บนท้องถนนแม้เราจะขับรถดีและปลอดภัยเพียงใดก็อาจได้เจอคนขับรถยนต์และจักรยานยนต์ที่ไร้ความรับผิดชอบและคึกคะนองก่อความเสียหายได้ ดังนั้นการติดกล้องติดรถยนต์เอาไว้เพื่อบันทึกเหตุการณ์บนท้องถนนเป็นหลักฐานเวลาเกิดเหตุสุดวิสัยก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะเราไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องเมื่อไหร่แต่ถ้าเกิดแล้วก็ยังป้องกันตัวและเผื่อเป็นหลักฐานให้เพื่อนร่วมถนนคนอื่นได้ก็เป็นเรื่องดีกว่าทำอะไรไม่ได้เลย
วิธีการเลือกกล้องติดรถยนต์มาใช้สักตัวก็ไม่ยากมาก เริ่มต้นอย่างแรกคือต้องดูความละเอียดของกล้องว่าอยู่ในระดับ 1080p ขึ้นไปไหมและเชื่อมต่อกับมือถือได้หรือเปล่า ซึ่งถ้ามีสองอย่างนี้ก็ดูต่อได้ว่าอยากได้กล้องแบบใด เอามาติดตามปกติหรือสวมทับกระจกมองหลังและเดินสายกล้องไปด้านหลังตัวรถเลยก็มี ถ้าใครมีความสามารถสักนิดก็ติดตั้งเองได้เลยหรือจะพ่วงเข้ากับแบตเตอรี่รถยนต์เพื่อเปิดโหมดกล้องวงจรปิดเพิ่มได้อีกด้วย
เลือกกล้องติดรถยนต์อย่างไรให้คุ้ม ถ่ายภาพได้คมชัด?
- การติดตั้งกล้องติดรถยนต์เอาและแจ้งกับทางประกันภัยจะได้ส่วนลดค่าเบี้ยประกัน 5~10%
- กล้องหน้ารถสามารถเชื่อมสายไฟเข้ากับแบตเตอรี่รถยนต์เพื่อเปิดระบบกล้องวงจรปิด เก็บภาพเวลาจอดรถไว้ในลานจอดรถได้
- ในกล่องกล้องติดรถยนต์จะมีอุปกรณ์ DIY แถมมาให้ผู้ใช้ติดตั้งได้เอง สามารถต่อปลั๊กร้อยสายไฟติดตั้งได้ไม่ยากมาก
7 กล้องติดรถยนต์น่าใช้ ถ่ายคลิปคมชัดทุกวินาที!
- Aston Triple Wifi (1,180 บาท)
- HIKVISION D1 Pro (1,350 บาท)
- 70mai Dash Cam A510 (3,899 บาท)
- DDPAI N5 Dual Front and Rear (4,699 บาท)
- DDPAI Z60 GPS Dual 4K (5,799 บาท)
- 70mai Rearview Dash Cam S500 (5,999 บาท)
- IROAD X11 (16,990 บาท)
1. Aston Triple Wifi (1,180 บาท)
Resolution & Video Compression & Memory support | กล้องหน้า 1080p 30FPS 120 องศา กล้องหลัง 480p 30FPS 90 องศา กล้องห้องโดยสาร 480p 30FPS 90 องศา H.265 รองรับ MicroSD Card 32GB |
Connectivity | Wi-Fi Direct Mini USB Cable |
Camera & Display | 3 ตัว กล้องหลักมีหน้าจอ 2″ |
Features | Rear Camera Park Line Loop Recording Parking mode G-Sensor Motion Detection |
Application | VIIDURE (Android / iOS) |
Price | 1,180 บาท (ASTON Shopee Mall) |
