
Steam Deck 2 เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นกระแสและกำลังได้รับความสนใจจากเหล่าเกมเมอร์ หลังจากที่ Steam Deck รุ่นแรกได้สร้างปรากฏการณ์และปฏิวัติวงการเกมพกพา ด้วยประสิทธิภาพในการเล่นเกมพีซีได้นับพันเกมทุกที่ทุกเวลา และในวันนี้ เมื่อความสำเร็จของรุ่นแรกยังคงร้อนแรง กระแสข่าวลือและการคาดการณ์ของหลายฝ่ายเกี่ยวกับ “Steam Deck 2” ก็เริ่มมีมากขึ้น พร้อมกับคำถามมากมายว่าจะทรงพลังขึ้นแค่ไหน? มีอะไรใหม่บ้าง? และที่สำคัญที่สุดคือ คุ้มค่าแก่การรอคอยหรือไม่? โดยเรารวบรวมข้อมูลสำคัญจากแหล่งต่างๆ ที่มีการคาดการณ์สเปกและเทคโนโลยีใหม่ๆ พร้อมทั้งเปรียบเทียบกับ Steam Deck รุ่นแรก เพื่อให้เป็นข้อมูลในเบื้องต้นสำหรับคนที่กำลังสนใจ
Steam Deck 2 มีอะไรใหม่? รวมข่าวลือ สเปกและฟีเจอร์ปี 2025
- ขุมพลัง APU เจเนอเรชันใหม่ ทรงพลังกว่าเดิม
- หน้าจอแสดงผลในระดับพรีเมียม
- แบตเตอรี่ที่อึดใช้งานได้ยาวนานกว่า
- หน่วยความจำและพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่มีมากขึ้นและเร็วกว่าเดิม
- การเชื่อมต่อไร้สายแห่งอนาคต
- เปรียบเทียบสเปค Steam Deck OLED vs Steam Deck 2
- สิ่งที่อาจการปรับปรุงเพิ่มใน Steam Deck 2
- คู่แข่งที่น่าสนใจ
- สรุปความแตกต่าง
- คุ้มค่าต่อการรอ?
คาดการณ์เทคโนโลยีและสเปกของ Steam Deck 2 ก้าวกระโดดครั้งใหม่
ข้อมูลหลุดออกมา และหลายๆ สำนักคาดการณ์ว่า Valve อาจไม่เพียงอัปเกรดสเปกเท่านั้น แต่จะมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขจุดอ่อนของรุ่นแรกและนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาเพื่อสร้างประสบการณ์ในการเล่นที่ดีกว่าเดิม Steam Deck 2 มีแนวโน้มจะใช้เทคโนโลยีชิปใหม่ที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น อาจรองรับเกม AAA ล่าสุดได้ดีขึ้น เช่น Elden Ring หรือ Doom: The Dark Ages โดยไม่ต้องลดคุณภาพมากนัก นอกจากนี้ จอ OLED ที่คาดว่าจะมาพร้อมกันจะให้สีสันสดใสและคอนทราสต์ดีกว่า LCD รุ่นแรกอย่างเห็นได้ชัด เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบกราฟิกคุณภาพสูง
1. ขุมพลัง APU เจเนอเรชันใหม่ ทรงพลังกว่าเดิม

แนวโน้มที่มีจะเป็นไปได้ว่า Steam Deck 2 จะมาพร้อมกับชิป APU (Accelerated Processing Unit) รุ่นใหม่ล่าสุดจาก AMD ที่สร้างบนสถาปัตยกรรมที่ล้ำหน้ากว่าเดิม มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็น สถาปัตยกรรม CPU Zen 5 และ GPU RDNA 3.5 หรืออาจจะข้ามไปถึง RDNA 4 ซึ่งจะส่งผลให้ประสิทธิภาพการประมวลผล (IPC – Instructions Per Clock) และประสิทธิภาพด้านกราฟิกดีขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งก็อาจจะทำให้เราจะได้เห็นเฟรมเรตที่สูงขึ้นและเสถียรขึ้นในการเล่นเกม AAA ใหม่ๆ, สามารถรันเกมที่ความละเอียดสูงขึ้นหรือปรับกราฟิกได้สวยงามขึ้น, และที่สำคัญคือ ประสิทธิภาพต่อวัตต์ (Performance per Watt) ที่ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่
