MSI Venture 15 AI ในบอดี้เรียบหรู มีความแรงจาก Intel Core Ultra 100 Series ไว้ให้ผู้ใช้ลุยงานได้สบายๆ

ถ้า MSI Modern เป็นโน๊ตบุ๊คน้องเล็กเพื่อนักเรียนนักศึกษาและ MSI Prestige เป็นพี่ใหญ่รุ่นพรีเมี่ยมเพื่อหัวหน้าและผู้บริหาร MSI Venture 15 AI ก็เป็นชายกลางของมหาชนผู้มองหาโน๊ตบุ๊คสักเครื่องที่สเปกและคุณภาพดีกว่าเครื่องเก่า ให้ฟีเจอร์กับฟังก์ชั่นมาพอเหมาะพอดีใช้และเสถียรไว้ใจได้เป็นเครื่องคู่ใจได้ทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะตั้งโต๊ะใช้เป็นเครื่องเดสก์ท็อปก็ได้หรือพกไปพบลูกค้าก็เหมาะไม่แพ้กัน
ส่วนผสมภายในโน๊ตบุ๊ค MSI ราคาไม่เกิน 30,000 บาท เริ่มจากวัสดุตัวเครื่องสีดำสวยเรียบร้อย แข็งแรงทนทานพอให้พกไปใช้งานได้ทุกสถานการณ์ หน้าจอ 15.6 นิ้ว ค่า Refresh Rate สูงให้ภาพลื่นไหลและบานพับยังคงกางได้แบนราบและปุ่ม Flip-n-Share พลิกภาพให้ผู้อื่นมองเห็นได้ง่ายเช่นเดิม เสริมด้วยฟังก์ชั่น AI ต่างๆ ไม่ว่าจะระบบตัดเสียงด้วย AI และไมโครโฟน Spatial Array เพื่อให้เสียงพูดเจ้าของได้ยินคมชัดทุกสถานการณ์ ซึ่งหัวใจของเครื่องอย่าง Intel Core Ultra 100 Series ทำให้ Venture 15 AI ทำงานทั่วไปหรือใช้งาน AI ก็ทำได้รวดเร็วเสมอ ไม่ช้าให้เสียอารมณ์ไม่ค้างให้เสียจังหวะแน่นอน

NBS Verdicts

จุดยืนของ MSI Venture 15 AI เทียบกับโน๊ตบุ๊คทำงานในเครือจะได้วัสดุตัวเครื่องและฟีเจอร์มากกว่า MSI Modern Series เป็นรอง MSI Prestige อยู่เล็กน้อย ตั้งราคาคั่นกลางเอาไว้ในช่วง 30,000 บาท ให้ผู้ใช้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นแล้วสเปกก็ดีพอจะใช้ทำงานออฟฟิศได้ทุกรูปแบบและยังจัดการพลังงานได้ดีให้ใช้งานได้จนจบวันอย่างแน่นอน ถ้าไม่มั่นใจจะเตรียมพาวเวอร์แบงค์หรืออะแดปเตอร์ GaN 100W เผื่อไว้สักนิดก็ตัดกังวลไปได้เลย ถ้าจะใช้เป็นคอมตั้งโต๊ะในออฟฟิศก็ดีเช่นกัน ถ้ามี USB-C Hub เอามาต่อกับ USB-C Full Function หรือจะใช้วิธีดั้งเดิมอย่างต่อสาย HDMI ก็เชื่อมหน้าจอทำงานได้และยังมีพอร์ตพื้นฐานอื่นๆ ติดมาให้พอดี ไม่มากหรือน้อยจนอึดอัดนัก
ด้านการอัปเกรดผู้ใช้สามารถเพิ่ม RAM จาก 16GB ไปได้ถึง 96GB DDR5 พอกับโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งในเครือจึงไม่ต้องกังวลว่าแรมจะเต็มทำงานแล้วหน่วงเลย หากเน้นทำงานเอกสารอย่างเดียวก็ใช้เท่าที่มีในเครื่องไปก่อน แต่ถ้าเริ่มทำงานกราฟิคจะเพิ่มไป 32GB ก็ไม่เสียหาย กลับกันบนเมนบอร์ดมีช่อง M.2 NVMe อินเทอร์เฟส PCIe 4.0 ติดตั้ง SSD 512GB มาให้เท่านั้น แม้จะดูน้อยแต่ถ้าสังเกตบนเมนบอร์ดจะเห็นว่าพื้นที่แทบทั้งหมดถูกนำไปติดตั้งชิปอื่นๆ จนหมดแล้ว จึงอยากแนะนำว่าถ้าจะเพิ่มความจุก็เปลี่ยนไปซื้อ External SSD/HDD มาต่อเสริมเพื่อบันทึกไฟล์งานร่วมกันแทนจะง่ายกว่า
กลับกันจุดสังเกตหลักของ MSI Venture 15 AI คือไม่มีเซนเซอร์สแกนใบหน้าหรือลายนิ้วมือติดตั้งมาสักแบบเลย ในฐานะโน๊ตบุ๊คทำงานยุคนี้อย่างน้อยควรมีให้ใช้สักอย่าง จึงขอแนะนำว่าในโมเดลถัดไปอย่างน้อยควรติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ ไม่ว่าจะรวมเอาไว้กับปุ่ม Power หรือแยกมาอยู่กับแป้นทัชแพดก็ได้ให้เจ้าของสามารถปลดล็อคเครื่องได้สะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้นก็จะดีมาก
ข้อดีของ MSI Venture 15 AI
- ซีพียูติดตั้ง Intel Core Ultra 7 155H มีประสิทธิภาพดี ใช้ทำงานทั่วไปและรัน AI
- ชิปเซ็ตและระบบในเครื่องจัดการพลังงานได้ดี ทำให้แบตเตอรี่ 55Whr ใช้งานได้ร่วม 7 ชม.
- อัปเกรด RAM ไปได้มากสุดถึง 96GB DDR5 ให้มีหน่วยความจำมากพอใช้งานได้ดี
- ติดตั้ง Microsoft Office Home 2024 มาให้พร้อมใช้งาน ไม่ต้องจ่ายเงินซื้อเพิ่ม
- ตัวเครื่องขนาด 15.6 นิ้ว แต่น้ำหนักเพียง 1.9 กก. มีน้ำหนักกำลังดีพกพาได้ไม่ยาก
- หน้าจอมีค่า Refresh Rate 144Hz เวลาใช้งานภาพจะมีความลื่นไหลต่อเนื่องกว่าปกติ
- บานพับจอดีไซน์ให้กางได้แบนราบ 180 องศา และกดปุ่ม Flip-n-Share พลิกภาพกลับได้
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้รวดเร็วและเสถียรผ่านทาง Wi-Fi 6E
- ติดตั้งพอร์ต USB-C Full Function มาให้เชื่อมต่อหน้าจอแยก, ชาร์จไฟและโอนไฟล์ได้ในตัว
- กล้องเว็บแคมมีบานชัตเตอร์ติดมาให้สไลด์ปิดเวลาไม่ใช้งานเพื่อความเป็นส่วนตัว
- มี AI ตัดเสียงรบกวนเวลาประชุมและเสริมไมโครโฟนมาอีก 1 ตัว ให้เสียงพูดคมชัด
- ผ่านการทดสอบ MIL-STD 810H ใช้งานได้แข็งแรงทนทานแทบทุกสถานการณ์
ข้อสังเกตของ MSI Venture 15 AI
- มีช่องอินเทอร์เฟส M.2 NVMe PCIe 4.0 เพียงช่องหลักอันเดียวเท่านั้น
- น่าติดตั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือหรือใบหน้ามาให้ผู้ใช้ปลดล็อคเครื่องได้สะดวกและปลอดภัยขึ้น
รีวิว MSI Venture 15 AI
- Specification
- Hardware & Design
- Screen & Speaker
- Keyboard & Touchpad
- Connector, Thin & Weight
- Inside & Upgrade
- Performance & Software
- Battery & Heat & Noise
- User Experience
- Conclusion & Award
- Gallery
Specification

