ในบอดี้เรียบหรูดูดีของ HP OMEN Max 16 สอดไส้ฟีเจอร์และความแรงมาครบเครื่อง จะทำงานหรือเล่นเกมก็รุ่ง!

จุดยืนของเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คระดับเรือธงจากผู้ผลิตแต่ละแบรนด์ รวมถึง HP OMEN Max 16 ราคา 125,000 บาทนี้ มีเพื่อโชว์เทคโนโลยีการผลิต, ออกแบบและแนวคิดว่าแต่ละแบรนด์ตีความคำว่าเกมมิ่งออกมาเป็นอย่างไร? ซึ่ง HP ตอบสิ่งนี้ผ่านดีไซน์อันเรียบง่ายและเน้นให้ตัวเครื่องแข็งแรง ต่างจาก HP OMEN ในอดีตที่ดีไซน์ล้ำอนาคตไปไกลเหมือนหลุดมาจากภาพยนตร์ไซไฟ แต่ก็ยังคงดีไซน์ร่วมของเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คอย่างไฟ RGB ตรงคีย์บอร์ด Lattice-less และแถบไฟ Lightbar หน้าเครื่องอยู่ซึ่งดูสวยงามกำลังพอเหมาะพอดี
ภายในโน๊ตบุ๊คมูลค่าหลักแสนเครื่องสอดไส้เทคโนโลยีสุดล้ำสมัยไว้มากมาย ได้แก่ ซีพียู Intel Core Ultra 200 HX-Series กับ NVIDIA GeForce RTX 50 Series เสริมด้วยชุดระบายความร้อน OMEN Tempest Cooling Pro แบบ Vapor Chamber เพื่อระบายความร้อนชิ้นส่วนภายในได้อย่างรวดเร็วตัดปัญหาเครื่องร้อนจนทำงานช้าลงได้อยู่หมัด แถมยังไม่แผ่ความร้อนออกมารบกวนเกมเมอร์ระหว่างทำคะแนนไต่แรงค์สักนิด เสริมด้วยซอฟท์แวร์ตั้งค่าหลากหลายตัว ไม่ว่าจะ OMEN AI: FPS Booster ใน OMEN Gaming Hub ช่วยเร่งเฟรมเรทและปรับแต่งระบบภายในเครื่องโดยอัตโนมัติ กับ NGENUITY ไว้ตั้งค่าเกมมิ่งเกียร์จาก HyperX ตั้งค่าแสงไฟ RGB คีย์ลัดและฟังก์ชั่นใดๆ ให้เมาส์และคีย์บอร์ดเกมมิ่งทำงานได้เข้ามือเจ้าของยิ่งขึ้น

นอกจากเรื่องเล่นเกม HP OMEN Max 16 ก็เหมาะกับการทำงานทุกแบบ ไม่ว่าจะงานกราฟิคก็ได้หน้าจอขอบเขตสี 100% sRGB แถมจากการทดสอบพบว่าขอบเขตสีหน้าจอนี้เที่ยงตรงแม่นยำระดับให้ครีเอเตอร์ใช้เกลี่ยสีภาพกับวิดีโอสร้างสรรค์ผลงานได หรือจะให้คนทำงานสาย STEM ใช้ออกแบบโครงสร้าง, คำนวณจำลองแบบแปลนหรือเขียนโปรแกรมก็ Compile เสร็จรวดเร็ว สามารถต่อหน้าจอแยกเพิ่มผ่านพอร์ต HDMI 2.1 และ Thunderbolt 4 อีกสองช่อง ใช้แทนคอมตั้งโต๊ะได้สบาย เวลาพกไปทำงานนอกออฟฟิศก็ต่ออะแดปเตอร์ GaN ชาร์จไฟให้เครื่องใช้งานได้นานยิ่งขึ้น แถมเชื่อมต่อ Wi-Fi 7 มาตรฐาน 802.11be ใหม่ล่าสุด ให้ทำงานและรับส่งข้อมูลกับผู้อื่นได้รวดเร็ว รวมถึงป้องกันผู้อื่นแอบใช้โน๊ตบุ๊คของเราโดยพลการด้วยเซนเซอร์อินฟาเรดสำหรับสแกนใบหน้าซึ่งเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเรือธงหลายรุ่นไม่ได้ติดมาให้ด้วย
NBS Verdicts

เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คระดับเรือธงจากหลายแบรนด์มักเน้นรูปลักษณ์ดีไซน์โดดเด่นไม่เหมือนใครเพื่อดึงดูดสายตาของคนรอบตัวว่าเจ้าเครื่องนี้มีประสิทธิภาพสูงทรงพลัง ผิดกับดีไซน์อันเรียบง่ายของ HP OMEN Max 16 ที่ดูแล้วเหมือนโน๊ตบุ๊คทำงานเครื่องใหญ่มีติดไฟ RGB เสริมเข้ามาตรงแถบ Lightbar ด้านหน้าเครื่องและแป้นคีย์บอร์ด Lattice-less เท่านั้น ไม่ได้ใส่ดีไซน์เยอะเกินจำเป็นเข้ามาเป็นพิเศษเพื่อบ่งบอกว่ามันเป็นโน๊ตบุ๊ครุ่นที่ดีสุดจาก Hewlett-Packard สักนิด
ด้านสเปกและฟีเจอร์ภายในกลับครบเครื่องไมน้อยหน้าใคร ไม่ว่าจะได้ซีพียู Intel Core Ultra 9 275HX จับคู่ NVIDIA GeForce RTX 5080 ระบายความร้อนด้วยชุดระบายความร้อน Vapor Chamber “OMEN Tempest Cooling Pro” เสริมด้วย RAM 32GB DDR5 และ M.2 NVMe SSD 1TB ติดตั้งมาในช่องอินเทอร์เฟส PCIe 5.0 มี PCIe 4.0 เสริมให้ติดตั้งโปรแกรมและเกมได้ตามต้องการ ต่อให้รันต่อเนื่องเป็นเวลานานประสิทธิภาพก็ไม่ตก จึงเหมาะกับผู้ใชหลายกลุ่มไม่ว่าจะเกมเมอร์สตรีมเมอร์, ศิลปินดิจิทัล (Digital Artist), คนทำงานสาย STEM ฯลฯ ที่ต้องการโน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพสูงไว้ใช้งาน ยังไม่รวมฟีเจอร์เพิ่มความสะดวกอื่นๆ ได้แก่ กล้อง IR Camera, พอร์ต Thunderbolt 4 คู่, โปรแกรม OMEN Gaming Hub เพื่อปรับแต่งดึงศักยภาพภายในเครื่องซึ่งทำงานได้ราบลื่น
ถึงจะมีข้อดีหลากหลายอย่าง แต่ HP OMEN Max 16 ก็มีข้อสังเกตในส่วนรายละเอียดเล็กน้อยอยู่บ้าง เช่น ตัวเครื่องมีน้ำหนักมากถึง 2.68 กก. และบอดี้มีขนาดใหญ่ เวลาพกพาจึงต้องใช้กระเป๋าเป้สำหรับโน๊ตบุ๊คเท่านั้น ยิ่งถ้ามีซับไหล่หนาจะช่วยลดการกดทับไหล่จนเกิดปัญหากับร่างกายในระยะยาว และแนะนำให้พกอะแดปเตอร์ GaN 100W เอาไว้ชาร์จเครื่องด้วยเพราะซีพียูเป็น Intel Core Ultra 200 HX-Series จึงใช้กระแสไฟจากแบตเตอรี่เยอะเลยใช้ได้ไม่เกิน 3 ชม. เท่านั้น
ข้อดีของ HP OMEN Max 16
- ซีพียูเป็น Intel Core Ultra 9 275HX เป็นรุ่นประสิทธิภาพสูง ใช้ทำงานและเล่นเกมได้เยี่ยม
- จีพียู NVIDIA GeForce RTX 5080 ใช้ทำงาน 3D และเล่นเกมชั้นนำบนหน้าจอ 4K ได้ดี
- ชุดระบายความร้อน OMEN Tempest Cooling Pro ระบายความร้อนชิปเซ็ตได้ดีเยี่ยม
- M.2 NVMe SSD ติดตั้งมาให้ 2 ช่อง เป็น PCIe 5.0 กับ 4.0 อ่านเขียนข้อมูลได้รวดเร็ว
- หน้าจอมีขอบเขตสีกว้าง 100% sRGB แสดงสีสันได้สวยงามสมจริง ใช้ทำงานกราฟิคได้
- หน้าจอมีอัตรา Refresh Rate 240Hz ใช้เล่นเกมแล้วภาพลื่นไหลต่อเนื่อง
- บริเวณเว็บแคมติดตั้งเซนเซอร์อินฟาเรดไว้สแกนใบหน้าล็อคอินเข้า Windows ได้สะดวก
- ติดตั้งพอร์ต Thunderbolt 4 มาให้ 2 ช่อง ใช้ต่อโอนไฟล์, ชาร์จไฟและหน้าจอแยกได้
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้รวดเร็วและเสถียรผ่านทาง Wi-Fi 7 มาตรฐานใหม่ล่าสุด
- คีย์บอร์ดเป็น Lattice-less ขอบข้างใสให้แสงไฟ RGB ลอดได้สว่างสวยงามมาก
- ติดตั้ง Microsoft Office Home 2024 มาให้พร้อมใช้งาน ไม่ต้องซื้อเพิ่ม
- โปรแกรม OMEN Gaming Hub ปรับแต่งตัวเครื่องได้ละเอียดมาก
- สามารถใช้ OMEN Gaming Hub ตั้งค่ามาโครให้คีย์บอร์ดได้
- ติดตั้งโปรแกรม NGENUITY มาให้ใช้กับเกมมิ่งเกียร์ของ HyperX ได้ทันที
ข้อสังเกตของ HP OMEN Max 16
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสุดร่วม 3 ชม. เท่านั้น เพราะตัวซีพียูเป็นรุ่นประสิทธิภาพสูง
- น้ำหนักเครื่อง 2.68 กก. และมีขนาดใหญ่พอควร เวลาพกพาควรใช้กระเป๋าเป้เท่านั้น
- ปุ่ม Power ถูกรวมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคีย์บอร์ด ควรระวังเวลากดบริเวณ Numpad
รีวิว HP OMEN Max 16
- Specification
- Hardware & Design
- Screen & Speaker
- Keyboard & Touchpad
- Connector, Thin & Weight
- Inside & Upgrade
- Performance & Software
- Battery & Heat & Noise
- User Experience
- Conclusion & Award
- Gallery
Specification

