ASUS ROG Zephyrus G14 GA403 Gaming Notebook น้ำหนักเบาพกง่าย แต่แรงพอตัวด้วย Ryzen 9 กับ GeForce RTX 50 Series
เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเกรดพรีเมี่ยมอย่าง ASUS ROG Zephyrus G14 GA403 เป็นรุ่นต่อยอดจาก ROG Zephyrus G14 ในปีก่อน แม้ว่าตัวเครื่องภายนอกไม่ได้ปรับเปลี่ยนดีไซน์อะไรมากและยังใช้กับวัสดุอลูมิเนียม CNC สวยแข็งแรงและให้สัมผัสเวลาจับใช้งานสมความพรีเมี่ยม ติดไฟ LED “Slash Lighting” ไว้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้านหลังเครื่องเช่นเดิม ด้านชิปเซ็ตถูกยกเครื่องใหม่ ติดตั้ง AMD Ryzen 200 Series ให้ใช้ทำงานครีเอทีฟได้เป็นอย่างดีรอบด้านตั้งแต่งานเอกสาร, แต่งภาพตัดต่อวิดีโอไปจนปั้นโมเดล 3D ก็ทำได้เร็วแรงและเหน็บ Ryzen AI NPU มาให้เผื่อเจ้าของต้องการรัน AI ได้ จับคู่กับ NVIDIA GeForce RTX 50 Series รุ่นล่าสุดที่มีฟีเจอร์ใหม่เสริมมาให้ใช้มากมาย จะใช้ทำงานกราฟิคหรือเปิดเล่นเกมก็ดีแล้วไม่ต้องกังวลเรื่องอุณหภูมิเพราะชุดระบายความร้อน ROG Intelligence Cooling นี้ ก็ยังใช้โลหะเหลวนำความร้อนของ Thermal Grizzly เช่นเดิม เวลาทำงานเต็มที่ก็ยังทำงานได้ดีประสิทธิภาพไม่ลดลงแม้แต่น้อย
นอกจากสเปค องค์ประกอบของ ASUS ROG Zephyrus G14 GA403 ก็ยังคงมาตรฐานไว้ดีเช่นเดิม หน้าจอ OLED นี้ยังมีขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ความเที่ยงตรงสีระดับ Delta-E <1 และได้การการันตีจาก PANTONE และรองรับการแสดงผล Dolby Vision HDR เช่นเดิม มีพอร์ต USB-C Full Function มาให้โอนไฟล์ด้วยความเร็วสูง, ต่อหน้าจอแยกและชาร์จไฟได้ในตัว เสริมด้วยเซนเซอร์สแกนใบหน้าเพื่อความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวกับลำโพง 6 ดอก ปรับจูนเสียงรองรับ Dolby Atmos ให้เสียงดังฟังชัดทั้งฟังเพลงและ Podcast ก็เหมาะ ซึ่งทั้งหมดนี้แพ็ครวมอยู่ในบอดี้บาง 1.6 ซม. เบา 1.5 กก. เท่านั้น เป็นมิตรต่อสายเดินทางพกคอมติดตัวไปพบลูกค้าหรือ Business trip ต่างประเทศได้สบายและเปิดเล่นเกมฆ่าเวลาได้ด้วย
NBS Verdicts
ASUS ROG Zephyrus G14 GA403 เป็นการพบกันตรงกลางระหว่างโน๊ตบุ๊คบางเบาเพื่อคนทำงานกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพสูงได้ลงตัว ได้ซีพียู AMD Ryzen 9 270 กับ NVIDIA GeForce RTX 5050 และ RAM 32GB LPDDR5X ให้ใช้เล่นเกมออนไลน์ไปจนเกมชั้นนำในปัจจุบันได้หมดและมี Multi Frame Generation ให้เปิดใช้เพื่อเร่งเฟรมเรทเพิ่มความลื่นไหลต่อเนื่อง ด้านชุดระบายความร้อน ROG Intelligence Cooling ก็ทำงานได้ดี เวลาเล่นเกมต่อเนื่องนานๆ หลายชั่วโมงประสิทธิภาพก็ไม่ลดลงสักนิด
ถ้าใช้ ASUS ROG Zephyrus G14 GA403 เป็นโน๊ตบุ๊คทำงานออฟฟิศไม่ว่าจะฝั่งธุรการก็ไม่มีปัญหา งานกราฟิคก็ได้จอ ROG Nebula Display ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ค่า Delta-E <1 พร้อมการการันตีจาก PANTONE Validated รับรองแล้วว่าสีสันบนหน้าจอเที่ยงตรงสมจริงใช้ทำงานครีเอทีฟได้ทุกแบบ ยิ่งใครเป็นช่างภาพและวิดีโอ ต้องพกกล้องและคอมไปทำงานนอกสถานที่ยิ่งได้ประโยชน์เพราะข้างเครื่องมี MicroSD card reader ติดมาให้ใช้โอนไฟล์ฟุตเทจเข้ามาทำงานต่อได้ทันทีหรือเป็นเซลส์และ AE ก็ได้เปรียบเรื่องเครื่องเบาพกสบายไหล่ หยิบออกมาประชุมงานกับลูกค้าก็ดูดีเสริมบุคลิคเจ้าของไปในตัว แถมมีกล้องอินฟาเรดไว้สแกนใบหน้าเจ้าของเพื่อปลดล็อคเครื่องได้สะดวกรวดเร็วและปลอดภัยกว่าการพิมพ์รหัสผ่านมาก
ถึงจะสวยงามและน่าใช้เท่าไหร่ แต่ ASUS ROG Zephyrus G14 GA403 ก็ยังมีข้อสังเกตอยู่พอควร ทั้งอัปเกรดได้จำกัดเพราะมี M.2 NVMe SSD เพียงช่องหลักเท่านั้น ถ้าเปลี่ยนไดรฟ์คือถอดเปลี่ยนตัวหลักอย่างเดียว แถมแบตเตอรี่ยังมีความจุ 73Whr เท่าเดิม พอใช้งานจริงแล้วระยะเวลาใช้งานจะเหลือเพียง 4 ชม. ครึ่ง เพิ่มจากรุ่นก่อนมาราวสามสิบนาททีพอใช้ประชุมงานตามปกติและ Town hall ได้ แต่ใช้งานปกติไม่จบวันจึงควรมีพาวเวอร์แบงค์หรืออะแดปเตอร์ GaN 100W เผื่อไว้ และถ้าเป็นไปได้ก็หวังว่าทาง ASUS จะอัปเกรดพาเนล OLED นี้ให้มีค่า Refresh Rate สูงกว่า 120Hz ก็จะดีมาก
ข้อดีของ ASUS ROG Zephyrus G14 GA403
- AMD Ryzen 9 270 มีประสิทธิภาพสูง ใช้ทำงานและเล่นเกมได้ดี
- ซีพียูมี AMD Enhanced Virus Protection (NX bit) เสริมเข้ามาเพื่อความปลอดภัย
- NVIDIA GeForce RTX 5050 รุ่นใหม่ใช้เล่นเกมเปิด Multi Frame Generation ได้
- ชุดระบายความร้อน ROG Intelligence Cooling ใช้โลหะเหลวช่วยระบายความร้อนได้ดี
- ติดตั้ง RAM 32GB LPDDR5X มาให้พร้อมใช้ทำงานและเล่นเกมได้ดี
- หน้าจอ ROG Nebula Display มีขอบเขตสี 100% DCI-P3 ได้รับการันตี PANTONE
- หน้าจอรองรับการแสดงผล Dolby Vision HDR และ NVIDIA G-SYNC
- บอดี้เครื่องเป็นอลูมิเนียม CNC ได้ความแข็งแรงทนทานงานประกอบระดับพรีเมี่ยม
- ลำโพงชุดหลัก 4 ดอก และทวีตเตอร์คู่รองรับ Dolby Atmos ใช้ดูหนังและฟังเพลงได้ดี
- ขอบบนหน้าจอมีกล้องสแกนใบหน้าติดตั้งมาให้ยืนยันตัวปลดล็อคเครื่องได้ง่ายและเร็ว
- ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบาเพียง 1.5 กก. พกพาง่ายและบางเพียง 1.6 ซม. เท่านั้น
- มีพอร์ต USB-C Full Function ติดตั้งมา 2 ช่อง ใช้เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ได้มาก
- เชื่อมต่อไร้สายได้รวดเร็วด้วย Wi-Fi 7 มาตรฐาน 802.11be รองรับ Bluetooth 5.4
- ติดตั้งปุ่มมาโคร M1-M4 มาให้ตั้งค่าคีย์ลัดใช้งานได้สะดวกรวดเร็ว
- กด Fn+Win เพื่อใช้ฟังก์ชั่น Windows Lock เวลาเล่นเกมได้
- คีย์บอร์ดเป็น AURA SYNC RGB ปรับเปลี่ยนแสงเอฟเฟคได้หลากหลายแบบ
- ฝาหลังเป็นไฟ LED “Slash Lighting” เล่นเอฟเฟคเพื่อความสวยงามได้
ข้อสังเกตของ ASUS ROG Zephyrus G14 GA403
- GeForce RTX 5050 ใช้เล่นเกมบนจอความละเอียด 3K ได้ แต่ต้องใช้ Frame Generation
- อัปเกรดเปลี่ยนได้เฉพาะ M.2 NVMe SSD ตัวหลักอันเดียวเท่านั้น ชิ้นส่วนอื่นเป็นออนบอร์ด
- แบตเตอรี่ 73Whr ใช้งานได้นานสุดราว 4 ชม. 30 นาที พอใช้เข้าประชุมได้แต่ใช้ได้ไม่จบวัน
- ค่า Refresh Rate ของหน้าจอเพียง 120Hz เท่านั้น หากได้ 144-165Hz ก็จะดีขึ้น
รีวิว ASUS ROG Zephyrus G14 GA403
- Specification
- Hardware & Design
- Screen & Speaker
- Keyboard & Touchpad
- Connector, Thin & Weight
- Inside & Upgrade
- Performance & Software
- Battery & Heat & Noise
- User Experience
- Conclusion & Award
- Gallery
Specification
จุดเด่นของ ASUS ROG Zephyrus G14 GA403 เป็นโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งน้ำหนักเบาพกพาง่าย ใช้อลูมิเนียมผ่านกระบวนการ CNC มาเป็นโครงพื้นฐานเพื่อความแข็งแรงสวยงาม ติดไฟ LED “Slash Lighting” ไว้ด้านหลังและปรับเอฟเฟคแสงได้ตามต้องการ
| สเปค / รุ่น | ROG Zephyrus G14 GA403UH-QS036WA | ROG Zephyrus G14 GA403WR-QS119WA |
| CPU | AMD Ryzen 9 270 แบบ 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 4-5.2GHz สถาปัตยกรรม Zen 4 (TSMC 4nm FinFET) รหัสพัฒนา Hawk Point | AMD Ryzen AI 9 HX 370 แบบ 12 คอร์ 24 เธรด (Zen 5*4 / Zen 5c*8) ความเร็ว 3.3-5.1GHz สถาปัตยกรรม Zen 5 (TSMC 4nm FinFET) รหัสพัฒนา Strix Point |
| NPU | AMD Ryzen AI เฉพาะ NPU 16 TOPS กำลังประมวลผลรวม 39 TOPS | AMD Ryzen AI เฉพาะ NPU 50 TOPS กำลังประมวลผลรวม 80 TOPS |
| GPU | NVIDIA GeForce RTX 5050 VRAM 8GB GDDR7 TGP 100W | NVIDIA GeForce RTX 5070 Ti VRAM 12GB GDDR7 TGP 115W |
| Storage | M.2 NVMe SSD 1TB PCIe 4.0 x4 | M.2 NVMe SSD 1TB PCIe 4.0 x4 |
| Memory | ออนบอร์ด 32GB LPDDR5X บัส 7500MHz | ออนบอร์ด 32GB LPDDR5X บัส 7500MHz |
| Display | 14″ 3K (2880*1800) พาเนล OLED Refresh Rate 120Hz 100% DCI-P3 NVIDIA G-SYNC / Adaptive-Sync NVIDIA Advanced Optimus PANTONE Validated Dolby Vision HDR MUX Switch | 14″ 3K (2880*1800) พาเนล OLED Refresh Rate 120Hz 100% DCI-P3 NVIDIA G-SYNC / Adaptive-Sync NVIDIA Advanced Optimus PANTONE Validated Dolby Vision HDR MUX Switch |
| Software | Windows 11 Home | Windows 11 Home |
| Connectivity | USB-A 3.2 Gen2*2 USB-C 3.2 Gen 2 Full Function*1 USB-C 4.0 Full Function*1 HDMI 2.1*1 MicroSD Card reader*1 Audio combo*1 Wi-Fi 7 มาตรฐาน 802.11be Bluetooth 5.4 | USB-A 3.2 Gen2*2 USB-C 3.2 Gen 2 Full Function*1 USB-C 4.0 Full Function*1 HDMI 2.1*1 MicroSD Card reader*1 Audio combo*1 Wi-Fi 7 มาตรฐาน 802.11be Bluetooth 5.4 |
| Weight | 1.5 กก. | 1.5 กก. |
| Price | 64,990 บาท (ASUS Online Store) | 94,990 (ASUS Online Store) |
Hardware & Design
ถ้าดนำ ROG Zephyrus รุ่นก่อนหน้าและ ASUS ROG Zephyrus G14 GA403 โมเดลปีนี้มาเทียบกัน จะแทบไม่เห็นความแตกต่างกันมากนักยกเว้นสีของบอดี้อลูมิเนียม CNC ซึ่งถ้าเป็นสีขาวจะเป็นรุ่นสเปคสูงสุด ส่วนสีเทาในรีวิวเป็นรุ่นเริ่มต้นราคา 64,990 บาท งานประกอบแข็งแรงเรียบร้อยสมฐานะเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คระดับพรีเมี่ยมไม่แพ้แบรนด์ยอดนิยมเจ้าอื่น สังเกตรายละเอียดจากด้านบนเหนือคีย์บอร์ดจะเป็นแถบตัวเครื่องพร้อมปุ่ม M1-M4 และ Power ทรงหกเหลี่ยมปิดกระจกอยู่มุมบนขวา ข้างคีย์บอร์ดกระหนาบด้วยช่องลำโพงทวีตเตอร์คู่บนเจาะช่องลำโพงด้วยเครื่อง CNC แถบวางข้อมือฝั่งซ้ายมีสติกเกอร์ AMD, NVIDIA และ ASUS Support พร้อม QR Code ติดไว้ตามลำดับ ส่วนฝั่งขวาเว้นเอาไว้เป็นเนื้อตัวเครื่องอย่างเดียว โดยส่วนตัวอยากให้ ASUS นำสติกเกอร์ทั้งหมดบนแท่นวางข้อมือไปติดไว้ตรงฝาใต้เครื่องแทน ASUS ROG Zephyrus G14 จะดูสวยเรียบหรูมินิมอลยิ่งกว่านี้มาก
การเปิดกางหน้าจอสามารถใช้นิ้วเดียวกางเปิดได้ทันทีและตัวเครื่องไม่ยกตามขึ้นมา มองจากด้านข้างจะเห็นว่าขอบหน้าจอและตัวเครื่องทำมุมเฉียงเข้าหากันเป็นเครื่องหมายน้อยกว่า “<” ของคณิตศาสตร์ จึงไม่ต้องตัดตัวเครื่องเว้าเข้าไป ขอบตัวเครื่องจึงต่อเนื่องสวยงาม