MSI Venture 15 AI นับเป็นโน๊ตบุ๊คทำงานในระดับราคาเข้าถึงได้ไม่แพงมาก ได้สเปกดีพอใช้ทำงานทั่วไปหรือรัน AI ได้เป็นอย่างดีด้วย Intel Core Ultra 100 Series วัสดุประกอบตัวเครื่องมีความสวยงามแข็งแรงทนทาน โดยรายละเอียดจะเป็นดังนี้
CPU | Intel Core Ultra 7 155H แบบ 16 คอร์ 22 เธรด (6P+8E+2LPE) ความเร็ว P-Core 1.4~4.8 GHz ความเร็ว E-Core 0.9~3.8 GHz รองรับ OpenVINO™, WindowsML, DirectML, ONNX RT, WebNN |
GPU | Intel Arc Graphics |
Storage | M.2 NVMe SSD 512GB |
Memory | 16GB DDR5 บัส 5600 MHz อัปเกรดได้สูงสุด 96GB |
Display | 15.6″ Full HD พาเนล IPS Refresh Rate 144Hz |
Software | Windows 11 Home Microsoft Office Home 2024 |
Connectivity | USB-A 3.2*2 USB-C 3.2 Full Function*1 HDMI 2.1*1 LAN*1 Audio combo*1 Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax Bluetooth 5.3 |
Weight | 1.9 กก. |
Price | 32,900 บาท (ราคากลาง) 29,990 บาท (ราคาช่วงเปิดตัว) |
Hardware & Design




MSI Venture 15 AI ถูกวางตำแหน่งการตลาดโดยเข้ามาแทรกกลางระหว่างน้องเล็กราคาคุ้มค่าอย่าง MSI Modern และพี่ใหญ่รุ่นพรีเมี่ยมอย่าง MSI Prestige จึงได้องค์ประกอบจากทั้งสองซีรีส์ผสมกันทั้งวัสดุตัวเครื่องเป็นพลาสติกเนื้อเรียบแข็งแรงทนทานสีเทาเข้มจนเกือบเป็นสีดำ ตัดกับกรอบหน้าจอสีดำสนิทติดโลโก้ MSI เอาไว้ขอบล่างตรงกลาง ติดสติกเกอร์ Intel Core Ultra 7, Intel Arc Graphics และ HDMI เอาไว้ แต่ฝั่งขวาจะเว้นว่างเอาไว้ มีแต่ช่องไมโครโฟนเสริมพิเศษอยู่ช่องเดียวใกล้กับปุ่ม Enter ของ Numpad เท่านั้น





ถัดขึ้นไปเหนือคีย์บอร์ดเป็นขาบานพับหน้าจอแบบสันแนวตั้งและยึดแท่นโลหะไว้ด้านในให้ยึดจอได้มั่นคงแล้วสวมชุดก้านบานพับหน้าจอเอาไว้ สังเกตจากด้านหลังจะเห็นว่าสันส่วนบนตัวเครื่องถูกตัดเว้าลงมาเล็กน้อยเพื่อให้กางหน้าจอได้แบนราบไปกับพื้นโต๊ะได้และมีคีย์ลัดเพื่อพลิกหน้าจอกลับให้คู่สนทนาดูได้สะดวกขึ้น



