
ปัญหาใหญ่ของเหล่าเกมเมอร์และผู้ที่รักในเกมคอมพิวเตอร์! ที่เจอกันบ่อยก็คือ ขณะที่กำลังเล่นเกมอย่างเมามัน จู่ๆ คอมที่ใช้ภาพเกมกระตุก คอมค้างสะดุดจนเสียอรรถรส หรือร้ายแรงกว่านั้นคือหน้าจอค้างสนิทจนต้องรีสตาร์ทเครื่องใหม่ ปัญหาเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำลายประสบการณ์การเล่นเกม แต่ยังอาจบ่งบอกถึงปัญหาบางอย่างในระบบคอมพิวเตอร์ของเราอีกด้วย โดยบทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงสาเหตุยอดนิยมที่ทำให้เกิดอาการเล่นเกมแล้วกระตุกหรือจอค้าง พร้อมทั้งแนะนำแนวทางการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาอย่างละเอียด เพื่อให้คุณสามารถกลับไปสนุกกับเกมที่ชอบได้อย่างราบรื่นอีกครั้ง
เกมกระตุก เล่นเกมแล้วจอค้าง แก้ไขอย่างไร?
- ปัญหาจากซอฟต์แวร์
- ปัญหาจากฮาร์ดแวร์
- ปัญหาจากการเชื่อมต่อ (สำหรับเกมออนไลน์)
อาการ: “เกมกระตุก” กับ “คอมค้าง” เป็นอย่างไร?
ก่อนอื่น เรามาทำความเข้าใจลักษณะอาการที่แตกต่างกันเล็กน้อย เพื่อให้สามารถหาสาเหตุได้ตรงจุดมากขึ้น:

- อาการเกมกระตุก (Lagging): ภาพในเกมจะดูไม่ต่อเนื่อง มีอาการหยุดชะงักเป็นช่วงๆ หรือเฟรมเรต (FPS) ตกฮวบฮาบ อาจเกิดจากปัญหาด้านประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์, ซอฟต์แวร์, หรือการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต (สำหรับเกมออนไลน์)
- อาการจอค้าง (Hanging): ภาพบนหน้าจอหยุดนิ่งสนิท ไม่สามารถขยับเมาส์หรือกดคีย์บอร์ดได้ บางครั้งอาจมีเสียงค้าง หรือต้องทำการรีสตาร์ทเครื่องเท่านั้น อาการนี้มักจะเกี่ยวข้องกับปัญหาฮาร์ดแวร์ที่ร้ายแรงกว่า, ซอฟต์แวร์ไม่เข้ากัน, หรือความร้อนสะสมที่สูงเกินไป
สาเหตุยอดฮิตและแนวทางการแก้ไขปัญหาเล่นเกมแล้วกระตุก/จอค้าง:
ปัญหาจากซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการ
ไดรเวอร์การ์ดจอ (GPU Driver) ไม่เข้ากัน:
ทำไมถึงสำคัญ? ไดรเวอร์การ์ดจอคือซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางที่ใช้สื่อสารกันระหว่างระบบปฏิบัติการกับฮาร์ดแวร์การ์ดจอ หากไดรเวอร์มีปัญหา การ์ดจอก็จะไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็ม เกิดอาการเกมกระตุก เพราะประสิทธิภาพลดลงได้

วิธีแก้ไข:
อัปเดตไดรเวอร์เป็นเวอร์ชันล่าสุด: เข้าไปที่เว็บไซต์ของผู้ผลิตการ์ดจอของคุณ (NVIDIA, AMD, หรือ Intel) ดาวน์โหลดไดรเวอร์เวอร์ชันล่าสุดที่ตรงกับรุ่นการ์ดจอและระบบปฏิบัติการของคุณ แล้วทำการติดตั้ง

