Connect with us

Hi, what are you looking for?

Notebookspec

IT NEWS

Ubuntu เตรียมปิดระบบป้องกันบน Intel GPU เพิ่มประสิทธิภาพกราฟิกแรงขึ้นถึง 20%

Intel GPU

Canonical จับมือ Intel เตรียมเปลี่ยนแนวทางความปลอดภัยใหม่บน Ubuntu ปรับสมดุล “ความเร็ว vs ความปลอดภัย” สำหรับผู้ใช้ iGPU

ในโลกของเทคโนโลยี ความปลอดภัยมักต้องแลกมากับประสิทธิภาพ โดยเฉพาะหลังจากที่ช่องโหว่ด้านความปลอดภัยระดับฮาร์ดแวร์อย่าง Spectre และ Meltdown ถูกเปิดเผยในช่วงปี 2018 ทำให้ผู้ผลิตชิปอย่าง Intel และผู้พัฒนาแพลตฟอร์มอย่าง Canonical (ผู้ดูแลระบบปฏิบัติการ Ubuntu) ต้องออกมาตรการป้องกันในหลายระดับ — ตั้งแต่ระดับ kernel ไปจนถึงระดับซอฟต์แวร์เฉพาะทาง

ถึงแม้ภัยคุกคามเหล่านี้จะมีเป้าหมายหลักเป็นหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) แต่ในความพยายาม “กันไว้ดีกว่าแก้” Intel ก็ได้ขยายมาตรการป้องกันไปยังกราฟิกการ์ดแบบฝังตัว (iGPU) ด้วยเช่นกัน ซึ่งมีผู้ใช้งานจำนวนมากในกลุ่มโน้ตบุ๊กและเดสก์ท็อปทั่วไป

Advertisement

แต่ล่าสุดมีการเปิดเผยว่า ระบบ mitigations บน Intel GPU อาจไม่ได้จำเป็นอีกต่อไป — และอาจส่งผลลบต่อประสิทธิภาพโดยไม่สมเหตุสมผล


ประสิทธิภาพที่หายไปจาก “ความปลอดภัยเกินพอดี”

Canonical ได้ตรวจสอบร่วมกับ Intel และพบว่า การเปิดใช้การป้องกัน Spectre สำหรับ GPU บน Ubuntu กำลังลดประสิทธิภาพการทำงานของการ์ดจอ Intel ลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในงานกราฟิกและประมวลผลที่ใช้ Intel Compute Runtime ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่จัดการการทำงานของ GPU ในระดับล่าง (low-level GPU runtime)

ผลการทดสอบภายในชี้ว่า การปิดระบบ mitigations เหล่านี้สามารถทำให้ ประสิทธิภาพของกราฟิกการ์ดเพิ่มขึ้นได้มากถึง 20% โดยไม่พบความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่เป็นรูปธรรม


Ubuntu 25.10 เตรียมเป็นเวอร์ชันแรกที่เปลี่ยนนโยบาย

Canonical จะเริ่มปิดระบบ mitigations บน GPU โดยค่า default ในแพ็กเกจ Intel Compute Runtime ของ Ubuntu 25.10 ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวในช่วงปลายปี 2025 โดยใช้ตัวแปร build ใหม่ชื่อว่า NEO_DISABLE_MITIGATIONS ในกระบวนการคอมไพล์

ขณะนี้ Intel เองก็ได้จัดส่ง runtime อย่างเป็นทางการบน GitHub โดยไม่มีระบบ mitigations เหล่านี้มาสักพักแล้ว ซึ่งหมายความว่าแนวทางนี้ได้รับการทดสอบและยอมรับในระดับหนึ่งแล้วจากฝั่ง Intel


ความปลอดภัยยังคงอยู่ — แต่อยู่ในระดับ “ระบบหลัก”

จากคำชี้แจงของทีมงาน Canonical ระบุว่า มาตรการป้องกัน Spectre สำหรับ GPU นั้นเคยมีความจำเป็นในช่วงแรกของการเปิดเผยช่องโหว่ แต่ในปัจจุบัน ระบบหลักของ Ubuntu อย่าง kernel และ firmware ต่างได้รับการอัปเดตเพื่อป้องกันช่องโหว่เหล่านี้ในระดับที่ปลอดภัยแล้ว