HP OMEN Max 16 โน๊ตบุ๊คเกมมิ่งระดับเรือธงจาก Hewlett-Packard นอกจากได้สเปกแรงพอจะเล่นเกมชั้นนำตั้งค่ากราฟิคสูงสุดบนหน้าจอระดับ 4K ได้แล้ว ก็ยังได้ฟังก์ชั่นใช้งานติดมาให้มากมาย ไม่ว่าจะพอร์ต Thunderbolt 4, เซนเซอร์อินฟาเรดสำหรับสแกนใบหน้า, โปรแกรม Microsoft Office Home 2024 ฯลฯ ซึ่งสเปกโดยละเอียดมีดังนี้
CPU | Intel Core Ultra 9 275HX แบบ 24 คอร์ 24 เธรด (8P+16E) ความเร็ว P-Core 2.7~5.4 GHz ความเร็ว E-Core 2.1~4.6 GHz ค่า TOPS (Int8) รวมสูงสุด 36 TOPS รองรับ OpenVINO™, WindowsML, DirectML, ONNX RT, WebNN |
GPU | NVIDIA GeForce RTX 5080 VRAM 16 GB GDDR7 TGP 150W |
Storage | M.2 NVMe SSD 1TB มีช่องอินเทอร์เฟส PCIe 4.0 เสริม 1 ช่อง |
Memory | 32GB DDR5 บัส 5600 MHz |
Display | 16″ WQXGA (2560*1600) พาเนล IPS Refresh Rate 240Hz NVIDIA G-SYNC 100% sRGB |
Software | Windows 11 Home Microsoft Office Home 2024 Microsoft 365 Basic |
Connectivity | Thunderbolt 4*2 USB-A 3.2*2 HDMI 2.1*1 LAN*1 Audio combo*1 Wi-Fi 7 มาตรฐาน 802.11be Bluetooth 5.4 |
Weight | 2.68 กก. |
Price | 125,500 บาท (BaNANA) |
Hardware & Design





HP OMEN ยังคงเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คระดับสูงสุดของ Hewlett-Packard และปีนี้ก็ใช้ชื่อว่า HP OMEN Max 16 ซึ่งรูปลักษณ์ตัวเครื่องดูเรียบง่ายไม่สะดุดตาเหมือนภาพจำในอดีต ตัวเครื่องเป็นพลาสติกสีดำสนิทสกรีนโลโก้ MAX ไว้บนแท่นวางข้อมือซ้ายใต้ปุ่ม Ctrl ฝั่งขวามีโลโก้ Hx ของ HyperX สกรีนถัดลงมาจากปุ่ม Enter ของ Numpad เหนือหมายเลข 016 ที่ยิงเลเซอร์ฝังติดกับตัวเครื่อง ใกล้กันมีสติ๊กเกอร์พื้นฐานอย่าง Intel, NVIDIA และ Refresh Rate 240Hz อยู่ ถ้าสังเกตส่วนเหนือคีย์บอร์ดจะเห็นว่าทางบริษัทเจาะช่องนำลมเข้าเครื่องเป็นทรงสามเหลี่ยมปิรามิดทั้งแนวตั้งและกลับหัวเอาไว้แบบเดียวกับซีรีส์ VICTUS แตช่องจะถี่และรูปทรงแตกต่างกันคนละแบบ


ก้านบานพับหน้าจอเหนือคีย์บอร์ดเป็นแบบสันแนวตั้งยื่นขึ้นมาจากเครื่องแล้วสวมขอบล่างหน้าจอทับลงมา ซึ่งการติดตั้งหน้าจอแบบนี้จะได้ความมั่นคงแข็งแรงและส่วนล่างของบานหน้าจอไม่ไปกั้นช่องระบายความร้อนจึงมีอายุใช้งานนานขึ้น บานพับสามารถกางได้กว้างราว 120 องศา จึงวางบนโต๊ะหรือขึ้นแท่นวางโน๊ตบุ๊คก็ปรับองศาให้เข้ากับมุมสายตาได้ง่าย




ด้านหลังของ HP OMEN Max 16 เป็นฝาหลังอลูมิเนียมสีดำด้านติดโลโก้ OMEN ไว้ตรงกลางพอดีเสริมด้วยเส้นพลาสติกเอาไว้ส่วนขอบบนหนึ่งเส้น แต่ถ้ามองลงมาตรงช่องระบายความร้อนจะเห็นว่าเหนือสันฝั่งขวาจะยิงเลเซอร์คำว่า “016 Designed and built for Winning” เอาไว้ ดูเรียบร้อยไม่นำสายตาเกินไป เวลานำไปใช้งานนอกสถานที่ก็ดูเรียบร้อย



ฝาด้านใต้ HP OMEN Max 16 จะแบ่งสัดส่วนเอาไว้ชัดเจนระหว่างฝาเรียบกับช่องตาข่ายแบบกรอบยก ถ้าดูจะเห็นว่าเป็นเพียงดีไซน์และมีช่องนำลมเข้าเครื่องพอดีกับพัดลมโบลวเวอร์ทั้งสองฝั่งเท่านั้น แถบยางกันลื่นจะมีเพียงเส้นยาวส่วนขอบบนและเส้นสั้นคู่ล่างไว้ยกเครื่องขึ้นให้อากาศเข้าเครื่องได้และช่วยลดโอกาสเกิดรอยขนแมวแถมกันเครื่องลื่นเวลาตั้งใช้งาน แถบ Lightbar ด้านล่างถ้าขันน็อต Philips Head ทั้ง 6 ดอก แล้วเปิดดูด้านในจะเห็นว่าทาง HP ติดเป็นแถบหลอดไฟแยกเฉพาะ ไม่ได้ร่วมกับชุดคีย์บอร์ดเหมือนบางรุ่น
Screen & Speaker







