
เว็บไซต์เช็คความเร็วเน็ตนอกจากใช้เช็คความเร็ว Download กับ Upload ว่าเราเตอร์กับเครือข่ายที่ใช้งานอยู่ทำความเร็วได้ดีเท่าไหร่แล้ว ยังใช้ดูรายละเอียดต่างๆ นอกเหนือจากความเร็วได้อีกว่าตอนกำลังรับส่งข้อมูลเกิดความหน่วงระหว่างการรับส่งข้อมูลไหม? ถ้ามีแล้วเกิดตอนไหนและมีความหน่วงกี่มิลลิวินาที (ms – millisecond) ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีประโยชน์มากและถ้าเข้าใจก็จะตัดสินได้ว่าตอนนี้เน็ตบ้านหรือเครือข่าย Wi-Fi ที่เชื่อมต่ออยู่ทำงานได้ดีไหมแล้วจะใช้งานต่อดีหรือเปล่า?
จุดน่าสนใจของเว็บเช็คความเร็วเน็ตเหล่านี้ คือ แต่ละแห่งจะแสดงข้อมูลมากน้อยแตกต่างกัน บางเว็บจะโชว์แต่ความเร็ว Download อย่างเดียวแล้วกดดูข้อมูลอื่นอย่างความเร็ว Upload และ Latency เพิ่มได้ หรือบางแห่งก็โชว์ข้อมูลละเอียดทุกซอกมุมและแสดงการทดสอบแบบต่างๆ ให้เห็นว่าอินเทอร์เน็ตทำงานได้เสถียรหรือไม่ จะได้โทรติดต่อช่างเข้ามาให้บริการเพิ่มเติมได้
ในหน้าเว็บเช็คความเร็วเน็ตบอกอะไรเราบ้าง?
- นอกจากการวัดความเร็ว Download, Upload แล้ว ในเว็บเช็คความเร็วเน็ตจะแสดงค่า Ping, Jitter, Loss เพิ่มเติมให้ผู้ใช้รับทราบด้วย
- Ping คือ ระยะเวลาที่เซิร์ฟเวอร์ผู้ให้บริการรับ Request จากผู้ใช้และตอบสนองกลับมา มีผลเวลาเล่นเกมออนไลน์เป็นอย่างมาก
- Jitter เป็นหมวดย่อยของ Ping ไว้แสดงความเสถียรเวลาเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
- Latency ใช้แสดงดีเลย์เวลาส่ง Request จากคอมของเราไปยังปลายทางและรับข้อมูลกลับมาว่าหน่วงเท่าไหร่ หลายคนอาจเรียกว่า “อาการแล็ค”
- หากอินเทอร์เน็ตมีความเร็วต่ำจนผิดสังเกต อาจเกิดปัญหาได้ 2 ส่วน คือในคอมของเรา เริ่มต้นให้เข้า Settings > Network & internet > Advanced network settings ถ้ากดดูแล้วความเร็วของ LAN หรือ Wi-Fi ต่ำกว่า 1000 Mbps (1 Gbps) ให้กด Disable แล้วรอ 10 วินาที ค่อยกด Enable ใหม่
- ISP ย่อมาจากคำว่า Internet Service Provider หรือผู้ให้บริการเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ปัจจุบันมี AIS Fibre, TrueOnline, 3BB และ NT Broadband
- กรณีปัญหามาจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต สามารถโทรติดต่อ Call Center แต่ละค่ายได้ โดยเบอร์ของ AIS Fibre โทร 1175, TrueOnline โทร 1242, 3BB Contact Center โทร 1530 และ NT Broadband Call Center โทร 1888 และ my 024012222
- ความเร็วอินเทอร์เน็ต 1 Mbps เท่ากับความเร็ว 0.125 MB/s ดังนั้น 1 Gbps มีความเร็ว 125 MB/s
- ความเร็วที่เหมาะกับการเล่นเกมออนไลน์ที่สุด แนะนำให้มีความเร็ว Download 25 Mbps และ Upload 3 Mbps เป็นขั้นต่ำ หากเร็วกว่านั้นยิ่งดี ถ้าเล่นเกม FPS Competitive ควรมี Ping ต่ำด้วย
- กรณีดูหนังผ่านทางระบบ Streaming ความละเอียด 4K ควรมีความเร็ว 25 Mbps ขึ้นไป
- สำหรับการประชุมงานออนไลน์ อินเทอร์เน็ตควรมีความเร็ว 10 Mbps ขึ้นไป

