
Microsoft Xbox: ปลดพนักงานระลอกใหม่ ท่ามกลางกำไรมหาศาล จุดไฟคำถามต่ออนาคตอุตสาหกรรมเกม
แม้ว่า Microsoft จะทำกำไรทะลุ 26,000 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ผ่านมา และมีผลประกอบการแซงหน้าความคาดหมายของ Wall Street แต่บริษัทก็เริ่มต้นไตรมาสใหม่ด้วยการ “ปรับโครงสร้างองค์กร” อีกครั้ง และครั้งนี้มีเป้าหมายที่การปลดพนักงานมากถึง 9,000 คน โดยมีหลายฝ่ายได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะฝั่งเกมและ Xbox
แหล่งข่าวหลายแห่งรายงานว่า ทีมพัฒนาหลายโครงการต้องปิดตัวลง ไม่ว่าจะเป็น Rare ที่ถูกยกเลิกโปรเจกต์ Everwild หรือสตูดิโอ The Initiative ที่กำลังพัฒนาเกม Perfect Dark เวอร์ชันรีบูต รวมถึงเกม MMO ของ ZeniMax ที่ยังไม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการก็ถูกยกเลิกเช่นกัน
นับตั้งแต่ต้นปี 2023 Microsoft ได้ปลดพนักงานไปแล้วกว่า 20,000 คน และในโลกโซเชียลมีเดีย เราได้เห็นเสียงสะท้อนจากนักพัฒนาเกมตั้งแต่สตูดิโออินดี้จนถึงระดับ AAA ที่พูดถึงความรู้สึก “หดหู่” และ “สิ้นหวัง” กับสภาพอุตสาหกรรมที่กำลังเกิดขึ้น
“นี่ไม่ใช่อุตสาหกรรมที่เรารักอีกต่อไป”
Eric Neustadter อดีตผู้จัดการฝ่าย Xbox Live และปัจจุบันเป็นรองประธานฝ่ายเทคโนโลยีของ The Pokémon Company โพสต์ข้อความว่า
“เจ็บปวดใจมากที่เห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมที่เรารัก ระบบแรงจูงใจที่เป็นอยู่ตอนนี้ทำให้ ‘เกมสนุก’ หรือ ‘ทีมที่ทำกำไรได้’ ไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกต่อไป”
John Epler ผู้อำนวยการด้านเนื้อเรื่องของเกม Skate และอดีตทีม BioWare ก็กล่าวว่า
“อยู่ในวงการมา 18 ปี ผมบอกได้เลยว่านี่เป็นช่วงที่มืดมนที่สุดเท่าที่เคยเจอ”
Rami Ismail ผู้ร่วมก่อตั้ง Vlambeer ก็ทวีตเช่นกันว่า
“มันต้องมีทางที่ดีกว่านี้สักทางสิ… มันต้องมีอุตสาหกรรมเกมที่ดีกว่านี้ ไม่ใช่แค่เจ็บซ้ำซากแบบนี้ตลอดเวลา นี่มันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
เสียงสะท้อนจากคนวงใน: “นี่มันวังวนแห่งความตายชัด ๆ”
Emma Kidwell นักเขียนบทจาก Civilization 7 และ Marvel’s Midnight Suns พูดติดตลกแต่แฝงความเจ็บว่า
“อุตสาหกรรมเกมกำลังจะทำให้ฉันกลายเป็นโจ๊กเกอร์”
หลายคนเห็นว่าการปลดพนักงานของ Microsoft เป็นเพียงปลายทางของวิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้นแต่ “การเติบโตแบบไร้ขีดจำกัด” โดยไม่ใส่ใจผู้คนหรือคุณภาพของเนื้อหา
Chandana Ekanayake ผู้ร่วมก่อตั้ง Outerloop Games กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า
“การปลดคนทีละเป็นพันเพียงเพื่อให้ตัวเลขดูดีในไตรมาส เป็นอะไรที่โคตรจะวิปริต… มันไม่ยั่งยืนเลยตั้งแต่แรก และนี่คือการผลาญพรสวรรค์มหาศาล”
Bruno Dias อดีตนักออกแบบจากเกม Fallen London ก็กล่าวว่า
“การปลดพนักงานกลายเป็นเหตุการณ์รายไตรมาส นี่มันไม่ใช่วังวนแห่งความตายเหรอ? Xbox เหมือนบริษัทที่ถูกขายให้ทุนเอกชนแล้วถูกลอกทองแดงออกจากผนัง”
ด้านหนึ่งทุ่ม 80,000 ล้านให้ AI แต่อีกด้านปลดพนักงาน
Andrew Carl นักออกแบบระบบจาก Respawn แสดงความรู้สึกขัดแย้งอย่างรุนแรงต่อการปลดคนในขณะที่ Microsoft ทุ่มงบประมาณกว่า 80,000 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ให้กับ AI โดยเขาให้ความเห็นว่า
“จำไว้นะครับ ว่าความพินาศพวกนี้เกิดขึ้นในขณะที่ Microsoft กำลังทุ่มสุดตัวกับ AI ขยะพวกนั้น — พวกที่โกหกคุณ, มีปัญหาความปลอดภัย, และกินพลังงานมหาศาล”
แม้แต่ Seamus Blackley ผู้ออกแบบ Xbox รุ่นแรก ก็ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับทิศทางในตอนนี้ โดยระบุว่า
“เกมที่ยิ่งใหญ่หลายเกมมีประวัติการพัฒนาที่ไม่ราบรื่นทั้งนั้น แล้วดูสิว่าผู้บริหารชอบยกเลิกโปรเจกต์ที่เจอปัญหาในระหว่างการพัฒนา ถ้าอยากให้โปรเจกต์นั้นรอดก็ต้องไม่เสี่ยงเลย… แต่เกมที่ยอดเยี่ยมมาจากความเสี่ยงนั่นแหละ ลองเอาไปคำนวณดูแล้วกัน”
เมื่อมีคนแซวว่า “เดี๋ยว Copilot คงคำนวณให้” Blackley ก็ตอบว่า
“งั้นมันคงจะผิดแน่ ๆ แถมยังยืนยันด้วยว่าตัวเองถูกอีกต่างหาก”
เหล่านักพัฒนาอยากแค่ ‘ได้สร้างสิ่งที่ผู้เล่นชอบ’
Cat Manning ผู้อำนวยการฝ่ายเนื้อเรื่องของ Firaxis สรุปอารมณ์ของคนทั้งวงการได้อย่างเรียบง่ายแต่สะเทือนใจว่า
“ผมแค่อยากสร้างสิ่งที่ทำให้ผู้เล่นรู้สึกตื่นเต้นเท่านั้นเอง”
แม้หลายฝ่ายยังมองหาแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่สำหรับตอนนี้ บรรยากาศในวงการเกมดูจะเต็มไปด้วยความหดหู่และคำถามมากกว่าความหวัง และสำหรับ Microsoft Xbox ที่เคยเป็นผู้นำในวงการเกมมานานหลายสิบปี ตอนนี้คำถามใหญ่ที่หลายคนอยากรู้ก็คือ “มันยังมีแผนอยู่ไหม?” หรือ “นี่คือจุดเริ่มต้นของจุดจบแล้วจริง ๆ?”
ที่มา: PCGAMER