หน้าจอขนาด 16 นิ้ว ของ HP OMEN Max 16 เป็นแบบกรอบบางโดยเฉพาะฝั่งซ้ายและขวาจะถูกรีดให้บางเป็นพิเศษเพื่อเพิ่มพื้นที่แสดงผล ส่วนบนหนาขึ้นเล็กน้อยเพื่อเดินสายไฟติดกล้องเว็บแคมกับเซนเซอร์อินฟาเรดเพื่อใช้ล็อคอินเข้า Windows ขอบล่างจะหนากว่าส่วนอื่นเพื่อติดตั้งชุดพาเนล IPS กับชุดก้านบานพับหน้าจอ ตรงกลางสกรีนโลโก้ OMEN เอาไว้




บานหน้าจอความละเอียด QHD (2560*1600) ผลิตจากโรงงานบริษัท BOE Technology เร่งความสว่างสูงสุด 100% แล้วมีความสว่างถึง 518.06 cd/m2 พอจะใช้งานได้ทุกสถานการณ์ ทั้งตอนพกเครื่องไปพบลูกค้าหรือทำงานในร้านกาแฟแล้วแสงส่องทาบหน้าจอก็เร่งแสงสู้ได้ ถ้าใช้ในอาคารแนะนำลดความสว่างเหลือราว 50% ก็พอมองเห็นได้ชัดเจน แต่อัตรา Refresh Rate จะตั้งค่าได้ 2 ระดับ คือ 60Hz หรือ 240Hz เท่านั้น ไม่มีโหมด Dynamic ปรับเพิ่มลดอัตโนมัติตามคอนเทนต์บนหน้าจอ
HP เคลมขอบเขตสีหน้าจอเอาไว้ระดับ 100% sRGB และผลจากการทดสอบกับโปรแกรม DisplayCal 3 คู่กับเครื่อง Calibrite Display Pro HL ได้ค่าขอบเขตสีจริงของหน้าจอ (Gamut coverage) 98.5% sRGB, 72.3% Adobe RGB, 75% DCI-P3 และขอบเขตสีองค์รวม (Gamut volume) ได้ 106.4% sRGB, 73.3% Adobe RGB, 75.4% DCI-P3 ค่าความเที่ยงตรงสี Delta-E 0.17~1.05 จึงตรงตามการเคลมสเปกไม่พอ ค่าความเที่ยงตรงสียังอยู่ในระดับใช้ทำงานกราฟิคได้ ไม่ว่าจะปรับแต่งเกลี่ยสีวิดีโอหรือภาพนิ่งก็เหมาะทั้งนั้น





ลำโพงของ HP OMEN Max 16 ถ้าปรับเสียงดัง 100% แล้ว เสียงจากลำโพงจะดังถึง 81.4dB โทนเสียงเป็นแบบ Flat เสริมด้วยเสียงเบสและมีแรงปะทะพอใช้ฟังเพลงในปัจจุบันได้ทุกแนว ไม่ว่าจะป็อป, ร็อค, แจ๊สหรือ R&B ก็ได้ เน้นเสียงของนักร้องนำเป็นหลักเสริมด้วยเสียงเครื่องดนตรีพอให้ฟังเพลงได้ระดับหนึ่ง
ด้านการเล่นเกมจะเหมาะกับเกมแนว RPG เป็นหลักเพราะตัวลำโพงแบ่งทิศทางเสียงได้ระดับหนึ่งไม่คมแบบแบรนด์อื่น แต่กลับเล่นเพลงเบื้องหลัง (Background Music – BGM) ได้ดี ให้เกมเมอร์มีอารมณ์ร่วมมากขึ้น ดังนั้นถ้าเน้นเกม FPS แนะนำให้ต่อหูฟังแยกไปเลยจะดีกว่า
Keyboard & Touchpad










คีย์บอร์ด Lattice-less ของ HP OMEN Max 16 เป็นปุ่มคีย์บอร์ดพร้อมไฟ RGB ลอดตัวอักษรและเรืองรอบปุ่มสวยงามเหมือนคีย์แคปแบบ Pudding ขนาดเป็น Full size ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ติดปุ่มใช้งานมาให้ครบถ้วนทั้งปุ่มชุดหลัก, Numpad และ Function key ครบถ้วน สัมผัสเวลากดตอบสนองรวดเร็วและนุ่ม ถ้าเปิดโปรแกรม OMEN Gaming Hub ขึ้นมาแล้วสามารถตั้ง Key Assignment ให้แต่ละปุ่มได้ด้วย แถมทีมออกแบบยังลงเส้นมาร์กกิ้งไว้ตรงปุ่ม W ให้เกมเมอร์วางนิ้วเล่นเกมเหมือนปุ่ม F, J เวลาพิมพ์งาน
สังเกตว่าปุ่ม Function ซึ่งปกติจะติดอยู่ถัดจาก F12 เป็นต้นมาจะมีแต่ปุ่ม Delete ถัดไปเป็นปุ่มเรียก OMEN Gaming Hub, เครื่องคิดเลข, Settings ปิดท้ายด้วยปุ่ม Power ที่ควรแยกออกไปจากชุดคีย์บอร์ดไม่ให้เจ้าของกดผิดแล้วดับเครื่องโดยไม่ตั้งใจ อาจนำไปติดด้านข้างเครื่องหรือเว้นเอาไว้ตรงกลางเสมอกับโลโก้ OMEN ของหน้าจอก็ได้
คำสั่ง Page Up/Down, Home และ End ถูกย้ายไปอยู่รวมกับปุ่มลูกศรข้างปุ่ม Copilot หรือจะกดจากชุด Numpad เหมือนคีย์บอร์ด Full size ทั่วไปก็ได้ จุดแตกต่างจากเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่น คือ HP ใช้ปุ่ม P เปลี่ยนโหมดตัวเครื่องแทน สกรีนลายเป็นหน้าปัดความเร็วรถ (Odometer) และถ้าจะสลับเลเยอร์ Hotkeys กับ F1~F12 จะกด Fn+Shift ซ้ายแทนที่จะกด Fn+Esc เวลาใช้งานในช่วงแรกอาจแปลกสักหน่อย

Hotkeys ตรงบรรทัดบนสุดร่วมกับ F1~F12 จะลงคำสั่งแบบพื้นฐานผสมกับฟังก์ชั่นสำหรับการเล่นเกมเอาไว้ด้วย โดยคำสั่งแต่ละปุ่มจะเป็นดังนี้
- F1 – ปุ่ม Project ตั้งค่าหน้าจอหลักและเสริม
- F2~F3 – ลดหรือเพิ่มความสว่างหน้าจอ
- F4 – ปุ่มปรับความสว่างไฟ LED Backlit คีย์บอร์ด
- F5~F7 – ปิด, ลด/เพิ่มเสียงลำโพง
- F8 – Play/Pause ไว้กดเวลาดูหนังฟังเพลง
- F9 – Print Screen
- F10 – Windows Lock ปิดการทำงานปุ่ม Windows
- F11 – ปิดการทำงานทัชแพด ถ้าปิดอยู่จะมีไฟขึ้นมุมปุ่ม
- F12 – คำสั่ง Insert
การจัดชุดปุ่มคีย์ลัดเอาไว้แบบนี้นับว่ามีทั้งจุดดีอย่างให้ปุ่มสำคัญนอกเหนือจากปุ่มพื้นฐานอย่าง Windows Lock, Play/Pause มาให้ แต่ก็ยังปรับปรุงต่อได้อีก โดยย้ายคำสั่งอย่าง Insert ไปไว้กับปุ่ม Delete และ Print Screen รวมกับปุ่ม Settings เพื่อให้ทั้งสองปุ่มนี้ใส่คีย์ลัดอย่าง Airplane Mode, ปุ่มเปลี่ยน Refresh Rate, Snipping Tool หรือปุ่มปิดไมโครโฟนเข้ามาก็ได้ จึงคาดหวังว่า HP จะปรับแต่งในส่วนนี้เพิ่มเติมในอนาคต

