
Microsoft กำลังตกเป็นประเด็นอีกครั้ง หลังจากมีรายงานว่า Windows 11 ถูกเสนอให้อัปเกรดบนเครื่องที่ไม่ผ่านข้อกำหนดขั้นต่ำ โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่มีการเปิดใช้งาน TPM ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเงื่อนไขหลักที่ระบุชัดว่า “จำเป็น” สำหรับการติดตั้ง
เหตุการณ์นี้อาจสื่อถึงปัญหาภายใน หรือเป็นการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่ Microsoft ยังไม่ได้เปิดเผย
ผู้ใช้พบว่าถูกเสนอให้อัปเกรดแม้ไม่มี TPM
ข้อมูลนี้มาจากรายงานของบล็อกข่าว Borncity จากประเทศเยอรมนี ซึ่งระบุว่ามีผู้อ่านคนหนึ่งใช้โน้ตบุ๊ก Lenovo IdeaPad S145-15IWL ที่ภายในติดตั้ง Intel Core i5 Gen 8 ซึ่งเป็นซีพียูที่อยู่ในรายการรองรับการอัปเกรด
อย่างไรก็ตาม เจ้าของเครื่องตั้งใจ ปิด TPM ผ่าน BIOS เพื่อหลีกเลี่ยงการอัปเกรดเป็น Windows 11 แบบ in-place
แต่กลับพบว่า หลังติดตั้งอัปเดต KB5001716 ระบบกลับแสดงตัวเลือกให้อัปเกรด โดยไม่มีข้อแม้ ทั้งที่ TPM ยังไม่ได้เปิดใช้งานแต่อย่างใด

อัปเดต KB5001716 มีผลหรือไม่?
KB5001716 เป็นอัปเดตที่ Microsoft ใช้กระตุ้นให้ผู้ใช้ Windows 10 อัปเกรดไปยังเวอร์ชันใหม่ ซึ่งโดยปกติจะทำงานเบื้องหลังแบบเงียบ ๆ
แต่หลังจากมีรายงานจาก Neowin ก่อนหน้านี้ Microsoft ก็ยืนยันว่าจะปรับวิธีการทำงานของอัปเดตนี้ ไม่ให้ติดตั้งแบบอัตโนมัติ อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าตัวอัปเดตนี้ยังคงมีผลกระตุ้นการแจ้งเตือนอัปเกรด Windows เวอร์ชันใหม่อยู่ในบางกรณี แม้จะอยู่บนเครื่องที่ไม่ตรงตามเงื่อนไข
Microsoft เคยย้ำชัดเรื่อง TPM
Microsoft เคยระบุว่า TPM (Trusted Platform Module) คือมาตรฐานที่จำเป็นสำหรับ Windows 11 และไม่สามารถต่อรองได้ เนื่องจากช่วยเพิ่มความปลอดภัยของระบบอย่างมาก เช่น:
- ป้องกันมัลแวร์ระดับลึก
- สนับสนุนการเข้ารหัส BitLocker
- ยืนยันความถูกต้องของระบบปฏิบัติการ
การที่เสนอให้อัปเกรดบนเครื่องที่ไม่มี TPM จึงขัดกับแนวทางที่ Microsoft วางไว้ตั้งแต่แรก
อาจเป็นเพราะบั๊ก หรือ BIOS?
มีความเป็นไปได้ว่าเหตุการณ์นี้เกิดจาก:
- บั๊กของระบบอัปเดต
- หรืออาจมีการตั้งค่าอื่นใน BIOS ที่ทำให้เครื่องถูกมองว่า “ผ่านเงื่อนไข”
- หรือ Microsoft อาจกำลังทดสอบระบบบางอย่างลับ ๆ อยู่
แม้จะยังไม่มีคำชี้แจงชัดเจน แต่เหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต โดยในปี 2023 มีผู้ใช้ในฟอรั่ม Neowin ที่ชื่อว่า warwagon ก็สามารถอัปเกรดบนเครื่องที่ไม่ตรงสเปกได้เช่นกัน
ควรอัปเกรดหรือไม่?
แม้จะมีวิธีให้ติดตั้งบนเครื่องที่ไม่ผ่านข้อกำหนด (เช่นใช้ Media Creation Tool ดัดแปลง), แต่ผู้ใช้ควรพิจารณาให้รอบคอบ เพราะ:
- Microsoft ไม่รับประกันประสิทธิภาพ
- อาจไม่ได้รับอัปเดตความปลอดภัยในอนาคต
- ไม่มีการรับรองการทำงานร่วมกับไดรเวอร์หรือฮาร์ดแวร์
หากเครื่องของคุณยังใช้ Windows 10 ได้อย่างราบรื่น อาจไม่จำเป็นต้องรีบเปลี่ยนไปใช้เวอร์ชันใหม่ หากยังไม่แน่ใจ
วิธีตรวจสอบว่าเครื่องรองรับหรือไม่
Microsoft มีเครื่องมือฟรีที่เรียกว่า PC Health Check สำหรับตรวจสอบว่าเครื่องคุณสามารถอัปเกรดได้หรือไม่ ดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ของ Microsoft โดยตรง

หากพบว่าขาดเพียง TPM หรือ Secure Boot อาจลองตรวจสอบที่ BIOS ว่าฟีเจอร์เหล่านั้นถูกปิดไว้หรือไม่
สรุป
การที่ Windows 11 ถูกเสนอให้กับเครื่องที่ไม่มี TPM ยังคงเป็นเรื่องน่าสงสัย และสร้างคำถามว่า Microsoft กำลังทดสอบอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่บั๊กที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ผู้ใช้ควรตัดสินใจโดยคำนึงถึงความเสถียรและความปลอดภัยเป็นหลัก และอย่าลืมว่า Windows 10 จะได้รับการสนับสนุนไปจนถึงเดือนตุลาคม ปี 2025
ที่มา: Neowin