พอจะจ่ายเงินสักครั้งก็อยากได้ของดีราคาถูกกันทั้งนั้น จึงอยากแนะนำกล้องติดรถยนต์ Aston Triple Wifi เป็นตัวเลือกแรก จ่ายเงินเพียงพันบาทต้นๆ ก็ได้กล้องหน้า 1080p เก็บภาพมุมกว้าง 120 องศา เอาไว้บันทึกสถานการณ์สุดวิสัยบนท้องถนนได้ เสริมด้วยกล้องในห้องโดยสารกับกล้องหลัง 480p อย่างละตัว จึงบันทึกคลิปได้ชัดทุกภาพทุกมุมและโหลดไฟล์ H.265 มาใช้เป็นหลักฐานได้ทุกเมื่อผ่านแอปฯ VIIDURE ถ้าพ่วงสายเชื่อมต่อเข้าแบตเตอรี่รถยนต์ก็เปิดโหมดกล้องวงจรปิดเก็บภาพหลักฐานเวลาจอดรถในลานจอดเอาไว้เปิดเช็คเวลาเกิดเหตุสุดวิสัยได้ เป็นกล้องราคาประหยัดเพื่อคนงบน้อยขอฟีเจอร์เยอะโดยเฉพาะ
ข้อดี
- ในเซ็ตเป็นกล้องบันทึกภาพ 3 ตัว เก็บภาพทุกมุมมองทุกสถานการณ์ได้ง่าย
- กล้องบันทึกไฟล์วิดีโอเป็นแบบ H.265 มีขนาดเล็กและภาพคมชัด
- กล้องหลังมีระบบเส้นนำถอยจอดในตัว ช่วยให้ผู้ขับขี่ถอยจอดได้ง่าย
- บันทึกวิดีโอแบบ Loop Recording ลบไฟล์เก่าสุดเพื่อบันทึกวิดีโอใหม่อัตโนมัติ
- มี Parking mode เก็บภาพแบบกล้องวงจรปิดเวลาดับรถ เก็บภาพหลักฐานได้ตลอดเวลา
- ดูภาพและดาวน์โหลดไฟล์วิดีโอหลักฐานได้ผ่านแอพฯ VIIDURE
ข้อสังเกต
- กล้องหน้ามีความละเอียดเพียง 1080p เท่านั้น หากเป็น 1440p จะดีกว่า
- หากต้องการใช้ Parking mode ควรให้ร้านประดับยนต์พ่วงสายไฟเพิ่ม
2. HIKVISION D1 Pro (1,350 บาท)
Resolution & Video Compression & Memory support | กล้องหน้า 1440p 30FPS 121 องศา กล้องหลัง 1080p 30FPS 102 องศา H.265 รองรับ MicroSD Card 256GB |
Connectivity | Wi-Fi Direct Mini USB Cable |
Camera & Display | 2 ตัว ไม่มีหน้าจอแสดงผล |
Features | Parking mode 12 ชม. กล้องหน้าปรับได้ 360 องศา Loop Recording G-Sensor |
Application | HikDashcam (Android / iOS) |
Price | 1,350 บาท (Hikvision Shopee Mall) |
กล้องหน้ารถยนต์สำหรับบันทึกวิดีโออย่างเดียวอย่าง HIKVISION D1 Pro ก็น่าใช้เช่นกัน ได้เซนเซอร์กล้องหน้าความละเอียดสูง บันทึกวิดีโอเป็นไฟล์ H.265 ความละเอียด 1440p และกล้องหลังถึง 1080p พร้อมฟีเจอร์ลด Noise ในภาพไปได้ ทำให้เห็นภาพคมชัด ได้ฟีเจอร์จำเป็นใช้งานอย่าง Parking mode นาน 12 ชม. อัดคลิปได้ต่อเนื่องไม่ว่าจะตอนขับรถหรือจอดเอาไว้ในลานจอดของห้างสรรพสินค้าก็ตาม มีระบบ Loop Recording เขียนทับไฟล์เก่าสุดโดยอัตโนมัติและดึงไฟล์ผ่านแอปฯ HikDashcam ได้ทันที แต่กล้องตัวนี้ก็มีแต่ฟังก์ชั่นบันทึกภาพอย่างเดียว ไม่มีหน้าจอ Preview ติดมาให้จึงต้องดึงภาพผ่านทางแอปฯ เท่านั้น และถ้าจะใช้ Parking mode แนะนำให้ใช้บริการร้านประดับยนต์พ่วงไฟเข้ากับแบตเตอรี่ของรถถึงจะใช้งานได้ ไม่อย่างนั้นพอดับเครื่องกล้องก็จะตัดการทำงานโดยปริยายแทน
