ASUS TUF Gaming F16 โน๊ตบุ๊คเกมมิ่งตัวคุ้มรุ่นใหม่ GeForce RTX 5060 เล่นลื่นทุกเกมแน่นอน!

ย้อนกลับไป 6 ปีก่อนใน เดือนเมษายน ปี 2018 เป็นเดือนเกิดของโน๊ตบุ๊คซีรีส์ TUF “The Ultimate Force” ขวัญใจเกมเมอร์มาโดยตลอดและในปี 2025 ASUS TUF Gaming F16 ใหม่นี้ก็ยังคงคอนเซปท์ความแรงทนทานและคุ้มราคาอยู่เช่นเดียวกับรูปลักษณ์ภายนอกซึ่งยังเป็นพลาสติกเนื้อแข็งสีดำสนิท แต่ปรับดีไซน์ไปตามสมัยนิยมจากลวดลายเส้นและการออกแบบตัวเครื่องให้ดูอลังการไม่เหมือนใครมาเป็นแบบมินิมอล ลดลายลงเน้นความสวยเรียบง่ายและรีดตัวเครื่องให้บางลงจับถือถนัดมือกว่าเดิม และไม่ทิ้งจุดเด่นด้านความแข็งแรงเพราะได้รับการการันตี MIL-STD 810H มาโดยตลอดรวมถึงรุ่นล่าสุดนี้เช่นกัน
เหตุผลว่าทำไม TUF Gaming F16 นี้ถึงคุ้มค่า ไม่ใช่แค่ Intel 13th Generation HX-Series กับ NVIDIA GeForce RTX 50 Series ในราคา 44,990 บาท แต่องค์ประกอบอื่นก็สำคัญ เริ่มจากพอร์ต USB-C Full Function, Thunderbolt 4 DisplayPort สำหรับต่อหน้าจอและชาร์จไฟตามมาตรฐาน Power Delivery ได้แล้ว ยังได้กล้องอินฟาเรดสำหรับสแกนใบหน้าปลดล็อคเครื่องติดมาให้ ซึ่งมันไม่ใช่อุปกรณ์มาตรฐานของเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คระดับราคานี้เลย เป็นสิ่งดีที่เกินความคาดหมายไปมากและยังได้แบตเตอรี่ความจุ 90Whr ทำให้ใช้ได้นานขึ้น ซึ่งชิ้นส่วนทั้งคู่ข้างต้นนั้นมักพบเจอกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คราคาเกิน 70,000 บาทขึ้นไป

จุดเด่นเพิ่มเติมของ ASUS TUF Gaming F16 ต้องยกให้การทำช่องระบายความร้อนยื่นออกไปด้านหลังมากกว่าเดิม นอกจากระบายความร้อนได้ดีขึ้นแล้วอุณหภูมิพื้นผิวตัวเครื่องไม่สูงมาก สามารถวางมือเล่นเกมได้สบายขึ้นแล้ว ยังกางหน้าจอได้แบนราบขนานไปกับพื้นโต๊ะและปุ่มลัดเหนือ F1~F4 ที่มีติดมาให้ใช้เสมอแล้ว ยังได้หน้าจอ 16 นิ้ว ขอบเขตสีกว้าง 100% sRGB กับฟีเจอร์ป้องกันภาพฉีกขาด NVIDIA G-SYNC อีกด้วย
NBS Verdicts

จุดแข็งที่ทำให้ ASUS TUF Gaming ยังคงเป็นตัวเลือกในใจเกมเมอร์มาตลอด ไม่ใช่แค่ราคากับสเปกสมเหตุผลทำให้ผู้ใช้ส่วนใหญ่ตัดสินใจซื้อได้ไม่ยากมาก ASUS TUF Gaming F16 ใหม่นี้ก็เช่นกัน นอกจากซีพียู Intel 13th Generation กับการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 50 Series และเพิ่ม RAM, SSD ได้อีก ติดพอร์ต USB-C 3.2 Full Function, Thunderbolt 4 DisplayPort มาให้ครบเครื่องไม่แพ้รุ่นก่อนแล้วตั้งราคา 44,990 บาท จึงคุ้มค่าน่าสนใจ แต่จะชื่นชมสเปกพื้นฐานเหล่านี้ว่าเป็นจุดแข็งก็คงใช่ที่ เพราะ ASUS ได้เพิ่มสเปกส่วนอื่นซึ่งปกติติดตั้งมากับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คช่วงราคา 60,000 บาทขึ้นไปมาเพื่อเซ็ตมาตรฐานใหม่ให้เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คในระดับราคานี้ด้วย
สิ่งแรกซึ่งผู้ใช้มักมองข้ามแต่มีผลต่อการใช้งานอย่างแบตเตอรี่ ปกติแล้วโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งในช่วงราคาต่ำกว่า 50,000 บาท ส่วนใหญ่มีความจุราว 53.5Whr หรือถ้ารุ่นไหนมีความจุ 75Whr ก็นับว่าเยอะได้ แต่ ASUS TUF Gaming F16 ได้ความจุ 90Whr ซึ่งถ้าเพิ่มอีก 9.9Whr ก็เท่ากับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คราคาหลักแสนแล้ว ถัดมาคือเซนเซอร์สแกนใบหน้าสำหรับยืนยันตัวตนเพื่อปลดล็อคเครื่อง ปกติถ้าไม่ใช่รุ่นพรีเมียมอย่าง ASUS ROG Zephyrus หรือเป็นโน๊ตบุ๊คบางเบาก็ไม่มีทางได้ใช้แม้แต่สแกนลายนิ้วมือก็ไม่มีวี่แวว ถึงหลายคนจะคิดว่าเดี๋ยวพิมพ์รหัสผ่านแทนก็ได้ แต่เทียบเรื่องความสะดวก, ปลอดภัยและเป็นส่วนตัวกันแล้วยังไงเซนเซอร์เหล่านี้ก็ดีกว่า ยิ่งใครต้องนำคอมไปใช้ในพื้นที่สาธารณะเป็นประจำจะรู้ดีกว่าการปลดล็อคเครื่องได้โดยไม่ต้องเสี่ยงโดนแอบมองคีย์บอร์ดนั้นอุ่นใจขนาดไหน