บานพับหน้าจอเป็นแบบก้านยึดด้านในล็อคเข้ากับฐานเหล็กให้ความแข็งแรงทนทาน เวลาพับจอปิดเครื่องด้านหลังจะเสมอกัน ดันหน้าจอได้กว้างสุดราว 130 องศา กว้างพอวางใช้งานบนโต๊ะคอมหรือขึ้นแท่นวางโน๊ตบุ๊คก็ปรับองศาให้เข้ากับมุมสายตาได้พอดีให้ใช้งานได้สะดวก ตรงกลางใต้บานพับหน้าจอติดไฟ LED แสดงสถานะการทำงาน 3 ดวงเอาไว้ใต้ชื่อ Zephyrus เป็นรายละเอียดเล็กๆ เพื่อความสวยงาม แต่จะเห็นก็ต่อเมื่อพับหน้าจอเก็บแล้วหันหลังเครื่องเข้าหาตัวถึงจะมองเห็น
ฝาหลังของ ASUS ROG Zephyrus G14 GA403 เป็นบอดี้อลูมิเนียมเนื้อเรียบสีเทาติดโลโก้ Republic of Gamers ไว้มุมล่างซ้ายของฝาหลัง ตรงกลางเป็นแถบไฟ LED “Slash Lighting” พาดยาวจากมุมบนซ้ายลงไปด้านล่างขวามือ เอฟเฟคไฟแบบมาตรฐานจะเล่นไฟเปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อยๆ หากชอบเอฟเฟคแสงไหนก็กดเปลี่ยนใน Armoury Crate ได้เช่นเดิม
ด้านใต้ ASUS ROG Zephyrus G14 GA403 จะมีแถบยางกันลื่นเส้นยาวติดมาให้หนึ่งคู่เพื่อยกตัวเครื่องและป้องกันรอยขนแมวเวลาวางใช้งานได้ มีช่องนำอากาศ 3 ระดับ ได้แก่ เส้นเล็กเหนือแถบยางกันลื่นอันบน ตรงกลางเป็นแถบใหญ่และเป็นบรรทัดเล็กถัดลงมา ล็อคฝาด้วยน็อตแบบ Torx แฉกแบบดาวทั้งหมด 11 ดอก ในภาพจะเห็น 9 ดอก เพราะซ่อนอยู่ในจุกยางคู่กลางแถวบนสุด เวลาเปิดฝาให้ดึงจุกยางออกจะเห็นน็อตครบทุกตัวให้แกะเปิดฝาอัปเกรดได้
Screen & Speaker
หน้าจอขนาด 14 นิ้ว ของ ASUS ROG Zephyrus G14 GA403 ใช้พาเนล OLED จึงให้สีสันได้สว่างสวยสดใส ตัวบานหน้าจอรีดกรอบให้บางเพิ่มพื้นที่แสดงผลในแนวนอนให้มากขึ้น ขอบบนหน้าจอจะหนากว่าด้านข้างเล็กน้อยเพื่อติดตั้งกล้องเว็บแคม, กล้องอินฟาเรดสแกนใบหน้าและไมโครโฟนเพื่อประชุมงานออนไลน์และมีฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนแทรกเข้าไมค์ด้วย AI ขอบล่างของหน้าจอจะหนากว่าด้านอื่นเพื่อติดตั้งชุดพาเนลและยิงเลเซอร์ ROG Zephyrus ไว้ตรงกลางพอดี
ข้อดีของพาเนล OLED นอกจากเรื่องสีสันสวยงามและสว่าง ยังยกข้อดีจากพาเนล IPS เรื่ององศาการแสดงผลกว้างมองเห็นได้ 178 องศา ไม่ว่าจะมองจากแนวตั้งหรือแนวนอนก็ตาม ในหัวข้อ Advanced display ของ Windows 11 แสดงสเปคของหน้าจอนี้ไว้ว่ามีความละเอียด 2880*1800 พิกเซล รองรับการแสดงผล HDR มีความลึกสี 10-bit ได้การรับรองจาก VESA DisplayHDR True Black 500 กับ PANTONE ว่าพาเนลนี้แสดงสีดำได้มืดสนิทแถมเที่ยงตรงสมจริง เลือกค่า Refresh Rate ได้ 60 / 75 / 100 / 120Hz ตามต้องการ เหมาะกับการใช้งานทุกแบบไม่ว่าจะเล่นเกมหรือทำงานกราฟิคก็เหมาะทั้งคู่
ความสว่างสูงสุดจากการวัดด้วยโปรแกรม DisplayCal 3 ร่วมกับเครื่อง Calibrite Display Pro HL สว่างถึง 397.51 cd/m2 มีขอบเขตสีจริง (Gamut coverage) 94.3% sRGB, 66.7% Adobe RGB, 70% DCI-P3 และขอบเขตสีองค์รวม (Gamut volume) ได้ 99% sRGB, 68.2% Adobe RGB, 70.1% DCI-P3 ค่าความเที่ยงตรงสี Delta-E 0.04-0.38 สมจริงเหมาะกับการทำงานกราฟิคอย่างแน่นอน และจอยังสว่างมากจนใช้งานได้ทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะในออฟฟิศโดยลดความสว่างเหลือครึ่งเดียวหรือถ้ามีแสงอาทิตย์ส่องพาดก็เร่งความสว่างลดเงาทาบจอได้เช่นกัน
ลำโพง 6 ดอกของ ASUS ROG Zephyrus G14 GA403 จะมีชุดคู่ล่างสองฝั่งและทวีตเตอร์คู่ข้างคีย์บอร์ด ปรับจูนเสียงให้รองรับ Dolby Atmos พร้อมเทคโนโลยี Smart Amp เนื้อเสียงดังฟังชัด ปรับเสียงดังสุดได้ 87dB พอให้ได้ยินในห้องส่วนตัวขนาดราว 13 ตร.ม. ได้ชัดเจน โทนเสียงเน้นสเตจกว้างฟังเพลงยอดนิยมในปัจจุบันได้ดี เบสมีแรงปะทะพอควรได้อรรรถรสแยกทิศทางเสียงได้ชัดเจน เสียงนักร้องนำจะเด่นตามด้วยเครื่องดนตรีและมีเนื้อเบสเสริมด้วย จัดว่าดีจนไม่ต้องต่อลำโพงเพิ่มก็ได้ถ้าไม่ได้ต้องการโทนเสียงแบบใดเป็นพิเศษ
Keyboard & Touchpad
คีย์บอร์ดของ ASUS ROG Zephyrus G14 GA403 ขนาด 14 นิ้ว จะมีปุ่มชุดหลักติดตั้งมาให้ มีปุ่มชุดหลัก, F1-F12 และปุ่มลูกศรติดตั้งมาให้ เสริมด้วยมาโคร M1-M4 เหนือปุ่ม F1-F4 ติดมาให้เป็นปุ่มมาตรฐานให้เจ้าของตั้งค่าคีย์ลัดเวลาใช้ทำงานหรือเล่นเกมได้ตามชอบ Function key จะมีแค่ปุ่ม Delete ข้าง F12 เพียงปุ่มเดียว ส่วนคำสั่ง Home, End, Page Up/Down ถูกรวมเอาไว้กับปุ่มลูกศรสี่ทิศทาง นอกจากนี้ยังมีคำสั่งล็อคปุ่ม Windows ไม่ให้รบกวนเวลาเล่นเกมได้ด้วยคีย์ลัด Fn+Win แต่สังเกตว่า ROG Zephyrus G14 ไม่มีปุ่ม Print screen ติดมาให้ เปลี่ยนไปใช้คีย์ลัดเรียกโปรแกรม Snipping Tool แทน ในช่วงแรกอาจไม่คุ้นเคยนักและต้องปรับตัวเล็กน้อย
ไฟ RGB “AURA SYNC” ของคีย์บอร์ดเป็นไฟแบบเรืองรอบปุ่มและลอดตัวอักษรภาษาไทยและอังกฤษ เลือกเปลี่ยนเอฟเฟคแสงได้ใน Armoury Crate เช่นกัน เลือกเอฟเฟคได้หลายแบบรวมถึงเปลี่ยนสีได้ตามต้องการ เวลาพิมพ์หรือเล่นเกมทั้งตอบสนองได้รวดเร็วมีน้ำหนักกับระยะกดกำลังดีไม่ลึกเกินไป มีความแน่นเสถียรโดยเฉพาะถ้าใครใช้คีย์บอร์ดโน๊ตบุ๊คพิมพ์งานน่าจะถูกใจคีย์บอร์ดนี้
Hotkeys ของ ASUS ROG Zephyrus G14 GA403 ถูกเซ็ตรวมไว้กับปุ่ม F1-F12 เสริมด้วยปุ่มมาโคร M1-M4 ให้เจ้าของตั้งค่าคีย์ลัดพิเศษเสริมเข้ามาได้ โดยแต่ละคีย์ลัดเป็นดังนี้
