
ช่วงเวลานี้น่าจะเป็นช่วงที่หลาย ๆ ท่านกำลังมองหาหรือจะซื้อโน้ตบุ๊กเครื่องใหม่ ไม่ว่าจะใช้เพื่อประกอบการเรียน ใช้ทำงาน ไปจนถึงผู้ที่ต้องการเครื่องสเปคใหม่ขึ้น เพื่อให้สามารถใช้งาน ใช้เล่นเกมได้ดีกว่าเครื่องเดิม ประกอบกับช่วงนี้ทางฝั่งผู้ผลิตฮาร์ดแวร์และผู้ผลิตโน้ตบุ๊กต่างก็ทยอยส่งเครื่องที่ใช้ฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ล่าสุดเข้ามาทำตลาดกันแล้ว โดยหนึ่งในนั้นก็คือโน้ตบุ๊กที่ใช้ชิป AMD Ryzen 7 260 ที่มีอยู่ในโน้ตบุ๊กรุ่นราคาสองหมื่นกลาง ๆ จนถึงเกือบ 60,000 บาท แต่ในขณะเดียวกัน หากเป็นสาย AMD ก็จะยังมี AMD Ryzen 7 8845HS ที่เทียบสเปคกันได้โดยตรงให้เลือกอยู่
ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่าควรจะเลือกสายไหนดี ระหว่างโน้ตบุ๊กที่ใช้ R7 260 กับ R7 8845HS โดยเฉพาะกับการใช้งานในปี 2025 เป็นต้นไป
เทียบสเปค AMD Ryzen 7 260 กับ Ryzen 7 8845HS
ก่อนอื่นก็มาเทียบสเปคให้เห็นกันชัด ๆ ก่อน ว่าทั้งสองรุ่นนี้จะมีจุดใดที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดบ้าง

จากตารางข้างบน จะเห็นว่าจริง ๆ แล้วสเปคหลักของชิปทั้งสองรุ่นนี้จะเหมือนกันทั้งหมด ในด้าน AI ก็มี NPU ในตัวและรองรับ AMD Ryzen AI เหมือนกัน แต่จะมีสิ่งที่ต่างกันจะอยู่ในส่วนของซ็อกเก็ต BGA ของตัวชิปที่ R7 260 จะมีแค่แบบ FP8 ที่ตัวชิปจะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวยาวขนาด 4 x 2.5 เซนติเมตรเท่านั้น ในขณะที่ R7 8845HS จะมีทั้งแบบ FP7 กับ FP7r2 (3.5 x 2.5 ซม.) และ FP8 ซึ่งในส่วนนี้จะไม่ได้ส่งผลกับผู้ใช้งานทั่วไปโดยตรงอยู่แล้ว จึงอาจจะพอมองในภาพรวมได้ว่าชิปทั้งสองรุ่นนี้ไม่ได้มีจุดที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ
ต่อมาเป็นเรื่องผลการทดสอบประสิทธิภาพเทียบกันของทั้งสองรุ่น แต่เนื่องมาจากโน้ตบุ๊กที่ใช้ชิป AMD Ryzen 7 260 นั้นเพิ่งจะมีออกมาได้ไม่นาน จึงอาจจะยังไม่ค่อยมีผลการทดสอบมาให้เปรียบเทียบกันได้มากนัก โดย ณ ขณะที่เขียนก็จะมีออกมาให้เทียบได้ตรง ๆ แค่เพียงผลการทดสอบจาก PassMark, Cinebench R23 และ Geekbench 6 เท่านั้น

เริ่มที่ผลทดสอบจาก PassMark จะเห็นว่าทั้งส่วนของคะแนนโดยรวมและคะแนนการทดสอบการประมวลผลแบบใช้คอร์เดียว CPU ทั้งสองรุ่นจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกันมาก โดยที่ R7 260 จะเหนือกว่าอยู่เล็กน้อย

ต่อมาคือผลทดสอบ Cinebench R23 จากในคลิปนี้ พบว่าคะแนนการทดสอบแบบ single-core ของทั้งสองรุ่นจะห่างกันแค่ 6 คะแนนเท่านั้น ซึ่งแทบจะเรียกว่าคะแนนเท่า ๆ กันก็ยังได้ แต่ถ้ามาเป็นแบบ multi-core อันนี้จะเริ่มเห็นความแตกต่างขึ้นมานิดนึง โดยจะมีส่วนต่างอยู่ที่ประมาณ 260 คะแนน