ข้อดี
- กล้องหน้าและหลังมีความละเอียดสูง 1080p~1440p เก็บภาพและวิดีโอได้คมชัด
- รองรับ MicroSD Card ความจุสูงสุด 256GB เก็บวิดีโอย้อนหลังได้นานมาก
- มีระบบ Loop Recording อัดคลิปใหม่ทับคลิปเก่าสุดโดยอัตโนมัติ
- เซนเซอร์มีประสิทธิภาพสูง ลด Noise ในคลิปลงไปได้มาก เห็นภาพชัดเจน
- เชื่อมต่อมือถือผ่าน Wi-Fi Direct และใช้แอปฯ HikDashcam ดึงไฟล์ได้
ข้อสังเกต
- Parking mode สามารถอัดได้นานสุด 12 ชม. และควรให้ร้านประดับยนต์ช่วยติดตั้ง
- ตัวกล้องไม่มีหน้าจอติดตั้งมาให้ ต้องดูในแอปฯ เท่านั้น
3. 70mai Dash Cam A510 (3,899 บาท)
Resolution & Video Compression & Memory support | กล้องหน้า 1944p 60FPS HDR 140 องศา กล้องหลัง 10800p 25FPS H.265 รองรับ MicroSD Card 256GB |
Connectivity | 4G LTE Wi-Fi Direct Mini USB Cable |
Camera & Display | 2 ตัว กล้องหลักมีหน้าจอ 2″ IPS |
Features | GPS ADAS Parking mode 24 ชม. Dual recording Loop Recording Time-lapse recording G-Sensor ระบบระบุตำแหน่งจอดรถ |
Application | 70mai (Android / iOS) |
Price | กล้องหน้าอย่างเดียว 3,899 บาท กล้องหน้า+หลัง+4G 6,599 บาท (70Mai Shopee Mall) |
ถ้าไม่เน้นถูกแต่เอาฟีเจอร์ครบและราคาสมเหตุผลสุด ณ ตอนนี้ 70mai Dash Cam A510 เป็นกล้องติดรถยนต์ที่คู่ควรกับตำแหน่งนั้นมาก เพราะได้กล้องหน้าเก็บภาพความละเอียด 1944p 60FPS และเก็บภาพได้กว้าง 140 องศา มีหน้าจอ 2″ IPS ติดมาให้เห็นภาพเวลาถ่ายคลิปในตัว บันทึกวิดีโอพร้อมกันทั้งกล้องหน้าและหลังและถ้าเชื่อมกล้องเข้ากับแบตเตอรี่ก็สามารถเปิด Parking mode เก็บคลิป Time-lapse ได้นาน 24 ชม. เอาไว้เป็นหลักฐานเวลาจอดรถทิ้งเอาไว้ในลานจอดเพื่อให้มีหลักฐานเวลาใครถอยรถมาชนหรือเอาเหรียญมาขูดตัวรถจนเสียสวยได้ มีลูกเล่นเพิ่มเติมอย่างตัวส่งสัญญาณ 4G LTE ไว้ใช้ตามหารถยนต์ในลานจอดขนาดใหญ่ได้ เป็นโมดูลซื้อเพิ่มแต่คุ้มกับคนขี้ลืมจะได้เปิดหารถตัวเองในแอปฯ 70mai ได้ทันที เป็นกล้องติดรถยนต์หลักพันบาทกลางแต่ได้ฟีเจอร์เทียบชั้นกล้องตัวแพงหลักหมื่นได้สบาย แต่แนะนำว่าถ้าอยากให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพควรซื้อไปให้ร้านประดับยนต์พ่วงระบบกล้องเข้ากับแบตเตอรี่รถจะได้เปิด Parking mode บันทึกวิดีโอและใช้ 4G LTE ระบุตำแหน่งรถได้