ฝาหลังของ MSI Venture 15 AI จากด้านบนจะเห็นลิ้นตัวเครื่องยื่นออกมาเพื่อให้ใช้นิ้วดึงกางหน้าจอได้สะดวกติดเสริมเข้ามา ตรงกลางค่อนบนเป็นโลโก้ MSI เวอร์ชั่นโน๊ตบุ๊คทำงานและธุรกิจบนพื้นตัวเครื่องสีเทาเข้ม ไม่มีลวดลายใดสกรีนเสริมเข้ามาจึงดูเรียบร้อยไม่ดึงดูดสายตานัก แต่จะเห็นว่าด้านหลังเครื่องส่วนล่างสุดจะเป็นช่องระบายความร้อนออกเป็นแนวยาวตลอดตัวเครื่องให้ดูสวยงามเสมอกันและเป็นช่องระบายอากาศเสริมไปในตัวแม้จะมีพัดลมโบลวเวอร์ติดอยู่ฝั่งขวามือตัวเดียวก็ตาม

ด้านใต้ Venture 15 AI เกินกว่าครึ่งเป็นช่องนำอากาศเข้าเพื่อไประบายความร้อนชิ้นส่วนภายใน ล้อมกรอบด้วยก้อนยางกันลื่นสี่มุมและเสริมก้านพลาสติกเอาไว้เป็นทรงสามเหลี่ยมเพื่อเพิ่มความแข็งแรงเวลาพิมพ์ใช้งานจะทำให้ตัวเครื่องเสถียรไม่สั่นจนรู้สึกไม่แน่นหนาได้ น็อตล็อคหัว Philips Head 12 ดอก ซึ่งในภาพจะนับได้ 11 ดอกเท่านั้น เพราะตัวสุดท้ายอยู่ตรงกลางเครื่องใต้สติกเกอร์ Factory seal เวลาจะเปิดฝาเพิ่ม RAM เปลี่ยน SSD ก็อย่าลืมน็อตตัวนี้ด้วย
Screen & Speaker







หน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS มีขอบหน้าจอบางสามด้านแต่ขอบบนตรงกลางจะหนาขึ้นเป็นพิเศษเพราะมีขอบหน้าจอยาวออกมาให้ผู้ใช้เอานิ้วดึงกางหน้าจอได้ง่ายขึ้น รวมถึงติดตั้งชุดกล้องเว็บแคม, ไมโครโฟนและบานชัตเตอร์ปิดกล้องติดมาให้ ถ้าสไลด์มาปิดตรงหน้าเลนส์กล้องจะเป็นจุดสีแดง จุดน่าสนใจของจอคอมเครื่องนี้ คือ ค่า Refresh Rate สูงถึง 144Hz เพื่อให้แสดงผลภาพได้ลื่นไหลเป็นพิเศษ





ลำโพงคู่กำลังขับ 2W เมื่อเร่งเสียงไป 100% แล้ว วัดเสียงได้ 86.7dB ดังพอกับโน๊ตบุ๊คทั่วไปในปัจจุบัน พอจะใช้ฟังเพลงหรือ Podcast ในห้องส่วนตัวขนาด 13 ตารางเมตรได้ยินชัดเจน โทนเสียงเป็น Flat เน้นเสียงผู้พูดและนักร้องนำ เสริมด้วยเสียงเครื่องดนตรีและมีเบสพอให้ฟังเพลงได้อรรถรสหรือถ้าชอบเสียงลำโพงแบบใดเป็นพิเศษจะต่อลำโพงเพิ่มก็ได้
Keyboard & Touchpad









คีย์บอร์ดขนาด Full size ของ MSI Venture 15 AI เป็นทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส รวมปุ่มลูกศรทั้งสี่ปุ่มไว้กับปุ่มอื่นได้พอดีไม่ยื่นแยกออกมา มีไฟ LED Backlit สีขาวปรับความสว่างได้ 3 ระดับ ให้พิมพ์งานเวลามีแสงสว่างน้อยได้สะดวกขึ้นและไฟลอดตัวอักษรหมดทั้งไทยและอังกฤษ สัมผัสเวลาพิมพ์แน่นและตัวปุ่มนุ่มกดง่ายไม่ต้องลงน้ำหนักมากนัก เหมาะกับคนชอบพิมพ์สัมผัสเป็นพิเศษ กดเบาๆ ก็ตอบสนองแล้ว
ขนาดของปุ่มบนคีย์บอร์ดทั้งชุดหลักและ Numpad จะมีขนาดพอกันหมด ไม่ถูกย่อขนาดลงจึงกดได้ง่ายไม่ต้องปรับตัวนักและมีปุ่มเครื่องหมายคณิตศาสตร์ติดมาให้ครบพร้อมใช้ แต่ก็ยังมีจุดสังเกตว่า MSI ยังไม่ย้ายปุ่ม Power แยกออกจากแป้นคีย์บอร์ด เวลากดแนะนำให้ระวังสักนิดจะได้ไม่พลาดกดโดนแล้วดับเครื่องไป ถัดมาคือปุ่ม Num Lock อยู่ด้านใต้ปุ่ม Power คาดว่าการวางปุ่มเช่นนี้ก็เพื่อความสวยงามและจับกลุ่มปุ่มให้เป็นหมวดหมู่


Hotkeys ของ MSI Venture 15 AI ตรงบรรทัดบนสุดของคีย์บอร์ดยังรวมกับปุ่ม F1~F12 เช่นเดิมและกด Fn+Esc สลับคำสั่งกันได้ตามความถนัดของผู้ใช้แต่ละคน แต่ละคำสั่งจะเน้นการใช้งานเป็นหลัก แต่สังเกตปุ่ม F6 เป็นคำสั่งปิดการทำงาน Bluetooth ซึ่งน่าเปลี่ยนเป็น Airplane mode ให้ผู้ใช้กดปิดระบบการเชื่อมต่อไร้สายทั้งหมดได้ในทันทีจะสะดวกกว่า และคำสั่งลัดแต่ละปุ่มจะเป็นดังนี้
- F1~F3 – ปิด, ลด/เพิ่มเสียงลำโพง
- F4 – ปิด/เปิดทัชแพด
- F5 – ปิด/เปิดไมโครโฟน
- F6 – ปิด/เปิด Bluetooth
- F7 – ปุ่มลัดเปลี่ยนโหมดตัวเครื่อง
- F8 – ปุ่มปรับความสว่างไฟคีย์บอร์ด
- F9~F10 – ลด/เพิ่มความสว่างหน้าจอ
- F11 – ปุ่ม Project ตั้งค่าหน้าจอหลักและเสริม
- F12 – ปุ่ม Flip-n-Share พลิกหน้าจอกลับด้านให้คู่สนทนาดูได้สะดวกขึ้น