เลือกติดตั้งแบบ Clean Installation: ในระหว่างการติดตั้งไดรเวอร์ (โดยเฉพาะ NVIDIA และ AMD) มักจะมีตัวเลือกให้ “Clean Installation” หรือ “Reset” ซึ่งจะช่วยลบไดรเวอร์เก่าและไฟล์ที่เกี่ยวข้องออกทั้งหมดก่อนติดตั้งใหม่ ลดโอกาสเกิดความขัดแย้ง
ใช้โปรแกรม DDU (Display Driver Uninstaller): หากการอัปเดตปกติไม่ช่วย DDU เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการถอนการติดตั้งไดรเวอร์การ์ดจออย่างหมดจด จากนั้นค่อยติดตั้งไดรเวอร์ใหม่
ย้อนกลับไปใช้ไดรเวอร์เวอร์ชันเก่า (Roll Back): ในบางกรณี ไดรเวอร์เวอร์ชันใหม่อาจมีบั๊กกับเกมบางเกมหรือฮาร์ดแวร์บางรุ่น การลองย้อนกลับไปใช้ไดรเวอร์เวอร์ชันก่อนหน้าที่เสถียรอาจช่วยได้
เกมหรือ Launcher ของเกมมีปัญหา:
วิธีแก้ไข:
ตรวจสอบไฟล์เกม (Verify Game Files): แพลตฟอร์มอย่าง Steam, Epic Games Store, หรือ EA App มักจะมีตัวเลือกให้ “Verify Integrity of Game Files” หรือ “Repair” เพื่อตรวจสอบและซ่อมแซมไฟล์เกมที่อาจเสียหาย

อัปเดตเกมและ Launcher: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าทั้งตัวเกมและ Launcher ที่ใช้ (เช่น Steam, Origin, Battle.net) เป็นเวอร์ชันล่าสุด
ปิด Overlay ที่ไม่จำเป็น: Overlay จากโปรแกรมต่างๆ เช่น Discord, NVIDIA GeForce Experience, หรือ Steam Overlay บางครั้งอาจทำงานไม่เข้ากับเกม ลองปิดการใช้งานดู
ตั้งค่ากราฟิกในเกมให้เหมาะสม: หากเพิ่งติดตั้งเกมใหม่ หรือมีการเปลี่ยนแปลงฮาร์ดแวร์ ลองปรับลดการตั้งค่ากราฟิกในเกมลง เช่น ลดความละเอียด, ปิดเงา, หรือลด Anti-Aliasing เพื่อดูว่าอาการเกมกระตุกหายไปหรือไม่
โปรแกรม Background ทำงานหนักเกินไป:
ทำไมถึงสำคัญ? โปรแกรมที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง (เช่น โปรแกรม Antivirus ที่กำลังสแกน, โปรแกรมดาวน์โหลดไฟล์, หรือ Browser ที่เปิดแท็บไว้เยอะๆ) สามารถดึงทรัพยากร CPU, RAM, และ Disk ไปใช้งาน ทำให้เกมไม่ได้รับทรัพยากรเพียงพอ

วิธีแก้ไข:
ปิดโปรแกรมที่ไม่จำเป็น: ก่อนเล่นเกม ให้ปิดโปรแกรมอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเล่นเกมให้หมด
ตรวจสอบ Task Manager (Ctrl+Shift+Esc): ดูว่ามีโปรแกรมใดกำลังใช้ CPU, Memory, หรือ Disk สูงผิดปกติหรือไม่ แล้วลองปิดโปรแกรมนั้นๆ
ตั้งค่า Game Mode ใน Windows: Windows 10 และ 11 มีฟีเจอร์ Game Mode ที่ช่วยจัดสรรทรัพยากรให้กับเกมมากขึ้น ลองเปิดใช้งานดู
ระบบปฏิบัติการมีปัญหาหรือไฟล์ระบบเสียหาย:
วิธีแก้ไข:
อัปเดต Windows: ตรวจสอบให้แน่ใจว่า Windows ของคุณเป็นเวอร์ชันล่าสุดและมีการติดตั้งอัปเดตความปลอดภัยครบถ้วน

ใช้ System File Checker (SFC): เปิด Command Prompt (Admin) แล้วพิมพ์ sfc /scannow เพื่อตรวจสอบและซ่อมแซมไฟล์ระบบที่เสียหาย
ตรวจสอบ Disk Space: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไดรฟ์ที่ติดตั้ง Windows และเกมมีพื้นที่ว่างเพียงพอ (อย่างน้อย 15-20% ของความจุไดรฟ์)
สแกนมัลแวร์: ใช้โปรแกรม Antivirus ที่เชื่อถือได้สแกนหามัลแวร์หรือไวรัสที่อาจแอบทำงานอยู่เบื้องหลัง
การตั้งค่า Power Plan ไม่เหมาะสม:
วิธีแก้ไข: ใน Windows ให้ไปที่ Power Options (พิมพ์ “Choose a power plan” ในช่องค้นหา) แล้วเลือก “High performance” หรือ “Ultimate Performance” (ถ้ามี) เพื่อให้ CPU ทำงานเต็มศักยภาพขณะเล่นเกม สำหรับโน๊ตบุ๊ค อาจต้องต่อสายชาร์จไว้ เพื่อให้ระบบทำงานเต็มประสิทธิภาพ
ปัญหาจากฮาร์ดแวร์
ความร้อนสูงเกินไป (Overheating):
ทำไมถึงสำคัญ? นี่คือสาเหตุอันดับต้นๆ ของอาการเกมกระตุกและจอค้าง! เมื่อ CPU หรือ GPU ร้อนเกินไป ระบบจะลดความเร็วลง (Thermal Throttling) เพื่อป้องกันความเสียหาย หรืออาจจะดับเครื่องไปเลย