2. หน้าจอแสดงผลในระดับพรีเมียม

Valve ได้เรียนรู้และมีประสบการณ์จากความสำเร็จของ Steam Deck OLED มาแล้วว่าหน้าจอแสดงผลที่ดี มีส่วนอย่างมากต่อการใช้งานของผู้ใช้ ดังนั้นเป็นไปได้ว่า Steam Deck 2 จะมาพร้อมหน้าจอ OLED เป็นมาตรฐาน และอาจมีการอัปเกรดเพิ่มเติมขึ้น อย่างเช่น อัตรารีเฟรชเรตน่าจะสูงขึ้น จากเดิม 90Hz ในรุ่น OLED ปัจจุบัน ปรับไปเป็น 120Hz เพื่อการแสดงผลที่ลื่นไหลสบายตายิ่งขึ้นก็เป็นได้ เช่นเดียวกับความสว่างและ HDR ปรับปรุงความสว่างสูงสุดและรองรับ HDR ที่ดีขึ้นกว่าเดิม
แต่เรื่องที่ยังคงเป็นที่ถกเถียง และยังไม่เคาะออกมา นั่นคือความเป็นไปได้ว่า Valve อาจจะยังคงใช้ความละเอียดที่ใกล้เคียงเดิมอย่าง 1280×800 หรือ 1600×900 เพื่อรักษาประสิทธิภาพและยืดอายุแบตเตอรี่ ให้เกมเมอร์เล่นได้นานขึ้น รวมถึงน่าจะเน้นไปที่คุณภาพของ Panel แทน
3. แบตเตอรี่ที่อึดใช้งานได้ยาวนานกว่า
สิ่งนี้น่าจะตอบโจทย์ความต้องการของเกมเมอร์มากที่สุด โดยแบตเตอรี่คือ สำคัญของเครื่องเล่นเกมพกพาในทุกๆ รุ่น อย่างไรแล้ว นอกจากความแรง รีดเฟรมเรตได้ดี ทำให้คอเกมเล่นได้ลื่นแล้ว ระยะเวลาในการใช้งานแบตฯ กรณีที่พกพาไปเล่นนอกบ้าน ก็สำคัญมากๆ โดยจากข้อมูลจากหลายๆ แห่ง เป็นไปได้ว่า Steam Deck 2 จะมาพร้อม แบตเตอรี่ที่มีความจุสูงขึ้น และน่าจะมากกว่า 50Whr ในรุ่น OLED เมื่อรวมกับประสิทธิภาพของการใช้พลังงานต่อวัตต์ที่ดีขึ้นของ APU รุ่นใหม่แล้ว น่าจะทำให้เล่นเกมได้ยาวนานขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอีกด้วย
4. หน่วยความจำและพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่มีมากขึ้นและเร็วกว่าเดิม

ความน่าสนใจของประสิทธิภาพที่น่าจะมีมาให้บน Steam Deck 2 นั้น ไม่ได้หยุดอยู่แค่ ซีพียูรุ่นใหม่ หรือกราฟิกที่ให้ประสิทธิภาพที่สูงขึ้น แต่เรื่องหน่วยความจำอย่าง RAM และ Storage ก็ยังคงน่าสนใจ เพราะถ้าอาจจะอัปเกรดไปใช้ LPDDR5X ที่มีความเร็วสูงขึ้น ก็จะช่วยลดเวลาในการโหลดและเพิ่มการตอบสนองโดยรวมของระบบ ส่วนด้าน Storage น่าจะยังคงใช้งาน NVMe SSD ที่เป็นไปได้มากว่าจะไปใช้ PCIe Gen 4.0 ในแบบมาตรฐาน เพื่อยังคงความเร็วในการอ่าน-เขียนข้อมูลที่สูงขึ้น ทำให้การติดตั้งและโหลดเกมรวดเร็วทำได้ต่อเนื่อง ไม่สะดุด เนื่องจากไฟล์เกมที่มีขนาดใหญ่นั่นเอง
5. การเชื่อมต่อไร้สายแห่งอนาคต