ข้อดี
- ใช้เซนเซอร์ Sony STARVIS 2 IMX675 ได้ภาพคมชัดตลอดเวลาทั้งกลางวันกลางคืน
- มีฟีเจอร์ให้ใช้งานครบเครื่องทั้ง GPS, ADAS, Dual Recording, Time-lapse
- ถ้าเชื่อมต่อชุด 4G LTE จะสามารถระบุตำแหน่งจอดรถผ่านทางแอปฯ 70mai ได้
- กล้องหน้าบันทึกวิดีโอความละเอียด 1944p 60 FPS ได้ภาพลื่นไหลต่อเนื่อง
- เซนเซอร์กล้องหน้าเก็บภาพได้มุมกว้าง 140 องศา เก็บภาพวิดีโอได้ทั่วท้องถนน
- กล้องหน้ามีหน้าจอแสดงผล 2″ ติดตั้งมาให้เห็นภาพเวลาบันทึกวิดีโอได้
- มี Parking mode ไว้ถ่ายวิดีโอเวลาจอดรถได้นาน 24 ชม.
ข้อสังเกต
- ราคาตั้งต้นเริ่ม 3,899 บาท ถ้าเพิ่มกล้องหลังและระบบ 4G LTE จะสูงถึง 6,599 บาท
- แนะนำให้ใช้บริการร้านประดับยนต์เพื่อติดตั้งเซ็ตกล้องหน้า, หลังและระบบ 4G LTE
4. DDPAI N5 Dual Front and Rear (4,699 บาท)
Resolution & Video Compression & Memory support | กล้องหน้า 2160p 140 องศา กล้องหลัง 1080p H.265 eMMC 32GB ในกล้อง รองรับ MicroSD Card 512GB |
Connectivity | Wi-Fi Direct 5GHz Bluetooth 4.2 Mini USB Cable |
Camera & Display | 2 ตัว ไม่มีหน้าจอแสดงผล |
Features | GPS ADAS AI Motion detection NightVIS, Realcube Parking mode 24 ชม. Super capacitor battery Voice command Loop Recording G-Sensor |
Application | DDPAI (Android / iOS) |
Price | 4,699 บาท (DDPAI Shopee Mall) |
กรณีอยากได้กล้องติดรถยนต์พร้อมเซนเซอร์ถ่ายภาพกับวิดีโอเความละเอียดสูงระดับ 4K ได้ มี DDPAI N5 Dual Front and Rear พร้อมกล้องหน้าความละเอียด 4K นอกจากเก็บภาพอุบัติเหตุเอาไว้เป็นหลักฐานคู่กับกล้องหลังได้แล้ว ถ้าซื้อชุด Radar มาใช้คู่กับ GPS ก็สามารถเก็บข้อมูลการเดินทางแสดงเป็นแผนที่ได้ เผื่อใครต้องการใช้เป็นกล้องถ่ายทำคอนเทนต์พาเที่ยวแนะนำาการเดินทางได้ด้วย เรียกว่ามีประโยชน์ยิ่งขึ้น มีระบบ Parking mode ถ่ายคลิปได้นาน 24 ชม. ช่วยเป็นหูเป็นตาเวลาจอดรถทิ้งเอาไว้นานข้ามคืนได้ ถ้าเกิดเหตุตัวกล้องจะบันทึกวิดีโอช่วงสำคัญจาก MicroSD Card ไปใส่ใน eMMC 32GB ในตัวเพื่อเก็บเอาไว้เป็นแบ็คอัพเพื่อเรียกใช้ได้ แถมมันยังรองรับการสั่งการด้วยเสียงจึงสั่งระหว่างขับรถได้เลยว่าต้องการให้ถ่ายภาพหรือเก็บคลิปได้โดยไม่ต้องละมือจากพวงมาลัยให้เสี่ยงอันตราย แต่อย่างไรก็ตามถ้าต้องการดูฟุตเทจคลิปต้องเปิดผ่านแอปฯ เท่านั้น เพราะตัวกล้องไม่ได้ติดหน้าจอมาให้ จึงเปิดดูไม่ได้ในทันที