เรื่องดีไซน์ของ TUF Gaming F16 ก็เรียบง่ายเพรียวบางกว่ารุ่นก่อนมาก ไม่ว่าจะทำให้ช่องระบายความร้อนยื่นออกไปด้านหลังให้ระบายอากาศดีขึ้นแล้ว ยังรีดตัวเครื่องให้บางกระชับจับถือหรือพกใส่กระเป๋าโน๊ตบุ๊คได้ง่ายไม่กินพื้นที่เก็บของนัก เวลาจับถือก็ไม่ต้องกลัวหลุดมือเลยแถมดีไซน์ความเป็นเกมมิ่งก็น้อยลงจนมีแต่โลโก้ TUF อยู่เล็กน้อยเท่านั้น ดูเรียบร้อยขึ้นมาก
ถึงมีจุดน่าชื่นชมก็ยังมีจุดสังเกตอยู่เช่นกัน อย่างแรกคือความละเอียดหน้าจอยังอยู่ระดับ 1080p เท่านั้น แม้จะได้ขอบเขตสี 100% sRGB ได้ความสวยงามเวลาใช้เล่นเกมหรือเสพย์สื่อก็ตาม แต่ถ้าได้หน้าจอความละเอียดสูงกว่านี้เป็น 2.5K ก็คงจะดี หากทางบริษัทจะเพิ่มรุ่นย่อยให้ TUF Gaming F16 ก็ใช้สเปกเหมือนเครื่องนี้ทั้งหมดแล้วเปลี่ยนพาเนลหน้าจอก็ได้ อีกจุดคือ เสียงพัดลมระบายความร้อนซึ่งถ้าทำงานเต็มกำลังแล้วจะมีเสียงดังได้ยินชัดเจนเท่ากับเสียงพูดของมนุษย์ ซึ่งยังแก้ปัญหานี้ได้โดยวางบนแท่นวางโน๊ตบุ๊คก็จะช่วยให้เสียงเบาลงไปได้
ข้อดีของ ASUS TUF Gaming F16
- ตัวเครื่องมีความบางและจับถือได้กระชับมือมั่นคงกว่า TUF Gaming รุ่นก่อน พกพาได้ง่าย
- บานพับหน้าจอดีไซน์ให้กางได้แบนราบ 180 องศา ขนานไปกับพื้นโต๊ะให้เพื่อนร่วมงานดูได้
- ซีพียู Intel Core i5-13450HX มีประสิทธิภาพดีพอควร ใช้ทำงานและเล่นเกมได้ดี
- จีพียูเป็น NVIDIA GeForce RTX 5060 ใช้เล่นเกมชั้นนำบนหน้าจอ 1080~1440p ได้ลื่นไหล
- ติดตั้งชิป MUX Switch มาให้ตัดต่อการทำงานของจีพียูในชิปเซ็ตและแบบแยกได้ดี
- อัปเกรด RAM ได้มากสุด 64GB DDR5 มากพอให้ใช้ทำงานและเล่นเกมได้เป็นอย่างดี
- ขอบเขตสีหน้าจอกว้าง 100% sRGB แสดงสีสันได้สวยสมจริง รองรับ NVIDIA G-SYNC
- ลำโพงได้รับการปรับจูนมาเป็นอย่างดี รองรับ Dolby Atmos เหมาะกับความบันเทิงทุกแบบ
- แบตเตอรี่มีความจุมากถึง 90Whr เกือบเท่ารุ่นเรือธงจึงใช้งานได้นานหลายชั่วโมง
- กล้องเว็บแคมติดตั้งเซนเซอร์สแกนใบหน้ามาให้ปลดล็อคหน้าจอได้สะดวกรวดเร็ว
- มี USB-C Full Function, Thunderbolt 4 DisplayPort ให้เชื่อมต่อหน้าจอร่วมกับ HDMI ได้
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้รวดเร็วและเสถียรผ่านทาง Wi-Fi 6E
- ติดปุ่ม Hotkeys เสริมมาให้ 4 ปุ่มเหนือ F1~F4 ตั้งเป็นคีย์ลัดใช้ทำงานได้
- ชุดระบายความร้อน Arc Flow Fans ระบายความร้อนได้ดี อุณหภูมิพื้นผิวเครื่องไม่สูงมาก
ข้อสังเกตของ ASUS TUF Gaming F16
- คีย์ลัดปุ่ม F1~F12 ตั้งค่ามาแบบโน๊ตบุ๊คทำงาน ไม่ค่อยมีคีย์ลัดเฉพาะเพื่อเล่นเกม
- เสียงพัดลมเวลาทำงานเต็มกำลังจะมีเสียงดังสุดร่วม 70dB เท่าเสียงพูดคุยตามปกติ
- หากได้หน้าจอความละเอียด 2.5K ขอบเขตสีกว้างด้วยก็จะคุ้มค่าน่าใช้ยิ่งกว่าเดิม
รีวิว ASUS TUF Gaming F16
- Specification
- Hardware & Design
- Screen & Speaker
- Keyboard & Touchpad
- Connector, Thin & Weight
- Inside & Upgrade
- Performance & Software
- Battery & Heat & Noise
- User Experience
- Conclusion & Award
- Gallery
Specification

ในกลุ่มเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเน้นสเปกแรงราคาคุ้มค่า ASUS TUF Gaming F16 ก็ยังเป็นตัวเลือกในใจเกมเมอร์หลายคนและอัปเดตสเปกให้ทันสมัยมาตลอด ซึ่งรุ่นล่าสุดได้จับคู่ซีพียู Intel 13th Generation กับ NVIDIA GeForce RTX 50 Series แล้วตั้งราคาในระดับจับต้องได้ ซึ่งสเปกโดยละเอียดจะเป็นดังนี้
CPU | Intel Core i5-13450HX แบบ 10 คอร์ 16 เธรด (6P+4E) ความเร็วสูงสุด 4.6GHz |
GPU | NVIDIA GeForce RTX 5060 VRAM 8GB GDDR7 115W TGP CUDA Cores 3328 Unified |
Storage | M.2 NVMe SSD 512GB PCIe 4.0 x4 อัปเกรดเพิ่มได้ 1 ช่อง |
Memory | 16GB DDR5 บัส 5600MHz รองรับความจุสูงสุด 64GB |
Display | 16″ WUXGA (1920*1200) พาเนล IPS Refresh Rate 165Hz NVIDIA G-SYNC 100% sRGB MUX Switch NVIDIA G-SYNC |
Software | Windows 11 Home |
Connectivity | Thunderbolt 4 DisplayPort*1 USB-C 3.2 Full Function*1 USB-A 3.2*3 HDMI 2.1*1 LAN*1 Audio combo*1 Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax Bluetooth 5.3 |
Weight | 2.2 กก. |
Price | 44,990 บาท (ASUS Online Store) |
Hardware & Design





ขึ้นชื่อว่าเป็น ASUS TUF Gaming แล้ว บอดี้ของซีรีส์นี้จะไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนหน้าไปมากนักและเครื่องยังเป็นสีดำเช่นเดิม แต่สังเกตรายละเอียดแล้วจะเห็นรายละเอียดว่าทางบริษัทเเน้นดีไซน์ให้เจ้าของสามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น ทั้งบางกระชับจับถนัดมือและติดสติกเกอร์ไว้ตรงแท่นวางข้อมือทั้งสองข้าง ได้แก่ การรับประกันและดูแลหลังการขายฝั่งซ้ายและอธิบายจุดเด่นของ TUF Gaming F16 เอาไว้ฝั่งขวามือ มีจุดพิเศษตรงสติกเกอร์ Thunderbolt 4 ข้างปุ่ม Tab เพิ่มเข้ามา แต่สังเกตจะไม่เห็นไฟแสดงสถานะทรงเครื่องหมายกากบาท 4 ดวง เพราะถูกย้ายไปอยู่เหนือช่องระบายความร้อนด้านหลังแล้ว ขอบด้านหน้าใต้ทัชแพดตัดเฉียงเข้ามาเล็กน้อยให้เอานิ้วโป้งกางหน้าจอได้ง่ายขึ้น




ก้านบานพับหน้าจอก็ถูกเปลี่ยนจากแบบติดเข้าด้านข้างเครื่องเป็นขาตั้งยึดบนเครื่องเหนือคีย์บอร์ดแล้วเอาขอบหน้าจอสวมลงมาแทน นอกจากแข็งแรงทนทานแล้วยังกางหน้าจอได้ราบเสมอกับพื้นโต๊ะทำงานหรือจะวางบนแท่นวางโน๊ตบุ๊คตั้งเป็นเดสก์ท็อปพีซีเพื่อเล่นเกมและทำงานก็สะดวกเช่นกัน แถมเวลากางหน้าจอก็แข็งแรงไม่มีอาการสะบัดกระพือเลย




ฝาหลังหน้าจอพื้นผิวเรียบสนิทของ ASUS TUF Gaming F16 ถูกยิงเลเซอร์โลโก้ TUF ไว้มุมบนขวาเพียงจุดเดียว ไม่มีลวดลายพิเศษเหมือนรุ่นก่อนจึงดูเรียบร้อยเหมือนโน๊ตบุ๊คทำงานเครื่องหนาเท่านั้น ถัดลงมาเป็นช่องระบายความร้อนแบบกรอบสี่เหลี่ยมคางหมูผสมกับทรงสามเหลี่ยม 2 บรรทัด สามารถระบายความร้อนได้รวดเร็ว
จากด้านบนจะเห็นว่าช่องระบายความร้อนถูกยืดให้เลยจากฝาหลังจอให้ระบายความร้อนได้ดีขึ้นกว่าเดิมแล้วทำให้ตัวเครื่องไม่หนามาก ตรงกลางเหนือช่องระบายความร้อนมีไฟ LED สีขาว 4 ดวง ทรงเครื่องหมายกากบาทติดไว้และมุมเครื่องทั้งสองฝั่งจะถูกตัดเฉียงเพื่อความสวยงาม

ใต้ TUF Gaming F16 มีช่องนำอากาศเย็นเข้าเครื่องเจาะไว้พอดีกับพัดลมโบลวเวอร์ด้านใน ติดจุดสีส้มเอาไว้ตรงกลางค่อนไปทางขวามือเพื่อความสวยงามและกันลื่นแถมทำให้ตอนกดปุ่มบนคีย์บอร์ดมีความเสถียรมั่นคง ติดแถบยางกันลื่นขนาดเล็กเอาไว้ 4 มุม ให้เครื่องไม่ลื่นไถลและกันรอยขนแมวในตัว ยึดด้วยน็อตหัว Philips head 11 ดอก ไว้ให้เป็นชิ้นเดียวกับตัวเครื่อง
Screen & Speaker