เช่นเดียวกับการเชื่อมต่อเครือข่าย ในช่วงที่จะคลอดออกมา ก็เป็นไปได้ว่ามีการอัปเกรดไปใช้มาตรฐานล่าสุดอย่าง Wi-Fi 7 และ Bluetooth 5.3 หรือสูงกว่า เพื่อให้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่เร็วและเสถียรยิ่งขึ้น ลดค่าความหน่วง (Latency) และรองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ยังไม่ได้มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ เพราะต้องดูองค์รวมของค่าการใช้พลังงาน และการเชื่อมต่อของแต่ละพื้นที่หรือแต่ละภูมิภาคอีกด้วย
เปรียบเทียบสเปค Steam Deck OLED vs Steam Deck 2
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ลองมาดูตารางเปรียบเทียบสเปกกันครับ
| คุณสมบัติ (Feature) | Steam Deck (OLED Model) | Steam Deck 2 (แนวโน้ม) | การเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ |
| APU | CPU: Zen 2 4c/8t, 2.4-3.5GHz (up to 448 GFlops FP32) GPU: 8 RDNA 2 CUs, 1.6GHz (1.6 TFlops FP32) | AMD “Next-Gen APU” (Zen 5 + RDNA 3.5/4) 3nm/4nm | ประสิทธิภาพและ จัดการพลังงานที่ดีขึ้น |
| หน้าจอ | 7.4 นิ้ว HDR OLED, 90Hz, 1280×800 | 7.4+ นิ้ว HDR OLED, 120Hz, 1280×800 หรือสูงกว่า | ลื่นไหลขึ้น, อาจสว่างขึ้น |
| RAM | 16GB LPDDR5 (6400 MT/s) | 16GB-32GB LPDDR5X (ความเร็วสูงขึ้น) | โหลดเร็วขึ้น, ตอบสนองดีขึ้น |
| Storage | NVMe SSD PCIe Gen 3 (หรือ Gen 4 ในบางโซน) | NVMe SSD PCIe Gen 4.0 เป็นมาตรฐาน | ความเร็วในการอ่าน/เขียนข้อมูลสูงขึ้น |
| แบตเตอรี่ | 50Whr | มากกว่า 50Whr | ใช้งานได้ยาวนานขึ้นอย่างชัดเจน |
| การเชื่อมต่อ | Wi-Fi 6E, Bluetooth 5.3 | Wi-Fi 7, Bluetooth 5.3+ | การเชื่อมต่อไร้สายที่เร็วและเสถียรยิ่งขึ้น |
| ดีไซน์ | ดีไซน์ดั้งเดิม | อาจมีการปรับปรุงให้ เบาลงหรือจับถนัดขึ้น | พกพาสะดวกขึ้น, ควบคุมได้ดีขึ้น |
สิ่งที่อาจการปรับปรุงเพิ่มใน Steam Deck 2

นอกเหนือจากเรื่องของสเปคและฟีเจอร์แล้ว เรื่องของการจับถือ เพื่อให้เกมเมอร์สามารถเล่นได้สะดวกขึ้น เราอาจจะได้เห็นการออกแบบ Ergonomics ที่ทาง Valve ปรับปรุงดีไซน์อยู่บ้าง เพื่อให้ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบาลง การกระจายน้ำหนักที่ดีขึ้น รวมถึงรูปทรงที่จับถนัดมือยิ่งขึ้นกว่าตัวเก่า
โดยเฉพาะปุ่มและจอยสติ๊ก อาจมีการนำจอยสติ๊กแบบ Hall Effect มาใช้เป็นมาตรฐาน เพื่อแก้ปัญหา Joy-Con Drift และเพิ่มความทนทาน ไปจนถึงระบบระบายความร้อน ที่น่าจะมีการปรับปรุงและออกแบบใหม่ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและลดเสียงรบกวนลงได้มากกว่าเดิม ส่วนด้านซอฟต์แวร์ SteamOS น่าจะได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความเสถียร, ใช้งานง่าย, และรองรับเกมได้หลากหลายยิ่งขึ้นนั่นเอง
คู่แข่งที่น่าสนใจ