วิธีแก้ไข:
ตรวจสอบอุณหภูมิ: ใช้โปรแกรมมอนิเตอร์อุณหภูมิ เช่น HWMonitor, Core Temp, MSI Afterburner เพื่อดูอุณหภูมิของ CPU และ GPU ขณะเล่นเกม (Full Load) อุณหภูมิ CPU ไม่ควรเกิน 85-90°C และ GPU ไม่ควรเกิน 80-85°C (ขึ้นอยู่กับรุ่นและผู้ผลิต)
ทำความสะอาดภายในเครื่อง: เปิดเคส PC หรือฝาหลังโน้ตบุ๊ก (อย่างระมัดระวัง) แล้วใช้แปรงปัดฝุ่นหรือกระป๋องลมเป่าฝุ่นที่เกาะตามพัดลม, ฮีทซิงค์, และช่องระบายอากาศ ฝุ่นคือตัวการสำคัญที่ทำให้การระบายความร้อนแย่ลง

ตรวจสอบการทำงานของพัดลม: ดูว่าพัดลม CPU, GPU, และ Case Fan (สำหรับ PC) ยังหมุนปกติหรือไม่ หากมีตัวไหนไม่หมุนหรือมีเสียงดังผิดปกติ อาจต้องซ่อมหรือเปลี่ยน
ทาซิลิโคนระบายความร้อนใหม่ (Re-apply Thermal Paste): ซิลิโคนบน CPU และ GPU อาจแห้งหรือเสื่อมสภาพตามกาลเวลา (โดยเฉพาะถ้าเครื่องใช้งานมานานหลายปี) ทำให้การถ่ายเทความร้อนไปยังฮีทซิงค์ไม่ดี การทาซิลิโคนใหม่จะช่วยลดอุณหภูมิลงได้อย่างมาก (ขั้นตอนนี้ต้องใช้ความชำนาญพอสมควร หากไม่มั่นใจควรให้ผู้เชี่ยวชาญช่วย)

การระบายอากาศของเคส PC: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเคสมีการไหลเวียนของอากาศที่ดี (Airflow) มีพัดลมดูดอากาศเย็นเข้าและเป่าอากาศร้อนออกอย่างเหมาะสม อย่าวางเคสในที่อับชื้นหรือมีสิ่งกีดขวางช่องระบายอากาศ
สำหรับโน้ตบุ๊ก: ใช้ Cooling Pad หรือยกฐานโน้ตบุ๊กให้สูงขึ้นเพื่อช่วยระบายความร้อน ไม่ควรวางโน้ตบุ๊กบนที่นอนหรือผ้าห่มขณะเล่นเกม
ภาคจ่ายไฟ (Power Supply Unit – PSU) มีปัญหา:
ทำไมถึงสำคัญ? หาก PSU จ่ายไฟไม่เพียงพอ, ไม่เสถียร, หรือเสื่อมสภาพ อาจทำให้ส่วนประกอบต่างๆ ทำงานผิดพลาด โดยเฉพาะการ์ดจอที่ต้องการพลังงานสูงขณะเล่นเกม อาจทำให้เกิดอาการกระตุก, จอค้าง, หรือคอมดับไปเลย

วิธีแก้ไข:
ตรวจสอบกำลังวัตต์ (Wattage): ตรวจสอบให้แน่ใจว่า PSU ของคุณมีกำลังวัตต์เพียงพอสำหรับสเปกคอมพิวเตอร์ทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการอัปเกรดการ์ดจอหรือ CPU ใหม่ ควรเลือก PSU จากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือและมีมาตรฐาน 80 Plus
PSU เสื่อมสภาพ: PSU มีอายุการใช้งาน หากใช้มานานหลายปี (โดยเฉพาะ PSU คุณภาพต่ำ) อาจถึงเวลาต้องเปลี่ยนใหม่