ข้อดี
- ตัวเก็บประจุเป็น Super capacitor เก็บประจุและระบายความร้อนได้ดี ใช้งานได้ยาวนาน
- กล้องหน้าเก็บวิดีโอความละเอียด 2160p คู่กับกล้องหลัง 1080p เก็บคลิปได้คมชัด
- กล้องหน้าเก็บภาพได้มุมกว้าง 140 องศา เก็บภาพได้ชัดเจนทั่วท้องถนน
- มีฟีเจอร์ NightVIS, Realcube ถ่ายคลิปได้ภาพคมชัดทั้งกลางวันกลางคืน
- ตั้งค่าใช้งานผ่านแอปฯ DDPAI ได้ทันที เชื่อมต่อได้สะดวกรวดเร็วผ่าน Bluetooth
- มีหน่วยความจำ eMMC 32GB เอาไว้เก็บคลิปสำคัญไม่ให้หายได้
- รองรับการสั่งการด้วยเสียง (Voice Command) ไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย
ข้อสังเกต
- โมดูล Radar สำหรับใช้งานกับ GPS ต้องซื้อแยกต่างหาก
- ตัวกล้องหน้าเป็นกล้องเพียงอย่างเดียว ไม่มีหน้าจอสำหรับดู Footage ติดมาให้
5. DDPAI Z60 GPS Dual 4K (5,799 บาท)
Resolution & Video Compression & Memory support | กล้องหน้า 2160p 140 องศา กล้องหลัง 1440p กล้องห้องโดยสาร 1080p H.265 eMMC 32GB ในกล้อง รองรับ MicroSD Card 512GB |
Connectivity | 4G LTE Wi-Fi Direct 5GHz Bluetooth Mini USB Cable |
Camera & Display | 2~3 ตัว 3″ FHD |
Features | GPS ADAS 2.0 NightVIS 2.0 AI ISP Parking mode Voice command Loop Recording G-Sensor |
Application | DDPAI (Android / iOS) |
Price | เฉพาะกล้องคู่ 5,799 บาท กล้องคู่+4G LTE Cloud box 7,799 บาท กล้อง 3CH (ไม่รวม 4G LTE Cloud box) 7,399 บาท (DDPAI Shopee Mall) |
DDPAI Z60 GPS Dual 4K เป็นกล้องติดรถยนต์คุณภาพสูง มีกล้อง 3 ตัว เอาไว้ถ่ายภาพเวลาขับรถเดินทาง เสริมด้วยกล้องหลังและกล้องในห้องโดยสารเพื่อเก็บภาพได้และถ้าติดตั้งพ่วงกล้องกับแบตเตอรี่รถยนต์ก็สามารถเปิด Parking mode เปลี่ยนกล้องหน้าเป็นกล้องวงจรปิดเพื่อเก็บวิดีโอเป็นหลักฐานเวลาจอดรถทิ้งไว้ได้ มีระบบกล่อง Cloud box ใส่ SIM เพื่อเชื่อมต่อ 4G LTE ส่งการแจ้งเตือนทั้งหมดไปยังมือถือของเราเวลาเกิดเหตุขึ้นกับตัวรถได้ แถมใช้งานง่ายรองรับ Voice command