7 เว็บเช็คความเร็วเน็ตใช้งานง่าย ข้อมูลละเอียดครบเครื่อง!
- Speedtest by Ookla
- Fast.com
- ADSLThailand Speedtest
- nPerf Internet Speed test
- 3BB Speedtest
- Google Fiber Internet Speed Test
- Cloudflare Internet Speed Test
1. Speedtest by Ookla

เริ่มต้นจากเว็บยอดนิยมของคนทั่วไปอย่าง Speedtest by Ookla กับหน้า UI ใช้งานง่าย เพียงกด Go ก็จะทดสอบความเร็วรับส่งข้อมูลในทันทีแถมมีกราฟเส้นแสดงความเร็วการทดสอบแบบ Real-time ว่าการรับส่งข้อมูลเสถียรหรือไม่และวัดค่า Ping โชว์ความหน่วงแยกออกมาเป็น 3 ค่าให้ดูได้ชัดเจน แยกเป็น Idle Latency สีเหลือง, Download Latency สีฟ้าอ่อน และ Upload Latency สีม่วง ซึ่งทั้ง 3 ค่า เรียกว่า “Round trip” เป็นการวัดความหน่วงตั้งแต่ส่ง Request จากคอมพิวเตอร์ของเราไปยังเซิร์ฟเวอร์และรับข้อมูลกลับมายังเครื่องของเรา ถ้าวัดแล้วทั้ง 3 ค่า มีตัวเลขน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี
ลูกเล่นน่าสนใจของ Speedtest by Ookla ต้องยกให้การเลือกเซิร์ฟเวอร์เชื่อมต่อเพื่อทดสอบความเร็วได้ ว่าถ้าไม่ได้เป็นตัวที่ห่างออกไปแล้วจะยังทำความเร็วได้ดีและเสถียรเท่าเดิมหรือไม่ สามารถกดตรงคำว่า Change Server เพื่อเปลี่ยนย่านเชื่อมต่อได้ตามต้องการทันทีและยังดาวน์โหลดไปติดตั้งเป็นแอปฯ ในสมาร์ทโฟนได้ด้วย
2. Fast.com

เว็บไซต์ Fast.com จาก Netflix มีจุดเด่นเรื่องความง่ายตั้งแต่ชื่อเว็บไซต์จำง่าย เปิดเข้าเว็บไซต์แล้วก็ทดสอบทันทีไม่มีแบนเนอร์โฆษณาใดๆ มารบกวนสายตา รวมทั้งทดสอบได้รวดเร็วเพียงไม่นานก็รู้แล้วว่าความเร็ว Download ของเราได้กี่ Mbps และสามารถกดปุ่มทดสอบอีกครั้งในกรอบสีเขียวเพื่อทดสอบซ้ำอีกรอบได้ในทันที และกด Show more info เพื่อเปิดทดสอบค่า Latency และความเร็ว Upload เพิ่มเติมได้อีกด้วย โดยหัวข้อ Latency ในหมวด Unloaded กับ Loaded เป็นการแสดงความเร็ว Round trip รับส่งข้อมูลไปกลับเซิร์ฟเวอร์ของ Netflix ว่าเครือข่ายนั้นสามารถรับส่งข้อมูลได้รวดเร็วเท่าไหร่
จุดน่าสนใจของเว็บไซต์ Fast.com คือการ Host ระบบเอาไว้กับ Netflix ซี่งถ้าเชื่อมต่อแล้วมีความเร็วสูงกับค่า Latency ต่ำ ก็บอกได้ว่าคอมของเราเหมาะกับการดูสตรีมมิ่งมากแค่ไหน นอกจากนี้ถ้าต้องการแชร์ผลการทดสอบขึ้นโซเชียลเน็ตเวิร์คก็กดไอคอนด้านล่างเพื่อแชร์ขึ้น Facebook หรือ X (อดีต Twitter) ได้ในทันที นอกจากนี้ยังดาวน์โหลดมาเป็นแอปฯ ใช้งานในสมาร์ทโฟน Android กับ iOS ได้ด้วย
3. ADSLThailand Speedtest