แป้นทัชแพดของ Venture 15 AI ถูกเลื่อนตำแหน่งให้ค่อนไปทางด้านขวามากขึ้นเพื่อให้สันมือซ้ายไม่พาดทับแต่มือขวาจะวางอยู่บนแป้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ตอนใช้งานจริงถ้ายกสันมือขึ้นเล็กน้อยก็ใช้ได้ไม่มีปัญหาหรือจะกดปิดทัชแพดแล้วต่อเมาส์ก็ได้ อย่างไรก็ตามเวลาใช้งานถึงจะวางทาบอยู่ก็ไม่เจอปัญหาทัชแพดลั่นแม้แต่ครั้งเดียว นอกจากนี้ยังใช้ Touch gesture ของ Windows 11 ได้และตอบสนองได้ดีตามปกติ
Connector, Thin & Weight




พอร์ตเชื่อมต่อของ MSI Venture 15 AI ถูกติดตั้งไว้ด้านข้างเครื่องทั้งสองฝั่งแต่พอร์ตสำคัญจะอยู่ฝั่งขวาเป็นหลักและยังจัดหมวดหมู่ไม่สมกันเท่าไหร่ เป็นไปได้ก็อยากให้เอาพอร์ต LAN สลับกับ USB-A ฝั่งขวาให้พอร์ตแบบต่อไว้กับเครื่องเป็นเวลานานรวมเป็นกลุ่มดีกว่า แล้วพอร์ตใช้งานพื้นฐานจะได้แยกเป็นอีกกลุ่ม โดยแต่ละฝั่งจะเป็นดังนี้
- ฝั่งซ้ายจากซ้ายมือ – Kensington Lock, LAN, USB-A 3.2
- ฝั่งขวาจากซ้ายมือ – Audio combo, USB-C 3.2 Full Function, USB-A 3.2, HDMI 2.1, DC-in
- การเชื่อมต่อไร้สาย – Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.3






ขนาดของตัวเครื่องเมื่อวัดความหนาด้วยไม้เวอร์เนียคาลิปเปอร์แล้วมีขนาด 22.9~23.2 มม. หนาเสมอกันทั้งด้านหน้าและหลังเครื่อง ส่วนน้ำหนักบนตาชั่ง 2.09 กก. เทียบกับในหน้าสเปก 1.9 กก. ก็มีน้ำหนักใกล้เคียงกัน รวมอะแดปเตอร์หัวกลม 90W อีก 366 กรัม จะมีน้ำหนักรวม 2.46 กก. พอกับน้ำหนักเฉพาะตัวเครื่องโน๊ตบุ๊คขนาด 15.6 นิ้วทั่วไป ดังนั้น MSI Venture 15 AI ก็สามารถพกไปทำงานนอกสถานที่ได้สบายมาก
เวลาจัดกระเป๋าและของใช้แนะนำให้ตั้งอะแดปเตอร์หัวกลมไว้กับโต๊ะแล้วพกอะแดปเตอร์ GaN 100W หรือพาวเวอร์แบงค์ 65W กับสาย USB-C จะช่วยลดจำนวนของใช้ไปได้และเปิดใช้โหมด Extreme Performance ได้ตลอดเวลาพร้อมชาร์จแบตเตอรี่ให้อุปกรณ์เสริมชิ้นอื่นได้อีกด้วย
Inside & Upgrade




วิธีเปิดฝาเพื่อเพิ่มหน่วยความจำใน MSI Venture 15 AI ถือว่าทำได้ง่าย เพียงขันน็อต Philips Head 12 ดอก ออกแล้วเอามือดึงกรอบฮีตซิ้งก์ด้านข้างตัวเครื่องเล็กน้อยให้พอมีช่องสอดการ์ดแข็งเข้าไปตรงช่องพอร์ตก็สามารถไล่เปิดฝาด้านใต้เครื่องได้แล้ว สามารถซื้อ SSD, RAM มาเปลี่ยนเองได้หรือจะให้พนักงานร้านคอมจัดการให้ตั้งแต่แรกก็ได้
บนเมนบอร์ดจะมีช่อง SO-DIMM สำหรับเพิ่มความจุ RAM 16GB DDR5 ไปได้สูงสุด 96GB เท่าที่ Intel Core Ultra 7 155H สามารถเรียกใช้งานได้ แต่มีอินเทอร์เฟส PCIe 4.0 x4 สำหรับ M.2 NVMe SSD เพียงช่องเดียวและมีความจุตั้งต้นมา 512GB พอให้ติดตั้งโปรแกรมและบันทึกไฟล์งานได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้าจะเพิ่มความจุเป็น 1TB ณ จุดนี้คิดว่าไม่คุ้มนัก แนะนำให้ซื้อ External SSD มาใช้ร่วมกันจะดีกว่า
Performance & Software