ถึงคีย์บอร์ดจะดูโดดเด่นเท่าไหร่ ทัชแพดของ HP OMEN Max 16 ก็กลับดูเรียบง่ายไม่มีลูกเล่นนัก เป็นแป้นสี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้างตั้งแต่ฝั่งซ้ายของ Spacebar ไปสุดริมปุ่ม Copilot รองรับ Touch gesture ของ Windows 11 สามารถลากด้วย 2, 3 นิ้ว สั่งการได้ตามปกติ เวลาวางมือบนปุ่ม WASD แล้วมือซ้ายจะเลี่ยงแป้นได้พอดี แต่พอพิมพ์แล้วควรยกมือขวาขึ้นเล็กน้อยจะแก้ป้ญหาเรื่องมือทาบทัชแพดหรือกด Fn+F11 ปิดการทำงานแล้วต่อเมาส์แยกหรือยกมือขึ้นเล็กน้อยก็ได้
Connector, Thin & Weight





พอร์ตกับการเชื่อมต่อของ HP OMEN Max 16 แม้ไม่ใช่เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด แต่ก็ครบเครื่องให้เจ้าของเครื่องใช้งานได้สะดวกไม่ว่าจะตั้งโต๊ะเป็นเดสก์ท็อปพีซีหรือพกไปไหนมาไหนก็สะดวกขึ้น โดยทั้งสามมุมจะมีพอร์ตและรองรับการเชื่อมต่อไร้สายดังนี้
- พอร์ตฝั่งซ้ายจากซ้ายมือ – Thunderbolt 4*2, Audio combo
- พอร์ตฝั่งขวาจากซ้ายมือ – USB-A 3.2
- พอร์ตด้านหลังจากซ้ายมือ – DC-in, LAN, HDMI 2.1, USB-A 3.2
- การเชื่อมต่อไร้สาย – Wi-Fi 7 มาตรฐาน 802.11be รองรับ Bluetooth 5.4


มิติตัวเครื่องเมื่อวัดด้วยเวอร์เนียคาลิปเปอร์แล้ว ส่วนหน้าเครื่องที่บางสุดมีความหนา 23 มม. ส่วนจุดหนาสุดเพิ่มขึ้น 10 มม. เป็น 33 มม. นับว่าบางกว่าเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเรือธงรุ่นอื่นแต่ก็ใส่ในช่องสำหรับโน๊ตบุ๊คทั่วไปไม่ได้หรือแน่นเกินไปจนอาจทำให้ช่องใส่โน๊ตบุ๊คยืดออกมาด้วยซ้ำ




น้ำหนักของ HP OMEN Max 16 บนตาชั่งวัดได้ 2.75 กก. มากกว่าในหน้าสเปกบนเว็บไซต์ของ HP ที่ขึ้นไว้ 2.68 กก. เล็กน้อย ถ้ารวมอะแดปเตอร์ 330W เฉพาะตัวอีก 941 กรัม จะมีน้ำหนักรวม 3.69 กก. ถ้าตั้งใช้งานในออฟฟิศก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าพกไปข้างนอกแนะนำให้ใช้ปลั๊ก GaN 100W กับสาย USB-C อีกเส้นแล้วใส่กระเป๋าเป้สำหรับโน๊ตบุ๊ค 17.3 นิ้ว แทน จะช่วยลดน้ำหนักไปได้พอควรและยังใช้งานได้ตามปกติ แค่เปิดเกมหรือรันโปรแกรมใหญ่อย่าง Adobe PremierPro, AutoCAD หรือ SketchUp แล้วอะแดปเตอร์จะไม่ชาร์จไฟแต่เปลี่ยนเป็นจ่ายตรงเข้าเครื่องแทน
Inside & Upgrade







วิธีการเปิดฝาเพิ่ม RAM, SSD ให้ HP OMEN Max 16 ทำได้ง่ายกว่าเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นพอควร เพียงขันน็อต Philips Head 6 ดอก แล้วใช้การ์ดแข็งงัดกรอบเครื่องข้างพอร์ต LAN ก็เปิดฝาได้แล้ว แต่ระวังคือน็อตตัวที่ 3 จากซ้ายเหนือแถบยางกันลื่นจะมีบ่าน็อตอยู่ แค่ขันให้หลวมก็ดึงเปิดได้ เวลาใส่กลับก็เล็งให้ตรงช่องแล้วค่อยขันกลับเข้าไปจะใส่ได้พอดี
แทบทุกส่วนภายในเครื่องถูกปิดเพลตอลูมิเนียมไว้แทบทั้งหมดและสกรีนลวดลายเพื่อบอกว่าชิปเซ็ตใดอยู่ฝั่งไหนเท่านั้น เพราะ OMEN Tempest Cooling Pro เป็น Vapor Chamber จึงต้องปิดช่องเอาไว้ นอกจากนี้ยังมีโลโก้ OMEN แบบดั้งเดิมคู่กับปีก่อตั้งแผนกเมื่อ ค.ศ. 1991 อยู่ ถ้าสังเกตจะเห็นชุดตัวเลข 37.44307°N / 122.15481°W ใต้ชิปเซ็ต GPU เป็นพิกัด GPS ของ HP Garage ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ส่วนบุคคล จุดก่อตั้งบริษัท Hewlett-Packard ณ ถนนหมายเลข 367 Addison Avenue, เมืองแพโลแอลโต, รัฐแคลิฟอร์เนีย นั่นเอง
จุดติดตั้ง RAM จะเป็นแผ่นป้องกันไฟฟ้าสถิตย์หน้าขาวหลังดำปิดเอาไว้ มีความจุรวม 32GB DDR5 (16GB*2) ด้านข้างเป็น M.2 NVMe SSD ช่องบนเป็นไดรฟ์หลักอินเทอร์เฟส PCIe 5.0 แต่ถอดกรอบออกได้ยากมากเพราะติดเส้นฮีตไปป์อยู่ แกะได้เฉพาะช่องล่างเท่านั้น ด้านในจะมีซิลิโคนติดมาช่วยระบายความร้อน SSD ได้ดีขึ้น เวลาติดตั้งเพิ่มก็แกะพลาสติกสีส้มออกด้วย ไดรฟ์จะได้ไม่ร้อนเกินไป
Performance & Software




หัวใจหลักของ HP OMEN Max 16 เป็น Intel Core Ultra 9 275HX แบบ 24 คอร์ 24 เธรด แบ่งเป็น 8 Performance-cores และ 16 Efficient-cores มีความเร็วสูงสุด 5.4 GHz สังเกตว่าปริมาณคอร์เธรดเท่ากันเพราะทางบริษัทตัดระบบ SMT (Simultaneous multithreading) หรือ Hyper-threading ทิ้ง แล้วปรับแต่งให้ตัวชิปเซ็ตทำงานแบบหลายคอร์พร้อมกันได้ดีขึ้น และยังจัดการ pipeline การทำงานได้เร็วกว่าเดิม ถ้าสังเกตจะเห็นว่าตัวชิปเซ็ตรองรับชุดคำสั่งพื้นฐานครบถ้วนเหมือนเดิม ส่วนกำลังประมวลผล AI คำนวณแบบ Int8 มีอยู่ 36 TOPS
RAM ของ OMEN Max 16 เป็นแบบ SO-DIMM จึงอัปเกรดเพิ่มในภายหลังได้ แต่ตั้งต้นมีให้ใช้งานถึง 32GB DDR5 บัส 5600 MHz (MT/s) เป็นชิปจากโรงงาน SK Hynix ค่า CL40 ถ้าเน้นเล่นเกมและทำงานครีเอเตอร์ทั่วไปก็มากเพียงพอแล้ว แต่ถ้าทำงาน STEM จะเพิ่มเป็น 64GB ก็ได้ เพราะซีพียูก็รองรับถึง 256GB อยู่แล้ว


นอกจากซีพียูจะทรงพลังแล้วก็ได้ NVIDIA GeForce RTX 5080 เอาไว้ใช้เล่นเกมและทำงานกราฟิคต่างๆ ได้เป็นอย่างดี มี TDP 175W กับ VRAM 16GB GDDR7 พร้อม Shaders 7,680 Unified มากพอใช้เรนเดอร์กราฟิคภายในเกมได้เป็นอย่างดี รองรับ DirectX 12, OpenCL, OpenGL 4.6, CUDA, DirectCompute, DirectML, Vulkan, Ray Tracing ในตัว ยกเว้นแค่ PhysX ที่ถูกตัดออกตั้งแต่ GeForce RTX 50 Series นี้เป็นต้นไป

