเสียงพูดคุยของมนุษย์ตามปกติ ดังนั้นถ้าหยิบไปทำงานในร้านกาแฟ, Co-working space หรือใช้ในออฟฟิศแล้วใช้งานเต็มกำลังก็ไม่รบกวนผู้อื่นเกินไป อาจจะได้ยินเสียงบ้างแต่ก็ใส่หูฟังเพื่อตัดเสียงรบกวนไปได้เช่นกัน
User Experience
ในภาพรวมแล้วกล่าวได้ว่าทาง MSI จริงจังกับ Venture Series และทำการบ้านมาค่อนข้างดีว่าต้องจัดสเปคแบบไหนและให้ฟีเจอร์อะไรมาบ้าง ซึ่ง MSI Venture A16 AI+ A3HM นับว่าครบเครื่องไม่ว่าจะเซ็ตอัพเป็นคอมตั้งโต๊ะก็ต่อ USB-C Hub แล้วได้ทันทีและมีเซนเซอร์อินฟาเรดไว้สแกนใบหน้าเพื่อรักษาความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวติดมาให้ ถ้าพกไปทำงานนอกสถานที่ ประชุมและนำเสนองานกับลูกค้าก็ง่ายแค่กางหน้าจอให้แบนราบขนานกับพื้นโต๊ะและกดปุ่มพลิกหน้าจอกลับได้ทันที ถ้านำเสนองานตัวต่อตัวก็ไม่ต้องคอยหันจอกลับไปมาให้เสียเวลา ช่วยให้ทำงานสะดวกขึ้นมาก แถมหน้าจอก็มีขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 จึงทำงานกราฟิคได้อีก เป็นคอมเครื่องเดียวรับจบงานออฟฟิศได้หลากหลายอย่างมาก
นอกจากฟีเจอร์อำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้แล้ว ต้องยกความดีให้หัวใจหลักของเครื่องนี้อย่าง AMD Ryzen AI 7 350 ซึ่งใช้งานได้ดีทีเดียว แม้ผลการทดสอบกับโปรแกรม Benchmark จะอยู่ในระดับทั่วไปไม่ได้สูงหวือหวามาก แต่ในแง่การใช้งานจริงกลับทำได้ดีตั้งแต่ทำงานเอกสารไปจนแต่งภาพรวมถึงตัดต่อวิดีโอสั้นเพื่ออัปโหลดได้สบายมาก เพราะคอร์ Zen 5 กับ Zen 5c พร้อมชุดคำสั่งใหม่ทำงานได้รวดเร็วไม่เกิดปัญหาหรืออาการช้าหน่วงระหว่างใช้งานแม้แต่น้อย
นอกจากเรื่องงาน จีพียูของ AMD Radeon 860M ก็มีประสิทธิภาพสูงพอให้ใช้เล่นเกมชั้นนำในปัจจุบันได้แน่นอนและภาพยังลื่นไหลด้วย แต่ก็ยังควรเล่นบนความละเอียด 1080p Medium และใช้ AMD FSR เสริมเข้ามาภาพจะลื่นไหลต่อเนื่องกว่า ถ้าเล่นบนความละเอียด 2K ของ MSI Venture A16 AI+ A3HM ถึงจะเล่นได้ก็จริงแต่เฟรมเรทจะลดไปบ้างแต่ยังแก้ทางด้วย AMD FSR ได้อยู่ โดยส่วนตัวเวลาใช้ FidelityFX Super Resolution จะปรับใช้งานในโหมด Quality แล้วปิด Frame Generation จึงได้เฟรมเรทตามกราฟการทดสอบข้างต้น ดังนั้นถ้าใครเน้นใช้แบบ Balanced หรือ Performance ก็จะได้เฟรมเรทดีกว่านี้อย่างแน่นอนและแนะนำให้เปิด AMD Software: Adrenalin Edition แล้วตั้งค่าเปิดใช้ฟีเจอร์เพิ่มเติมให้แต่ละเกมด้วยก็จะเล่นได้ดีขึ้นแน่นอน
ข้อสังเกตของ MSI Venture A16 AI+ A3HM โดยหลักๆ มีเพียงเรื่องช่องอินเทอร์เฟส PCIe 4.0 x4 ของ M.2 NVMe SSD ซึ่งถ้าสังเกตบนเมนบอร์ดก็เข้าใจได้ เพราะบนนั้นมีชิปและชิ้นส่วนต่างๆ มากมายจนแทบหาพื้นที่ว่างไม่ได้อยู่แล้ว ดังนั้นการแก้เกมโดยใส่ไดรฟ์ 1TB ไว้ติดตั้งโปรแกรมกับเกมก็ถือว่ายอมรับได้ ดังนั้นถ้าจะซื้อขอให้ประเมินก่อนว่า RAM 16GB พอใช้งานหรือไม่ ถ้าใช่ก็เอาเงินไปลงกับ External SSD ได้เลย หรือไม่ก็ค่อยเติม RAM ไป 32GB ในภายหลังก็ไม่เสียหาย
Conclusion & Award
MSI Venture A16 AI+ A3HM เหมาะกับคนต้องการเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คทำงานเครื่องใหม่ ขยับจากรุ่นราคาประหยัดมาใช้ของดีขึ้นโดยไม่ต้องจ่ายแพงนัก เพราะ MSI ยกฟีเจอร์จากรุ่นพรีเมี่ยมมาหลายอย่างตั้งแต่วัสดุงานประกอบตัวเครื่องแข็งแรงทนทาน, กล้องสแกนใบหน้า, USB-C Full Function รวมถึงหน้าจอ OLED ขอบเขตสีกว้างด้วย ได้คุณภาพการทำงานดีไม่แพ้รุ่นพรีเมี่ยมแต่ราคายังให้นักศึกษาจบใหม่ผ่อนชำระรายเดือนได้ไม่ลำบากมากและใช้งานได้ยาวนานหลายปีจนปรับเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้นได้ด้วยซ้ำ ถ้าใครจะเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คอยู่แล้วยอมจ่ายแพงขึ้นสักนิดให้ได้ได้ใช้ของดีเพื่อให้ทำงานได้สะดวกรวดเร็วขึ้น เจ้าเครื่องนี้เป็นคำตอบที่ไม่ควรมองข้ามแม้แต่น้อย
Award
ฟีเจอร์เสริมความสะดวกเวลาทำงานของ MSI Venture A16 AI+ A3HM นั้นมีให้ใช้ครบเครื่องไม่แพ้กับรุ่นเรือธง ไม่ว่าจะเซนเซอร์สแกนใบหน้าเหนือจอ OLED ขอบเขตสี 100% DCI-P3 แล้วยังกางหน้าจอได้ราบขนานกับพื้นโต๊ะถือว่าน่าสนใจมาก แถมได้ USB-C Full Function ติดมาให้เอาอะแดปเตอร์ GaN 100W ต่อใช้ได้ก็ช่วยลดน้ำหนักข้าวของในกระเป๋าไปได้มาก
แม้บางคนจะมองข้าม AMD Ryzen AI 7 350 ไปบ้างเพราะ Ryzen AI 9 Series ดูน่าสนใจกว่า แต่ชิปตัวนี้ก็มีความน่าใช้ในตัวของมันเองทั้งทำงานทั่วไปได้ดีและเล่นเกมได้เมื่อต้องการ ถือว่าเป็นชิปอีกรุ่นที่ไว้ใจได้ ทำงานดีน่าประทับใจแน่นอน
Gallery