ซีพียูของ MSI Venture 15 AI เป็น Intel Core Ultra 7 155H แบบ 16 คอร์ 22 เธรด แบ่งเป็น 6 P-Cores, 8 E-Cores และ 2 LPE-Core รหัสพัฒนา Meteor Lake สถาปัตยกรรม 7 นาโนเมตร มีค่า TDP 28W รองรับชุดคำสั่งใช้งานครบถ้วนจึงใช้ทำงานได้ดีตั้งแต่งานเอกสารทั่วไปหรือทำงาน 3D ต่างๆ ก็จัดการได้ แม้จะไม่ได้เป็น Intel Core Ultra 200V ซึ่งหลายคนคาดหวัง แต่ Intel Core Ultra 100 Series ก็ยังแรงเพียงพอสำหรับงานออฟฟิศแล้วและราคาก็ไม่แพงไป
RAM แบบ SO-DIMM ความจุ 16GB DDR5 บัส 5600MHz ติดตั้งมาให้แบบ Dual-channel ค่า CL40 เม็ดชิปหน่วยความจำผลิตจากโรงงาน Samsung ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้อยู่แล้วจึงไว้ใจได้ ถ้าจะอัปเกรดเพิ่มในภายหลังก็รองรับความจุสูงถึง 96GB DDR5 (48GB*2) หากจะใช้ทำงานเอกสารและเปิดเว็บไซต์ทำงานกับ Web app ไม่จำเป็นต้องเพิ่ม ยกเว้นมีงานตัดต่อวิดีโออาจจะเพิ่มไป 32GB ก็พอใช้งานแล้ว

จีพียูเป็น Intel Arc Graphics สำหรับใช้งานทั่วไปทั้งแสดงภาพขึ้นหน้าจอและทำงานกราฟิคได้ระดับหนึ่ง รองรับชุดคำสั่ง DirectX 12 API, OpenCL, OpenGL 4.6, DirectCompute, DirectML, Vulkan และ Ray Tracing ตามสเปกแล้วตัวจีพียูสามารถต่อหน้าจอแยกความละเอียดสูงสุด 8K 60Hz (HDMI2.1 FRL) และ 4K 60Hz (HDMI 2.1 TMDS) ได้

ฮาร์ดแวร์ภายใน Venture 15 AI ในหน้า Device Manager นอกจากชิป TPM 2.0 ซึ่งติดตั้งมาเป็นพื้นฐานจะไม่มีชิปรักษาความปลอดภัยตัวอื่นติดเสริมมาให้ ด้าน Wi-Fi PCIe Card เป็น Intel Wi-Fi 6E AX211 เชื่อมต่อ Wi-Fi 6E ได้ตามชื่อ รองรับคลื่น 2.4, 5, 6 GHz แบนด์วิดท์ 160MHz ความเร็วสูงสุดตามหน้าสเปกทำได้ 2.4 Gbps มีเทคโนโลยี OFDMA, MU-MIMO และ Intel vPro ครบถ้วน

M.2 NVMe SSD ความจุ 512GB เป็น Micron 2400 เป็น OEM SSD แบบ PCIe Gen4 QLC 176-layer ออกแบบมาเน้นการประหยัดพลังงานเป็นหลักซึ่งผู้ผลิตเคลมว่าใช้ไฟฟ้าน้อยกว่ารุ่นก่อน 50% มีข้อดีว่าถ้าใส่ในโน๊ตบุ๊คก็จะช่วยให้ใช้งานได้นานยิ่งขึ้น รองรับการเขียนอ่านไฟล์ได้ 150 TBW ก่อนเริ่มเสื่อมสภาพ เมื่อทดสอบกับ CrystalDiskMark 8.0.5 เทียบกับสเปกโรงงานจะเป็นดังนี้
การทดสอบ/ความเร็ว | Read (MB/s) | Write (MB/s) |
สเปกโรงงาน | 4,200 | 1,800 |
CrystalDiskMark 8.0.5 | 4,597.37 | 1,821.88 |
RND4K | 342.12 | 369.83 |
ถ้าอิงตามสเปกถือว่า Micron 2400 สามารถทำความเร็วได้ตรงตามสเปกโรงงาน ยิ่งเป็นโน๊ตบุ๊คทำงานแล้วความเร็วระดับนี้ก็มากพอใช้งานแล้วและส่วนตัวไม่แนะนำให้ถอดเปลี่ยนไดรฟ์เพื่อเพิ่มความจุแต่แนะนำให้ซื้อ External SSD เช่น ADATA SD810, Kingston XS2000 หรือ WD My Passport มาบันทึกไฟล์งานเพิ่มจะสะดวกกว่า

คะแนนจากการทดสอบกับโปรแกรมจำลองการทำงานอย่าง PCMark 10 กับ MSI Venture 15 AI ซีพียู Intel Core Ultra 7 155H แล้ว ได้คะแนนเฉลี่ย 4,964 คะแนน แยกตามหมวดจะเห็นว่างานถนัดของโน๊ตบุ๊คนี้ก็ยังเป็นงานเอกสารและตารางชีต Excel รวมถึงใช้ประชุมออนไลน์ร่วมกับผู้อื่น ด้านการทำงานกราฟิคจะเหมาะกับการทำงานตัดต่อแต่งภาพ ส่วนตัดต่อวิดีโอถือว่าพอใช้งานได้



คะแนนการทดสอบเรนเดอร์กราฟิค 3D ด้วยซีพียู Intel Core Ultra 7 155H กับโปรแกรมตระกูล CINEBENCH แต่ละเวอร์ชั่น จะได้คะแนนดังนี้
- 2024 – ใช้ทดสอบประสิทธิภาพของซีพียูกับจีพียูอย่างหนักพร้อมกันโดยใช้เอนจิ้น Redshift สำหรับอุตสาหกรรมภาพยนต์ ได้ CPU (Multi-Core) 608 pts และ CPU (Single Core) 101 pts
- R23 – ใช้ทดสอบพลังประมวลผลของซีพียูเป็นหลัก มีความละเอียดและแม่นยำสูง ได้คะแนน Multi Core 10,008 pts และ Single Core อีก 1,690 pts
- R20 – ใช้ทดสอบกำลังประมวลผลของซีพียูเป็นหลัก ได้คะแนน CPU 3,978 pts