หน้าจอขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ของ ASUS TUF Gaming F16 ถูกดีไซน์ให้กรอบหน้าจอสามด้านบางลงให้จอมีพื้นที่แสดงผลกว้าง ตรงกลางขอบบนหน้าจอนอกจากกล้องเว็บแคมแล้ว ก็มีไมโครโฟนและกล้องอินฟาเรดสำหรับสแกนใบหน้าและปลดล็อคให้เจ้าของใช้งานมันได้ ซึ่งปกติเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คราคาไม่เกิน 50,000 บาท จะไม่มีเซนเซอร์ประเภทนี้ติดมาให้เลย แม้แต่สแกนลายนิ้วมือตรงปุ่ม Power ก็ไม่มีเช่นกัน แต่ถ้าราคาสูงขึ้นไปหลัก 70,000 บาท ถึงจะพอมีให้เห็นบ้าง เช่น ROG Zephyrus เป็นต้น ดังนั้นพอมีเซนเซอร์สแกนใบหน้าติดมาก็ถือเป็นเรื่องดีมาก รวมไปถึงฟีเจอร์ป้องกันภาพฉีกขาดอย่าง NVIDIA G-SYNC ซึ่งมีสติกเกอร์ติดเพิ่มเข้ามามุมล่างขวาหน้าจอด้วย ด้านโลโก้กลางเครื่องจะปั๊มติดเข้าไปตรงขอบล่างหน้าจอเลย




ข้อดีของพาเนลหน้าจอ IPS คือ องศาการแสดงผลกว้าง 178 องศา มองจากมุมใดก็จะไม่มีเงาทาบทับและสีไม่เพี้ยน มีอัตราการเปลี่ยนภาพบนหน้าจอ (Refresh Rate) มากถึง 165Hz แต่ไม่มีระบบสลับการแสดงผลแบบ Dynamic จึงต้องเลือกใช้เป็นค่าใดค่าหนึ่งเท่านั้น ถ้าเร่งความสว่างไป 100% แล้ว โปรแกรม DisplayCal 3 จะวัดความสว่างได้ถึง 311.80 cd/m2 พอให้ใช้งานได้ทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะใช้งานนอกสถานที่แล้วแสงอาทิตย์ทาบหน้าจอก็เร่งสู้ได้ ถ้าอยู่ในอาคารก็ลดเหลือ 60% ก็เพียงพอแล้ว
ขอบเขตสีหน้าจอของ ASUS TUF Gaming F16 ทางบริษัทเคลมไว้ 100% sRGB ตรงกับผลทดสอบกับโปรแกรม DisplayCal 3 กับเครื่อง Calibrite Display Pro HL ได้ขอบเขตสีจริง (Gamut coverage) 99% sRGB, 75.7% Adobe RGB, 80.6% DCI-P3 และขอบเขตสีองค์รวม (Gamut volume) ได้ 115.4% sRGB, 79.5% Adobe RGB, 81.8% DCI-P3 ค่าความเที่ยงตรงสี Delta-E 0.13~1.17 นับว่าพาเนล IPS จากโรงงาน AU Optronics มีคุณภาพแสดงสีสันได้ดีสมกับหน้าสเปก จึงใช้เล่นเกมและดูหนังฟังเพลงได้เป็นอย่างดี





ลำโพงกำลังขับ 2W*2 ดอก ถูกปรับจูนให้รองรับ Dolby Atmos เวลาเล่นเกมหรือฟังเพลงเสียงก็ดังและมีมิติ วัดเวลาเร่งเสียงไป 100% แล้วดังราว 84dB พอได้ยินชัดเจนในห้องส่วนตัวได้สบาย โทนเสียงจะเป็นแบบ Flat แต่น้ำหนักเสียงเบสดีมีแรงปะทะพอควรเหมาะกับการฟังเพลงยุคปัจจุบันหรือดูภาพยนตร์ก็ดีมากแถมแบ่งทิศทางเสียงได้ดี แต่ถ้าชอบโทนหรือสไตล์เสียงแบบใดเป็นพิเศษก็ต่อลำโพงหรือหูฟังเพิ่มกับช่องหูฟัง 3.5 มม. ก็ได้
Keyboard & Touchpad











คีย์บอร์ดของ ASUS TUF Gaming F16 มีทั้งจุดน่าใช้และจุดสังเกต อย่างไฟ 1-Zone RGB Backlit ปรับเอฟเฟคและสีใน Armoury Crate ได้ยังคงเหมือนรุ่นก่อนหน้าไม่ได้เป็น 4-Zone อย่างเกมเมอร์บางกลุ่มอยากได้ต่างกันไปตามรสนิยมของแต่ละคน แต่ละปุ่มจะเป็นทรงสี่เหลี่ยมเว้นระยะได้กำลังดีมีแป้น Numpad แบบปุ่ม Enter กับเครื่องหมายบวกเป็นปุ่มแนวตั้งตามปกติจึงกดใช้งานได้ง่ายไม่ต้องปรับตัวเยอะ สปริงในปุ่มจะค่อนข้างนุ่มกดง่ายไม่ต้องลงน้ำหนักมากก็ตอบสนองแล้วจึงเหมาะกับการใช้งานทุกแบบไม่ว่าจะเล่นเกมหรือทำงานเอกสารตามปกติก็ดี
จุดเด่นของคีย์บอร์ดผืนนี้นอกจากปุ่ม WASD ใสตามสมัยนิยมกับปุ่ม Hotkeys 4 ปุ่มเหนือ F1~F4 ปุ่มลูกศรทั้งสี่ทิศจะถูกเปลี่ยนลวดลายใหม่ให้มีขนาดใหญ่มองสะดวกขึ้น เสริมด้วยปุ่ม Copilot ถัดจาก Ctrl ฝั่งขวา จึงเรียกใช้ AI ได้ง่าย และยังคงเอกลักษณ์ของซีรีส์ TUF Gaming ไว้ ทั้งจับกลุ่มและเว้นระยะระหว่างปุ่ม F1~F12 เป็น 3 กลุ่มเท่ากันแบบคีย์บอร์ดทั่วไป ถ้าใช้จนถนัดแล้วจะใช้สัมผัสกดปุ่มเหล่านี้ได้แม่นยำ ถ้ากด Fn+Win ก็จะล็อคปุ่ม Windows ไป เวลาเล่นเกมแล้วเผลอกดจะได้ไม่ติดขึ้นมาขัดจังหวะเวลาเล่นเกม




Hotkeys นอกจากในปุ่ม F1~F12 แล้วเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คในเครือ ASUS ก็จะมีปุ่ม M1~M4 เพิ่มมาให้เป็นพิเศษเหนือปุ่ม F1~F4 ไว้ให้กดใช้งานได้ง่าย ตั้งคำสั่งปุ่มลัดด้วยโปรแกรม Armoury Crate ก็ได้เช่นกัน ในแต่ละปุ่มจะมีคำสั่งดังนี้
- F1 – ปิดเสียงลำโพงคอม
- F2~F3 – ลดและเพิ่มความสว่างหน้าจอ
- F4 – ปุ่มปรับเปลี่ยนเอฟเฟคไฟ AURA Sync
- F5 – ปุ่มเปลี่ยนโหมดการทำงาน แยกเป็น Eco, Performance กับ Turbo
- F6 – เรียกโปรแกรม Snipping Tool มาแคปภาพหน้าจอ
- F7~F8 – ลดและเพิ่มความสว่างหน้าจอคอม
- F9 – ปุ่ม Project ตั้งค่าหน้าจอหลักและเสริม
- F10 – ปิดการทำงานทัชแพด
- F11 – Sleep mode
- F12 – Airplane mode
- M1~M2 – ลด/เพิ่มเสียงลำโพง
- M3 – ปิดไมโครโฟน
- M4 – ปุ่ม Armoury Crate
หากสังเกตจะเห็นว่าปุ่ม Hotkeys หรือแม้แต่ M1~M4 ของ ASUS TUF Gaming F16 จะเป็นปุ่มลัดเหมือนกับโน๊ตบุ๊คทำงานทั่วไป ไม่ค่อยสมกับการเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คนัก อาจมีปุ่ม AURA เพื่อเปลี่ยนเอฟเฟคไฟหรือ F5 เอาไว้กดเปลี่ยนโหมดการทำงานก็จริง แต่ยังมี Snipping Tool กับ Sleep mode อยู่ ซึ่งน่าเปลี่ยนเป็นคำสั่งสำหรับเล่นเกมอย่างเปลี่ยนค่า Refresh Rate และเปิดเป้าเล็งปืน (Static Crosshair) ค้างเอาไว้บนหน้าจอน่าจะดีกว่า