การปล่อยให้ mitigations อยู่ในระดับ Compute Runtime จึงกลายเป็นความซ้ำซ้อนที่มีผลเสียมากกว่าผลดี

ทีมงานกล่าวชัดว่า:

“เราเห็นตรงกันว่า Spectre ไม่จำเป็นต้องได้รับการป้องกันเพิ่มเติมในระดับ GPU อีกต่อไป เนื่องจาก kernel ได้รับการอัปเดตแล้ว และ compute runtime เองก็มีการแจ้งเตือนให้ผู้ใช้ทราบเมื่อใช้ kernel ที่ไม่ผ่านการแพตช์”


มุมมองจากผู้ใช้: นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่ผู้ใช้ทั่วไปควรรู้

สำหรับผู้ใช้ Ubuntu ที่ใช้งานการ์ดจอ Intel แบบ iGPU เป็นหลัก (เช่น ผู้ใช้โน้ตบุ๊กทั่วไป, เครื่อง mini PC หรือ server แบบประหยัดพลังงาน) การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือเป็นข่าวดี

โดยเฉพาะกลุ่มที่ใช้งานกราฟิกแบบเบาๆ เช่น:

  • ใช้เล่นวิดีโอ, ดู YouTube, ทำงาน 3D เบื้องต้น
  • ใช้งาน Blender หรือโปรแกรมวาดภาพด้วย iGPU
  • ใช้งาน GPGPU ผ่าน Intel OpenCL หรือ SYCL

การปิด mitigations จะช่วยให้การประมวลผลเร็วขึ้น ไม่ต้องเสียทรัพยากรไปกับการตรวจสอบความปลอดภัยที่ไม่มีหลักฐานรองรับว่าจำเป็น


แล้วถ้าเราไม่อยากเสี่ยงล่ะ?

Canonical ให้ทางเลือกแก่ผู้ใช้ด้วยเช่นกัน หากผู้ใช้งานต้องการเปิดระบบความปลอดภัย GPU แบบเดิมก็สามารถ คอมไพล์ runtime ใหม่โดยไม่ใช้ NEO_DISABLE_MITIGATIONS ได้ หรือเลือกใช้เวอร์ชันก่อนหน้า ซึ่งยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงนี้

และสำหรับองค์กรที่มีความเข้มงวดด้านความปลอดภัยสูง เช่น ศูนย์ข้อมูล, สถาบันการเงิน, หรือระบบที่จัดการข้อมูลสำคัญ อาจพิจารณาติดตามและปรับใช้นโยบายเองตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้


สรุป: เปลี่ยนเล็กๆ ที่อาจสร้างผลลัพธ์ใหญ่

การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ที่ดูเหมือนจะเป็นแค่เรื่องของ flag ตัวเดียว ในกระบวนการคอมไพล์ซอฟต์แวร์ อาจกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ Ubuntu ใช้งานได้ลื่นขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มฮาร์ดแวร์ระดับเริ่มต้นที่มีข้อจำกัดด้านทรัพยากร

Ubuntu 25.10 อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของแนวทางใหม่ ที่ระบบปฏิบัติการเลือก “สมดุล” มากกว่า “เข้มงวดสุดขั้ว” ในการออกแบบความปลอดภัย โดยยึดตามหลักฐานและความเสี่ยงที่แท้จริง


อัปเดตสถานการณ์ต่อเนื่อง

ในตอนนี้ยังไม่มีผลกระทบกับผู้ใช้ Ubuntu เวอร์ชัน 24.04 LTS หรือก่อนหน้า และยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงบนดิสโทรอื่นที่ใช้ Intel GPU เป็นหลัก เช่น Fedora, Arch Linux หรือ Pop!_OS แต่อย่างใด

ผู้ใช้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก:


หากคุณใช้ Ubuntu อยู่ และใช้ Intel iGPU เป็นหลักในการทำงาน หรือแม้แต่เล่นเกมเบาๆ การอัปเดตใน Ubuntu 25.10 ครั้งนี้น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง เพราะคุณอาจได้กราฟิกที่ลื่นขึ้นทันที… โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์เลยแม้แต่นิดเดียว!