ส่วนการทดสอบกับโปรแกรมตระกูล Geekbench ซึ่งแต่ละเวอร์ชั่นก็จะจำลองการทดสอบต่างกันไป ไม่ว่าจะทดสอบกับชิ้นส่วนต่างๆ ภายในเครื่อง, ทดสอบ Machine Learning และการใช้งาน AI ในการทดสอบชุดแรกจะทดสอบกับคอร์ซีพียูก่อนและแต่ละการทดสอบได้คะแนนดังนี้
- Geekbench 6 – ใช้ทดสอบว่าซีพียูสามารถประสานงานกับหน่วยความจำในเครื่องได้ดีหรือไม่ โดยจำลอง workloads งานประเภทการบีบอัดข้อมูล (data compression), การประมวลผลภาพ (image processing), Machine Learning และ Compile code มาทดสอบ
- Windows AVX2 (Advanced Vector Extension 2) ชุดคำสั่งเสริมจาก AVX พื้นฐาน ใช้ทดสอบคำนวน vector integer ได้รวดเร็วหรือไม่ ถ้าเป็น Single-Core ทำได้ 2,113 คะแนน และ Multi-Core ได้ 8,696 คะแนน
- Geekbench ML ทดสอบด้วย ONNX – ใช้ทดสอบว่าฮาร์ดแวร์ชิ้นนั้นสามารถใช้งานโปรแกรม Machine Learning ได้ดีหรือไม่ ในส่วนนี้ทำได้ 1,697 คะแนน
- Geekbench AI – คำนวณว่าซีพียูสามารถรันการทำงานกับโปรแกรม AI ต่างๆ ได้แม่นยำหรือรวดเร็วหรือไม่ แบ่งเป็น Single Precision เน้นความเที่ยงตรง, Half precision เน้นความเร็วมากขึ้นและลดความแม่นยำลง และ Quantized Score เน้นความเร็วแต่ไม่แม่นยำนัก
- NPU (OpenVINO) ได้คะแนน Single Precision 6,117 คะแนน, Half precision 6,123 คะแนน และ Quantized Score 9,108 คะแนน
- ONNX ได้คะแนน Single Precision 1,741 คะแนน, Half precision 417 คะแนน และ Quantized Score 2,541 คะแนน
- ONNX DirectML ได้คะแนน Single Precision 1,898 คะแนน, Half precision 2,911 คะแนน และ Quantized Score 1,362 คะแนน
- OpenVINO ได้คะแนน Single Precision 1,650 คะแนน, Half precision 1,664 คะแนน และ Quantized Score 4,262 คะแนน




ด้านคะแนนจากการทดสอบกับจีพียู Intel Arc Graphics จะได้คะแนนดังนี้
- Geekbench 6 – ใช้ทดสอบว่าจีพียูสามารถประสานงานกับหน่วยความจำในเครื่องได้ดีหรือไม่ โดยจำลอง workloads งานประเภทการบีบอัดข้อมูล (data compression), การประมวลผลภาพ (image processing), Machine Learning และ Compile code มาทดสอบ
- OpenCL, Windows AVX2 (Advanced Vector Extension 2) ชุดคำสั่งเสริมจาก AVX พื้นฐาน ใช้ทดสอบ vector integer ด้วย OpenCL framework ทำได้ 10,006 คะแนน
- Vulkan, Windows AVX2 (Advanced Vector Extension 2) ชุดคำสั่งเสริมจาก AVX พื้นฐาน ใช้ทดสอบคำนวน vector integer ด้วย Vulkan framework ทำได้ 13,482 คะแนน
- Geekbench ML ทดสอบด้วย ONNX DirectML – ใช้ทดสอบว่าฮาร์ดแวร์ชิ้นนั้นสามารถใช้งานโปรแกรม Machine Learning ได้ดีหรือไม่ ในส่วนนี้ทำได้ 1,657 คะแนน
- Geekbench AI ทดสอบว่าสามารัน AI ได้ดีหรือไม่
- OpenVINO – Single Precision 2,907 คะแนน, Half precision 4,303 คะแนน และ Quantized Score 6,468 คะแนน



แม้ Intel จะโฆษณาว่าจีพียู Intel Arc Graphics ใช้เล่นเกมได้ แต่จากการทดสอบกับโปรแกรม Benchmark หรือเปิดเล่นเกมจริงๆ แล้วยังไม่เหมาะนัก อาจะพอเล่นเกมอินดี้ทั่วไปหรือเกมออนไลน์ได้บ้างเท่านั้นแม้จะอัปเดตไดรเวอร์มาหลายต่อหลายครั้งแล้วก็ตาม ซึ่งคะแนนจากการทดสอบจะเป็นดังนี้
- 3DMark Fire Strike ทดสอบเกมชั้นนำบนความละเอียด 1440p ด้วย DirectX 11 API ได้คะแนนเฉลี่ย 2,921 คะแนน, Graphics score 3,119 คะแนน, Physics score 16,892 คะแนน และ Combined score 1,076 คะแนน
- 3DMark Time Spy ทดสอบเกมชั้นนำบนความละเอียด 1440p ด้วย DirectX 12 API ได้คะแนนเฉลี่ย 1,509 คะแนน, CPU score 7,473 คะแนน, Graphics score 1,323 คะแนน
- 3DMark Steel Nomad ทดสอบเกมชั้นนำบนความละเอียด 2160p ด้วย DirectX 12 API ได้คะแนนเฉลี่ย 257 คะแนน ทำเฟรมเรทได้ 2.58 FPS
สรุปได้ทันทีว่า MSI Venture 15 AI จะเหมาะกับการทำงานออฟฟิศเป็นหลัก โดยเฉพาะงานธุรการเอกสารต่างๆ และเรียกใช้งาน AI เสริมบ้างในบางโอกาสจะเหมาะมาก รองลงมาเป็นงานกราฟิคอย่างการตัดต่อภาพหรือวิดีโอก็เหมาะแต่ควรเพิ่ม RAM เป็น 32GB เผื่อไว้กรณีตัวงานมีรายละเอียดมากจะได้ไม่มีปัญหากวนใจ
กลับกันการเล่นเกมนั้น จีพียู Intel Arc Graphics ไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะนัก จากการทดสอบกับโปรแกรมและเล่นเกมจริงแล้ว แม้จีพียูจะได้อัปเดตไดรเวอร์มาหลายเวอร์ชั่นก็ตามแต่ก็ยังทำได้แค่พอเปิดเกมอินดี้เล่นบนหน้าจอ 1080p ตั้งค่ากราฟิคต่ำสุดเสริมด้วย Intel XeSS Upscalling ระดับ Performance หรือลดความละเอียดหน้าจอเหลือ 720p และใช้ XeSS Upscalling ระดับ Balanced ถึงจะพอเล่นได้ ดังนั้นขอให้ตั้งธงไว้ว่าถ้าเป็น Intel Core Ultra 100 Series เหมาะกับการทำงานเป็นหลักและเล่นเกมฆ่าเวลาได้บ้างจะดีกว่า