แป้นทัชแพดระหว่างที่วางข้อมือของ ASUS TUF Gaming F16 มีขนาดใหญ่วางตัวค่อนไปทางขวามือของตัวเครื่อง ทำให้ตอนเล่นเกมแล้วเอามือซ้ายวางตรงปุ่ม WASD แล้วไม่พาดทับแป้นแต่เวลาทำงานจะต้องยกสันมือขวาขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตามยังกด F10 ปิดการทำงานทิ้งไปได้และเวลาใช้งานจริงก็ไม่เจออาการแป้นทัชแพดลั่นอย่างแน่นอน ส่วนการควบคุมยังรองรับ Touch gesture ของ Windows 11 ครบถ้วน ทำให้ใช้งานได้ง่าย
Connector, Thin & Weight





พอร์ตและการเชื่อมต่อของ ASUS TUF Gaming F16 ถูกติดตั้งเอาไว้ด้านข้างเครื่องทั้งสองฝั่ง ด้านหลังไม่มีพอร์ตใดๆ เพราะออกแบบมาให้เป็นช่องระบายความร้อนสำหรับชุด Arc Flow Fans โดยเฉพาะ แต่ละฝั่งจะมีพอร์ตดังนี้
- ฝั่งซ้ายจากซ้ายมือ – DC-in, LAN, HDMI 2.1, Thunderbolt 4 DisplayPort, USB-C 3.2 Full Function, USB-A 3.2, Audio combo
- ฝั่งขวาจากซ้ายมือ – USB-A 3.2*2
- การเชื่อมต่อไร้สาย – Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.3
ตำแหน่งของพอร์ตรอบตัวถือว่าครบถ้วนและจัดตำแหน่งได้ดี แม้จะเน้นฝั่งซ้ายเป็นหลักแต่ถ้าดูจะเห็นว่าเน้นฝั่งซ้ายเป็นพิเศษและให้ฝั่งขวามือเป็นพอร์ต USB-A 3.2 สองช่อง เวลาจัดโต๊ะคอมเอาเครื่องขึ้นแท่นวางโน๊ตบุ๊คถ้าวางเครื่องไว้ฝั่งขวาของหน้าจอก็จะเก็บสายเชื่อมต่อได้ง่าย สามารถรวบแล้วเก็บสายเป็นกลุ่มได้ง่าย ส่วนพอร์ต USB-A กับ Audio combo ฝั่งซ้ายมั่นใจว่า ASUS ติดมาให้ต่อเกมมิ่งเมาส์หรือคีย์บอร์ดแน่นอน







การปรับดีไซน์ให้ ASUS TUF Gaming F16 มีขนาดหน้าจอใหญ่เท่าเดิมแต่บางเบาลงนั้นถ้ามองเผินๆ อาจสังเกตเห็นได้ไม่ชัด แต่ถ้าวัดด้วยไม้เวอร์เนียคาลิปเปอร์จะพบว่าด้านหน้าหนา 20 มม. และด้านหลัง 30 มม. มีน้ำหนัก 2.25 กก. ตรงกับน้ำหนักเคลม 2.2 กก. บนหน้าเว็บไซต์ ถ้ารวมอะแดปเตอร์ AC 280W เข้าไปอีก 807 กรัม จะมีน้ำหนักรวม 3.06 กก. เวลาพกใส่กระเป๋าโน๊ตบุ๊คแล้วตัวเครื่องสามารถสอดเข้าช่องเก็บโน๊ตบุ๊คได้ง่าย แต่แนะนำให้ใส่ซองกันกระแทกอีกชั้นจะใช้งานได้อุ่นใจขึ้น
แง่ของการพกพาเทียบกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเครื่องอื่นจะบางพอให้มีพื้นที่เก็บเอกสารและอุปกรณ์เสริมได้อีกพอสมควร ส่วนตัวขอแนะนำให้เอา AC Adapter วางเอาไว้กับโต๊ะตัวประจำแล้วพกอะแดปเตอร์ GaN 100W กับสายชาร์จ USB-C อีกเส้นจะลดน้ำหนักในกระเป๋าไปได้มาก ไม่หนักและคล่องตัวยิ่งขึ้นและขอแนะนำให้ซื้อกระเป๋าโน๊ตบุ๊คดีๆ สักใบเอาไว้ใส่เครื่องจะดีมาก
Inside & Upgrade




การอัปเกรดเพิ่ม SSD, RAM ให้กับ ASUS TUF Gaming F16 เพียงขันน็อต 12 ดอก ออกไปจากนั้นเอาการ์ดแข็งหรือปิ๊กกีตาร์ไล่กรอบรอบตัวเครื่องก็ดึงเปิดฝาได้ทันที ไม่มีน็อตตัวไหนติดบ่าเอาไว้จึงขันน็อตออกแล้วดึงเปิดฝาได้เลย
บนเมนบอร์ดจะมีจุดอัปเกรดหลักๆ อยู่ 2 ส่วน คือ ฝั่งซ้ายเป็นหัวพอร์ตอินเทอร์เฟส PCIe 4.0 ติดมาให้ติดตั้ง SSD เพิ่มความจุได้ทันที เวลาติดตั้งจะพาดทับ M.2 Wi-Fi PCIe Card คั่นกลางด้วย RAM 16GB DDR5 เพิ่มความจุไปได้มากสุด 64GB และฝั่งขวาเป็น M.2 NVMe SSD 512GB ตั้งต้นมาให้ สามารถอัปเกรดเพิ่มความจุในภายหลังได้ไม่ว่าจะเปลี่ยนไดรฟ์ทั้งคู่หรือเพิ่ม SSD 1TB เสริมเข้ามาติดตั้งเกมก็ได้
Performance & Software




ซีพียูใน ASUS TUF Gaming F16 อย่าง Intel Core i5-13450HX แบบ 10 คอร์ 16 เธรด แยกเป็น 6 Performance-core และ 4 Efficient-core มีความเร็วสูงสุด 4.6GHz แม้จะเปิดตัวมานานแล้ว แต่ก็เป็นแบบ HX-Series มีประสิทธิภาพสูงทรงพลังพอใช้เล่นเกมและทำงานได้ทุกแบบตั้งแต่งานเอกสารจนถึงงานครีเอเตอร์ตัดต่อวิดีโอและปั้นโมเดล 3D ก็ได้เช่นกัน ตัวชิปเซ็ตรองรับชุดคำสั่งพื้นฐานทั้งหมดจึงทำงานได้ดีไม่มีปัญหา


จีพียูเป็นรุ่นล่าสุดอย่าง NVIDIA GeForce RTX 5060 มี VRAM 8GB GDDR7 และค่า TDP 115W มี CUDA 3,328 Unified ไว้ใช้คำนวณประมวลผลกราฟิค รองรับชุดคำสั่งพื้นฐานต่างๆ ไม่ว่าจะ DirectX 12 API, OpenCL, OpenGL 4.6, CUDA, DirectCompute, DirectML, Vulkan และ Ray Tracing แม้จะเป็นรุ่นเริ่มต้นเน้นความคุ้มค่าก็ยังใช้งานได้ดี

ภายในเครื่องจากหน้า Device Manager จะเห็นว่าระบบความปลอดภัยนอกจากชิป TPM 2.0 ก็มีเซนเซอร์สแกนใบหน้าติดเพิ่มเข้ามาให้ซึ่งพิเศษกว่ารุ่นอื่นมาก โดยปกติแล้วโน๊ตบุ๊คเล่นเกมในระดับราคานี้ถ้ามีกล้องอินฟาเรดติดมาให้ราคาจะทะยานขึ้นไปเกิน 70,000 บาท อย่างแน่นอน และข้อดีของการมีกล้องตัวนี้ติดมานอกจากปลดล็อคได้สะดวกรวดเร็วแล้ว เวลาใช้ระบบ Passkey ยืนยันตัวกับระบบต่างๆ จะทำได้ปลอดภัยและง่ายกว่าเดิมมาก