- F1 – ปิดเสียงลำโพง
- F2-F3 – ลด/เพิ่มความสว่างไฟคีย์บอร์ด
- F4 – เปลี่ยนเอฟเฟคแสง AURA SYNC
- F5 – เปลี่ยนโหมดตัวเครื่อง
- F6 – เรียกคำสั่ง Snipping Tool
- F7-F8 – ลด/เพิ่มความสว่างหน้าจอ
- F9 – ปุ่ม Project ตั้งค่าหน้าจอหลักและเสริม
- F10 – ปิดการทำงานทัชแพด
- F11 – Sleep mode
- F12 – Airplane mode
- M1-M2 – ลด/เพิ่มเสียงลำโพง
- M3 – ปิดไมโครโฟน
- M4 – เปิดโปรแกรม Armoury Crate
- Windows key – กดร่วมกับปุ่ม Fn จะเป็น Windows Lock ปิดการทำงานปุ่ม Windows
- Esc – กดร่วมกับปุ่ม Fn สลับระหว่าง F1-F12 กับ Hotkeys ได้
สังเกตว่าปุ่มลัดทั้งหมดของ ROG Zephyrus G14 จะเป็นปุ่มเพื่อใช้ทำงานเป็นหลักคล้ายซีรีส์ Zenbook แต่เสริมคำสั่งเพื่อการเล่นเกมและเพิ่มปุ่มมาโครมาให้เหมาะกับการเล่นเกมมากขึ้น แต่อยากเสนอให้เปลี่ยนปุ่ม Sleep เป็นคำสั่งอื่นอย่าง Windows Game Bar แทนก็ได้ เพราะเวลาใช้งานจริงผู้ใช้สามารถตั้งค่าให้ปุ่ม Power เป็นปุ่ม Sleep ได้เช่นกัน
แป้นทัชแพดตรงกลางระหว่างที่วางข้อมือทั้งสองฝั่งมีขนาดใหญ่ สูงจนชิดปุ่ม Space bar จรดถึงขอบตัวเครื่องด้านล่าง เวลาวางมือเล่นเกมแล้วสันมือจะทาบอยู่เล็กน้อยแต่ก็ไม่เจอปัญหาแป้นลั่นรบกวนเวลาใช้งานและยังกด Fn+F10 ปิดการทำงานทิ้งได้ สามารถใช้ Touch gesture ของ Windows 11 ได้ตามปกติและตอบสนองรวดเร็ว
Connector, Thin & Weight
พอร์ตด้านข้างเครื่องทั้งสองฝั่งและการเชื่อมต่อไร้สายของ ASUS ROG Zephyrus G14 GA403 ยังมีให้ใช้ครบเครื่องและทันสมัยเช่นเดิม สังเกตว่าฝั่งซ้ายจะเป็นพอร์ตแบบต่อทิ้งไว้กับเครื่องเป็นเวลานาน เหมาะจะวางเครื่องไว้ฝั่งขวาของหน้าจอคอมตอนใช้ในออฟฟิศ โดยรายละเอียดจะเป็นดังนี้
- ฝั่งซ้ายจากซ้ายมือ – DC-in, HDMI 2.1, USB-C 4.0 Full Function, USB-A 3.2 Gen2, Audio combo
- ฝั่งขวาจากซ้ายมือ – MicroSD card reader, USB-A 3.2 Gen2, USB-C 3.2 Full Function พร้อม G-SYNC
- การเชื่อมต่อไร้สาย – Wi-Fi 7 มาตรฐาน 802.11be รองรับ Bluetooth 5.4
การวางตำแหน่งและปริมาณพอร์ตของ ROG Zephyrus G14 ได้ทั้งความครบเครื่องและทันสมัยจนไม่มีจุดเสนอแนะเพิ่มใดๆ ว่าที่เจ้าของเครื่องเพียงเตรียมอุปกรณ์เสริมอย่าง USB Hub หรือจอคอม USB-C กับเมาส์คีย์บอร์ดสักชุดก็เพียงพอแล้ว
มิติตัวเครื่องเมื่อวัดด้วยไม้เวอร์เนียคาลิปเปอร์จะเห็นว่าด้านหน้ากับหลังเครื่องบาง 15.9-16.1 มม. ไล่เลี่ยกันทั้งสองฝั่งและเบา 1.46 กก. พอกับน้ำหนัก 1.5 กก. ในหน้าสเปคไม่มีผิด ถ้ารวมอะแดปเตอร์ประจำเครื่อง 200W เข้าไปอีก 565 กรัม จะมีน้ำหนักรวม 2.02 กก. ไมว่าจะในฐานะเกมมิ่งหรือพรีเมี่ยมโน๊ตบุ๊คก็นับได้ว่ามีน้ำหนักเบาพกสะดวกใส่กระเป๋าเป้ไปใช้งานได้สบาย ทั้งนำติดตัวไปออฟฟิศหรือพบลูกค้าก็เหมาะ แต่แนะนำว่าเอาอะแดปเตอร์ 200W ติดโต๊ะประจำไว้แล้วพก GaN 100W เอาไว้จ่ายไฟให้ตัวเครื่องจะลดน้ำหนักในกระเป๋าไปได้พอควร
Inside & Upgrade
วิธีเปิดฝาด้านใต้เครื่องของ ASUS ROG Zephyrus G14 GA403 เริ่มต้นให้ดึงจุกยางสองชิ้นตรงขอบด้านบนสุดออกก่อนแล้วขันน็อต Torx ทั้ง 11 ดอก แล้วเอานิ้วดึงกรอบด้านบนเหนือช่องระบายความร้อนเบาๆ จนมีช่องว่างระหว่างเครื่องค่อยเอาการ์ดแข็งกรีดไล่กรอบรอบตัวจนหมดแล้วดึงเปิดฝาได้ทันที
บนเมนบอร์ดจะเห็นว่าจุดอัปเกรดได้ด้วยตัวเองมีจำกัดเพียง M.2 NVMe SSD ตัวหลักเพียงอันเดียวตรงฝั่งซ้ายมือในแผ่นอลูมิเนียมป้องกันไฟฟ้าสถิตย์เท่านั้น ไม่มีอินเทอร์เฟส PCIe 4.0 ตัวรองให้ใส่ SSD เพิ่ม และฝั่งขวาเป็น Wi-Fi PCIe Card อีกตัวเท่านั้น ส่วน RAM ถูกฝังเอาไว้เป็นแบบออนบอร์ดไปแล้วจึงไม่คุ้มจะเปิดฝาเครื่องนัก ยกเว้นว่า SSD 1TB มีความจุไม่พอให้ติดตั้งเกมและติดตั้งโปรแกรมจะเพิ่มเป็น 2TB ก็ได้ กรณีทั่วไปแนะนำให้เปิดฝาเปลี่ยนไดรฟ์เมื่อมันเสียในอนาคตดีกว่า
Performance & Software
ซีพียู AMD Ryzen 9 270 เป็นชิปเซ็ตประสิทธิภาพสูง มี 8 คอร์ 16 เธรด ความเร็ว 4-5.2GHz ใช้สถาปัตยกรรม AMD Zen 4 ของ TSMC 4nm FinFET รหัสพัฒนา Hawk Point ค่า TDP 45W เท่ากับ AMD Ryzen 8000 Series มี Ryzen AI NPU กำลังประมวลผล 16 TOPS รวมสมรรถนะทั้งชิปเซ็ต 39 TOPS รองรับชุดคำสั่งพื้นฐานครบถ้วนทำงานได้เป็นอย่างดีและรัน AI ได้ระดับหนึ่ง
AMD Ryzen 9 270 จัดอยู่ในกลุ่ม AMD Ryzen 200 Series เป็นรุ่นรองจาก Ryzen AI 300 และ Ryzen AI Max สำหรับติดตั้งในโน๊ตบุ๊คระดับพรีเมี่ยมและประสิทธิภาพของมันดีพอใช้งานในชีวิตประจำวันได้ทุกรูปแบบ ตั้งแต่งานเอกสารทั่วไป, ครีเอทีฟตัดต่อวิดีโอและปั้นโมเดล 3D ก็ได้และดึงประสิทธิภาพของจีพียู NVIDIA GeForce RTX 50 Series ออกมาได้เป็นอย่างดี
RAM มีความจุ 32GB LPDDR5X บัส 7500MHz ค่า CL23 จาก Micron Technology ติดตั้งมาแบบออนบอร์ดเพิ่มความจุในภายหลังไม่ได้ แต่ก็จุมากพอให้ใช้ทำงานและเล่นเกมได้โดยไม่มีปัญหาหรือเกิดอาการเครื่องหน่วง