เว็บไซต์เช็คความเร็วเน็ตของประเทศไทยอย่าง ADSLThailand Speedtest นอกจากหน้า UI ทดสอบความเร็วเป็นรูปแบบกรอบหน้าปัดความเร็วยานพาหนะ รวมผลลัพธ์การทดสอบเอาไว้ใต้กรอบแยกเป็น Download / Upload Speed แล้ว ยังมี Latency Test แยกออกมาโดยเฉพาะว่ามีความหน่วงเท่าไหร่และแยกบรรทัดให้เห็นด้วยว่ามีอัตราเฉลี่ยตลอดการทดสอบเท่าไหร่ ซึ่งแยกเป็นบรรทัดสีดำเล็กถัดลงมาให้มองเห็นได้ นอกจากนี้ยังบอกด้วยว่าใช้บริการอินเทอร์เน็ตของผู้ให้บริการรายใด, IPv4 เลขไหนแถมเชื่อมต่อด้วยระบบปฏิบัติการกับเบราเซอร์อะไร จัดว่าละเอียดกว่าเว็บไซต์เช็คความเร็วเน็ตเจ้าอื่นมากแถมยังจัดอันดับความเร็วให้เห็นเป็นกระดานคะแนนฝั่งขวาของหน้าทดสอบควาามเร็วด้วย

จุดน่าสนใจถัดมาของ ADSLThailand Speedtest ถ้ากดตรงชื่อเซิร์ฟเวอร์ใต้กรอบวัดความเร็ว นอกจากเลือกจุดเชื่อมต่อทดสอบความเร็วได้ ถ้าเซิร์ฟเวอร์ไหนเป็น IPv6 ก็จะขึ้นไอคอนมาให้เห็นเป็นพิเศษแถมเชื่อมต่อไปยังต่างประเทศได้สังเกตง่ายเพราะมีสัญลักษณ์เป็นธงชาตินั้นๆ ให้เห็นได้ง่าย ถ้าใครต้องต่อใช้งานเซิร์ฟเวอร์ต่างประเทศเป็นประจำก็สามารถทดสอบได้ว่า ISP ของเรารับส่งข้อมูลนอกประเทศไทยได้รวดเร็วหรือเปล่า? อย่างไรก็ตามเว็บไซต์ ADSLThailand ไม่ได้ทำแอปฯ สำหรับโหลดไปติดตั้งในสมาร์ทโฟนโดยเฉพาะเหมือนกับ Speedtest by Ookla กับ Fast.com จึงต้องเปิดผ่านเบราเซอร์เท่านั้น
4. nPerf Internet Speed test
ถ้าใครท่องโลกอินเทอร์เน็ตมาสักระยะใหญ่แล้วน่าจะคุ้นชื่เว็บไซต์เช็คความเร็วเน็ตอย่าง nPerf Internet Speed test กันบ้าง นอกจากเป็นโครงสร้าง (Infrastructure) และผู้สร้างเทคโนโลยีทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตซึ่งเว็บไซต์ต่างๆ นิยมนำไปใช้ในเว็บไซต์ของตัวเองแล้ว ในหน้าเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ nPerf ก็มีตัวทดสอบความเร็วให้เลือกใช้ได้แถมลูกเล่นก็เยอะพอสมควร
เริ่มต้นจากหน้าแรกก่อนทดสอบ ก็จะมีตัวเลือก bitrate สำหรับทดสอบว่าต้องการให้แสดงค่าเป็นแบบใด ซึ่งค่ามาตรฐานจะเป็น Mb/s หรือจะเปลี่ยนเป็น kb/s, kiB/s, MiB/s ก็ได้ แถมยังเลือกเซิร์ฟเวอร์ทดสอบได้ตั้งแต่ต้นหรือจะปล่อยให้ระบบเลือกให้โดยอัตโนมัติก็ได้แล้วกด Start test ได้ทันทีแล้ว UI จะแสดงผลลัพธ์ทั้งหมดรวมถึงกราฟความเร็วระหว่างทดสอบด้วยว่าระหว่างทดสอบมีความเร็วขึ้นลงอย่างไรบ้าง