Wi-Fi PCIe card ใน ASUS TUF Gaming F16 รหัส Realtek 8852CE รองรับการเชื่อมต่อด้วย Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.3 ในตัว แม้ไม่ได้เป็น Wi-Fi 7 ใหม่ล่าสุดก็ตาม แต่ในแง่การใช้งานทั่วไปทั้งทำงานและเล่นเกมยังรวดเร็วมาก
จากการทดสอบได้ตั้งเครื่องให้ต่างจากจุดกระจายสัญญาณราว 10 เมตร ในห้องส่วนตัวและมีประตูบานไม้อัดกั้นไว้ 1 ชั้นแล้วทดสอบความเร็วกับเว็บไซต์ Speedtest by Ookla ทำความเร็วได้ Download 836.57 Mbps และ Upload 837.53 Mbps มีค่า Ping 8ms นับว่ารวดเร็วและเสถียรมากแล้ว หรือไม่พอใจก็ยังเชื่อมต่อสาย LAN เข้ากับ Realtek PCIe GbE ก็ได้เช่นกัน


M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB รหัส OEM ความจุ 512GB ตัวนี้อินเทอร์เฟสเป็น PCIe 4.0 แต่จุดน่าสนใจจากการตรวจสอบด้วย CrystalDiskInfo คือ ไดรฟ์เป็น NVM Express 2.0 ซึ่งมีชุดคำสั่งใหม่เสริมเข้ามา 2 อย่างเด่นๆ ได้แก่
- Zoned Namespaces (ZNS) ช่วยจัดการวางตำแหน่งเขียนไฟล์เข้าไดรฟ์ได้ดีขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานและจัดการไฟล์ได้ดีกว่าเดิม
- NVMe Key Value (NVMe-KV) จัดการเรียกค้นค่าข้อมูลภายในไดรฟ์ได้ดีมีดีกว่าเดิม
ด้านผลการทดสอบกับโปรแกรม CrystalDiskMark 8.0.5 จะมีความเร็วดังนี้
ความเร็ว / รูปแบบ | Read (MB/s) | Write (MB/s) |
Sequential | 6,593.57 | 5,555.18 |
RNDK | 477.74 | 429.71 |
ความเร็วของ SSD OEM นี้ ถือว่ามีความเร็วในระดับน่าประทับใจพอควรไม่ว่าจะ Sequential ซึ่งวัดค่าเวลาเขียนอ่านไฟล์ขนาดใหญ่หรือทำงานกับไฟล์ขนาดเล็กจำนวนมากอย่าง RND4K ถือว่ารวดเร็วพอควร แต่ความจุของมันเทียบกับขนาดเกมในยุคปัจจุบันถือว่าค่อนข้างเล็ก อาจใช้งานไประยะหนึ่งก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนเป็น SSD 1~2TB แทนก็ได้ โดยรุ่นแนะนำ ณ ตอนนี้จะมี ADATA Legend 710, Kingston NV3 หรือ WD Black SN7100 ก็ดี




การทดสอบเล่นเกมกับโปรแกรม Benchmark ยอดนิยมตระกูล 3DMark แม้สเปกของ ASUS TUF Gaming F16 จะอยู่ในระดับปานกลางเน้นความคุ้มค่าเป็นหลัก แต่ผลคะแนนดูน่าสนใจทีเดียว แม้ผู้ใช้ส่วนใหญ่เชื่อว่า GeForce RTX 5060 จะเหมาะกับการเล่นเกมกับหน้าจอ 1080p ก็ตาม แต่จากผลการทดสอบมันสามารถเล่นเกมชั้นนำบนความละเอียด 1440p ก็ได้ โดยแต่ละการทดสอบจะได้ผลลัพธ์ดังนี้
- Time Spy (จำลองการเล่นเกมชั้นนำบนหน้าจอความละเอียด QHD) – คะแนนเฉลี่ย 12,398 คะแนน แยกเป็น CPU score 11,696 คะแนน Graphics score 12,531 คะแนน
- Time Spy Extreme (จำลองการเล่นเกมชั้นนำบนหน้าจอความละเอียด UHD) – คะแนนเฉลี่ย 5,801 คะแนน แยกเป็น CPU score 5,620 คะแนน Graphics score 5,835 คะแนน
- Solar Bay (ทดสอบการเรนเดอร์ Ray Tracing ว่ารันได้ดีต่อเนื่องหรือไม่ แต่ละ section การทดสอบจะเพิ่มรายละเอียดให้ใช้กำลังจีพียูมากขึ้น) – คะแนนเฉลี่ย 55,866 คะแนน, Graphics test 212.42 FPS / Section 1 ได้ 224.18 FPS / Section 2 ได้ 214.04 FPS / Section 3 ได้ 196.89 FPS
- Steel Nomad (จำลองการเล่นเกมชั้นนำบนหน้าจอความละเอียด UHD) – คะแนนเฉลี่ย 2,465 คะแนน ได้ Graphics test 24.65 FPS
กล่าวคือ GeForce RTX 5060 นอกจากเล่นเกมบนหน้าจอ 1080p ได้ดีแล้ว ก็เหมาะกับหน้าจอ 1440p เช่นกัน อาจต้องใช้ NVIDIA DLSS เพิ่มสักนิดเพื่อให้เฟรมเรทมากเกิน 60 FPS ขึ้นไป แต่ถ้าเป็นความละเอียด 2160p ควรใช้ Frame Generation เข้ามาช่วยถึงจะเล่นได้ดี



นอกจากการทดสอบกับโปรแกรม Benchmark แล้ว พอทดสอบเล่นเกมชั้นนำต่างๆ ก็ได้เฟรมเรทดีน่าประทับใจ สังเกตว่าถ้าเป็นเกมทั่วไปก่อนปี 2024 ทุกเกมจะได้เฟรมเรทเฉลี่ยเกิน 60 FPS อย่างแน่นอน ยกเว้น Monster Hunter Wilds และ Black Myth: Wukong จะต้องใช้ NVIDIA DLSS เสริมด้วยถึงจะได้ภาพลื่นไหล ซึ่งประสบการณ์เล่นแต่ละเกมเป็นดังนี้
- Red Dead Redemption II – เล่นได้ลื่นไหลเป็นอย่างดีแม้จะไม่เปิด NVIDIA DLSS เสริม หรือถ้าเปิดก็เลือกเป็น DLSS Quality ก็ได้ภาพลื่นไหลไม่เสียความสวยงาม เวลาเล่นสามารถแสดงผลได้ต่อเนื่อง ได้แสงเงาสวยงาม ควบคุมตัวละครได้โดยไม่มีดีเลย์รบกวน
- Monster Hunter Wilds – แนะนำให้เปิด NVIDIA DLSS แบบ Quality หรือลดมาระดับ Balanced ก็ได้ เพราะเกมโหลด Texture มาใช้งานเยอะและต่อเนื่อง ยิ่งถ้าเจอฉากปะทะมอนสเตอร์แล้วเฟรมเรทจะลดกะทันหันได้บ่อยมาก ถ้าเอาภาพลื่นเฟรมเรทสูงต่อเนื่องจะตั้งเป็น DLSS Quality เสริมด้วย Frame Generation ก็เล่นได้ดีไร้ Input Lag
- God of War – เล่นได้ลื่นไหลแม้จะเป็นพลังประมวลผลของการ์ดจอเพียงอย่างเดียวก็ได้เกิน 60 FPS ไปเยอะมาแล้ว ถ้าเปิด DLSS Quality เสริมเข้ามาก็เกิน 100 FPS ได้สบายมาก
- Black Myth: Wukong – ผู้พัฒนายังไม่ได้ Optimize ตัวเกมให้ดีนัก แนะนำให้เปิด DLSS Quality และ Frame Generation ปิด Motion Blur ไปถึงจะเล่นได้ดีและไม่เกิดอาการเฟรมเรทตกกะทันหัน
- Forza Horizon 5 – สามารถเล่นเกมได้เป็นอย่างดี แต่ไดรเวอร์อาจเกิดบั๊กกับเกมนี้ทำให้เฟรมเรทเฉลี่ยเวลาปิด NVIDIA DLSS สูงกว่าแบบเปิด upscalling เอาไว้ แต่เวลาเล่นสามารถควบคุมรถได้เป็นอย่างดี ไม่เกิด Input Lag และแสงเงาดูสวยงามตลอดต่อเนื่อง
- Cyberpunk 2077 – แยกเป็น 2 กรณี คือ
- เล่นตามปกติและเปิด DLSS Quality เท่านั้น – หลังจากผ่านการ Optimized มาหลายครั้งหลายแพทช์แล้วทำให้เล่นได้ลื่นไหลมาก หรือถ้าเปิด DLSS Quality เพิ่มเข้ามาก็ขยับขึ้นไปเล่นหน้าจอ 1440p ได้ แต่ถ้าไม่ได้เปิด Frame Generation ไม่แนะนำให้เปิด Ray Tracing เพราะเฟรมเรทจะไม่เกิน 60 FPS
- เล่นโดยเปิด Frame Generation และ Path Tracing – ตัวเกมเป็น First-Person RPG ไม่ได้เล่นแบบ Competitive แข่งกับผู้เล่นคนอื่นเหมือน CS:GO 2, Apex Legend หรือ Valorant ถ้าไม่ได้จะต่อหน้าจอแยกความละเอียด 1440p ไม่จำเป็นต้องเปิด Frame Generation ก็ได้ แต่ถ้าเปิด Path Tracing ค่อยเสริมเข้าไปให้เฟรมเรทสูงขึ้นก็เป็นเรื่องดี และเวลาเล่นก็ไม่ต้องกังวลเรื่อง Input Lag ก็ได้ เพราะตัวเกมจะบังคับใช้ NVIDIA Reflex เพื่อตัดปัญหานี้ทันที จึงตอบสนองได้เร็วเสมอกับมือของผู้ใช้แน่นอน
จึงสรุปได้ว่า ASUS TUF Gaming F16 กับการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 5060 เหมาะกับการเล่นเกมบนหน้าจอความละเอียด 1080~1440p มาก ซึ่งเสมอกันกับความละเอียด Full HD ของหน้าจอ 16 นิ้วประจำตัว จึงเปิดเล่นโดยไม่พึ่ง NVIDIA DLSS ได้ หรือถ้าต่อหน้าจอแยกความละเอียด 1440p ค่อยเปิด DLSS Quality เสริมหรือเติม Frame Generation ก็ได้ทั้งนั้น