สั่งกล้องถ่ายภาพได้โดยไม่ต้องเปิดมือถือหรือเอื้อมไปกดกล้อง นอกจากนี้ยังถ่ายคลิปสำคัญบันทึกเข้าหน่วยความจำ eMMC 32GB ในตัวเก็บเป็นหลักฐานได้ไม่หายไปไหน แต่กล้อง DDPAI Z60 ตัวนี้เซ็ตถูกสุดจะเป็นกล้องเพียงอย่างเดียว ถ้าต้องการเสริมกล้องตัวที่ 3 หรือ 4G LTE Cloud box ต้องซื้อโมดูลเพิ่มอีกราว 2,000 บาท หากต้องการฟีเจอร์เต็มระบบอาจต้องจ่ายราคาสูงสักหน่อย
ข้อดี
- กล้องหน้ามีความคมชัด 2160p คู่กับกล้องหลัง 1440p เพิ่มกล้องในห้องโดยสาร 1080p ได้
- รองรับการสั่งงานกล้องด้วยเสียง (Voice command) ไม่ต้องละมือจากพวงมาลัยเวลาใช้งาน
- มีหน่วยความจำ eMMC 32GB ติดตั้งมาให้ บันทึกคลิปสำคัญไว้ไม่ให้หายได้
- เปิดใช้งาน Parking mode เก็บคลิประหว่างจอดรถใช้เป็นหลักฐานได้
- เพิ่มโมดูล Cloud box 4G LTE เพื่อสั่งการกล้องผ่านมือถือและใช้ระบบ GPS ได้
- หน้าจอมีขนาดใหญ่ 3″ FHD ดูคลิปและใช้งานได้ง่าย ไม่ต้องใช้แอปฯ อย่างเดียว
- ติดตั้ง Super capacitor มาให้ ช่วยให้จ่ายไฟได้ดีขึ้นและอุณหภูมิไม่สูงมาก
- มี GPS เอาไว้บันทึกเส้นทางการเดินทางได้ ช่วยติดตามการเดินทางได้แม่นยำ
ข้อสังเกต
- ราคาครบเซ็ตค่อนข้างสูงและควรให้ร้านประดับยนต์ช่วยติดตั้งให้ทำงานได้สมบูรณ์
- ถ้าต้องการใช้ระบบแจ้งเตือนและระบุตำแหน่งผ่าน 4G LTE ต้องมี SIM เสริมอีกตัว
6. 70mai Rearview Dash Cam S500 (5,999 บาท)
Resolution & Video Compression & Memory support | กล้องหน้า 1944p 30FPS HDR 138 องศา กล้องหลัง 1080p 30FPS 138 องศา H.265 รองรับ MicroSD Card 256GB |
Connectivity | Wi-Fi Direct Mini USB Cable |
Camera & Display | 2 ตัว 9.35″ (480*360) IPS |
Features | MaiColor Vivid+ Solution รางสไลด์ปรับระยะและหมุนเลนส์ได้ Multi-View options Realtime Reversing View PiP/PBP display Parking mode 24 ชม. Time-lapse recording Voice command Loop Recording G-Sensor |
Application | 70mai (Android / iOS) |
Price | 5,999 บาท (70Mai Shopee Mall) |
70mai Rearview Dash Cam S500 เป็นกล้องติดรถยนต์สำหรับคนขับรถกระบะหรือรถตู้โดยสารมาก เพราะปกติแล้วกระจกมองหลังของรถกลุ่มนี้แทบจะใช้งานไม่ได้เพราะมีสิ่งของมาบดบังทัศนวิสัยเสมอๆ แต่ถ้าติดกระจกมองหลังพร้อมกล้องตัวนี้เข้าไปก็สามารถมองเห็นรถคันหลังได้ง่ายๆ ไม่ต้องกะเกณฑ์จากกระจกมองข้างอย่างเดียว