จุดน่าสนใจเหนือกว่าเว็บไซต์ที่เอาระบบของ nPerf ไปใช้อยู่ตรงหน้าเลือกเซิร์ฟเวอร์เชื่อมต่อ นอกจากจะมีชื่อ, ธงประเทศและไอคอน IPv6 ให้เห็นชัดเจนแล้ว ทางซ้ายจะมีลูกโลกแสดงตำแหน่งให้หมุนเลือกหาได้ตามสะดวกแถมยังลากเส้นเชื่อมต่อระหว่างต้นทางสู่ปลายทางและแสดงรายชื่อเซิร์ฟเวอร์ภายในประเทศนั้นให้เห็นด้วยว่าสามารถเชื่อมต่อกับจุดไหนได้และใครให้บริการอยู่ นับเป็นลูกเล่นน่าสนใจของเว็บเช็คความเร็วเน็ตเจ้าใหญ่แห่งนี้ แถมยังมีแอปฯ ให้ดาวน์โหลดไปติดตั้งในสมาร์ทโฟน Android กับ iOS ได้เช่นกัน
- ดาวน์โหลด Speed test 4G 5G WiFi & maps ใน Play Store
- ดาวน์โหลด nPerf: speed test wifi, 3G, 4G ใน App Store
5. 3BB Speedtest

3BB Speedtest เป็นเว็บทดสอบความเร็วเน็ตของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) โดยใช้ Infrastructure ของ Speedtest by Ookla เป็นระบบเบื้องหลัง มีระบบเลือกจุดเชื่อมต่อให้ใช้ได้และแสดงผลลัพธ์ว่าได้ความเร็ว Download กับ Upload กี่ Mbps พร้อมค่า Ping, Jitter ให้ดูได้ง่ายกว่า Speedtest by Ookla อยู่พอสมควร แต่ลูกเล่นนับว่าน้อยไม่มีจุดเด่นอะไรเป็นพิเศษเหมือนของเครือข่ายผู้ให้บริการและไม่มีแอปฯ เช็คความเร็วให้ดาวน์โหลดไปติดตั้งเพิ่มในมือถือ มีแต่ระบบปรับความเร็วอินเทอร์เน็ตว่าต้องการเน้น Download หรือ Upload มากกว่าแบบเดียวกับ AIS Fibre นั่นเอง
6. Google Fiber Internet Speed Test

Google Fiber Internet Speed Test ก็เช่นกัน เป็นบริการเช็คความเร็วเพื่อประกอบการขายบริการแพ็คเกจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงของ Google และใช้ Infrastructure ของ Speedtest by Ookla เช่นเดียวกัน ในหน้าการทดสอบจะมีตัวเลือกเซิร์ฟเวอร์เชื่อมต่อกับปุ่ม Go เพื่อทดสอบความเร็วให้ใช้ พอทดสอบเสร็จจะขึ้นความเร็ว Download, Upload, Ping และ Jitter เช่นเดียวกับ 3BB Speedtest จึงไม่ต่างกับเว็บผู้ให้บริการรายอื่นมากนักและไม่มีแอปฯ ให้ใช้ในสมาร์ทโฟนเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม จุดประสงค์ของหน้าเว็บไซต์นี้มีเพื่อเป็น Landing page ให้ผู้ใช้ทดสอบแล้วเลื่อนลงมาจะเห็นแพ็คเกจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงของ Google ให้เลือกว่าต้องการความเร็วระดับใด ตั้งแต่ 1~8 Gig ดังนั้นในแง่ใช้งานเป็นเว็บทดสอบก็ไม่ต่างจากผู้ให้บริการในไทยนัก ยกเว้นว่าอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาแล้วสนใจ Google Fiber จะมาใช้บริการเว็บนี้ก็พอได้
7. Cloudflare Internet Speed Test