นอกจากเล่นเกมแล้ว ASUS TUF Gaming F16 ก็ใช้เป็นโน๊ตบุ๊คครีเอเตอร์และทำงานออฟฟิศได้เช่นกัน สังเกตจากคะแนนเฉลี่ยของ PCMark 10 ได้ถึง 7,002 คะแนน แยกแต่ละหมวดแล้วจะเห็นว่าการจับคู่ซีพียูซึ่งเปิดตัวมาสักระยะหนึ่งแล้วกับจีพียูใหม่ล่าสุดนั้นก็พอเหมาะพอดีกัน สังเกตว่าคะแนนแต่ละหมวดไม่ว่าจะเรียกเปิดโปรแกรมต่างๆ ขึ้นมาใช้งาน, ทำงานเอกสารไปจนแต่งภาพทำโมเดล 3D ก็ทำได้ดีเช่นกัน


ยิ่งถ้ารันการทดสอบกับโปรแกรมปั้นโมเดล 3D โดยตรงอย่าง Blender Benchmark จะเห็นว่าปริมาณ Sample ที่ให้เรนเดอร์ออกมาใน 1 นาที จีพียูจะทำได้เยอะมากจนใช้เรนเดอร์โมเดลความละเอียดสูงได้หรือจะใช้เปิดตัวอย่างงานให้ลูกค้าดูก็หมุนไปดูในมุมต่างๆ ได้ลื่นไหล โดยแต่ละหมวดการทดสอบเป็นดังนี้
Test / Sample (ยิ่งมากยิ่งดี) | Intel Core i5-13450HX | NVIDIA GeForce RTX 5060 |
monster | 90 | 1,649.75 |
junkshop | 59 | 1,014 |
classroom | 44 | 932 |



ด้านการเรนเดอร์กราฟิคนั้น ซีพียู Intel Core i5-13450HX ก็สามารถเรนเดอร์งานความละเอียดสูงได้เป็นอย่างดี จากการทดสอบกับ CINEBENCH แต่ละเวอร์ชั่นจะได้ผลลัพธ์ดังนี้
- 2024 – ใช้ทดสอบประสิทธิภาพของซีพียูกับจีพียูอย่างหนักพร้อมกันโดยใช้เอนจิ้น Redshift สำหรับอุตสาหกรรมภาพยนต์ ได้ CPU (Multi-Core) 894 pts และ CPU (Single Core) 101 pts
- R23 – ใช้ทดสอบพลังประมวลผลของซีพียูเป็นหลัก มีความละเอียดและแม่นยำสูง ได้คะแนน Multi Core 16,086 pts และ Single Core อีก 1,684 pts
- R20 – ใช้ทดสอบกำลังประมวลผลของซีพียูเป็นหลัก ได้คะแนน CPU 6,199 pts




คะแนนการทดสอบกับโปรแกรมตระกูล Geekbench กับแต่ละส่วนใน ASUS TUF Gaming F16 เริ่มต้นจากซีพียู Intel Core i5-13450HX เองก็ทำได้ค่อนข้างดี ซึ่งการทดสอบแรกจะได้ผลดังนี้
- Geekbench 6 – ใช้ทดสอบว่าซีพียูสามารถประสานงานกับหน่วยความจำในเครื่องได้ดีหรือไม่ โดยจำลอง workloads งานประเภทการบีบอัดข้อมูล (data compression), การประมวลผลภาพ (image processing), Machine Learning และ Compile code มาทดสอบ
- Windows AVX2 (Advanced Vector Extension 2) ชุดคำสั่งเสริมจาก AVX พื้นฐาน ใช้ทดสอบคำนวน vector integer ได้รวดเร็วหรือไม่ ถ้าเป็น Single-Core ทำได้ 2,175 คะแนน และ Multi-Core ได้ 10,377 คะแนน
- Geekbench ML ทดสอบด้วย ONNX CPU – ใช้ทดสอบว่าฮาร์ดแวร์ชิ้นนั้นสามารถใช้งานโปรแกรม Machine Learning ได้ดีหรือไม่ ในส่วนนี้ทำได้ 3,027 คะแนน
- Geekbench AI – คำนวณว่าซีพียูสามารถรันการทำงานกับโปรแกรม AI ต่างๆ ได้แม่นยำหรือรวดเร็วหรือไม่ แบ่งเป็น Single Precision เน้นความเที่ยงตรง, Half precision เน้นความเร็วมากขึ้นและลดความแม่นยำลง และ Quantized Score เน้นความเร็วแต่ไม่แม่นยำนัก
- ONNX ได้คะแนน Single Precision 2,754 คะแนน, Half precision 734 คะแนน และ Quantized Score 4,083 คะแนน
- OpenVINO ได้ Single Precision 3,880 คะแนน, Half precision 3,853 คะแนน และ Quantized Score 9,470 คะแนน





ถัดมาเป็นจีพียูออนบอร์ดอย่าง Intel UHD Graphics ซึ่งได้คะแนนดังนี้
- Geekbench 6 – ใช้ทดสอบว่าจีพียูสามารถประสานงานกับหน่วยความจำในเครื่องได้ดีหรือไม่ โดยจำลอง workloads งานประเภทการบีบอัดข้อมูล (data compression), การประมวลผลภาพ (image processing), Machine Learning และ Compile code มาทดสอบ
- OpenCL, Windows AVX2 (Advanced Vector Extension 2) ชุดคำสั่งเสริมจาก AVX พื้นฐาน ใช้ทดสอบ vector integer ด้วย OpenCL framework ทำได้ 3,889 คะแนน
- Vulkan, Windows AVX2 (Advanced Vector Extension 2) ชุดคำสั่งเสริมจาก AVX พื้นฐาน ใช้ทดสอบคำนวน vector integer ด้วย Vulkan framework ทำได้ 4,449 คะแนน
- Geekbench ML ทดสอบด้วย ONNX DirectML – ใช้ทดสอบว่าฮาร์ดแวร์ชิ้นนั้นสามารถใช้งานโปรแกรม Machine Learning ได้ดีหรือไม่ ในส่วนนี้ทำได้ 742 คะแนน
- Geekbench AI ทดสอบว่าสามารัน AI ได้ดีหรือไม่
- ONNX DirectML – Single Precision 855 คะแนน, Half precision 898 คะแนน และ Quantized Score 571 คะแนน
- OpenVINO ได้ Single Precision 1,260 คะแนน, Half precision 1,779 คะแนน และ Quantized Score 2,837 คะแนน