ตรวจสอบการเชื่อมต่อสายไฟ: ตรวจสอบสายไฟจาก PSU ไปยังเมนบอร์ด, การ์ดจอ (โดยเฉพาะสาย PCIe power), และฮาร์ดไดรฟ์ ว่าเสียบแน่นดีหรือไม่
ลองเปลี่ยน PSU (หากมีสำรอง): วิธีที่ค่อนข้างแน่นอนในการทดสอบคือการลองเปลี่ยน PSU ตัวใหม่ที่มีคุณภาพและกำลังวัตต์เพียงพอ หากอาการหายไป แสดงว่า PSU ตัวเก่าคือปัญหา
หน่วยความจำ (RAM) ไม่เพียงพอหรือตั้งค่าไม่ถูกต้อง:
ทำไมถึงสำคัญ? RAM คือพื้นที่พักข้อมูลชั่วคราวสำหรับโปรแกรมและเกม หาก RAM ไม่เพียงพอ ระบบจะต้องดึงข้อมูลจากฮาร์ดไดรฟ์/SSD ซึ่งช้ากว่ามาก ทำให้เกิดอาการกระตุก หรือหาก RAM เสีย ก็จะทำให้เกมกระตุก ระบบไม่เสถียรอย่างรุนแรง

วิธีแก้ไข:
ตรวจสอบปริมาณ RAM ที่ใช้งาน: ขณะเล่นเกม ลองเปิด Task Manager ดูว่ามีการใช้งาน RAM ใกล้เต็ม 100% หรือไม่ หากใช่ อาจถึงเวลาต้องเพิ่ม RAM (เกมยุคใหม่ส่วนใหญ่แนะนำ RAM 16GB ขึ้นไป)
ตรวจสอบการติดตั้ง RAM: ปิดเครื่อง ถอดปลั๊ก แล้วลองถอด RAM ออกมาทำความสะอาดหน้าสัมผัสสีทองด้วยยางลบเบาๆ จากนั้นใส่กลับเข้าไปให้แน่น ตรวจสอบว่าใส่ถูกช่องและเข้าคู่กัน (Dual Channel) ตามคู่มือเมนบอร์ดหรือไม่
ทดสอบ RAM ทีละแถว: หากมี RAM หลายแถว ลองถอดออกให้เหลือทีละแถวแล้วทดลองใช้งาน เพื่อดูว่ามีแถวใดแถวหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาหรือไม่
ใช้โปรแกรมทดสอบ RAM: ใช้โปรแกรม เช่น MemTest86 (ต้องสร้าง USB Bootable) เพื่อตรวจสอบหาข้อผิดพลาดของ RAM อย่างละเอียด การทดสอบนี้อาจใช้เวลานานหลายชั่วโมง

ตรวจสอบการตั้งค่า XMP/EXPO ใน BIOS: หาก RAM ของคุณรองรับโปรไฟล์ XMP (สำหรับ Intel) หรือ EXPO (สำหรับ AMD) ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เปิดใช้งานใน BIOS/UEFI เพื่อให้ RAM ทำงานที่ความเร็วตามสเปก แต่ในบางกรณี การเปิด XMP/EXPO ที่ไม่เสถียรก็อาจทำให้เกิดปัญหาได้ ลองปิดดูก็ได้เช่นกัน
ฮาร์ดไดรฟ์หรือ SSD ทำงานผิดปกติ:
ทำไมถึงสำคัญ? หากไดรฟ์ที่ติดตั้งเกมหรือระบบปฏิบัติการมีปัญหาในการอ่าน/เขียนข้อมูล จะส่งผลให้การโหลดข้อมูลในเกมช้า เกิดอาการกระตุก หรือค้างได้