ปิดท้ายด้วยผลทดสอบจาก Geekbench 6 จากในคลิปเดียวกัน พบว่ารอบนี้ AMD Ryzen 7 8845HS กลับทำคะแนนได้สูงกว่าทั้งในส่วนของ single และ multi-core แต่ถ้ามาดูคะแนนเฉลี่ยจากหน้าเว็บไซต์ของ Geekbench เองจริง ๆ จะพบว่าแต่ละรุ่นได้คะแนนดังนี้
- AMD Ryzen 7 8845HS (Geekbench เฉลี่ยให้)
- Single-core 2,340 คะแนน
- Multi-core 11,046 คะแนน
- AMD Ryzen 7 260 (ผู้เขียนดึงตัวเลขมาเฉลี่ยเอง จากผลทดสอบ 58 รายการ)
- Single-core 2,367 คะแนน
- Multi-core 10,198 คะแนน
ก็จะเห็นว่าคะแนนในภาพรวมของ CPU ทั้งสองรุ่นนี้ต้องบอกว่าอยู่ในระดับเดียวกัน แต่ถ้ามาดูจากผลทดสอบในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา คะแนนของ R7 260 จะพุ่งสูงขึ้นมาเป็นตามภาพด้านล่าง


ในขณะที่ฝั่งของ R7 8845HS จะได้แนวโน้มคะแนนจากการทดสอบในช่วงเวลาใกล้เคียงกันที่ต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด ตรงนี้ก็เป็นไปได้ว่าทาง AMD อาจจะมีการปรับจูนไดรเวอร์ รวมถึงฝั่งระบบปฏิบัติการก็ได้เพิ่มการสนับสนุนเพื่อใช้งานชิปประมวลผลรุ่นใหม่ ๆ แล้ว จึงทำให้แนวโน้มคะแนนของชิปรุ่นออกใหม่สูงขึ้น แม้สเปคโดยส่วนใหญ่จะยังคงเหมือนกับรุ่นก่อนหน้าก็ตาม
ทำให้ในแง่ของประสิทธิภาพ ต้องบอกว่าชิปรุ่นใหม่กว่าอย่าง AMD Ryzen 7 260 เป็นทางเลือกที่น่าสนใจกว่า สำหรับผู้ที่กำลังมองหาโน้ตบุ๊กที่มีสเปคค่อนข้างสูง โดยที่มีงบตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป อีกอย่างก็ด้วยความสดใหม่กว่าในเชิงการตลาด และเรื่องของการสนับสนุนจากซอฟต์แวร์ในอนาคต ที่ยังไง ๆ ชิปรุ่นใหม่กว่าก็น่าจะได้รับการสนับสนุนที่ยาวนานกว่า ซึ่งตรงนี้หลายท่านก็อาจจะเคยพบกับข้อจำกัดนี้มาแล้วในช่วงของการเปิดตัว Windows 11 ที่มีบางกรณีซึ่งชิปบางรุ่นยังมีสเปคสูงอยู่ แต่กลับถูกตัดออกจากเกณฑ์การสนับสนุนของระบบปฏิบัติการไปซะอย่างนั้น

โน้ตบุ๊กที่ใช้ชิป R7 260 กับ R7 8845HS
ณ ขณะที่เขียนบทความนี้ โน้ตบุ๊กที่ใช้ชิป AMD Ryzen 7 260 ที่เปิดสเปคและราคาในไทยแล้วจะมีดัวยกัน 3 รุ่น โดยมาจาก ASUS ทั้งหมด แบ่งเป็นซีรีส์เกมมิ่งอย่าง ASUS TUF Gamin A16 ที่มีสองรุ่นย่อย และซีรีส์สำหรับการใช้งานทั่วไปคือ Vivobook S16 อีกหนึ่งรุ่น
เริ่มจาก ASUS Vivobook S16 ที่ราคา 26,990 บาทกันก่อน แน่นอนว่าสเปคเด่นคือมาพร้อมชิปรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง AMD Ryzen 7 260 กราฟิกใช้แบบ iGPU คือเป็น AMD Radeon 780M หน้าจอ 16” FHD+ IPS 144Hz แรม 16GB SSD 512GB