สุดท้ายเป็นจีพียู NVIDIA GeForce RTX 5060 ซึ่งในแต่ละการทดสอบจะทำคะแนนได้ดังนี้
- Geekbench 6 – ใช้ทดสอบว่าจีพียูสามารถประสานงานกับหน่วยความจำในเครื่องได้ดีหรือไม่ โดยจำลอง workloads งานประเภทการบีบอัดข้อมูล (data compression), การประมวลผลภาพ (image processing), Machine Learning และ Compile code มาทดสอบ
- OpenCL, Windows AVX2 (Advanced Vector Extension 2) ชุดคำสั่งเสริมจาก AVX พื้นฐาน ใช้ทดสอบคำนวน vector integer ด้วย OpenCL framework ทำได้ 101,284 คะแนน
- Vulkan, Windows AVX2 (Advanced Vector Extension 2) ชุดคำสั่งเสริมจาก AVX พื้นฐาน ใช้ทดสอบคำนวน vector integer เป็นหลักด้วย Vulkan framework ทำได้ 96,006 คะแนน
- Geekbench ML ทดสอบด้วย ONNX DirectML – ใช้ทดสอบว่าฮาร์ดแวร์ชิ้นนั้นสามารถใช้งานโปรแกรม Machine Learning ได้ดีหรือไม่ ในส่วนนี้ทำได้ 13,205 คะแนน
- Geekbench AI ทดสอบว่าสามารัน AI ได้ดีหรือไม่
- ONNX DirectML – Single Precision 15,383 คะแนน, Half precision 26,961 คะแนน และ Quantized Score 12,000 คะแนน
กล่าวโดยสรุปได้ว่า ASUS TUF Gaming F16 เองก็เป็นโน๊ตบุ๊คทำงานซึ่งเหมาะกับการทำงานทั่วไปจนถึงงานครีเอเตอร์ทุกแบบไม่ว่าจะปั้นโมเดลด้วย Blender, ตัดต่อคลิปสั้นยาวไปจนใช้ทดสอบรันโมเดล AI ต่างๆ ก็ได้ แต่แนะนำให้เพิ่ม RAM ไปเป็น 32GB และเพิ่ม SSD 1~2TB เข้ามาก็จะทำงานได้ดีขึ้นและมีพื้นที่เก็บไฟล์งานด้วย ภายนอกแนะนำให้ลงทุนกับหน้าจอแยกเพื่อใช้ทำงานกราฟิคโดยเฉพาะอย่าง ASUS ProArt ก็จะดี






ด้านการตั้งค่าตัวเครื่องและอัปเดตเฟิร์มแวร์ให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดอย่าง ASUS Armoury Crate เองก็สำคัญไม่แพ้กัน ในเวอร์ชั่นปัจจุบันนอกจากมอนิเตอร์ตัวเครื่อง, เปลี่ยนโหมดการทำงาน, ตั้งค่าปุ่มมาโคร M1~M4 ฯลฯ ได้แล้ว ก็ช่วยอัปเดตไดรเวอร์ให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดอีกด้วย แนะนำให้เจ้าของเข้ามาตั้งค่าและเช็คไดรเวอร์ใหม่รายเดือนจะช่วยให้ทำงานได้ดีขึ้น
Battery & Heat & Noise


จุดแข็งของ ASUS TUF Gaming F16 มีให้มากและเหนือกว่าแบรนด์อื่น คือ แบตเตอรี่แบบลิเธียมโพลีเมอร์ความจุ 90Whr นับเป็น Typical capacity 5,820mAh และ Rated capacity 5,650mAh เทียบกับรุ่นอื่นแล้วถือว่ามีขนาดใหญ่มากเพราะอีก 9.9Whr จะเท่ากับรุ่นเรือธงราคาหลักแสนบาทแล้วหรือในถ้ามีความจุเท่ากันก็ต้องมีราคาเกิน 70,000 บาทอย่างแน่นอน

เมื่อแบตเตอรี่มีความจุเยอะก็ทำให้ใช้งานได้นานขึ้นพอควร จากการทดสอบตามมาตรฐานของทางเว็บไซต์โดยลดความสว่างหน้าจอเหลือ 50% และปรับเสียงลำโพงให้ดังเพียง 10% ใช้ Microsoft Edge ดูคลิป YouTube ยาว 30 นาที จะใช้งานได้นาน 4 ชม. 27 นาที ตามการวัดด้วยโปรแกรม BatteryMon แต่สังเกตในตัวโปรแกรมจะเห็นว่า 30 นาที แบตเตอรี่มีความจุลดลง 7mAh เท่านั้น เมื่อคำนวณดูแล้วระยะเวลาใช้งานจริงจะใช้ได้ราว 6 ชม. 20 นาที
ระยะเวลาใช้งานราว 6 ชม. เทียบกับโน๊ตบุ๊คทำงานแล้วอาจไม่นานมาก แต่กรณีโน๊ตบุ๊คเล่นเกมจะใช้งานได้นานมากจนเข้าเลคเชอร์หรือพกเข้าประชุมระดับ Town hall ได้สบายมากจึงไม่ต้องห่วงว่าแบตเตอรี่จะดับตอนใช้งานระหว่างวันแน่นอน ถ้ากังวลว่าเครื่องจะดับระหว่างใช้งานจะเตรียมอะแดปเตอร์หรือพาวเวอร์แบงค์กำลังชาร์จ 65W ขึ้นไปเผื่อเอาไว้สักหน่อยก็เพียงพอแล้ว







ชุดระบายความร้อน Arc Flow Fans ของ ASUS TUF Gaming F16 จะเป็นชุดพัดลมระบายความร้อนคู่ประกอบกับฮีตไปป์อีก 6 เส้น เพื่อระบายความร้อนได้รวดเร็วและตัดปัญหาเครื่องร้อนจนแผ่ขึ้นมือจึงทำให้ส่วนด้านหลังเครื่องเป็นช่องระบายความร้อนทั้งหมดเพื่อระบายอากาศแทน พอร์ตเชื่อมต่อจึงติดตั้งอยู่ด้านข้างเครื่องไปโดยปริยาย






ข้อดีของชุดระบายความร้อนนี้ทำให้อุณหภูมิพื้นผิวตลอดตัวเครื่องเย็นและวางมือเล่นได้สบายมาก สังเกตว่าจุดร้อนสุดตรงขอบบนเหนือคีย์บอร์ดยังร้อนเพียง 32.5 องศาเซลเซียส แม้แต่เช็คผ่านทางกล้องอินฟาเรดก็มีอุณหภูมิไม่สูง สามารถวางมือใช้งานได้ไม่มีปัญหาและชิ้นส่วนภายในจากการทดสอบด้วย CPUID HWMonitor จะเห็นว่าอุณหภูมิโดยเฉพาะซีพียูจะสูงพอควรถึง 98 องศาเซลเซียสก็จริง แต่ขึ้นมาระดับนี้เพียง 1~2 วินาที ก็กลับมาเย็นใช้งานได้ตามปกติแล้ว ถ้าแบ่งตามแต่ละส่วนจะมีอุณหภูมิดังนี้
อุณหภูมิ / ชิ้นส่วน | สูงสุด (เซลเซียส) | ต่ำสุด (เซลเซียส) |
CPU | 49 | 98 |
GPU (Chipset) | 43.4 | 87.4 |
GPU (Memory) | 46 | 80 |
Mainboard | 41 | 89 |
RAM | 37 | 56.8 |
SSD | 32 | 49 |


เมื่อระบายความร้อนได้ดีก็ต้องแลกกับเสียงพัดลมระบายความร้อนจะดังได้ยินชัดเจน เวลาเปิดโปรแกรมทดสอบรันทำงานเต็มกำลังแล้ววัดจากด้านหน้าเครื่องได้ 60dB และด้านหลังจะเกือบถึง 70dB เกือบเท่ากับเสียงพูดคุยตามปกติของมนุษย์ เวลาใช้ทำงานเอกสารเปิดเว็บไซต์จะไม่ได้ยินเสียงพัดลมทำงาน แต่ถ้าทำงานกราฟิคหรือเล่นเกมจะได้ยินอย่างแน่นอนซึ่งแก้ได้โดยตั้งบนแทนวางโน๊ตบุ๊คก็ช่วยได้พอควรแล้ว
User Experience

ขึ้นชื่อว่า ASUS TUF Gaming แล้ว มักจะเป็นโน๊ตบุ๊คเครื่องใหญ่หนาและดีไซน์เครื่องสื่อความเป็นเกมมิ่งมาก แต่ ASUS TUF Gaming F16 กลับตรงข้ามตั้งแต่ดีไซน์บางลงกว่าเดิมและลดลายเส้นความเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คลงจนดูเรียบร้อยขึ้น นำไปใช้งานนอกสถานที่ได้โดยไม่ดึงดูดสายตามากไม่ว่าจะนั่งทำงานในร้านกาแฟหรือไปประชุมงานกับลูกค้าก็เหมาะทั้งนั้น น้ำหนักก็เบาเพียง 2.2 กก. และบางลงกว่ารุ่นก่อนมาก ตอนนำมาใช้เป็นเครื่องหลักแล้วประทับใจกับบอดี้ที่บางกระชับมือจับได้พอเหมาะพอดีจนใช้มือเดียวจับขอบเอาเครื่องเข้าเอวได้สบายมาก แถมสอดเข้าช่องเก็บโน๊ตบุ๊คในกระเป๋าขนาด 15.6 นิ้วได้พอดีแถมเหลือพื้นที่ให้ใส่ของชิ้นอื่นได้อีกพอควร
นอกจากใช้งานในรูปแบบโน๊ตบุ๊คแล้วก็สามารถเซ็ตอัพเป็นคอมทำงานในออฟฟิศและเกมมิ่งพีซีในบ้านได้ ต้องยกให้พอร์ต USB-C Full Function, Thunderbolt 4 DisplayPort และ HDMI ซึ่งเจ้าของสามารถเอาสาย Thunderbolt เชื่อมหน้าจอ USB-C ให้ภาพขึ้นหน้าจอ, ชาร์จไฟและโอนไฟล์ไปพร้อมกันได้เวลานั่งทำงานในออฟฟิศและกลับบ้านก็ต่ออะแดปเตอร์ AC เพื่อเล่นเกมได้ แถมกำลังของ Intel Core i5-13450HX และ NVIDIA GeForce RTX 5060 ก็ยังจัดจ้านอยู่แม้จะมีชิปเซ็ตรุ่นใหม่ๆ ออกมาก็ตาม ยิ่งใครเน้นใช้งานบนความละเอียด 1080p ก็ไม่มีปัญหา

จุดประทับใจและเกินความคาดหมายคือทางบริษัทติดตั้งเซนเซอร์สแกนใบหน้าให้ ASUS TUF Gaming F16 ซึ่งปกติถ้าเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คในช่วงราคาไม่เกิน 50,000 บาท ก็เลิกหวังได้เลยว่าจะมีเซนเซอร์เหล่านี้ติดมาให้เหมือนโน๊ตบุ๊คพรีเมียมบางเบา ยกเว้นจะเพิ่มเงินไปราว 70,000 บาทขึ้นไปถึงจะมีให้เลือกบ้าง ยิ่งในยุคนี้ที่การเจาะระบบขโมยข้อมูลถี่และมากขึ้นจึงทำให้มันมีภาษีเหนือกว่าแบรนด์คู่แข่งทุกเจ้าในทันที แถมสะดวกกว่าการนั่งพิมพ์รหัสผ่านกดรหัส PIN ให้เสียเวลาและเสี่ยงจะโดนแอบมองมือเพื่อขโมยใช้คอมของเราได้ด้วย ด้านแบตเตอรี่ก็ถือว่าให้มาเยอะกว่าคู่แข่งซึ่งปกติแล้วเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คในระดับราคานี้จะได้แบตเตอรี่ความจุ 60~80Whr เท่านั้น แต่พอได้มากถึง 90Whr ก็มากเกือบถึงขีดจำกัดการพกอุปกรณ์มีแบตเตอรี่ขึ้นเครื่องบินซึ่งกำหนดไว้ 99.9Whr แล้ว จึงพกไปใช้งานนอกสถานที่ได้นานและเอาอะแดปเตอร์หรือพาวเวอร์แบงค์กำลังชาร์จ 65W ขึ้นไปต่อชาร์จได้เลย
ถ้าใครจะซื้อ ASUS TUF Gaming F16 มาใช้งาน เวลาเครื่องรันเต็มกำลังแล้วเสียงพัดลมจะค่อนข้างดังได้ยินชัดเจน วัดได้ดังเกือบ 70dB เท่ากับเสียงพูดคุยของมนุษย์ตามปกติ ซึ่งเกิดตอนเปิดทำงานกับโปรแกรมขนาดใหญ่หรือเล่นเกมเป็นหลัก ซึ่งแก้ทางได้ไม่ยากมากเพียงหาแท่นวางโน๊ตบุ๊คพร้อมพัดลมระบายความร้อนดีๆ สักตัวมาตั้งช่วยอัดลมเข้าไปในระบบก็ลดเสียงดังของพัดลมไปได้ระดับหนึ่งและทำให้อุณหภูมิตัวเครื่องไม่พีคง่ายได้ด้วย
อีกจุดอยากฝากให้ ASUS พิจารณาเปลี่ยน Hotkeys ตรง F1~F12 ซึ่งตังตั้งค่ามาเหมือนคอมทำงานเกินไป มีคีย์ลัดเพื่อการเล่นเกมไม่เยอะนักจึงคาดหวังให้ทางบริษัทเพิ่มคำสั่งอื่นเข้ามา เช่น เปิดเป้าเล็งปืน (Crosshair), เปิดตัวนับ FPS, เปลี่ยนอัตรา Refresh Rate ของหน้าจอมาก็ได้ จะยิ่งทำให้ซีรีส์ TUF Gaming น่าสนใจยิ่งขึ้นอีกมาก
Conclusion & Award

ถ้าให้จำกัดความง่ายๆ ว่า ASUS TUF Gaming F16 เป็นโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งแบบใด คงจะไม่พ้นคำว่า “กลมกล่อม” ตั้งแต่ราคาไม่สูงเกินไปเพียง 44,990 บาท ได้ซีพียูกับการ์ดจอประสิทธิภาพดีให้ใช้ทำงานและเล่นเกมในยุคนี้ได้ทั้งหมดแล้ว ยังติดเซนเซอร์สแกนใบหน้าเข้ามาเพื่อความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว ทำหน้าที่เป็นคอมทำงานเวลาอยู่ออฟฟิศหรือออกไปพบลูกค้าแล้วกลายเป็นเกมมิ่งเดสก์ท็อปเพื่อเล่นเกมหลังเลิกงานก็ได้ จึงสมกับคำว่ากลมกล่อมครบเครื่องทั้งใช้ทำมาหากินและทำความสุขให้เจ้าของเวลาหลังเลิกงานได้ในเครื่องเดียว
Award

นอกจากซีพียูกับจีพียูประสิทธิภาพสูงใน ASUS TUF Gaming F16 และยังอัปเกรดเพิ่มหน่วยความจำภายในเครื่องได้แล้ว ยังได้ฟีเจอร์เสริมไม่ว่าจะเซนเซอร์สแกนใบหน้าซึ่งปกติอยู่กับรุ่นราคาสูงกว่านี้, พอร์ตเชื่อมต่อต่างๆ ครบเครื่องในราคา 44,990 บาท เป็นราคาที่คุ้มค่ามาก

หลังจากเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คดีไซน์เท่แข็งแกร่งมาหลายยุค ASUS TUF Gaming F16 ก็ฉีกมาเป็นดีไซน์แบบเรียบง่ายมีระดับแถมบางลงให้พกใส่กระเป๋าได้ง่ายขึ้นแถมเบาเพียง 2.2 กก. พกได้สบายกว่ารุ่นก่อนๆ อย่างมาก
Gallery