ที่มา: wccftech

Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

IT NEWS

เทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลกำลังเดินทางมาถึงจุดที่ “อายุการใช้งาน” กลายเป็นประเด็นสำคัญพอ ๆ กับความจุและความเร็ว ล่าสุดมีสตาร์ทอัพจากสหราชอาณาจักรชื่อว่า SPhotonix ออกมาเปิดเผยความคืบหน้าของเทคโนโลยีที่เรียกว่า 5D Memory Crystal ซึ่งเป็นระบบเก็บข้อมูลบนแผ่นกระจกซิลิกา (fused silica) ที่บริษัทอ้างว่าสามารถเก็บข้อมูลได้นานถึง 13.8 พันล้านปี หรือใกล้เคียงกับอายุของจักรวาล SPhotonix ระบุว่า เทคโนโลยีนี้ได้ก้าวออกจากห้องแล็บ และเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนเตรียมใช้งานจริงใน data center...

IT NEWS

โน้ตบุ๊กยุคใหม่ อาจต้องกลับไปใช้แรม 8GB อีกครั้ง แม้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้ใช้จะเริ่มคุ้นชินกับโน้ตบุ๊กแรม 16GB เป็นอย่างน้อย แต่สถานการณ์ล่าสุดจากอุตสาหกรรมหน่วยความจำอาจกำลังพาเราย้อนกลับไปสู่ยุคที่ โน้ตบุ๊กแรม 8GB กลายเป็นตัวเลือกหลักในตลาดอีกครั้ง รายงานจาก TrendForce ระบุว่า ปัญหาการขาดแคลน DRAM ได้ทวีความรุนแรงขึ้นจนถึงระดับที่ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กเริ่มรับมือได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ใช่แค่เรื่องต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความไม่แน่นอนของซัพพลายเชนในระยะยาวด้วย Advertisement ผลที่ตามมาคือ ผู้ผลิตหลายรายเริ่ม...

IT NEWS

อุตสาหกรรมหน่วยความจำทั่วโลกกำลังเผชิญกับภาวะ DRAM ขาดแคลน ที่รุนแรงกว่าที่หลายฝ่ายคาดไว้ และผลกระทบไม่ได้จำกัดอยู่แค่ฝั่งผู้ผลิตเท่านั้น แต่กำลังส่งต่อไปถึงผู้บริโภคโดยตรง ทั้งตลาด PC, โน้ตบุ๊ก, สมาร์ตโฟน ไปจนถึงอุปกรณ์ไอทีแทบทุกประเภท ล่าสุด SK hynix หนึ่งในผู้ผลิต DRAM รายใหญ่ที่สุดของโลก ได้ออกมาให้มุมมองอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ พร้อมอธิบายแนวทางรับมือที่บริษัทกำลังดำเนินอยู่ เพื่อรองรับความต้องการหน่วยความจำที่พุ่งสูงจากกระแส AI อย่างต่อเนื่อง Advertisement วิกฤต...

IT NEWS

Apple ออกอัปเดตความปลอดภัยฉุกเฉินเพื่อแก้ไขช่องโหว่แบบ Zero-day จำนวน 2 รายการ หลังยืนยันว่าช่องโหว่ดังกล่าวถูกนำไปใช้โจมตีจริงในลักษณะ “ซับซ้อนมาก” และมุ่งเป้าไปที่บุคคลเฉพาะกลุ่ม โดยผู้โจมตีใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ใน WebKit ซึ่งเป็นเอนจินเว็บหลักของระบบปฏิบัติการ Apple Apple ระบุว่า บริษัทได้รับรายงานว่าช่องโหว่ทั้งสองรายการอาจถูกใช้ในปฏิบัติการโจมตีระดับสูงกับอุปกรณ์ที่ยังใช้งาน iOS เวอร์ชันก่อนหน้า iOS 26 ซึ่งถือเป็นการยืนยันอย่างชัดเจนว่าภัยคุกคามครั้งนี้ไม่ใช่แค่เชิงทฤษฎี แต่เกิดขึ้นจริงแล้ว Advertisement รายละเอียดช่องโหว่...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก