
Microsoft ปล่อยอัปเดต KB5062660 สำหรับ Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 แบบพรีวิว โดยมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่กว่า 29 รายการ ซึ่งหนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือฟีเจอร์ในโครงการ Windows Resiliency Initiative ที่ช่วยให้ระบบ Windows มีความเสถียร และฟื้นฟูตัวเองได้เร็วขึ้นเมื่อเกิดปัญหาร้ายแรง รวมถึงฟีเจอร์ใหม่อย่าง Quick Machine Recovery และ Black Screen of Death รูปแบบใหม่
KB5062660 คืออะไร?
อัปเดตนี้เป็นอัปเดตแบบพรีวิว (Preview Cumulative Update) ที่ไม่ได้รวมแพตช์ความปลอดภัย โดยจะปล่อยในช่วงปลายเดือนก่อน Patch Tuesday เดือนถัดไป เพื่อให้ผู้ใช้งานทั่วไปและผู้ดูแลระบบสามารถทดลองฟีเจอร์ใหม่ ๆ ล่วงหน้าได้
เวอร์ชันที่จะได้รับหลังติดตั้ง: Build 26100.4770
สามารถติดตั้งได้ที่: Settings > Windows Update > Check for Updates
หากเปิดใช้งานตัวเลือก “Get the latest updates as soon as they’re available” ระบบจะติดตั้งให้อัตโนมัติ

ฟีเจอร์ใหม่ในโครงการ Windows Resiliency Initiative
Microsoft เปิดตัวโครงการใหม่ในชื่อ Windows Resiliency Initiative ตั้งแต่ช่วงงาน Ignite 2024 เพื่อพัฒนาความสามารถของ Windows ในด้านการฟื้นตัวจากความผิดพลาด และลดเวลา Downtime ให้เหลือน้อยที่สุด โดยในอัปเดต KB5062660 ได้เริ่มเปิดใช้งานฟีเจอร์หลักของโครงการนี้แล้ว ได้แก่:
Quick Machine Recovery
ระบบจะตรวจจับปัญหาระดับระบบที่รุนแรง เช่น การบูตลูปหรือความเสียหายที่ทำให้เครื่องใช้งานไม่ได้ จากนั้นจะเข้าสู่ Windows Recovery Environment (WinRE) เพื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและดาวน์โหลดแพตช์แก้ไขเฉพาะจาก Microsoft โดยอัตโนมัติ ลดความจำเป็นในการซ่อมระบบเองหรือฟอร์แมตเครื่องใหม่
สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป ฟีเจอร์นี้ถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติแล้ว สามารถดูหรือปิดได้ที่ Settings > System > Recovery > Quick Machine Recovery

หน้าจอ Black Screen of Death แบบใหม่
ในกรณีที่เกิดการรีสตาร์ทโดยไม่คาดคิด ผู้ใช้จะเห็นหน้าจอดีไซน์ใหม่ที่ปรับให้ดูอ่านง่ายขึ้นในโทนสีดำ พร้อมข้อมูลเทคนิคเบื้องต้นที่จำเป็น

ฟีเจอร์ใหม่อื่น ๆ ที่น่าสนใจ
🔹 ฟีเจอร์ Recall (บันทึกการใช้งาน)
- รองรับในกลุ่มประเทศยุโรป (EEA) พร้อมระบบ Export Snapshots ไปยังแอปหรือเว็บไซต์ภายนอกแบบเข้ารหัส
- ผู้ใช้สามารถรีเซ็ตข้อมูล Recall ได้แล้วในทุกประเทศ
🔹 Click to Do
- เพิ่มตัวเลือกใหม่ เช่น:
- Practice in Reading Coach: ช่วยฝึกอ่านออกเสียงพร้อมฟีดแบ็ก
- Read with Immersive Reader: แสดงข้อความในโหมดอ่านที่ไม่รบกวนสายตา
- Draft with Copilot in Word: แปลงข้อความสั้น ๆ ให้กลายเป็นเนื้อหาแบบร่างใน Word (ต้องมี Microsoft 365 Copilot)
- ส่งข้อความหรือสร้าง Meeting ใน Teams ได้ทันที ผ่านการคลิกอีเมลในหน้าจอ
🔹 ตัวช่วยค้นหาและเปลี่ยน Settings แบบใหม่
- เฉพาะบนพีซี Copilot+ ที่ใช้ชิป Snapdragon (Intel และ AMD จะตามมาเร็ว ๆ นี้)
- ใช้ AI บนเครื่อง ช่วยหาการตั้งค่าที่ซับซ้อนได้ง่ายขึ้น เช่น “ปรับเมาส์ให้ใหญ่ขึ้น”
การปรับปรุงและแก้ไขปัญหาอื่น ๆ
- Start Menu: เพิ่มนโยบายใหม่ให้แอดมินกำหนด Pin Layout ได้ครั้งเดียว จากนั้นผู้ใช้สามารถปรับแต่งเองได้โดยไม่ถูกบังคับอีก
- Snap Layout: แสดงคำแนะนำการใช้งาน Snap Bar และ Snap Menu แบบอินไลน์
- Windows Search: รวมหน้าการตั้งค่า Search Permissions และ Searching Windows ให้เหลือเพียงหน้าเดียว
- Touch Keyboard: เพิ่มคีย์บอร์ดสำหรับ Gamepad รองรับ PIN sign-in และปรับปรุง navigation ด้วยจอยคอนโทรลเลอร์
- File Explorer: แก้ปัญหาเกี่ยวกับ dropdown ไม่แสดงผลเต็ม, ช้าลงเมื่อ sync กับ SharePoint หลายตัว, และ dialog box ไม่ขึ้น
- ไอคอน Desktop: แก้ปัญหาไอคอนกลายเป็นหน้าขาวเมื่อแอปมีการอัปเดต
- Notifications: แก้ปัญหาคลิกแจ้งเตือนไม่เด้งเปิดแอป เช่น Outlook
- ระบบความปลอดภัย: แก้ปัญหา LSASS หยุดทำงาน, ไฟล์ ReFS ใช้ RAM เกิน, Firewall ขึ้น Error Event 2042
- ปัญหา Input ภาษา: แก้บั๊ก Microsoft Changjie IME (ภาษาจีนดั้งเดิม) และคีย์บอร์ดภาษา Hindi/Marathi Phonetic ใช้งานไม่ได้หลังอัปเดต
สรุป
KB5062660 ถือเป็นอัปเดตใหญ่ที่แม้จะไม่เกี่ยวกับความปลอดภัย แต่ก็อัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์ใหม่หลายรายการ โดยเฉพาะ Quick Machine Recovery ที่น่าจะกลายเป็นฟีเจอร์สำคัญของ Windows 11 ในอนาคต ทั้งยังแก้บั๊กต่าง ๆ ได้หลายจุด สำหรับใครที่อยากลองฟีเจอร์ใหม่ก่อนใคร แนะนำให้อัปเดตผ่าน Windows Update หรือดาวน์โหลดจาก Microsoft Update Catalog
ที่มา: bleepingcomputer