ชิ้นส่วนต่างๆ จากการตรวจสอบใน Device Manager จะเห็นว่าทางบริษัทติดตั้งเซนเซอร์สแกนใบหน้ากับชิป TPM 2.0 มาช่วยรักษาความปลอดภัยไม่ให้ผู้อื่นมาขโมยข้อมูลหรือใช้เครื่องโดยพลการได้ มีระบบ APOs จาก DTS Audio และ Realtek ทำงานร่วมกัน

การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วย Wi-Fi จะมีชิปเซ็ต Intel BE200 ไว้ให้เชื่อมต่อ Wi-Fi 7 มาตรฐาน 802.11be ได้ สามารถจับคลื่น Wi-Fi 2.4GHz / 5GHz / 6GHz ได้ มีแบนด์วิดท์ 320MHz มีความเร็วสูงสุด 5.8 Gbps และรองรับ Bluetooth 5.4 ในตัว แม้จะไม่ใช่ Intel Killer Series แต่ในแง่การใช้งานถือว่าดีมาก
จากการทดสอบเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเข้ากับเราเตอร์ AIS แพ็คเกจความเร็ว 500 / 500 Mbps และตั้งเครื่องห่างจากจุดกระจายสัญญาณราว 10 เมตร มีประตูไม้อัดกั้นไว้ 1 บาน ใช้เว็บไซต์ Speedtest by Ookla ทดสอบความเร็วแล้วได้ Download 837.49 Mbps กับ Upload 828.1 Mbps ถือว่าตัวชิปเซ็ตใน HP OMEN Max 16 ทำงานได้รวดเร็วมาก สังเกตว่าค่า Ping 4ms และ Jitter 9ms เท่านั้น ซึ่งต่ำพอจะใช้เล่นเกม FPS Competitive ได้แน่นอน
สังเกตว่าชิป LAN เป็น Realtek Gaming 2.5GbE ถ้าสถานที่เอื้ออำนวยให้เดินสาย LAN มาต่อเครื่องเพื่อเล่นเกมได้ก็ขอแนะนำให้เดินสายก่อนเป็นอันดับแรกแล้วใช้ Wi-Fi ในบางโอกาสจะดีกว่า


M.2 NVMe SSD ตัวหลักในเครื่องเป็นรุ่น SK Hynix PCB01 ตามสเปกแล้วเป็น M.2 NVMe SSD อินเทอร์เฟส PCIe 5.0 รุ่นใหม่ ออกแบบมาเพื่อความเร็วสูงสุดและเน้นใช้ทำงานกับ AI และ LLMs ได้ดีขึ้น มี SLC caching ในตัว จึงเป็น OEM SSD คุณภาพดีจนไม่ต้องเปลี่ยนเป็นไดรฟ์ตัวอื่นก็ได้ พอทดสอบกับ CrystalDiskMark 8.0.5 เทียบกับสเปกโรงงานแล้วจะเป็นดังนี้
ความเร็ว | Read (MB/s) | Write (MB/s) |
หน้าสเปก | 14 GB/s | 12 GB/s |
Sequential | 10,970.95 | 8,079.23 |
RND4K | 613.97 | 509.37 |
ว่าด้วยความเร็วอ่านกับเขียนเข้าออกไดรฟ์นั้นนับว่าเร็วเหลือเฟือจนไม่ต้องอัปเกรดเพิ่ม แต่ขอแนะนำให้หา M.2 NVMe PCIe 4.0 มาใช้เป็นไดรฟ์เสริมเพื่อติดตั้งเกมและโปรแกรมทำงานแทนดีกว่า เช่น WD Black SN850X, Samsung 990 PRO หรือ Kingston Fury Renegade สักตัวก็พอแล้ว


คะแนนของโปรแกรม Benchmark ยอดนิยมของเกมเมอร์ซีรีส์ 3DMark จะเห็นว่า HP OMEN Max 16 ทำคะแนนได้สูงมากจนใช้เล่นเกมชั้นนำในปัจจุบันได้ทุกเกมแน่นอน โดยแต่ละเวอร์ชั่นจะทำคะแนนได้ดังนี้
- Time Spy (จำลองการเล่นเกมชั้นนำบนหน้าจอความละเอียด QHD) – คะแนนเฉลี่ย 20,672 คะแนน แยกเป็น CPU score 16,509 คะแนน Graphics score 21,635 คะแนน
- Steel Nomad (จำลองการเล่นเกมชั้นนำบนหน้าจอความละเอียด UHD) – คะแนนเฉลี่ย 5,273 คะแนน ได้ Graphics test 52.73 FPS



พอนำมาทดสอบเล่นเกมชั้นนำในปัจจุบันทุกเกมโดยปรับตั้งค่ากราฟิคสูงสุดและวัด FPS จะเห็นว่าแต่ละเกมไม่ว่าจะกินสเปกมากเท่าไหร่ ก็ทำเฟรมเรทเฉลี่ยได้เกิน 60 FPS ขึ้นไปทั้งหมด ยิ่งถ้าเปิด NVIDIA DLSS แบบ Quality แล้ว ไม่ว่าเกมไหนก็เล่นได้แน่นอน โดยประสบการณ์การเล่นของแต่ละเกมจะเป็นดังนี้
- inZOI (Unreal Engine 5) – สามารถเปิดเล่นได้อย่างดีและภาพลื่นไหลตลอดเวลาแม้จะมีเอฟเฟคแสงเงามากเท่าไหร่ก็ไม่มีปัญหา อาจเจอบั๊กเล็กน้อยเพราะตัวเกมเพิ่งเปิดให้บริการไม่นานแต่ไม่กระทบต่อการเล่นเกมแน่นอน ส่วนเฟรมเรทต่ำสุดนั้นเกิดจากตอนกดหยุดตัวละครเอาไว้ชั่วคราวเพื่อควบคุมเท่านั้น
- Cyberpunk 2077 (REDEngine 4) – ขึ้นชื่อว่าเป็นเกมกินกราฟิคสูงสุดในปัจจุบัน แต่ HP OMEN Max 16 ก็ยังเล่นได้ดีทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะปิดหรือเปิด NVIDIA DLSS ก็ได้เฟรมเรทตั้งแต่ 60~100 FPS อย่างแน่นอน นอกจากนี้ NVIDIA GeForce RTX 50 Series ก็มีลูกเล่นอย่าง Multi Frame Generation ให้เลือกได้ตั้งแต่ 2X~4X ถ้าใครอยากให้แสงเงาสวยสมจริง ก็สามารถเปิด Path Tracing เล่นได้แน่นอน จากกราฟแยกจะเห็นว่าถ้าเปิด Frame Generation ไม่ใช้ Path Tracing จะทำเฟรมเรทได้เกิน 150 FPS ได้สบาย หรือถ้าเปิด Path Tracing ก็ยังได้เฟรมเรทเกิน 70 FPS แน่นอน แถมเวลาเล่นก็ไม่เจออาการ Input Lag มารบกวนหรือทำให้เสียจังหวะแม้แต่นิดเดียว
- Monster Hunter Wilds (RE Engine) – เล่นได้ไหลลื่นดีมากแม้จะไม่ใช้งานระบบ Upscalling ใดๆ ก็ยังควบคุมตัวละครได้ต่อเนื่อง Texture เพื่อความสวยงามอย่างเอฟเฟคของฝุ่น, แสง, น้ำ, เงา ก็ไม่ทำให้เฟรมเรทลดต่ำหรือกระตุกจนเล่นไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียว
- God Of War (Engine พัฒนาเฉพาะ) – สามารถควบคุม Kratos ต่อสู้ได้ต่อเนื่อง ไม่มีอาการช้าหรือหน่วงให้เห็น กดโจมตีและใช้สกิลต่อสู้ได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ และถ้าเล่นบนหน้าจอความละเอียด QHD ก็ไม่ต้องเปิด NVIDIA DLSS เสริมก็ได้
- Black Myth: Wukong (Unreal Engine 5) – เวลาเล่นสามารถควบคุมตัวละครได้เป็นอย่างดี และไม่มีอาการภาพกระตุกหน่วงใดๆ แค่เฟรมเรทลดลงเล็กน้อยเวลาเจอเอฟเฟคไฟหรือระเบิดนิดหน่อยเท่านั้น ถ้าเปิด NVIDIA DLSS เสริมไม่ต้องใช้ Frame Generation ก็สามารถเล่นได้ไหลลื่นแล้ว
- Forza Horizon 5 (Forza Tech) – สามารถควบคุมตัวรถได้เป็นอย่างดี ไม่เกิด Input Lag หรือควบคุมแล้วเกิดการกระตุกใดๆ ไม่เจออาการเฟรมเรทตกเวลาขับผ่านพื้นที่ป่าหรือฝุ่นหนาในเกมแม้แต่น้อย ถ้าจะต่อหน้าจอแยกความละเอียด 4K ค่อยเปิด NVIDIA DLSS และ Frame Generation เสริมก็ยังได้
- Call of Duty: Modern Warfare II (IW 9.0 Engine) – เล่นได้เป็นอย่างดี ควบคุมย้ายจุดกำบังและหันยิงเป้าหมายได้รวดเร็วต่อเนื่อง ไม่เจออาการเฟรมเรทตกหรือ Input Lag รบกวนระหว่างการเล่นแม้แต่นิดเดียวแม้จะเปิดตั้งค่ากราฟิคสูงสุดก็ตาม ถ้าจะต่อหน้าจอเกมมิ่ง 4K ค่อยเปิด NVIDIA DLSS ก็ได้
งานหลักของ HP OMEN Max 16 อย่างการเล่นเกมนั้น สามารถเล่นได้เป็นอย่างดีไม่มีปัญหาให้เห็นแม้แต่น้อย สามารถต่อหน้าจอแยก QHD เพื่อเล่นเกมได้สบายมากหรือถ้าชอบภาพสวยคมกว่าเดิมจะต่อหน้าจอแยก UHD และใช้ลูกเล่นอย่าง Frame Generation เติมเฟรมเรทเข้าไปเลยก็ได้ ไม่ต้องห่วงว่าจะเจอปัญหา Input Lag รบกวนแม้แต่น้อย