ซึ่งโน้ตบุ๊กที่ใช้ชิป R7 8845HS ในราคาใกล้เคียงกัน จับตลาดเดียวกันในขณะนี้ก็จะมีอีกสองรุ่นนั่นคือ Lenovo IdeaPad Slim 5 ราคา 26,990 – 28,990 บาท และ Acer Swift Go 14 ที่หน้าจอเล็กลงมาหน่อย แต่ได้เป็นจอ OLED ในราคาเริ่มต้นที่ 29,990 บาท หากจับเทียบกันตรง ๆ สำหรับกลุ่มนี้ต้องมองว่า ASUS Vivobook S16 ชิป R7 260 จะมีราคาตั้งต้นที่ย่อมเยาลงมากว่าอีกสองรุ่นอยู่หลายพัน เลยจะยังได้สเปคจอที่เป็น IPS แทน ในขณะที่อีกสองรุ่นจะเป็น OLED มาให้เลย ส่วนสเปคหลักอื่น ๆ ก็ใกล้เคียงกัน แต่ตัวของ ASUS จะได้เปรียบตรงที่สามารถเพิ่มแรมเพื่ออัปเกรดความจุได้ เพราะยังมีช่องใส่แรม DDR5 ว่างอยู่อีกหนึ่งช่อง ทำให้สำหรับในกลุ่มซีรีส์นี้ หากคุณต้องการความสดใหม่และประสิทธิภาพที่สามารถอัปเกรดเพิ่มได้ ASUS Vivobook S16 ที่ใช้ชิป AMD R7 260 นั้นเป็นทางเลือกที่น่าสนใจทีเดียว แต่ในกรณีที่ต้องการจอ OLED ความละเอียดสูง อีกสองรุ่นก็ยังสามารถหาซื้อไปใช้ได้เช่นกัน

ทีนี้มาที่กลุ่มเกมมิ่งโน้ตบุ๊กที่ใช้การ์ดจอแยกกันบ้าง โดยเครื่องที่จะใช้เป็นรุ่นตั้งต้นก็คือ ASUS TUF Gaming A16 ที่ใช้การ์ดจอ RTX 5060 เทียบกับโน้ตบุ๊กชิป AMD Ryzen 7 8845HS ที่มีราคาใกล้เคียงกันที่สุด และใช้การ์ดจอรุ่นที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกันเท่าที่จะหาได้ นั่นคือ RTX 4060 ซึ่งก็เป็นการ์ดจอรุ่นสูงสุดสำหรับโน้ตบุ๊กในกลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน
จากตรงนี้จะเห็นว่าเรื่องของราคา ต้องถือว่า ASUS TUF ที่ใช้ชิป AMD Ryzen 7 260 นั้นจัดว่ามีราคาค่อนข้างสูงแบบโดดขึ้นไปจากรุ่นอื่นที่สเปคใกล้เคียงกันพอสมควร ตรงนี้น่าจะพอบอกได้ว่าชิปการ์ดจอน่าจะมีส่วนสำคัญกับการตั้งราคาเครื่องอยู่ไม่น้อยทีเดียว ด้วยความที่ชิป RTX 50 series ยังจัดว่าใหม่มากสำหรับตลาดคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโน้ตบุ๊ก แต่ถ้าโจทย์ในการซื้อโน้ตบุ๊กของคุณคือมีงบอยู่ 50,000 บาท แล้วอยากได้สเปคใหม่สุด ประสิทธิภาพแรง ๆ การ์ดจอใช้เฟรมเจ็นและเทคโนโลยีใหม่ได้แบบเต็มที่ ASUS TUF ที่ใช้ R7 260 + RTX 5060 น่าจะเป็นรุ่นที่เหมาะมากทีเดียว
ในขณะเดียวกันก็จะมี Lenovo Legion Slim 5 ที่มีราคาสูงกว่า 3,000 บาท อันนี้ก็จะมาจากสเปคที่มีการใส่ฮาร์ดแวร์บางจุดมาสูงกว่า อาทิ แรมและ SSD ที่ความจุสูงกว่า แต่จริง ๆ ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่นัก เพราะ ASUS TUF เองก็มีช่องให้ผู้ใช้สามารถใส่แรมและ SSD เพิ่มได้ ตรงนี้เลยค่อนข้างทำให้น่าสนใจกว่า เพราะแรมและ SSD นั้นสามารถใส่เติมภายหลังได้ แต่ชิปการ์ดจอนั้นเปลี่ยนยากกว่ามาก (และมักถึงขั้นเปลี่ยนไม่ได้) ทำให้ส่วนตัวมองว่าในแง่ของสเปคล้วน ๆ ASUS TUF Gaming A16 ชิป R7 260 จะดูน่าใช้งานในระยะยาวกว่า