วิธีแก้ไข:
ตรวจสอบสุขภาพไดรฟ์: ใช้โปรแกรม เช่น CrystalDiskInfo เพื่อดูสถานะสุขภาพ (Health Status) ของ HDD/SSD หากสถานะเป็น “Caution” หรือ “Bad” ควรสำรองข้อมูลสำคัญและเตรียมเปลี่ยนไดรฟ์ใหม่
Defragment HDD (สำหรับฮาร์ดดิสก์จานหมุนเท่านั้น): หากเกมติดตั้งอยู่บน HDD การทำ Disk Defragmentation อาจช่วยให้การอ่านข้อมูลเร็วขึ้นเล็กน้อย (ไม่จำเป็นต้องทำกับ SSD)
ตรวจสอบการเชื่อมต่อสาย SATA และสาย Power: สำหรับ PC ตรวจสอบว่าสายเคเบิลที่เชื่อมต่อกับไดรฟ์แน่นหนาดีหรือไม่
อัปเกรดเป็น SSD: หากคุณยังใช้ HDD ในการติดตั้งเกม การอัปเกรดเป็น SSD (โดยเฉพาะ NVMe SSD) จะช่วยลดเวลาโหลดและอาการกระตุกได้ดีขึ้น
การ์ดจอหรือ CPU มีความเสียหาย:
ทำไมถึงสำคัญ? นี่เป็นกรณีที่ค่อนข้างร้ายแรง หากชิปประมวลผลหลักมีปัญหา อาจทำให้เกิด Artifacts (ภาพแตก, มีจุดสีเพี้ยน), จอฟ้า, หรือจอค้างบ่อยครั้ง

วิธีแก้ไข:
ตรวจสอบ Artifacts: สังเกตว่ามีอาการภาพผิดปกติเกิดขึ้นก่อนที่จอจะค้างหรือไม่
ลดการ Overclock (ถ้ามี): หากคุณทำการ Overclock CPU หรือ GPU ลองปรับกลับไปใช้ค่าเริ่มต้น (Default) เพราะการ Overclock ที่ไม่เสถียรเป็นสาเหตุหลักของอาการค้าง
ทดสอบ Stress Test: ใช้โปรแกรม Stress Test เช่น Prime95 (สำหรับ CPU) และ FurMark หรือ 3DMark (สำหรับ GPU) เพื่อทดสอบความเสถียรภายใต้โหลดหนักๆ (ระวังเรื่องความร้อนขณะทดสอบ) หากเกิดอาการค้างหรือรีสตาร์ทระหว่างทดสอบ แสดงว่าฮาร์ดแวร์ชิ้นนั้นอาจมีปัญหา

ลองสลับการ์ดจอ (ถ้ามีสำรอง): หากสงสัยว่าการ์ดจอมีปัญหา การลองสลับกับการ์ดจอตัวอื่นที่ใช้งานได้ปกติ จะช่วยยืนยันได้
เกิดปัญหาที่เมนบอร์ด:
ทำไมถึงสำคัญ? เมนบอร์ดคือศูนย์กลางที่เชื่อมต่อทุกอย่างเข้าด้วยกัน หากเมนบอร์ดมีปัญหา เช่น ตัวเก็บประจุ (Capacitor) บวม, ชิปเซ็ตมีปัญหา, หรือสล็อตต่างๆ เสียหาย ก็จะส่งผลกระทบต่อทั้งระบบ

วิธีแก้ไข:
ตรวจสอบด้วยสายตา: ลองมองหาความผิดปกติบนเมนบอร์ด เช่น ตัวเก็บประจุบวมหรือแตก, รอยไหม้
อัปเดต BIOS/UEFI: บางครั้งการอัปเดต BIOS/UEFI เป็นเวอร์ชันล่าสุดจากผู้ผลิตเมนบอร์ดอาจช่วยแก้ปัญหาความเข้ากันได้ของฮาร์ดแวร์หรือแก้ไขบั๊กที่ทำให้ระบบไม่เสถียร (การอัปเดต BIOS ต้องทำด้วยความระมัดระวัง)
รีเซ็ต BIOS/UEFI เป็นค่าเริ่มต้น: ลองโหลดค่า Default Settings ใน BIOS
ปัญหาจากการเชื่อมต่อ (สำหรับเกมออนไลน์)
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไม่เสถียร:
ทำไมถึงสำคัญ? สำหรับเกมออนไลน์ หากอินเทอร์เน็ตหลุด, Ping สูง, หรือมี Packet Loss จะทำให้เกิดอาการแลค, ตัวละครวาร์ป, หรือหลุดออกจากเกม สิ่งเหล่านี้คือ วิธีแก้ปัญหาต่อ WiFi ไม่ได้
วิธีแก้ไข:
ทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตและ Ping: ใช้เว็บไซต์ทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตเพื่อดูค่า Download/Upload Speed และ Ping
รีสตาร์ท Router และ Modem: เป็นวิธีแก้ไขเบื้องต้นที่มักจะได้ผล
ใช้สาย LAN แทน Wi-Fi: การเชื่อมต่อผ่านสาย LAN มักจะมีความเสถียรและ Latency ต่ำกว่า Wi-Fi