พอเล่นเกมได้ดีแล้วก็ทำงานได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน จากการทดสอบกับโปรแกรมจำลองการทำงานอย่าง PCMark 10 แล้ว HP OMEN Max 16 จะได้คะแนนเฉลี่ยสูงมากถึง 8,305 คะแนน ถ้าสังเกตในแต่ละหมวดหมู่การทดสอบจะเห็นว่าโน๊ตบุ๊คนี้ใช้งานได้ดีทุกด้านไม่ว่าจะทำงานออฟฟิศทั่วไปจนกระทั่งทำงานกราฟิค โดยเฉพาะการแต่งภาพหรือปั้นโมเดล 3D ก็ทำได้ดีมาก


ส่วนการทำงานกับโปรแกรมตระกูล CINEBENCH สำหรับจำลองการทำงานกับโปรแกรมทำงานกราฟิคต่างๆ จะเห็นว่า HP OMEN Max 16 สามารถทำคะแนนได้ดีทีเดียว ซึ่งคะแนนการทดสอบแต่ละเวอร์ชั่นจะเป็นดังนี้
- 2024 – ใช้ทดสอบประสิทธิภาพของซีพียูกับจีพียูอย่างหนักพร้อมกันโดยใช้เอนจิ้น Redshift สำหรับอุตสาหกรรมภาพยนต์ ได้ CPU (Multi-Core) 2,043 pts และ CPU (Single Core) 133 pts
- R23 – ใช้ทดสอบพลังประมวลผลของซีพียูเป็นหลัก มีความละเอียดและแม่นยำสูง ได้คะแนน Multi Core 36,039 pts และ Single Core อีก 2,195 pts


ถ้าเน้นใช้ Blender ทำงาน ผลการทดสอบกับโปรแกรม Benchmark ของทางค่ายโดยตรงก็ได้ผลลัพธ์ในระดับน่าประทับใจ ซึ่งผลการทดสอบกับซีพียูและการ์ดจอจะได้ผลลัพธ์ดังนี้
การทดสอบ (Sample/นาที ยิ่งมากยิ่งดี) | Intel Core Ultra 9 275HX | NVIDIA GeForce RTX 5080 |
monster | 222.5 | 1,309 |
junkshop | 148 | 1,784 |
classroom | 108.5 | 1,663 |





นอกจากการทดสอบกับโปรแกรม Benchmark เฉพาะทางแล้ว การทดสอบกับโปรแกรมสาย Geekbench ทั้งหมด 3 เวอร์ชั่น HP OMEN Max 16 ก็ทำคะแนนได้ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว เริ่มต้นจะทดสอบกับซีพียู Intel Core Ultra 9 275HX และ NPU ภายในตัวชิปเซ็ตแล้วได้ผลคะแนนดังนี้
- Geekbench 6 – ใช้ทดสอบว่าซีพียูสามารถประสานงานกับหน่วยความจำในเครื่องได้ดีหรือไม่ โดยจำลอง workloads งานประเภทการบีบอัดข้อมูล (data compression), การประมวลผลภาพ (image processing), Machine Learning และ Compile code มาทดสอบ
- Windows AVX2 (Advanced Vector Extension 2) ชุดคำสั่งเสริมจาก AVX พื้นฐาน ใช้ทดสอบว่าซีพียูคำนวน vector integer ได้รวดเร็วหรือไม่ ถ้าเป็น Single-Core ทำได้ 1,521 คะแนน และ Multi-Core ได้ 16,856 คะแนน
- Geekbench ML ทดสอบด้วย ONNX CPU – ใช้ทดสอบว่าฮาร์ดแวร์ชิ้นนั้นสามารถใช้งานโปรแกรม Machine Learning ได้ดีหรือไม่ ในส่วนนี้ทำได้ 4,495 คะแนน
- Geekbench AI – คำนวณว่าซีพียูนั้นสามารถรันการทำงานกับโปรแกรม AI ต่างๆ ได้แม่นยำหรือรวดเร็วหรือไม่ แบ่งเป็น Single Precision เน้นความเที่ยงตรงของคำสั่ง, Half precision เน้นความเร็วมากขึ้นและลดความแม่นยำลง และ Quantized Score เน้นความเร็วแต่ไม่แม่นยำนัก
- ONNX ได้คะแนน Single Precision 4,620 คะแนน, Half precision 1,039 คะแนน และ Quantized Score 6,108 คะแนน
- OpenVINO ได้คะแนน Single Precision 5,660 คะแนน, Half precision 5,922 คะแนน และ Quantized Score 13,149 คะแนน
- Intel AI Boost ได้คะแนน Single Precision 8,585 คะแนน, Half precision 8,618 คะแนน และ Quantized Score 12,654 คะแนน





ถัดมาเป็นการ์ดจอในตัวซีพียูอย่าง Intel Graphics จะได้ผลดังนี้
- Geekbench 6 – ใช้ทดสอบว่าจีพียูสามารถประสานงานกับหน่วยความจำในเครื่องได้ดีหรือไม่ โดยจำลอง workloads งานประเภทการบีบอัดข้อมูล (data compression), การประมวลผลภาพ (image processing), Machine Learning และ Compile code มาทดสอบ
- OpenCL, Windows AVX2 (Advanced Vector Extension 2) ชุดคำสั่งเสริมจาก AVX พื้นฐาน ใช้ทดสอบว่าคำนวน vector integer ได้รวดเร็วหรือไม่ ซึ่งจีพียูทดสอบด้วย OpenCL framework ทำได้ 18,064 คะแนน
- Vulkan, Windows AVX2 (Advanced Vector Extension 2) ชุดคำสั่งเสริมจาก AVX พื้นฐาน ใช้ทดสอบว่าคำนวน vector integer ได้รวดเร็วหรือไม่ ซึ่งจีพียูทดสอบด้วย Vulkan framework ทำได้ 72,204 คะแนน
- Geekbench ML ทดสอบด้วย ONNX DirectML – ใช้ทดสอบว่าฮาร์ดแวร์ชิ้นนั้นสามารถใช้งานโปรแกรม Machine Learning ได้ดีหรือไม่ ในส่วนนี้ทำได้ 2,989 คะแนน
- Geekbench AI – คำนวณว่าซีพียูนั้นสามารถรันการทำงานกับโปรแกรม AI ต่างๆ ได้แม่นยำหรือรวดเร็วหรือไม่ แบ่งเป็น Single Precision เน้นความเที่ยงตรงของคำสั่ง, Half precision เน้นความเร็วมากขึ้นและลดความแม่นยำลง และ Quantized Score เน้นความเร็วแต่ไม่แม่นยำนัก
- ONNX ได้คะแนน Single Precision 3,475 คะแนน, Half precision 4,778 คะแนน และ Quantized Score 2,370 คะแนน
- OpenVINO ได้คะแนน Single Precision 5,096 คะแนน, Half precision 7,616 คะแนน และ Quantized Score 11,193 คะแนน