แถมยังได้ฟีเจอร์ใช้งานมาครบทั้งถ่ายและมองเวลาพื้นที่มีแสงน้อยๆ ได้ชัดเจน มี Parking mode ให้ใช้ สั่งการด้วยเสียงก็ได้แถมยังแบ่งครึ่งหน้าจอเอาไว้ดูกล้องด้านหน้าและหลังได้ในเวลาเดียวกัน แถมตอนถอยก็ตัดเป็นกล้องหลังพร้อมเส้นนำสายตาให้ถอยจอดเข้าซองได้ง่ายมาก เป็นกล้องติดรถยนต์สำหรับอัปเกรดรถรุ่นเก่าให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น แต่ลูกเล่นอื่นๆ อย่างระบบ GPS, ADAS หรือระบุตำแหน่งที่จอดรถจะไม่มีให้ใช้ติดเพิ่มไม่ได้และตัวกล้องก็อัดวิดีโอแบบ 30FPS เท่านั้น
ข้อดี
- ดีไซน์แบบสวมทับกระจกมองหลังแล้วกล้องหลัง 1080p ดูแทนการสะท้อนภาพ จึงมองเห็นได้ง่าย
- กล้องหน้าถ่ายวิดีโอความละเอียด 1944p ได้คมชัด รองรับ HDR
- หน้าจอมีขนาด 9.35 นิ้ว เท่ากับกระจกมองหลังทั่วไป แสดงผลภาพแบบ PiP/PBP ได้
- มี Parking mode ถ่ายคลิปเก็บภาพเหตุการณ์ได้นาน 24 ชม.
- มีระบบกล้องถอยและเส้นนำการจอดให้เข้าซองจอดได้อย่างพอดี
- สั่งการได้ด้วยเสียง ไม่ต้องผละมือจากพวงมาลัยให้เสี่ยงอันตราย
- ติดตั้งแบตเตอรี่แบบ Super capacitor มาให้ ใช้งานได้ดี ทนทานความร้อนสูงได้
ข้อสังเกต
- คลิปจากกล้องเป็นแบบ 30FPS เท่านั้น ไม่ได้เป็น 60FPS แบบกล้องตัวอื่น
7. IROAD X11 (16,990 บาท)
Resolution & Video Compression & Memory support | กล้องหน้า 1440p 30FPS HDR 155 องศา กล้องหลัง 1440p 30FPS HDR 155 องศา H.265 eMMC 32GB ในตัว รองรับ MicroSD Card 512GB |
Connectivity | Wi-Fi Direct Mini USB Cable |
Camera & Display | 3 ตัว ไม่มีหน้าจอแสดงผล |
Features | GPS LDWS X-VISION Time Laps Parking Mode Loop Recording G-Sensor ระบบกู้ข้อมูลคลิปอัตโนมัติ LBP System |
Application | IROAD (Android / iOS) IROAD PC Viewer (Windows / macOS) |
Price | 16,990 บาท (IROAD Shopee Mall) |
กล้องหน้ารถระดับพรีเมี่ยมอย่าง IROAD X11 แม้ราคาจะสูงกว่ากล้องหน้ารถตัวอื่นแต่สเปกกับฟีเจอร์ถือว่าคุ้มค่ามาก ไม่ว่าจะได้เซนเซอร์ SONY STARVIS ความละเอียด 1440p ทั้งคู่ติดตั้งมาให้จึงถ่ายคลิปได้คมชัดตลอดทั้งกลางวันกลางคืนแล้ว ยังมีระบบ Time Lapse Parking Mode ระยะเวลาบันทึก 24 ชม. ติดมาให้บันทึกคลิปเป็นหลักฐานเวลาเกิดเหตุกับตัวรถได้เหมือนกับแบรนด์อื่นๆ แต่ฟีเจอร์ซึ่งกล้องอื่นไม่มี คือ LBP ระบบตัดการทำงานของกล้องเวลาแบตเตอรี่รถยนต์เหลือน้อย ช่วยให้สตาร์ทรถติดได้ตามปกติและ LDWS (Lane Departure Warning System) แจ้งเตือนผู้ขับขี่ว่าตัวรถหลุดออกจากเลนที่ขับขี่อยู่เพื่อความปลอดภัยเวลาเดินทาง ทำให้รถเก่าได้ฟีเจอร์เทียบชั้นรถรุ่นใหม่และสามารถเชื่อมต่อโหลดคลิปจากกล้องเข้าคอมหรือมือถือผ่านแอปฯ ได้ทันที แม้จะแพงอยู่บ้างแต่ก็คุ้มค่าแน่นอน