สุดท้ายเป็นเว็บเช็คความเร็วจากผู้ให้บริการ DNS server เจ้าใหญ่ของโลกอย่าง Cloudflare Internet Speed Test ที่ทดสอบแล้วได้ข้อมูลการทดสอบละเอียดมาก นอกจากความเร็ว Download, Upload, Latency, Jitter ซึ่งมีเป็นพื้นฐานแล้ว จะแสดง Packet Loss บอกผู้ใช้ด้วยว่า Data packets ส่งไปไม่ถึงเครือข่ายปลายทางกี่เปอร์เซ็นต์ แถมยังบอกเวลาการทดสอบและคุณภาพของเครือข่ายที่ใช้งานอยู่ว่าเหมาะกับการใช้ดูสตรีมมิ่ง, เล่นเกมและประชุมงานออนไลน์หรือไม่ ถ้าใช้ได้ดีจะขึ้นคำว่า Great กำกับไว้
แต่จุดแข็งซึ่งไม่มีเว็บเช็คความเร็วเน็ตเจ้าไหนทำแบบ Cloudflare คือ ในหน้านี้จะแสดงแผนที่การเชื่อมต่อว่าอินเทอร์เน็ตของคอมพิวเตอร์เราเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ไหน เชื่อมต่อผ่านทาง IPv4 หรือ IPv6 กับตำแหน่งที่ตั้งให้เห็นอยู่ถัดมาจากกรอบทดสอบความเร็ว ส่วนด้านล่างถัดลงไปจะเป็นระบบทดสอบรับส่งข้อมูลขนาดต่างๆ ตั้งแต่ 100kB, 1MB, 10MB, 25MB, 50MB, 100MB จนถึง 250MB ว่ารับส่งเป็นอย่างไรบ้างแล้วพล็อตเป็นกราฟออกมาให้เห็นได้ชัดเจน เหมาะกับคนชอบดูรายละเอียดเชิงลึกมาก

อย่างไรก็ตาม Cloudflare ไม่ทำแอปฯ ทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตแต่เป็นแอปฯ VPN ให้โหลดไปติดตั้งในสมาร์ทโฟนได้แทน หน้าตา UI ใช้งานได้ง่ายเพิ่มความปลอดภัยและเป็นส่วนตัวยิ่งขึ้น แต่เป็นการทดลองใช้งานโดยมีปริมาณการเชื่อมต่อจำกัดแล้วเสียค่าบริการเพิ่มเติม หากใครกำลังต้องการแอปฯ VPN สักตัวก็แนะนำให้ใช้บริการจากผู้ให้บริการ DNS Server ชั้นนำของโลกไปเลยจะคุ้มค่าสุด ส่วนชื่อ 1.1.1.1 เป็นเลข public DNS ของ Cloudflare เอง
- ดาวน์โหลด 1.1.1.1 + WARP: Safer Internet ใน Play Store
- ดาวน์โหลด 1.1.1.1: Faster Internet ใน App Store
- ไปยังเว็บไซต์ one.one.one.one ของ Cloudflare

เว็บไซต์เช็คความเร็วเน็ตนอกจากใช้เพื่อทดสอบว่าอินเทอร์เน็ตจากผู้ให้บริการมีความเร็วเท่าไหร่ ถ้าคิดต่อยอดไปอีกชั้นก็เอาไปเทียบต่อได้ว่าแพ็คเกจอินเทอร์เน็ตของเราราคายังคุ้มค่าดีไหมหากเทียบกับของคนใกล้ตัว จะเอาไว้เป็นตัวช่วยตัดสินใจได้ว่าควรอัปเกรดเราเตอร์เป็นรุ่นใหม่กว่านี้ดีไหมหรือจะว่าไปถึงเรื่องย้ายค่ายผู้ให้บริการก็ได้ด้วยซ้ำ นั่นเพราะอินเทอร์เน็ตจากผู้ให้บริการเวลาติดตั้งในในแต่ละย่านก็มีความเร็วไม่เท่ากันด้วยปัจจัยหลายอย่าง อาจมาจากคู่สายของเครือข่ายที่ใช้อยู่เริ่มเก่าเสื่อมสภาพทำให้ความเร็วตกหรือทำงานไม่เสถียรหรือย่านที่อยู่อาศัยของเราห่างจากจุดกระจายสัญญาณก็มีผลทั้งหมด ซึ่งนอกจากตัวเลขเทียบชั้นความเร็วแข่งกับเพื่อนแล้ว มันก็บอกอะไรเราได้อีกมากทีเดียว
Photo Credits : Google Fiber, LinkedIn Sales Solutions via Unsplash
บทความที่เกี่ยวข้อง