หรือถ้าต้องการแบบสุดทางขึ้นไปอีกก็จะมี ASUS TUF Gaming A16 อีกรุ่นที่ใช้ CPU เดียวกัน แต่ได้การ์ดจอเป็น RTX 5070 อีกทั้งยังได้ SSD 1TB ด้วย กับราคาที่บวกจากรุ่น RTX 5060 อยู่ 7,000 บาท ก็น่าจะเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ GPU แรง ๆ เพราะต้องบอกว่า ASUS TUF Gaming A16 รุ่นนี้เป็นเกมมิ่งโน้ตบุ๊กที่ราคาย่อมเยาสุดในบรรดาโน้ตบุ๊กที่ใช้ RTX 5070 ด้วยกันในขณะนี้เลยทีเดียว

ซื้อรุ่นไหนดี?
จากข้อมูลในข้างต้น ทั้งเรื่องของสเปคตัวชิป ผลทดสอบประสิทธิภาพ และตัวอย่างรุ่นของโน้ตบุ๊กที่มีจำหน่ายอยู่ในขณะนี้ ก็พอจะสรุปเป็นสองแนวทางตามรุ่นชิปได้ดังนี้
AMD Ryzen 7 260
จะเหมาะกับผู้ที่ต้องการโน้ตบุ๊กที่ได้สเปคสดใหม่ ได้พลังประมวลผลที่ดีขึ้นโดยที่มีงบในการซื้อเครื่องอยู่ที่ราว ๆ 30,000 บาท รูปแบบการใช้งานก็จะเน้นใช้ทำงานทั่วไป เล่นเกมได้พอประมาณตามพลังของ iGPU อย่าง AMD Radeon 780M ที่ก็ถือว่าอยู่ในระดับค่อนบนเมื่อเทียบกับ iGPU ด้วยกันเอง
หรือถ้าเป็นสายเกมมิ่งโน้ตบุ๊ก ตอนนี้ก็จะมีมาแค่แบบที่จับคู่กับการ์ดจอ RTX 50 series เท่านั้น ทำให้ราคาตัวเครื่องจะยังค่อนข้างโดดไปจากเครื่องที่ใช้ชิป Ryzen 7 8845HS พอสมควร แต่ถ้ามีงบราว 50,000 – 60,000 บาท แล้วอยากได้เกมมิ่งโน้ตบุ๊กที่การ์ดจอแรง ใช้เทคโนโลยีกลุ่มของเฟรมเจ็น การอัปสเกลรุ่นใหม่ ๆ ได้ แบบไม่เน้นเทคโนโลยีจอมากนัก ก็สามารถเลือกเครื่องในกลุ่มนี้ได้เลย แถมถ้าเทียบกับรุ่นที่ใช้ชิปการ์ดจอรุ่นเดียวกัน แต่ใช้ CPU รุ่นอื่น ก็ต้องบอกว่า ASUS TUF ที่ใช้ AMD R7 260 ดันราคาน่าซื้อกว่าซะด้วย
AMD Ryzen 7 8845HS จะเหมาะกับผู้ที่ต้องการโน้ตบุ๊กที่ได้ประสิทธิภาพ CPU ในระดับค่อนข้างสูง และได้การ์ดจอแยกในระดับกลาง เช่น RTX 3050 และ RTX 4060 ในงบตั้งแต่ 30,000 – 40,000 บาท ซึ่งจะแบ่งเป็นกลุ่มราคา 20,000 ปลายถึง 30,000 ต้น ๆ ที่อาจจะได้เป็นการ์ดจอ iGPU ซึ่งเหมาะกับผู้ต้องการเน้นประสิทธิภาพของ CPU เป็นหลัก ไม่เน้นเล่นเกมเท่าไหร่ และกลุ่มราคา 33,000 บาทขึ้นไปที่จะเริ่มได้การ์ดจอแยกมาแล้ว เหลือแค่ใส่แรมเพิ่มอีกนิดก็ใช้งานได้อีกยาว ๆ ตอบโจทย์ผู้ที่มีงบไม่สูงมาก แต่ได้เครื่องที่สามารถใช้งานได้ดีตั้งแต่วันนี้เลย และมีแผนเปลี่ยนโน้ตบุ๊กในอีกซัก 3-4 ปีข้างหน้า ซึ่งสาเหตุการเปลี่ยนเครื่องอาจจะเกิดจากข้อจำกัดของการ์ดจอที่ไม่ตอบโจทย์กับความต้องการด้านกราฟิกในเกมเป็นหลัก