NVIDIA GeForce RTX 5050 เป็นจีพียูรุ่นเริ่มต้นสำหรับโน๊ตบุ๊คของ NVIDIA มี VRAM 8GB GDDR7 ค่า TGP 100W มี CUDA 2,560 Unified เท่ากับ GeForce RTX 4050 ได้ฟีเจอร์ Dynamic Boost, WhisperMode กับ Advanced Optimus เพื่อใช้ถ่ายเทกำลังไฟระหว่างชิปเซ็ตเพื่อเร่งสมรรถนะและยืดระยะเวลาใช้งานเวลาไม่ได้ต่ออะแดปเตอร์ได้ รองรับ DirectX 12 API, OpenCL, OpenGL 4.6, CUDA, DirectCompute, DirectML, Vulkan, Ray Tracing ไม่รองรับ PhysX เช่นกัน
ชิป Wi-Fi 7 มาตรฐาน 802.11be และรองรับ Bluetooth 5.4 ภายใน ASUS ROG Zephyrus G14 GA403 นอกจากได้ฟีเจอร์ของ Wi-Fi เวอร์ชั่นใหม่และมีความเร็วสูง เวลาทดสอบตั้งเครื่องห่างจากจุดกระจายสัญญาณ 10 เมตรและมีประตูไม้กั้นไว้และทดสอบกับเว็บ Speedtest by Ookla มีความเร็ว Download 831.44 Mbps และ Upload 827.31 Mbps ค่า Ping 8ms สามารถทำงานได้เร็วต่อเนื่องดีมาก
M.2 NVMe SSD ความจุ 1TB ตามรหัสใน CrytalDiskInfo แล้ว เป็น Micron 2500 รหัสยอดนิยมซึ่งติดตั้งเป็น SSD OEM จากโรงงาน มีความเร็วเขียนอ่านข้อมูลสูงพอให้โหลดโปรแกรมทำงานหรือเกมขึ้นมาใช้ได้รวดเร็ว ชิปหน่วยความจำเป็น 3D 232-layer QLC NAND กล่าวคือมีความเร็วรับส่งข้อมูลดี เข้ารหัสข้อมูลในไดรฟ์ด้วย AES 256-bit จึงใช้ได้อย่างอุ่นใจ แค่รองรับการเขียนอ่านข้อมูลเข้าออกไดรฟ์ก่อนเสื่อมสภาพได้ 300 TBW เป็นจุดสังเกตหลักอย่างเดียวเท่านั้น จากการทดสอบจะได้ผลลัพธ์ดังนี้
| สเปค / ความเร็ว | Read (MB/s) | Write (MB/s) |
| สเปคโรงงาน | 7,100 | 5,800 |
| Sequential (อ่านเขียนไฟล์ขนาดใหญ่) | 6,826.68 | 5,017.48 |
| RND4K (อ่านเขียนไฟล์ขนาดเล็ก) | 402.07 | 390.61 |
ถ้านับเรื่องความเร็วเป็นหลัก ถือว่า Micron 2500 เองก็ทำงานได้ดีพอให้ใช้เป็นไดรฟ์หลักไปได้ระยะหนึ่ง หรือถ้าต้องการเปลี่ยนเป็น M.2 NVMe ตัวอื่นที่มีค่า TBW หรือความจุมากกว่านี้อาจเลือกใช้ Kingston Fury Renegade, Lexar NM790 หรือ ADATA LEGEND 860 ก็ดี
การเล่นเกมด้วย ASUS ROG Zephyrus G14 GA403 อิงกับคะแนนทดสอบจากโปรแกรม 3DMark แล้วถือว่าได้ดีพอสมควร โดยผลลัพธ์จากการทดสอบในแต่ละเวอร์ชั่นจะเป็นดังนี้
- Fire Strike Ultra (จำลองการเล่นเกมชั้นนำบนหน้าจอความละเอียด UHD ใช้ DirectX 11 API) – คะแนนเฉลี่ย 5,781 คะแนน แยกเป็น Graphics score 5,532 คะแนน, Physics score 28,965 คะแนน, Combined score 3,103 คะแนน
- Time Spy (จำลองการเล่นเกมชั้นนำบนหน้าจอความละเอียด QHD ใช้ DirectX 12 API) – คะแนนเฉลี่ย 9,343 คะแนน แยกเป็น CPU score 10,266 คะแนน Graphics score 9,198 คะแนน
- Time Spy Extreme (จำลองการเล่นเกมชั้นนำบนหน้าจอความละเอียด UHD ใช้ DirectX 12 API) – คะแนนเฉลี่ย 4,431 คะแนน แยกเป็น CPU score 5,844 คะแนน Graphics score 4,250 คะแนน
- Solar Bay (ทดสอบการเรนเดอร์ Ray Tracing ว่ารันได้ดีต่อเนื่องหรือไม่ แต่ละ section การทดสอบจะเพิ่มรายละเอียดให้ใช้กำลังจีพียูมากขึ้น) – คะแนนเฉลี่ย 40,689 คะแนน, Graphics test 154.71 FPS / Section 1 ได้ 170.99 FPS / Section 2 ได้ 149.12 FPS / Section 3 ได้ 143.78 FPS
- Steel Nomad (จำลองการเล่นเกมชั้นนำบนหน้าจอความละเอียด UHD ใช้ DirectX 12 API) – คะแนนเฉลี่ย 2,040 คะแนน ได้ Graphics test 20.40 FPS
กรณีเปิดทดสอบเล่นเกมจริงๆ แล้ว เฟรมเรทและความลื่นไหลต่อเนื่องของภาพต้องแยกเป็น 2 กรณี คือ ถ้าเล่นบนความละเอียด 3K ของ ASUS ROG Zephyrus G14 GA403 โดยตรงก็ยังเล่นได้ แต่ให้ดีก็ควรใช้ NVIDIA DLSS เข้ามาช่วยหรือจะเปิด Frame Generation เสริมก็ยิ่งดี กลับกัน NVIDIA GeForce RTX 5050 จะเปิดเล่นบนความละเอียด 1080p เฟรมเรทเฉลี่ยสูงแตะ 60 FPS หรือมากกว่านั้นได้สบายโดยไม่ต้องพึ่ง DLSS upscalling ก็ได้ โดยแต่ละเกมจะเป็นดังนี้
- Red Dead Redemption II – เปิดเล่นบนความละเอียด 3K ได้โดยไม่ต้องเปิด NVIDIA DLSS แต่ถ้าเปิดภาพก็จะลื่นไหลต่อเนื่องกว่าเดิมและไม่เกิดอาการภาพหน่วงหรือเฟรมเรทตกวูบกะทันหัน ยิ่งถ้าปรับลดมาเป็น 1080p ภาพจะลื่นไหลดีมาก
- Monster Hunter Wilds – ถึงจะเปิดเล่นบนความละเอียดสูงสุดและไม่เปิด DLSS upscalling เข้ามาช่วยจะได้เฟรมเรทเฉลี่ย 24 FPS อยู่ในระดับพอเล่นได้แล้วก็จริง แต่ภาพไม่ต่อเนื่องและถ้าเจอฉากใหญ่มีรายละเอียดของวัตถุในฉากเยอะ เฟรมเรทจะหน่วงลงอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเปิด NVIDIA DLSS โดยไม่ใช้ Frame Generation ถึงจะดีขึ้นบ้างก็ยังไม่แนะนำ ลดความละเอียดมาเหลือ 1080p จะสามารถเล่นได้ดีขึ้น แนะนำให้ตั้งค่ากราฟิคเอาไว้ระดับ High ลดสิ่งเกินจำเป็นอย่างแสงเงาหรือรายละเอียดน้ำ ฯลฯ ออกไป เปิด DLSS Quality กับ Frame Generation ร่วมกันจะเล่นได้แน่นอน
- God of War – เปิดเล่นได้ทุกความละเอียดไม่ว่าจะ 3K หรือ 1080p ก็ได้ทั้งคู่ ถ้าเปิด NVIDIA DLSS Quality เสริมแล้วภาพจะยิ่งไหลลื่นต่อเนื่อง ตอบสนองได้เร็วไม่เกิดความหน่วงหรือ Input Lag ใดๆ ถ้าเป็นเกม RPG ประเภทเดียวกันหรือใช้สเปคพอกับเกมนี้ก็เลือกเปิดกราฟิคแบบดีสุดบนหน้าจอ 3K ควบคู่ Upscalling ก็เล่นได้สบาย