โปรแกรมสำหรับอัปเกรดไดรเวอร์ในเครื่องหลักๆ แล้วจะมี 2 ตัว คือ Intel Graphics Software สำหรับมอนิเตอร์การทำงานและอัปเดตเฟิร์มแวร์จีพียูเป็นหลักและ Intel DSA (Intel Drivers & Support Assistant) เพื่อปรับแต่งไดรเวอร์ชิ้นส่วนจาก Intel ภายในเครื่องทั้งหมด ซึ่งโปรแกรมเหล่านี้จะส่งแจ้งเตือนมาถึงผู้ใช้เป็นระยะๆ ด้วยตัวมันเองจึงไม่ต้องโฟกัสมากก็ได้



อีกโปรแกรมเป็น MSI Center S สำหรับปรับเปลี่ยนโหมดและมอนิเตอร์ MSI Venture 15 AI โดยรวม, สั่งเปิดฟังก์ชั่นของ AI และอัปเดตเฟิร์มแวร์ได้ ซึ่งตอนผู้เขียนใช้เป็นคอมเครื่องหลักจะใช้สลับระหว่าง AI Engine หรือ Extreme Performance mode เป็นหลัก
Battery & Heat & Noise


แหล่งพลังงานของ MSI Venture 15 AI เป็นแบตเตอรี่ลิเธียมโพลีเมอร์ (Li-Polymer) ความจุ 55Whr เป็น Typical Capacity 3,570mAh (55.2Wh) และ Rated Capacity 3,500mAh (54.1Wh) เทียบแล้วไล่เลี่ยกับโน๊ตบุ๊คทำงานทั่วไปในปัจจุบัน

พอทดสอบระยะเวลาใช้งานตามมาตรฐานของทางเว็บไซต์โดยเปิดโหมด ECO-Silent และใช้โหมด Energy saver ของ Windows 11 พร้อมลดแสงสว่างหน้าจอเหลือ 50% และลดเสียงลำโพงเหลือ 10% แล้วใช้ Microsoft Edge ดูคลิป YouTube 30 นาที พบว่า MSI Venture 15 AI จะใช้ได้นานสุด 6 ชม. 50 นาที หรือร่วม 7 ชม. นานพอจะใช้ทำงานออฟฟิศได้ทั้งวันหรือจะพกเข้าห้องประชุมระดับ Town hall ก็ไม่ต้องห่วงว่าเครื่องจะดับระหว่างการประชุมแน่นอน หรือถ้าจะเพิ่มแบตเตอรี่เป็น 60~70Whr ในรุ่นต่อไป มั่นใจว่า MSI Venture รุ่นถัดไปจะใช้งานได้แตะหลัก 10 ชม. แน่นอน










แม้จะเห็นว่าชุดระบายความร้อนของ MSI Venture 15 AI เป็นฮีตไปป์ทองแดงเพียง 3 เส้นทาบจากซีพียูตรงมาถึงฮีตซิ้งก์ด้านหน้าพัดลมทั้งสองฝั่ง ไม่ได้มีดีไซน์อะไรเป็นพิเศษก็ตาม แต่ก็จัดการอุณหภูมิได้ดีทีเดียว ไม่ว่าจะบนพื้นผิวตัวเครื่องเมื่อวัดด้วยกล้องอินฟาเรดหรือเลเซอร์วัดอุณหภูมิ จะเห็นว่าส่วนที่ต้องวางมือมีอุณหภูมิไม่สูงมากไม่รบกวนแม้จะเปิดทำงานเต็มกำลังอยู่ก็ไม่รบกวนการใช้งานแน่นอน เพราะจุดที่อุณหภูมิสูงจะอยู่เหนือคีย์บอร์ดขึ้นไปตรงช่องระบายความร้อนของพัดลมโบลเวอร์เป็นหลัก
ชิ้นส่วนภายในจากการตรวจจับด้วย CPUID HWMonitor จะเห็นว่าแม้แต่ Intel Core Ultra 7 155H แม้จะรันเต็มกำลังแล้ว อุณหภูมิสูงสุดยังไปถึงเพียง 81 องศาเซลเซียส ซึ่งความร้อนจะค้างอยู่ระดับนี้ราว 1~2 วินาทีเท่านั้น ค่อยลดมาเหลือช่วง 70~77 องศาเซลเซียส ตลอดการใช้งาน จึงไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอาการ Throttle down ระหว่างใช้งานก็ได้