สุดท้ายเมื่อทดสอบกับการ์ดจอแยกอย่าง NVIDIA GeForce RTX 5080 จะได้ผลดังนี้
- Geekbench 6 – ใช้ทดสอบว่าจีพียูสามารถประสานงานกับหน่วยความจำในเครื่องได้ดีหรือไม่ โดยจำลอง workloads งานประเภทการบีบอัดข้อมูล (data compression), การประมวลผลภาพ (image processing), Machine Learning และ Compile code มาทดสอบ
- OpenCL, Windows AVX2 (Advanced Vector Extension 2) ชุดคำสั่งเสริมจาก AVX พื้นฐาน ใช้ทดสอบว่าคำนวน vector integer ได้รวดเร็วหรือไม่ ซึ่งจีพียูทดสอบด้วย OpenCL framework ทำได้ 181,051 คะแนน
- Vulkan, Windows AVX2 (Advanced Vector Extension 2) ชุดคำสั่งเสริมจาก AVX พื้นฐาน ใช้ทดสอบว่าคำนวน vector integer ได้รวดเร็วหรือไม่ ซึ่งจีพียูทดสอบด้วย Vulkan framework ทำได้18,723 คะแนน
- Geekbench ML ทดสอบด้วย ONNX DirectML – ใช้ทดสอบว่าฮาร์ดแวร์ชิ้นนั้นสามารถใช้งานโปรแกรม Machine Learning ได้ดีหรือไม่ ในส่วนนี้ทำได้ 9,070 คะแนน
- Geekbench AI – คำนวณว่าซีพียูนั้นสามารถรันการทำงานกับโปรแกรม AI ต่างๆ ได้แม่นยำหรือรวดเร็วหรือไม่ แบ่งเป็น Single Precision เน้นความเที่ยงตรงของคำสั่ง, Half precision เน้นความเร็วมากขึ้นและลดความแม่นยำลง และ Quantized Score เน้นความเร็วแต่ไม่แม่นยำนัก
- ONNX ได้คะแนน Single Precision 22,580 คะแนน, Half precision 36,962 คะแนน และ Quantized Score 17,589 คะแนน
โดยสรุปแล้ว HP OMEN Max 16 เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คระดับเรือธงสำหรับการใช้งานทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเน้นเล่นเกมและสร้างสรรค์ผลงานสำหรับคอนเทนต์ครีเอเตอร์และสตรีมเมอร์ ไปจนคนทำงานสาย STEM และโปรแกรมเมอร์ทุกแบบและทำ Machine Learning อยู่ก็เหมาะทั้งนั้น นั่นเพราะชิปเซ็ตและจีพียูสามารถประมวลผลให้ได้ผลลัพธ์ในเวลาอันรวดเร็ว สามารถซื้อมาใช้เป็นคอมเครื่องเดียวแทนการประกอบเดสก์ท็อปพีซีไปเลยก็ยังได้













หน้าต่างโปรแกรม OMEN Gaming Hub ถือว่าเป็นโปรแกรมประจำเครื่องที่มีฟีเจอร์ให้ใช้เยอะมาก ไม่ว่าจะตั้งค่าตัวเครื่องปรับเร่งลดไฟ, รอบพัดลม, ปรับตั้งค่าโดยเฉพาะสำหรับเกมใดเกมหนึ่งโดยเฉพาะไปจนเคลียร์ RAM เพื่อให้เล่นเกมได้ดีขึ้นจนกระทั่งตั้งค่า Key Assignment ให้ปุ่มต่างๆ ทำงานได้ตามต้องการรวมถึงฟังก์ชั่นพื้นฐานอย่างการอัปเดตเฟิร์มแวร์ให้เป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดเสมอก็มีเช่นกัน และมี NGENUITY ซอฟท์แวร์ตั้งค่าเกมมิ่งเกียร์ HyperX ก็มีติดตั้งมาให้ใช้เช่นกัน
Battery & Heat & Noise

แบตเตอรี่แบบลิเธียมโพลีเมอร์ (Li-Polymer) ใน HP OMEN Max 16 มีความจุถึง 83Whr พอกับแบตเตอรี่ของโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งทั่วไปในปัจจุบัน ตามกฏของ IATA สามารถพกใส่กระเป๋าขึ้นเครื่องบินได้โดยไม่ต้องขออนุมัติเพิ่มเติม แต่จะน้อยกว่าเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเรือธงในปัจจุบันที่มีความจุ 90~99.9Whr ก็จริง แต่ก็ใช้งานได้นานระดับหนึ่ง

ในการทดสอบตามมาตรฐานของทางเว็บไซต์โดยปรับเข้าโหมดประหยัดพลังงานใน OMEN Gaming Hub, ลดความสว่างหน้าจอเหลือ 50% เปิดเสียงลำโพง 10% แล้วใช้ Microsoft Edge ดูคลิปใน YouTube นาน 30 นาที HP OMEN Max 16 สามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานสุดเพียง 2 ชม. 33 นาที นานพอจะใช้เข้าห้องเลคเชอร์หรือประชุมระดับ Town Hall ได้เท่านั้น แนะนำให้ลดความสว่างหน้าจอเหลือ 30% และปิดเสียงลำโพงอาจช่วยให้ใช้งานได้นานขึ้นราว 1 ชม. ถ้า HP เพิ่มความจุให้แบตเตอรี่เป็น 99.9Whr อาจใช้งานได้ร่วม 5 ชม. ก็เป็นได้







ข้อดีเมื่อ HP OMEN Max 16 ติดตั้งชุดระบายความร้อนเป็นแบบ Vapor Chamber แม้ชิ้นส่วนภายในเครื่องเวลารันเต็มกำลังก็ยังควบคุมอุณหภูมิโดยรวมได้ดีอยู่แถมความร้อนก็ไม่แผ่ออกมารบกวนเจ้าของผู้ใช้อย่างแน่นอน จากการวัดด้วยกล้องอินฟาเรดและเลเซอร์วัดอุณหภูมิตามส่วนต่างๆ จะเห็นว่าอุณหภูมิเวลารันเครื่องเต็มกำลังก็ยังมีอุณหภูมิอยู่ช่วง 30 องศาเซลเซียสเท่านั้น ถ้าใครวางมือบนตัวเครื่องเป็นหลักก็ไม่ต้องห่วงว่าความร้อนจะรวบกวนเลยก็ได้
อุณหภูมิภายในเครื่องจากการทดสอบกับ CPUID HWMonitor แม้จะเห็นว่าอุณหภูมิของซีพียูพุ่งขึ้นสูงแตะระดับร้อยองศาก็ตาม แต่ก็ขึ้นไปอยู่ระดับนั้นราว 1-2 วินาทีเท่านั้น และลดลงมาอยู่ช่วง 80~90 องศาเซลเซียสเท่านั้น โดยแต่ละชิ้นส่วนจะมีอุณหภูมิดังนี้
ชิ้นส่วน / อุณหภูมิ | อุณหภูมิต่ำสุด (เซลเซียส) | อุณหภูมสูงสุด (เซลเซียส) |
CPU | 41 | 104 |
GPU | 44 | 44 |
GPU Memory | 44 | 68 |
SSD | 31 | 50 |
RAM (1) | 32 | 53 |
RAM (2) | 32 | 63.8 |