- Black Myth: Wukong – ถึงจะเปิดตัวมาร่วมปีแล้วก็จริงแต่ผู้พัฒนาก็ยังไม่ได้จัดการ Optimize ให้เล่นได้ดีอย่างที่ควร ซึ่งเฟรมเรทเฉลี่ยในการทดสอบเป็นกราฟิคระดับ Cinematic กับ DLSS Quality ไม่มี Frame Generation พ่วงเข้ามา ไม่ควรเล่นบนความะเอียด 3K นัก แนะนำให้ลดความละเอียดจอมาเหลือ 1080p จะเหมาะกว่า
- Call of Duty: Modern Warfare II – สามารถเล่นบนความละเอียด 3K ได้ แต่แนะนำให้เปิด NVIDIA DLSS เพิ่ม เพื่อดึงเฟรมเรทขั้นต่ำให้มากขึ้น เพราะถ้าใช้กำลังของชิปการ์ดจออย่างเดียวเวลามีเอฟเฟคฝุ่นผงหรือระเบิดแล้ว ภาพจะหน่วงในเสี้ยววินาทีจนเสียจังหวะได้
นอกจากเล่นเกมตามงานหลักของ ASUS ROG Zephyrus G14 GA403 แล้ว ก็เหมาะจะใช้เป็นคอมทำงานเช่นกัน จากการทดสอบกับ PCMark 10 ก็ทำคะแนนได้สูงถึง 7,045 คะแนน มีกำลังประมวลผลสูงพอจะทำงานทั่วไปในออฟฟิศได้ทุกแบบ ไม่ว่าจะงานเอกสาร, ประชุมงาน, เปิดเบราเซอร์ใช้เว็บแอปฯ ก็ไม่มีปัญหา พอเสริมการ์ดจอแยกเข้ามาให้ถึงจะเป็นรุ่นเริ่มต้นของ GeForce RTX 50 Series ก็ช่วยได้มาก ทำให้มันแต่งภาพนิ่ง, ตัดต่อวิดีโอและเรนเดอร์โมเดล 3D ได้ดีขึ้นมาก ซึ่งถ้าทำงานระดับนั้นแนะนำให้ต่ออะแดปเตอร์ 200W ประจำรุ่นด้วย จะได้ดึงศักยภาพออกมาได้เต็มที่
ผลการทดสอบเรนเดอร์งานกราฟิคกับโปรแกรมตระกูล CINEBENCH ทั้ง 3 เวอร์ชั่น ถือว่าทำคะแนนได้ดีพอควร โดยแต่ละเวอร์ชั่นจะได้ผลดังนี้
- 2024 – ใช้ทดสอบประสิทธิภาพของซีพียูกับจีพียูอย่างหนักพร้อมกันโดยใช้เอนจิ้น Redshift สำหรับอุตสาหกรรมภาพยนต์ ได้ CPU (Multi-Core) 927 pts และ CPU (Single Core) 101 pts
- R23 – ใช้ทดสอบพลังประมวลผลของซีพียูเป็นหลัก มีความละเอียดและแม่นยำสูง ได้คะแนน Multi Core 16,758 pts และ Single Core อีก 1,751 pts
- R20 – ใช้ทดสอบกำลังประมวลผลของซีพียูเป็นหลัก ได้คะแนน CPU 6,634 pts
หากใครอยากจะซื้อ ASUS ROG Zephyrus G14 GA403 ไปใช้ทำงานปั้นโมเดล 3D กับโปรแกรม Blender ก็เหมาะเช่นกัน ซึ่งผลการทดสอบจากโปรแกรม Benchmark โดยเฉพาะว่าใน 1 นาทีจะเรนเดอร์ได้กี่ Sample แล้ว จะได้ผลดังนี้
| Test / Sample (ยิ่งมากยิ่งดี) | Ryzen 9 270 | Radeon Graphics | NVIDIA GeForce RTX 5050 |
| monster | 97 | 141 | 1,372 |
| junkshop | 67 | 53 | 913 |
| classroom | 53 | 65 | 796 |
ผลการทดสอบกับโปรแกรมตระกูล Geekbench ทั้ง 3 เวอร์ชั่นกับซีพียู AMD Ryzen 9 270 รุ่นรองเพื่อโน๊ตบุ๊คระดับพรีเมี่ยมก็จริง แต่ก็ทำผลงานได้ดี ซึ่งแต่ละการทดสอบได้ผลดังนี้
- Geekbench 6 – ใช้ทดสอบว่าซีพียูสามารถประสานงานกับหน่วยความจำในเครื่องได้ดีหรือไม่ โดยจำลอง workloads งานประเภทการบีบอัดข้อมูล (data compression), การประมวลผลภาพ (image processing), Machine Learning และ Compile code มาทดสอบ
- Windows AVX2 (Advanced Vector Extension 2) ชุดคำสั่งเสริมจาก AVX พื้นฐาน ใช้ทดสอบคำนวน vector integer ได้รวดเร็วหรือไม่ ถ้าเป็น Single-Core ทำได้ 2,411 คะแนน และ Multi-Core ได้ 12,841 คะแนน
- Geekbench ML ทดสอบด้วย ONNX CPU – ใช้ทดสอบว่าฮาร์ดแวร์ชิ้นนั้นสามารถใช้งานโปรแกรม Machine Learning ได้ดีหรือไม่ ในส่วนนี้ทำได้ 3,864 คะแนน
- Geekbench AI – คำนวณว่าซีพียูสามารถรันการทำงานกับโปรแกรม AI ต่างๆ ได้แม่นยำหรือรวดเร็วหรือไม่ แบ่งเป็น Single Precision เน้นความเที่ยงตรง, Half precision เน้นความเร็วมากขึ้นและลดความแม่นยำลง และ Quantized Score เน้นความเร็วแต่ไม่แม่นยำนัก
- ONNX ได้คะแนน Single Precision 3,435 คะแนน, Half precision 1,625 คะแนน และ Quantized Score 7,657 คะแนน
- OpenVINO ได้ Single Precision 4,504 คะแนน, Half precision 4,474 คะแนน และ Quantized Score 15,020 คะแนน
เมื่อทดสอบกับจีพียู AMD Radeon Graphics จะได้ผลลัพธ์ดังนี้
- Geekbench 6 – ใช้ทดสอบว่าจีพียูสามารถประสานงานกับหน่วยความจำในเครื่องได้ดีหรือไม่ โดยจำลอง workloads งานประเภทการบีบอัดข้อมูล (data compression), การประมวลผลภาพ (image processing), Machine Learning และ Compile code มาทดสอบ
- OpenCL, Windows AVX2 (Advanced Vector Extension 2) ชุดคำสั่งเสริมจาก AVX พื้นฐาน ใช้ทดสอบ vector integer ด้วย OpenCL framework ทำได้ 32,428 คะแนน
- Vulkan, Windows AVX2 (Advanced Vector Extension 2) ชุดคำสั่งเสริมจาก AVX พื้นฐาน ใช้ทดสอบคำนวน vector integer ด้วย Vulkan framework ทำได้ 72,781 คะแนน
- Geekbench ML ทดสอบด้วย ONNX DirectML – ใช้ทดสอบว่าฮาร์ดแวร์ชิ้นนั้นสามารถใช้งานโปรแกรม Machine Learning ได้ดีหรือไม่ ในส่วนนี้ทำได้ 5,447 คะแนน
- Geekbench AI ทดสอบว่าสามารัน AI ได้ดีหรือไม่
- ONNX DirectML – Single Precision 8,283 คะแนน, Half precision 12,218 คะแนน และ Quantized Score 6,296 คะแนน
คะแนนจากการทดสอบกับการ์ดจอแยก NVIDIA GeForce RTX 5050 จะได้คะแนนดังนี้
- Geekbench 6 – ใช้ทดสอบว่าจีพียูสามารถประสานงานกับหน่วยความจำในเครื่องได้ดีหรือไม่ โดยจำลอง workloads งานประเภทการบีบอัดข้อมูล (data compression), การประมวลผลภาพ (image processing), Machine Learning และ Compile code มาทดสอบ