แต่สิ่งที่หลายคนอาจสนใจก็คือ คู่เทียบในตลาด แม้ว่าจะไม่ได้เรียกคู่แข่งอย่างเต็มตัว เพราะมีหลายอย่างที่แตกต่างกัน แต่มีจุดประสงค์คล้ายกัน นั่นคือ ออกแบบมาเป็นเครื่องเล่นเกมพกพา อย่าง ASUS ROG Ally และ MSI Claw ที่เข้ามาทำตลาดอยู่ได้สักระยะแล้ว ข่าวลือก็ยิ่งทำให้สมรภูมินี้ทวีความน่าสนใจขึ้นไปอีก เพราะผู้ใช้จะต้องเลือกให้เหมาะกับตัวเอง ซึ่งถ้าใครกำลังคิดเรื่องนี้อยู่ เรามีข้อมูลมาลองให้ได้พิจารณากันเล็กน้อย
หัวใจที่แตกต่าง ระบบปฏิบัติการและ Ecosystem
โดยเรื่องแรกนั้น Steam Deck 2 อาจจะมาพร้อม SteamOS 4.0 เวอร์ชั่นที่ใหม่กว่า ซึ่งจะมีจุดเด่นอยู่ที่ ประสบการณ์เล่นที่เหมือนคอนโซล SteamOS (ที่พัฒนาบนพื้นฐานของ Linux) ถูกออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ Interface ใช้งานง่าย, ปรับแต่งมาเพื่อ Steam Deck โดยตรง, และมีฟีเจอร์ Shader Caching ที่ช่วยให้เกมทำงานได้ลื่นไหลขึ้น คุณเปิดเครื่อง, เลือกเกมจาก Library, แล้วเล่นได้เลย เหมือนกับเครื่อง Nintendo Switch หรือ PlayStation
ความน่าสนใจนั้นอยู่ที่การ “Optimized” มาอย่างดีระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เพื่อให้ประสิทธิภาพการเล่นเกมจริง ที่อาจทำได้ดีและเสถียรกว่าในหลายๆ เกมที่ได้รับการรับรอง (Verified) แต่ก็มีข้อสังเกตอยู่บ้าง อย่างการเล่นเกมนอก Steam (เช่น จาก Epic Games Store หรือ PC Game Pass) ต้องทำผ่านขั้นตอนที่ซับซ้อนกว่า

โดยที่ ASUS ROG Ally & MSI Claw นั้นอย่างที่ทราบกันว่าใช้ระบบปฏิบัติการ Windows เป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่ ความยืดหยุ่นเหมือน PC ขนาดย่อม และการใช้ Windows 11 ทำให้เครื่องเหล่านี้สามารถลงโปรแกรมและเล่นเกมได้จากทุก Launcher ไม่ว่าจะเป็น Steam, Epic Games, PC Game Pass, GOG, หรือแม้กระทั่งโปรแกรมทำงานทั่วไป มันคือคอมพิวเตอร์พกพาที่เล่นเกมได้อย่างแท้จริง กับความน่าสนใจนั้น จะอยู่ที่สามารถเข้าถึงคลังเกมที่ใหญ่กว่าได้โดยตรง และรองรับระบบ Anti-Cheat ของหลายๆ เกมได้ดีกว่า Linux
แต่ก็มีข้อสังเกต นั่นก็คือประสบการณ์การใช้งานอาจจะไม่ต่อเนื่องเท่ากับ SteamOS เพราะ Windows ไม่ได้ถูกออกแบบมาสำหรับหน้าจอสัมผัสขนาดเล็กและการควบคุมด้วยคอนโทรลเลอร์ตั้งแต่แรก ทำให้บางครั้งอาจต้องต่อเมาส์และคีย์บอร์ดเพื่อตั้งค่าบางอย่าง และอาจมีปัญหาจุกจิกจาก Background Process ของ Windows
ขุมพลังในการทำงาน
ในส่วนของ Steam Deck 2 หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าน่าจะใช้ขุมพลังจาก AMD APU รุ่นใหม่ โดยมีจุดเด่น ในเรื่องของการปรับแต่งเฉพาะทาง APU ได้ ซึ่ง Valve ได้ร่วมมือกับ AMD อย่างใกล้ชิดเพื่อสร้าง APU ที่ได้รับการ Custom มาเพื่อ Steam Deck โดยเฉพาะ โดยเน้นที่ ประสิทธิภาพต่อวัตต์ (Performance per Watt) สูงสุด ซึ่งหมายถึงการเล่นเกมได้ลื่นไหลโดยที่ยังคงประหยัดพลังงานเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่