ด้านเสียงของพัดลมระบายความร้อน OMEN Tempest Cooling Pro เวลาทำงานเต็มกำลังจะมีเสียงค่อนข้างดังชัดเจน วัดจากด้านหน้าเครื่องจะมีเสียงดังราว 58.7dB เทียบแล้วจะดังเท่ากับเสียงพูดของมนุษย์เท่านั้น แต่ถ้าวัดจากด้านข้างและหลังจะมีเสียงดังไล่เลี่ยกันคือราว 70dB พอกับเสียงรถยนต์ติดเครื่องอยู่ ดังนั้นเวลาใช้งานในห้องส่วนตัวก็ไม่มีปัญหาแต่ใน Coworking space หรือออฟฟิศอาจได้ยินเสียงดังชัดไปบ้าง
User Experience

สิ่งน่าประทับใจของ HP OMEN Max 16 อย่างแรกต้องยกให้เรื่องสเปกตัวเครื่องกับชุดระบายความร้อน OMEN Tempest Cooling Pro ที่แม้อุณหภูมิใน CPUID HWMonitor จะดูสูงจนน่ากังวลอยู่บ้าง แต่ในแง่การใช้งานจริงกลับไม่เจออาการตัวเครื่องทำงานช้าลงสักนิดเดียว ยิ่งถ้ามีแท่นวางโน๊ตบุ๊คพร้อมพัดลมระบายความร้อนดีๆ เสริมเข้ามายิ่งดึงหายห่วง มันสามารถเล่นเกมชั้นทุกเกมตั้งค่ากราฟิคสูงสุดทุกสิ่งอย่างแล้วเล่นบนหน้าจอ QHD ได้ลื่นไหลและยังไม่ต้องพึ่งการ Upscalling ก็ยังได้ หรืออยากได้เฟรมเรทเยอะขึ้นและทำให้ช่วงเฟรมเรทต่ำสุดไม่ลงมาต่ำกว่าระดับ 50~60 FPS จะเสริมด้วย NVIDIA DLSS ตั้งค่าแบบ Quality ไปเลยก็ได้ หรือถ้าอยากเล่นบนหน้าจอ UHD แค่เปิด Frame Generation เข้าไปก็หายห่วง และไม่ต้องกังวลว่าจะเจออาการ Input Lag สักนิด เพราะ NVIDIA ก็แก้เกมด้วย NVIDIA Reflex เอาไว้แล้ว ดังนั้นในแง่การเล่นเกม OMEN Max 16 นั้นยอดเยี่ยมมาก
พอเล่นเกมได้ดีอานิสงค์ก็ส่งมาให้การทำงานไปในตัว ซึ่งสเปกของ HP OMEN Max 16 จะใช้ทำงานเบาๆ ตั้งแต่ทำงานเอกสารด้วย Microsoft Office Home 2024 ไปจนแต่งภาพตัดต่อวิดีโอจนกระทั่ง Compile code เขียนโปรแกรมก็ทำได้หมด แถมทางบริษัทก็ติดตั้งพอร์ตใช้งานมาหลากหลาย โดยเฉพาะใครมีจอคอม USB-C เป็น Port Hub ในตัว ก็เอาสาย Thunderbolt 4 มาต่อหน้าจอความละเอียด 8K 60Hz ใช้งานได้เลย หรือจะเป็น 4K 60Hz สองจอต่อพอร์ตก็ยังได้ แถมมีแบนด์วิดท์สูง 40 Gbps จึงโอนไฟล์ได้รวดเร็วและชาร์จไฟแบบ Power Delivery 100W ด้วยอะแดปเตอร์ GaN ก็ได้ ดังนั้นเรื่องการพกไปใช้นอกออฟฟิศก็สะดวกไม่แพ้กัน และสิ่งที่ผู้เขียนชอบเป็นการส่วนตัว คือ OMEN Max 16 มีกล้อง IR Camera เอาไว้สแกนใบหน้าเจ้าของเพื่อปลดล็อคเครื่องได้สะดวกขึ้น ไม่ต้องห่วงว่าใครจะมาแอบใช้คอมของเราสักนิดและไม่ต้องพิมพ์รหัสผ่านให้วุ่นวายด้วย

สิ่งที่ขอแนะนำสำหรับเจ้าของ HP OMEN Max 16 หรือคนหวังจะซื้อมาใช้แทนเดสก์ท็อปพีซี ก็ขอให้ลงทุนซื้ออุปกรณ์เสริมสักหน่อยจะได้ใช้งานได้สะดวกขึ้นมาก เพราะสเปกภายในเครื่องได้มามากพอใช้ได้สบายแล้ว อย่างมากแค่เพิ่ม M.2 NVMe SSD ไปอีก 1~2 TB ก็เหลือเฟือแล้ว ซึ่งอุปกรณ์เสริมชิ้นแรกขอแนะนำให้ลงทุนกับกระเป๋าเป้โน๊ตบุ๊คขนาด 17.3 นิ้ว เน้นเลือกรุ่นซับไหล่หนาสักหน่อยจะได้พกเครื่องไปไหนมาไหนได้สบายไหล่ขึ้น รวมถึงอะแดปเตอร์ GaN 100W จากแบรนด์ชั้นนำและสายชาร์จสักเส้นเผื่อเอาไว้ต่อชาร์จเวลาพกไปนอกสถานที่ แล้วจะหาเมาส์ทำงานมาใช้คู่กันสักตัวก็ว่าไปตามต้องการ ของอีกชิ้นที่ควรลงทุนคู่กันสามารถเลือกได้ว่าจะซื้อ USB-C Port Hub แบบตั้งโต๊ะหรือหน้าจอ USB-C แบบมีพอร์ตเชื่อมต่อหลายตัวมาใช้ก็ได้ จะใช้งานได้สะดวกมาก
เรื่องจุดสังเกตของ HP OMEN Max 16 สามารถแก้ทางได้ง่าย อย่างแบตเตอรี่มีขนาดเล็กจึงใช้งานได้นานสุดไม่เกิน 3 ชม. ก็เตรียมอะแดปเตอร์ GaN หรือพาวเวอร์แบงค์กำลังชาร์จ 100W ติดกระเป๋าเป้สำหรับโน๊ตบุ๊ค 17.3 นิ้ว เน้นหาใบซับไหล่หนาสักนิดก็จะพกพาได้ง่ายขึ้น แก้ปัญหาส่วนใหญ่ไปได้มากแล้ว ส่วนเสียงพัดลมระบายความร้อนของชุด OMEN Tempest Cooling Pro แม้จะมีเสียงดังอยู่บ้างเวลาทำงานเต็มกำลัง แต่ก็ไม่ถึงกับหนวกหูเกินไปแน่นอน
Conclusion & Award

HP OMEN Max 16 เหมาะกับคนมองหาโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งแบบ Desktop replacement แบบพกไปนั่งทำงานในออฟฟิศได้ มีซอฟท์แวรกับระบบรักษาความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวติดมาให้ครบถ้วน นำกลับบ้านมาต่อสายเชื่อมหน้าจอและเกมมิ่งเกียร์ก็กลายเป็นเกมมิ่งพีซีสเปกแรงไว้ใช้เล่นเกมชั้นนำแล้วเอาไปต่อยอดเป็นคอนเทนต์หรือจะใช้ทำงานหนักร้อยแปดก็ทำได้ หากใครเบื่อการประกอบคอมตั้งโต๊ะหรือต้องใช้โน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพสูงทำงาน นี่คืออีกตัวเลือกหนึ่งที่ครบเครื่องทุกด้านตั้งแต่ความแรงจนถึงความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
Award

Best Performance
OMEN Max 16 ได้สเปกแรงสมชื่อเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คระดับเรือธง มี CPU กับ GPU ประสิทธิภาพสูงพร้อมชุดระบายความร้อน OMEN Tempest Cooling Pro แบบ Vapor Chamber ทำให้ดึงประสิทธิภาพของมันออกมาได้เต็มกำลังตลอดเวลา

Best Design
การออกแบบของ HP OMEN Max 16 นับว่าดีตั้งแต่ตัวเครื่องภายนอกอันเรียบง่าย มีไฟ RGB สำหรับคีย์บอร์ด Lattice-less ควบคู่กับไฟ Lightbar จนถึงชุด Vapor Chamber สกรีนบอกตำแหน่งชิปเซ็ตและซ่อนรายละเอียดเล็กน้อยไว้ตามส่วนต่างๆ ด้วย
Gallery