- OpenCL, Windows AVX2 (Advanced Vector Extension 2) ชุดคำสั่งเสริมจาก AVX พื้นฐาน ใช้ทดสอบคำนวน vector integer ด้วย OpenCL framework ทำได้ 85,228 คะแนน
- Vulkan, Windows AVX2 (Advanced Vector Extension 2) ชุดคำสั่งเสริมจาก AVX พื้นฐาน ใช้ทดสอบคำนวน vector integer เป็นหลักด้วย Vulkan framework ทำได้ 36,536 คะแนน
- Geekbench ML ทดสอบด้วย ONNX DirectML – ใช้ทดสอบว่าฮาร์ดแวร์ชิ้นนั้นสามารถใช้งานโปรแกรม Machine Learning ได้ดีหรือไม่ ในส่วนนี้ทำได้ 8,721 คะแนน
- Geekbench AI ทดสอบว่าสามารัน AI ได้ดีหรือไม่
- ONNX DirectML – Single Precision 15,217 คะแนน, Half precision 29,222 คะแนน และ Quantized Score 12,119 คะแนน
โดยสรุปแล้ว ASUS ROG Zephyrus G14 GA403 เป็นโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งระดับพรีเมี่ยมซึ่งสเปคดีพอให้ใช้ทำงานออฟฟิศได้ทุกแบบตั้งแต่งานเอกสารธุรการไปจนครีเอเตอร์ทำงานกราฟิคแต่งภาพนิ่งตัดต่อวิดีโอสั้นยาวก็ได้หมด เพราะซีพียูมีกำลังประมวลผลสูงและมี RAM ให้ใช้เพียงพอเสริมด้วยจีพียูแม้จะเป็นรุ่นเริ่มต้นก็ได้ CUDA Cores ไว้ใช้เรนเดอร์งานได้ดีระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้นนอกจากพนักงานออฟฟิศผู้รักการเล่นเกมแล้ว มันจะตอบโจทย์ครีเอเตอร์นักตัดต่อคลิปกับช่างภาพที่ต้องการโน๊ตบุ๊คทำงานประสิทธิภาพสูงแล้วใช้โน๊ตบุ๊ค Windows ทำงานถนัดมือเป็นอย่างมาก
ซอฟท์แวร์ปรับตั้งค่า ASUS ROG Zephyrus G14 GA403 จะติดตั้งมา 2 ตัว ได้แก่ Armoury Crate ซึ่งเป็นตัวหลักสำหรับปรับตั้งค่าฟังก์ชั่นส่วนใหญ่ของเครื่อง ไม่ว่าจะเลือกเอฟเฟคแสงสีให้ไฟ AURA SYNC RGB กับเอฟเฟคแสง Slash Lighting ด้านหลังเครื่อง, เซ็ตมาโคร, ปรับโปรไฟล์, อัปเดตเฟิร์มแวร์, มอนิเตอร์การทำงาน ฯลฯ ในนี้ได้แทบทั้งหมด เป็นหัวใจสำคัญของโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
ด้าน MyASUS เป็นส่วนเสริมเพื่อปรับแต่งรายละเอียดการทำงานเพิ่มเติม โดยเฉพาะ Pixel Refresh เอาไว้ถนอมพาเนลหน้าจอเพื่อยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้น แนะนำให้เปิดมาเซ็ตอัพตัวเครื่องเบื้องต้นและอัปเดตเฟิร์มแวร์ในครั้งแรกและแนะนำให้เช็คเพิ่มเติมเดือนละครั้งก็เพียงพอแล้ว
Battery & Heat & Noise
แบตเตอรี่ภายใน ASUS ROG Zephyrus G14 GA403 เป็นลิเธียมโพลีเมอร์ (Li-Polymer) ความจุ 73Whr เท่ากับรุ่นก่อนหน้า วัดความจุเป็น Typical capacity ได้ 4,720mAh และ Rated capacity 4,580mAh วางตัวยาวชิดกับลำโพงทั้งสองฝั่ง ถึงจะไม่ได้เพิ่มความจุให้มากขึ้นแต่ก็ใช้งานได้นานพอควร
ระยะเวลาใช้งานจากการทดสอบกับโปรแกรม BatteryMon โดยลดความสว่างหน้าจอเหลือ 50% และลำโพงเหลือ 10% ใช้ Silent mode ของ ASUS และใช้ Microsoft Edge ดูคลิปใน YouTube แบบเต็มหน้าจอนาน 30 นาที จะใช้ได้ 4 ชม. 30 นาที นานกว่ารุ่นก่อนครึ่งชั่วโมงพอให้ใช้ประชุมและเข้าห้องเรียนเลคเชอร์ได้จนจบคาบ แต่ก็ใช้งานได้ไม่จบวันจึงควรมีแบตสำรองหรืออะแดปเตอร์ GaN 100W เตรียมเอาไว้ชาร์จไฟคืนให้ทำงานต่อได้
แม้จะเป็นรุ่นบางเบาก็ยังอยู่ในกลุ่มเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คซึ่งปกติจะใช้ได้ราว 4-5 ชม. อยู่แล้ว นับว่าปกติมาก ยิ่ง ASUS ROG Zephyrus G14 GA403 ใช้ AMD Ryzen 9 270 สถาปัตยกรรม Zen 4 เหมือน Ryzen 8000 Series เป็นคอร์ชุดหลักอย่างเดียวแล้วถูกปรับแต่งรายละเอียดต่างๆ ให้ใช้งานได้นานขึ้นก็ถือว่าทำได้ดีแล้ว
ชุดระบายความร้อน ROG Intelligence Cooling แบบ Tri-Fan ของ ROG Zephyrus G14 มีฮีตไปป์ทั้งหมด 3 เส้น พาดระหว่างซีพียูกับจีพียูและมีเส้นเล็กวางเป็นแนวตัว “C” เสริมเข้ามานำความร้อนไปยังฮีตซิ้งค์หน้าพัดลมโบลวเวอร์คู่ให้ระบายออกด้านหลังเครื่องได้ ด้านใต้ชิปเซ็ตฝั่งขวามือมีพัดลมเล็กเสริมเข้ามาอีกตัวให้ระบายความร้อนได้ดีขึ้น ภายใต้เพลตนำความร้อนใช้โลหะเหลวจาก Thermal Grizzly เป็นสื่อนำความร้อนซึ่งมีประสิทธิภาพดีทีเดียว กลับกันถ้ามีปัญหาจำเป็นต้องส่งเข้าศูนย์บริการเท่านั้น
สมรรถนะการระบายความร้อนของชุดพัดลม Tri-Fan นับว่าทำได้ดี ไม่เจอปัญหาเรื่องอุณหภูมิสูงจนตัวเครื่องลดกำลังประมวลผลลงไป ตัวเครื่องไม่ว่าจะวัดจากเลเซอร์หรือกล้องอินฟาเรดในส่วนของคีย์บอร์ดทั้งสองฝั่งและแป้นทัชแพดก็มีอุณหภูมิไม่สูงมากราว 30-31 องศาเซลเซียส จะมีความร้อนก็อยู่เลยขึ้นไปตรงขอบตัวเครื่องเหนือคีย์บอร์ดแล้ว เวลาใช้งานจริงบางครั้งอาจรู้สึกอุ่นขึ้นมานิดหน่อยแต่ก็ไม่รบกวนเวลาใช้งานแน่นอน
ภายในจากหน้าโปรแกรม CPUID HWMonitor ถ้าดูในส่วนของ Value จะเห็นว่ามีอุณหภูมิไม่เกิน 50 องศาเซลเซียส เวลารันเต็มกำลังอาจขึ้นไปได้ถึง 95 องศาก็จริง แต่ค้างอยู่ 1-2 วินาที แล้วลดลงมาอยู่ระดับ 60-89 องศาเซลเซียสเท่านั้น ซึ่งอุณหภูมิแต่ละส่วนจะเป็นดังนี้
| ชิ้นส่วน / อุณหภูมิ (เซลเซียส) | อุณหภูมิต่ำสุด | อุณหภูมิสูงสุด |
| CPU (Package) | 36.9 | 95.4 |
| GPU (GPU) | 38.7 | 75.2 |
| GPU (Memory) | 46 | 68 |
| SSD | 37 | 64 |