ข้อดี
- กล้องติดตั้งเซนเซอร์ SONY STARVIS มาให้ ถ่ายภาพเวลากลางวันกลางคืนได้คมชัดเสมอ
- ติดตั้ง MicroSD Card เพื่อถ่ายคลิปได้มากถึง 512GB เก็บไฟล์ย้อนหลังได้นาน
- มีฟีเจอร์ LBP ตัดการทำงานของกล้องหน้ารถเวลาแบตเตอรี่รถยนต์อ่อนให้สตาร์ทใช้งานได้
- สามารถเปิดกล้องเอาภาพกับวิดีโอได้ผ่านแอปฯ มือถือหรือโปรแกรมในคอมก็ได้
- มีระบบกู้ไฟล์วิดีโอที่เสียกลับมาโดยอัตโนมัติ ไม่เกิดปัญหาไฟล์วิดีโอเปิดไม่ได้
- มีระบบ LDWS (Lane Departure Warning System) แจ้งเตือนการออกนอกเลนโดยอัตโนมัติ
ข้อสังเกต
- เป็นกล้องแบรนด์เกาหลีคุณภาพดีแต่ราคาสูงถึง 16,990 บาท
- เป็นกล้องติดรถยนต์อย่างเดียว ไม่มีหน้าจอแสดงผลติดตั้งมาให้
สรุปสเปค 7 กล้องติดรถยนต์น่าใช้ ติดแล้วอุ่นใจมีคลิปเป็นหลักฐานทุกสถานการณ์
ข้อดีของการมีกล้องติดรถยนต์ติดหน้ารถเอาไว้ นอกจากเก็บหลักฐานในยามจำเป็นเวลาเจอรถยนต์หรือเหตุการณ์ล่อแหลมจะเกิดอันตรายได้ไม่ว่าจะเกิดกับตัวเองหรือผู้อื่นก็ตาม ยังใช้ประโยชน์อย่างอื่น เช่น เก็บเป็นฟุตเทจรวมการเดินทางประกอบคลิป Vlog ท่องเที่ยวและอื่นๆ ได้อีก หรือถ้าขับรถเก่าแล้วฟีเจอร์ความสะดวกและปลอดภัยอย่าง LDWS หรือเส้นนำทางถอยจอดไม่มีให้ใช้ก็ซื้อกล้องติดรถยนต์พร้อมฟีเจอร์นี้ไปติดตั้งเพิ่มความสะดวกได้เช่นกัน เรียกว่ามีประโยชน์ไปคนละแบบตามแต่จะหยิบมาใช้งานของแต่ละคน
หากใครขับรถรุ่นใหม่อยากแนะนำให้ติดตั้ง IROAD X11 เพื่อเอาเซนเซอร์กล้องหน้าและหลังความละเอียดสูง ถ่ายภาพได้คมชัดตลอดกลางวันและกลางคืนได้ ถ้าเป็นรถตู้, กระบะขนส่งหรือรถเก่าจะติด 70mai Rearview Dash Cam S500 เสริมกับกระจกมองหลังให้ถอยเข้าซองได้ง่ายก็เป็นเรื่องดี ส่วนถ้าใครอยากได้กล้องราคาไม่แพงเกินไป เน้นเอาไว้ถ่ายคลิปเวลาเกิดเหตุฉุกเฉินหรือระหว่างเดินทางก็ติดเป็น 70mai Dash Cam A510 นอกจากราคาไม่แพงและติดตั้งเองได้แล้ว ก็ได้กล้องหน้ากับหลังเอาไว้ใช้งานก็คุ้มค่าเงินอย่างแน่นอน
Photo Credits : Xingye Jiang via Unsplash, Nicole Logan via Unsplash