
หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า Microsoft ได้ปล่อยอัปเดตหมายเลข KB5001716 ให้กับผู้ใช้ Windows 10 และ Windows 11 โดยไม่แจ้งล่วงหน้า ซึ่งเป็นอัปเดตที่มีเป้าหมายแอบกระตุ้นให้เครื่องผู้ใช้ทำการอัปเกรดเป็นเวอร์ชันใหม่โดยอัตโนมัติ ตอนนี้ Microsoft ได้ออกมาชี้แจงเพิ่มเติมและ ยืนยันว่าจะไม่บังคับติดตั้งเวอร์ชันใหม่อัตโนมัติอีกต่อไป
Microsoft ปรับเปลี่ยนท่าที ยอมถอยฟีเจอร์บังคับอัปเกรด
ก่อนหน้านี้ อัปเดต KB5001716 มักถูกใช้เพื่อเตือนผู้ใช้ว่าเครื่องของตนกำลังจะหมดระยะซัพพอร์ต และบางครั้งยังทำการดาวน์โหลดเวอร์ชันใหม่อย่างเงียบ ๆ โดยไม่ได้ขออนุญาตจากผู้ใช้ก่อน ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ใช้จำนวนมาก รวมถึงองค์กรด้านสิทธิผู้บริโภคอย่าง PIRG ที่ออกมาแสดงความกังวลว่าแนวทางแบบนี้อาจทำให้ “คอมพิวเตอร์กว่า 400 ล้านเครื่อง” กลายเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์โดยไม่จำเป็น
อย่างไรก็ตาม หลังจากมีรายงานข่าวเกี่ยวกับพฤติกรรมของอัปเดตนี้ Microsoft ได้ปรับเนื้อหาในหน้า Release Note ของ KB5001716 อย่างเป็นทางการ โดยตัดข้อความที่ระบุว่า Windows อาจพยายามติดตั้งฟีเจอร์อัปเดตโดยอัตโนมัติหากเครื่องกำลังจะหมดอายุซัพพอร์ตออกไป
บันทึกการเปลี่ยนแปลงล่าสุดของ KB5001716 (2 กรกฎาคม 2025)
Microsoft ได้ลบข้อความต่อไปนี้ออกจากส่วน “หมายเหตุเกี่ยวกับอัปเดตนี้” บนหน้าเว็บสนับสนุนของตน:
“เมื่ออัปเดตนี้ถูกติดตั้ง Windows อาจพยายามดาวน์โหลดและติดตั้งฟีเจอร์อัปเดตให้กับอุปกรณ์ของคุณหากกำลังจะหมดระยะซัพพอร์ต หรือถึงระยะสิ้นสุดการซัพพอร์ตของเวอร์ชัน Windows ที่ติดตั้งอยู่ ฟีเจอร์อัปเดตมอบฟังก์ชันใหม่และช่วยให้เครื่องของคุณปลอดภัยขึ้น”
แทนที่ด้วยข้อความใหม่ซึ่งระบุว่า:
“หลังจากติดตั้งอัปเดตนี้ Windows อาจแสดงการแจ้งเตือนเป็นระยะ เพื่อแจ้งปัญหาที่อาจทำให้ Windows Update ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ เช่น การแจ้งว่าเครื่องของคุณใช้เวอร์ชันที่หมดอายุซัพพอร์ต หรือฮาร์ดแวร์ไม่รองรับเวอร์ชัน Windows ปัจจุบัน”
หมายความว่าอย่างไร?
การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลต่อผู้ใช้อย่างไร? กล่าวง่าย ๆ คือ Microsoft จะไม่แอบติดตั้งเวอร์ชันใหม่ให้ผู้ใช้อีกต่อไป แต่จะเปลี่ยนมาใช้วิธีการแจ้งเตือนแทน เช่น การแสดงป้ายข้อความด้านล่างหน้าจอ หรือแม้แต่การแจ้งเตือนเต็มหน้าจอว่าระบบหมดระยะซัพพอร์ตหรือเครื่องของคุณไม่ผ่านเกณฑ์ฮาร์ดแวร์ของเวอร์ชันถัดไป
การแจ้งเตือนเหล่านี้แม้จะไม่บังคับติดตั้งทันที แต่ก็ยังมีผลกดดันให้ผู้ใช้ต้องอัปเกรดเครื่องหรือซื้อคอมพิวเตอร์ใหม่อยู่ดี โดยเฉพาะกับผู้ใช้ Windows 10 ซึ่งจะหมดซัพพอร์ตในเดือนตุลาคม 2025
สำหรับใครที่สงสัยว่า KB5001716 อยู่ตรงไหน
หากเครื่องของคุณมีการติดตั้งอัปเดตนี้ไว้แล้ว คุณสามารถตรวจสอบได้จากแอป Settings > Apps > Installed apps จากนั้นค้นหา “KB5001716” หรือพิมพ์ในช่องค้นหา แล้วดูว่าแสดงอยู่ในรายการหรือไม่
อัปเดตนี้ไม่ได้แสดงใน Windows Update โดยตรง จึงอาจทำให้ผู้ใช้ทั่วไปไม่ทราบว่ามีการติดตั้งไว้แล้วตั้งแต่เมื่อไร
สรุป
แม้ว่า Microsoft จะหยุดการบังคับอัปเกรดระบบผ่าน KB5001716 แล้ว แต่ท่าทีโดยรวมก็ยังคงมุ่งกระตุ้นให้ผู้ใช้เปลี่ยนมาใช้เวอร์ชันใหม่หรืออุปกรณ์ที่รองรับ Windows 11 อยู่ดี โดยเฉพาะในช่วงใกล้สิ้นสุดการซัพพอร์ตของ Windows 10
ผู้ใช้ที่ยังคงใช้ฮาร์ดแวร์เก่าอาจต้องพิจารณาทางเลือกอย่าง Extended Security Updates (ESU) ที่ Microsoft เปิดให้สำหรับผู้ใช้งานที่ไม่สามารถอัปเกรดฮาร์ดแวร์ได้ทันที แต่ก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
สำหรับใครที่ต้องการอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถเข้าไปดูได้ในหน้า บทความสนับสนุนของ Microsoft สำหรับ KB5001716 (ลิงก์ตรงอาจเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต)
ที่มา: Neowin