อย่างไรก็ตามเสียงจากพัดลมระบายความร้อนเวลาทำงานจะดังระดับหนึ่งจนได้ยิน ซึ่งถ้านั่งอยู่ด้านหน้าเครื่องจะวัดความดังได้ 55dB แต่ถ้าเป็นด้านข้างหรือหลังเครื่องจะได้ 64.9dB เทียบแล้วดังพอกับเสียงพูดคุยของมนุษย์ตามปกติ ซึ่งจะดังเฉพาะตอนรันโปรแกรมใหญ่เท่านั้น เวลาใช้งานตามปกติเปิดเว็บเบราเซอร์หรือดูหนังฟังเพลงเสียงจะเบามากไม่รบกวนผู้ใช้นัก
User Experience

ประสบการณ์ใช้งาน MSI Venture 15 AI เป้นโน๊ตบุ๊คทำงานมาร่วมสัปดาห์นั้น ทั้งเรียบง่ายไม่มีลูกเล่นอะไรเป็นพิเศษจนต้องแปลกใจ, ต้องปรับตัวหรือพยายามหาทางหาเรื่องใช้ อย่างมากก็มีพอร์ต USB-C Full Function ติดมาให้ใช้เผื่อกรณีไม่อยากพกอะแดปเตอร์หัวกลมเพิ่มให้หนักด้วย ซึ่งมันเป็นฟีเจอร์แรกที่ได้ใช้เมื่อแลนดิ้งแล้วเช็คอินเข้าโรงแรมได้ก็ต่อ USB-C Hub พ่วงอุปกรณ์เสริมแล้วใช้งานได้ทันที ช่วยให้ทำงานได้สะดวกขึ้นไม่เกิดปัญหารบกวนเวลาใช้งานให้เสียอารมณ์แม้แต่ครั้งเดียว แม้จะเรียบง่ายไม่มีจุดเด่นอะไรเป็นพิเศษแต่ความเรียบง่ายไว้ใจได้เช่นนี้เป็นใจความสำคัญซึ่งคนทำงานต้องการอย่างแน่นอน
ด้านระยะเวลาใช้งานแบตเตอรี่กับการอัปเดตเฟิร์มแวร์ให้ Intel Core Ultra 100 Series มาต่อเนื่องจนแพทช์ปัจจุบัน ตัวชิปเซ็ตสามารถจัดการทำงานได้ดีขึ้นกว่าตอนเปิดตัวช่วงปลายปีก่อนมากทั้งการจัดการพลังงานซึ่งทำให้แบตเตอรี่ 55Whr ใช้งานได้นานร่วม 7 ชม. เวลาใช้ทำงานด้วย Web app ก็ได้ใกล้เคียงกับผลจากโปรแกรม Benchmark ดังนั้นถ้าเป็นงานธุรการเอกสาร, บัญชีหรือเป็นงานเขียนก็ใช้ได้จนจบวัน ถ้าวันไหนมีประชุมอาจเตรียมอะแดปเตอร์ GaN หรือพาวเวอร์แบงค์เผื่อไว้ก็พอแล้ว ซึ่งตอนผู้เขียนชาร์จแบตฯ จนเต็ม 100% แล้วเขียนงานจนจบ 1 บทความเต็ม จะเหลือแบตเตอรี่ราว 20% พอดีโดยปิดเสียงลำโพงและปรับหน้าจอให้สว่างเพียง 50% เท่านั้น

ถึงจะเรียบง่ายไว้ใจได้แต่อยากให้ทาง MSI เพิ่มองค์ประกอบอย่างเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาอีกสักอย่างหนึ่ง MSI Venture 15 AI นี้ก็จะสมบูรณ์แบบ ไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์รหัสผ่านให้เสียเวลาและสร้างเหตุผลเพิ่มเติมให้ผู้ใช้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้นและมีจุดแตกต่างจาก MSI Modern ชัดเจนขึ้น และถ้าจัดการตำแหน่งติดตั้งพอร์ตด้านข้างเครื่องอีกสักนิดก็จะได้ใจผู้ใช้ส่วนใหญ่โดยไม่ยากเย็นนัก
Conclusion & Award

MSI Venture 15 AI ถูกวางตำแหน่งเป็นโน๊ตบุ๊คทำงานราคาไม่แพงมาก คั่นกลางระหว่าง MSI Modern กับ MSI Prestige ได้พอดีด้วยราคา 29,990 บาท งานประกอบตัวเครื่องสวยเรียบง่ายและคุณภาพวัสดุดีมีระดับสมราคาแล้ว ยังติดตั้งซอฟท์แวร์ใช้งานมาครบเครื่องทำงานได้เสถียรให้เป็นคอมประจำตัวทั้งบนโต๊ะคอมในออฟฟิศและน้ำหนักก็เบาเพียง 1.9 กก. จะพกไปพบลูกค้าก็ได้สบาย แถมไม่กั๊กสเปกเกินไปได้ Intel Core Ultra 100 Series ติดมาให้จัดการงานเล็กใหญ่ได้สบาย รัน AI ได้ ครอบคลุมทุกโจทย์การใช้งานอย่างแน่นอน
Award

รูปร่างดีไซน์ของ MSI Venture 15 AI นั้นทั้งเรียบง่ายแต่วัสดุประกอบตัวเครื่องสวยงามสมราคา เสริมบุคลิคให้ดูดีแล้วยังแข็งแรงทนทานพร้อมเดินทางไปกับเจ้าของได้ทุกแห่งไม่ว่าจะออฟฟิศลูกค้าจนกระทั่งขึ้นเครื่องบินไปไหนก็ไม่มีปัญหา

น้ำหนัก 1.9 กก. ของ MSI Venture 15 AI หากเทียบกับโน๊ตบุ๊คขนาด 15.6 นิ้วรุ่นอื่นซึ่งหนักราว 2.3 กก. ถือว่าเบากำลังดีพกไปใช้งานได้ทุกสถานการณ์และได้ซีพียู Intel Core Ultra 100 Series จึงใช้ทำงานได้นานร่วม 7 ชม. แล้ว จึงเหมาะจะพกติดตัวไปไหนมาไหนมาก
Gallery