เสียงจากพัดลมโบลวเวอร์เวลา ASUS ROG Zephyrus G14 GA403 ทำงานเต็มกำลัง พอวัดด้วยมิเตอร์วัดเสียงจากด้านหน้าได้ 58.2dB และด้านหลัง 63.3dB พอกับเสียงพูดคุยตามปกติของมนุษย์ เวลานำไปใช้งานนอกสถานที่, ในบ้านหรือออฟฟิศแม้จะได้ยินเสียงพัดลมก็ไม่น่ารำคาญรบกวนผู้ใช้เกินไปนัก
User Experience
จุดแข็งของ ASUS ROG Zephyrus G14 GA403 ยังคงชัดเจนตั้งแต่รุ่นก่อน โดยเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คระดับพรีเมี่ยมด้วยบอดี้อลูมิเนียม CNC มาเป็นอย่างดีและไม่ใส่ดีไซน์เกินจำเป็นเข้ามามากเกินไปให้ดูสวยคล้ายกับโน๊ตบุ๊คทำงานแต่ก็ยังมีองค์ประกอบของเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คอยู่บ้าง นั่นคือไฟ Slash Lighting ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ตั้งแต่รุ่นก่อนหน้าให้ดูโดดเด่นไม่เหมือนใคร หากใครไม่รู้ก็คิดว่าเป็นโน๊ตบุ๊คทำงานหรูหราไม่แพ้โน๊ตบุ๊คพรีเมี่ยมรุ่นอื่น เสริมบุคลิคเจ้าของให้ดูดีมีระดับเวลานำออกมาใช้ทำงานหรือพกไปพบลูกค้าก็สะดวกสบายเพราะน้ำหนักเบาเครื่องบาง ไม่กินพื้นที่เก็บของใช้ชิ้นอื่นในกระเป๋านัก ตอนพกใส่กระเป๋าไปไหนก็สะดวกสบายกว่าเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คทั่วไปมาก
เรื่องประสิทธิภาพของ ASUS ROG Zephyrus G14 แม้จะเป็นรุ่นเริ่มต้นอย่าง AMD Ryzen 9 270 การ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 5050 กับ RAM 32GB LPDDR5X ก็ตาม แต่สมรรถนะก็ยังดีพอจะใช้ทำงานตัดต่อวิดีโอความละเอียดสูงหรือปั้นโมเดล 3D ได้หน้าจอขอบเขตสีกว้างพร้อมการันตี PANTONE ด้วย จึงเหมาะกับครีเอเตอร์, ช่างภาพและ AE จะหาเอาไว้ใช้งาน ถ้ามีเวลาว่างระหว่าง Business trip ก็ทำหน้าที่เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเปิดเล่นเกมโปรดให้หายคิดถึงได้ แต่แนะนำว่าถ้าจะเล่นบนความละเอียด 3K ของ ROG Nebula Display ขอให้เปิด NVIDIA DLSS พร้อม Frame Generation จะช่วยให้เฟรมเรทสูงเล่นได้ไหลลื่นขึ้น จากการเปิดเล่นเกมนอกการทดสอบขอแนะนำให้เลือก DLSS Quality หรือ Balanced จะได้ความลื่นไหลยิ่งขึ้นและภาพยังสวยงามอยู่
ยิ่งเรื่ององค์ประกอบอื่นๆ ของ ASUS ROG Zephyrus G14 ก็ทำมาได้ลงตัว มีเซนเซอร์สแกนใบหน้าปลดล็อคเครื่องให้ใช้ อุ่นใจและสะดวกไม่ต้องห่วงว่าใครจะมายุ่งกับคอมเรา จะตั้งโต๊ะก็ต่ออะแดปเตอร์ 200W เรียกประสิทธิภาพสูงสุดหรือติดไปเข้าเลคเชอร์หรือประชุมก็มี USB-C Full Function ไว้ให้ใช้ ซึ่งนอกจากต่อหน้าจอแยกกับโอนไฟล์ได้รวดเร็วแล้ว ถ้าแบตจะหมดก็ต่อชาร์จยืดระยะเวลาใช้งานได้ แถมมีปุ่ม M1-M4 ให้ตั้งค่าคีย์ลัดส่วนตัวไว้กดใช้ ไม่จำเป็นต้องตั้งเอาไว้เฉพาะเล่นเกมอย่างเดียว แต่เอามาตัดตอนความยุ่งยากเวลาทำงานก็เหมาะมากและแยกโปรไฟล์ใช้งานระหว่างทำงานกับเล่นเกมได้ด้วย
อย่างไรก็ตามตัวเครื่อง ASUS ROG Zephyrus G14 GA403 มีความบางและพื้นที่เมนบอร์ดจำกัดจึงใส่ M.2 NVMe ได้เพียงตัวเดียว ต่างจากกลุ่มเกมมิ่งเต็มตัวที่มีช่องให้ใส่ SSD ได้ 2 ช่อง จึงไม่ถูกใจคนชอบเปิดเครื่องอัปเกรดนัก ถ้าจะติดตั้งเกมเอาไว้เผื่อเล่นเยอะๆ ถ้าไม่เปลี่ยนมาใส่ SSD 2TB ก็ต้องต่อ USB-C กับ External Harddisk ทำเป็น Game drive แทน ด้านการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 5050 ถึงจะจับคู่ AMD Ryzen 9 270 แต่สมรรถนะของจีพียูเหมาะจะใช้เล่นเกมบนความละเอียด 1080p ที่สุด หรืออยากได้ความคมชัดระดับ 3K ก็ต้องพึ่งพลัง AI ทำ Frame Generation และลดกราฟิคจากสูงสุดลงมา High ถึงจะเล่นได้ไหลลื่น
Conclusion & Award
ASUS ROG Zephyrus G14 GA403 ยังคงดีกรีความเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คน้ำหนักเบา คุณภาพระดับพรีเมี่ยมให้เกมเมอร์และครีเอเตอร์ซื้อไว้ใช้เป็นคอมทำงานเครื่องหลักและพกไปไหนมาไหนก็ง่ายทั้งเดินทางภายในหรือไปนอกประเทศก็สะดวก หยิบออกมาใช้ก็ได้ความสวยงามพรีเมี่ยมไม่น้อยหน้าใครและเสริมบุคลิคเจ้าของไปพร้อมกัน นอกจากสวยงามน้ำหนักเบาแล้วยังใช้ทำงานหนักหรือเล่นเกมก็เหมาะ เป็นของดีครบเครื่องเพื่อคนต้องการใช้ของดีแล้วจ่ายครั้งเดียวใช้ได้นานให้มันหาค่าตัวคืนได้จนครบแถมยังทบยอดเป็นกำไรได้แน่นอน ยิ่งถ้าได้ลองใช้ของดีสักครั้งก็จะเข้าใจว่าจะลงทุนซื้อของดีมาให้ตัวเองได้ใช้ได้เป็นเจ้าของมันดีขนาดไหน
Award
บอดี้อลูมิเนียม CNC ของ ASUS ROG Zephyrus G14 GA403 นอกจากสวยเรียบง่ายแล้ว ยังแข็งแรงทนทานไม่ต้องกลัวเสียหาย หยิบออกมาใช้ก็ดูดีมีระดับเสริมบุคลิคเจ้าของไปในตัว แต่ยังแทรกความขี้เล่นเอาไว้ด้วย Slash Lighting เพื่อบอกสไตล์ของตัวเองได้
ASUS ROG Zephyrus G14 เป็นการรวมมิตรสิ่งตรงกันข้ามเอาไว้ได้อย่างลงตัว เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คแต่เบาพกง่ายแค่ 1.5 กก. บางแค่ 1.6 ซม. แต่ใส่ซีพียูประสิทธิภาพสูงกับการ์ดจอแยกมาให้พร้อมใช้งาน
เรียก ASUS ROG Zephyrus G14 เป็นโน๊ตบุ๊คเพื่อความบันเทิงได้อย่างเต็มปาก ด้วยหน้าจอ Dolby Vision ลำโพง Dolby Atmos เสียงดีภาพสวย เล่นเกมก็ลื่นไหล ครบองศาความบันเทิงอย่างมาก
Gallery