ตรวจสอบสัญญาณ Wi-Fi: หากจำเป็นต้องใช้ Wi-Fi ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสัญญาณแรงและไม่มีสิ่งกีดขวางมากเกินไป ลองเปลี่ยน Channel ของ Wi-Fi
ติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP): หากลองแก้ไขเบื้องต้นแล้วยังไม่ดีขึ้น อาจมีปัญหาที่เครือข่ายของผู้ให้บริการ
คำแนะนำเพิ่มเติม:
จดบันทึกอาการและการเปลี่ยนแปลง: ก่อนที่ปัญหาจะเกิดขึ้น คุณได้ทำการเปลี่ยนแปลงอะไรกับคอมพิวเตอร์หรือไม่? (เช่น ติดตั้งโปรแกรมใหม่, อัปเดตไดรเวอร์, เปลี่ยนฮาร์ดแวร์) อาการเกิดขึ้นกับเกมเดียวหรือทุกเกม? เกิดขึ้นทันทีที่เปิดเกมหรือหลังจากเล่นไปสักพัก? ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณจำกัดวงของปัญหาได้แคบลง

เริ่มจากสิ่งที่ง่ายที่สุดก่อน: ลองแก้ไขปัญหาจากซอฟต์แวร์ก่อนที่จะไปยุ่งกับฮาร์ดแวร์
ใจเย็นและค่อยเป็นค่อยไป: การแก้ไขปัญหาคอมพิวเตอร์ต้องใช้ความอดทน ลองทำทีละอย่างแล้วทดสอบดูว่าได้ผลหรือไม่
สำรองข้อมูลสำคัญเสมอ: ก่อนที่จะทำการเปลี่ยนแปลงใดๆ กับระบบ โดยเฉพาะการติดตั้ง Windows ใหม่ หรือการยุ่งกับฮาร์ดแวร์ ควรสำรองข้อมูลสำคัญของคุณไว้ก่อน
ขอความช่วยเหลือ: หากคุณลองทุกวิธีแล้วยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ หรือไม่มั่นใจในการดำเนินการบางอย่าง การปรึกษาเพื่อนที่มีความรู้, กลุ่มผู้ใช้ออนไลน์ เช่น Facebook page หรือกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ หรือถ้ายังมีประกันสามารถสอบถามไปทางผู้จำหน่าย ก็เป็นทางเลือกที่ดี
แนวทางแก้ไขในภาพรวม:
ปัญหาเล่นเกมแล้วกระตุกหรือหน้าจอค้างสามารถเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ ทั้งจากซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ การแก้ไขปัญหาควรเริ่มต้นจากการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาด้านซอฟต์แวร์ก่อน เช่น การอัปเดตไดรเวอร์การ์ดจอ, ตรวจสอบไฟล์เกม, ปิดโปรแกรมที่ไม่จำเป็น, และดูแลระบบปฏิบัติการให้สมบูรณ์
หากปัญหายังคงอยู่ ให้ตรวจสอบปัญหาด้านฮาร์ดแวร์ โดยเฉพาะเรื่องความร้อนสูงเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุหลัก ควรทำความสะอาดภายในเครื่อง, ตรวจสอบการทำงานของพัดลม, และอาจต้องทาซิลิโคนระบายความร้อนใหม่ นอกจากนี้ ควรตรวจสอบหน่วยจ่ายไฟ (PSU) ว่าจ่ายไฟเพียงพอและยังอยู่ในสภาพดีหรือไม่, ตรวจสอบหน่วยความจำ (RAM) ทั้งปริมาณและการทำงาน, รวมถึงสุขภาพของฮาร์ดไดรฟ์/SSD หากมีการ Overclock ควรลองปรับกลับไปใช้ค่าเริ่มต้น และสำหรับเกมออนไลน์ ควรตรวจสอบความเสถียรของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วย
การแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ โดยเริ่มจากสิ่งที่ง่ายที่สุดและสังเกตอาการอย่างละเอียด จะช่วยให้คุณสามารถระบุสาเหตุและแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ทำให้กลับไปเพลิดเพลินกับประสบการณ์การเล่นเกมที่ราบรื่นได้อีกครั้ง และหากไม่มั่นใจ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับคอมพิวเตอร์ของคุณ