ความน่าสนใจและความเป็นไปได้นั้น คาดว่าจะใช้สถาปัตยกรรมใหม่ล่าสุดอย่างซีพียูใหม่ในสถาปัตยกรรม Zen 5 และกราฟิก RDNA 3.5/4 ที่ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพก้าวกระโดดจากรุ่นแรกอย่างมหาศาล
ซึ่งถ้ามองไปที่ ASUS ROG Ally เจนเนอเรชั่นแรกจะใช้ AMD Ryzen Z1 Series ที่มีจุดเด่นอยู่ที่พลังดิบที่สูง ด้วยชิป Ryzen Z1 Extreme ที่ใช้ใน ROG Ally รุ่นท็อป เป็นชิปที่ทรงพลังมากในปัจจุบัน สามารถมอบเฟรมเรตที่สูงกว่า Steam Deck (OLED) ในหลายๆ เกม โดยเฉพาะเมื่อเสียบปลั๊กและใช้โหมด Turbo ซึ่งความน่าสนใจประสิทธิภาพที่สูงทำให้สามารถเล่นเกม AAA ใหม่ๆ ที่ความละเอียด 1080p ได้อย่างน่าประทับใจ

และสำหรับ MSI Claw เลือกใช้ Intel Core Ultra เป็นหัวใจหลักกับจุดเด่นเทคโนโลยี AI และ iGPU สถาปัตยกรรมใหม่” เป็นเครื่องแรกที่ใช้ชิป Intel Core Ultra พร้อมกราฟิก Intel Arc ที่มีประสิทธิภาพดีขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับ iGPU รุ่นเก่าๆ ของ Intel และมาพร้อม NPU (Neural Processing Unit) สำหรับประมวลผล AI ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ในอนาคตสำหรับเทคโนโลยี Upscaling อย่าง XeSS ความน่าสนใจของซีพียูรุ่นใหม่นี้ อยู่ที่การเป็นทางเลือกใหม่และอาจมีประสิทธิภาพที่ดีในบางเกมที่ปรับแต่งมาเพื่อสถาปัตยกรรม Intel โดยเฉพาะ
จอภาพและดีไซน์
สำหรับ Steam Deck2 ก็เดากันว่าน่าจะใช้ จอ OLED เป็นมาตรฐาน และอาจมี Refresh Rate ที่สูงกว่าเดิม ส่งผลให้ภาพที่ได้ดูสดใส, Contrast สูงสุด, และลื่นไหลสบายตาและการออกแบบให้สอดคล้องกับ Ergonomics เพื่อให้จับถือได้สบายเป็นเวลานาน เช่นเดียวกับการมี Trackpad คู่ที่เป็นเอกลักษณ์ในเจนเนอเรชั่นแรก ให้ความสะดวกในการควบคุมเกมแนววางแผนหรือเกมที่ต้องใช้เมาส์

แต่ใน ASUS ROG Ally รุ่นแรก เค้าก็มีจุดเด่นหลายอย่างที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ 1080p 120Hz VRR (Variable Refresh Rate) ซึ่งให้ภาพที่คมชัดและลื่นไหลมาก ลดอาการภาพฉีกขาดได้อย่างยอดเยี่ยม ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบาที่สุดในกลุ่ม ทำให้พกพาสะดวก พร้อมกับดีไซน์สีขาวที่เป็นเอกลักษณ์และไฟ RGB รอบจอยสติ๊ก ให้ความรู้สึกพรีเมียมสไตล์ ROG
มาที่ MSI Claw กันบ้าง มีจุดเด่นอยู่ที่ดีไซน์ที่เน้นการจับถือที่สบายมือ ด้วย Grip ที่ออกแบบมาอย่างดีและจอยสติ๊กแบบ Hall Effect ซึ่งช่วยแก้ปัญหา Joy-Con Drift และมีความทนทานสูง นอกจากนี้ยังมีระบบระบายความร้อน Cooler Boost HyperFlow ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อจัดการกับความร้อนของชิป Intel ได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

ท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีเครื่องไหนที่ดีที่สุดในทุกๆ ด้าน แต่ละเครื่องมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป แต่การมาถึงของ Steam Deck 2 จะยิ่งทำให้การแข่งขันในตลาดนี้ดุเดือดและเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคมากขึ้นอย่างแน่นอน สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจความต้องการของตัวเองและเลือก “ประตูสู่โลกแห่งเกม” ที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคุณที่สุด
สรุปความแตกต่าง
| คุณสมบัติ | Steam Deck2 (แนวโน้ม) | ASUS ROG Ally | MSI Claw |
| ระบบปฏิบัติการ | SteamOS (Linux-based) | Windows 11 | Windows 11 |
| Ecosystem หลัก | Steam (เน้นการ Optimized) | ทุก Launcher บน PC | ทุก Launcher บน PC |
| ประสบการณ์ | เหมือนคอนโซล, ใช้งานง่าย | เหมือนพีซีพกพา | เหมือนพีซีพกพา |
| ชิปเซ็ต (CPU/GPU) | AMD Custom APU (Zen 5 + RDNA 3.5/4) | AMD Ryzen Z1 Series (Zen 4 + RDNA 3) | Intel Core Ultra (Meteor Lake) |
| หน้าจอ | OLED 120Hz (คาดเดา) | LCD 1080p 120Hz VRR | LCD 1080p 120Hz VRR |
| จุดเด่นเฉพาะตัว | Software Optimized, Trackpads, แบตฯอึด (แนวโน้ม) | เบาที่สุด, จอ 1080p VRR, พลังดิบสูง | จับถนัดมือ, Hall Effect Joysticks |
คุ้มค่าต่อการรอ?
Steam Deck 2 ถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นการ “วิวัฒนาการ” ที่สำคัญของเครื่องเล่นเกม PC พกพา โดยจะนำเสนอการปรับปรุงที่ก้าวกระโดดในทุกๆ ด้าน ทั้งพลังการประมวลผลจาก APU รุ่นใหม่, หน้าจอ OLED ที่ลื่นไหลยิ่งขึ้น, และที่สำคัญคืออายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ดีขึ้นอย่างที่ทุกคนรอคอย แม้ว่าเราอาจจะต้องรอการประกาศอย่างเป็นทางการอีกสักพักใหญ่ แต่สำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์ที่ดีที่สุดและไม่รีบร้อน การรอคอยถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
ถ้าต้องการ “ประสิทธิภาพสูงสุด” และต้องการเล่นเกม AAA ใหม่ๆ ในอนาคตด้วยเฟรมเรตที่ลื่นไหลและกราฟิกที่ดีที่สุดเท่าที่เครื่องพกพาจะทำได้ และให้ความสำคัญกับอายุการใช้งานแบตเตอรี่เป็นอย่างมาก และคาดหวังว่าจะสามารถเล่นได้นานขึ้นอย่างชัดเจน หากคุณมี Steam Deck รุ่นแรก (LCD) อยู่แล้ว และต้องการการอัปเกรดที่เห็นความแตกต่างอย่างก้าวกระโดด การรอข้ามไปรุ่นที่ 2 เลยอาจจะคุ้มค่ากว่า รวมถึงหากคุณชื่นชอบการได้สัมผัสเทคโนโลยีล่าสุดก่อนใครและมีงบประมาณเพียงพอ สุดท้ายนี้เรื่องวันเวลาในการเปิดตัว Steam อัพเดตล่าสุด กระแสจากหลายฝ่ายคาดว่าน่าจะอยู่ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2026





