Connect with us

Hi, what are you looking for?

Tips & Tricks

แบตเสื่อม 6 วิธีดูแล ป้องกันแบตโน๊ตบุ๊คหมดไว ชาร์จไฟไม่เข้า ยืดอายุการใช้งานได้นานขึ้น

แบตเสื่อม ดูแล แก้ปัญหาแบตโน๊ตบุ๊คเสื่อมฉบับปี 2025 รักษาโน๊ตบุ๊คตัวโปรดให้ใช้งานได้ยาวนาน

แบตเสื่อม

โน๊ตบุ๊คคู่ใจ ใช้งานไปนานๆ สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือปัญหา แบตเสื่อม ชาร์จแบตไม่เข้าอาการยอดฮิตที่ทำให้หลายคนปวดหัว แบตหมดไว ใช้งานได้ไม่นานเหมือนเดิม แถมบางทีอาจจะบวมจนเครื่องเสียหายได้อีกด้วย บทความนี้เราจะมาเจาะลึกทุกเรื่องเกี่ยวกับ แบตเตอรี่โน๊ตบุ๊คเสื่อม ตั้งแต่สาเหตุ อาการ แนวทางการป้องกัน ไปจนถึงวิธีแก้ไขและเลือกซื้อแบตเตอรี่ใหม่ เพื่อให้คุณสามารถดูแลโน๊ตบุ๊คสุดรักให้อยู่กับคุณไปนานๆ ไม่ต้องเสียเงินเปลี่ยนเครื่องใหม่บ่อยๆ ครับ


แบตเสื่อม แบตเตอรี่โน๊ตบุ๊คเสื่อมไม่เก็บไฟทำไงดี?


สาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่โน๊ตบุ๊คเสื่อม VS วิธีดูแลและป้องกันแบตเตอรี่เสื่อม

สาเหตุที่ทำให้แบตโน๊ตบุ๊คเสื่อมวิธีดูแลและป้องกันแบตเสื่อม
ความร้อน: ความร้อนสูงเป็นศัตรูตัวร้ายของแบตเตอรี่ ทำให้แบตเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติหลีกเลี่ยงการใช้งานในที่ร้อน: พยายามใช้งานในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก หรือใช้แผ่นระบายความร้อน
การชาร์จบ่อยเกินไป: การชาร์จไฟตลอดเวลา หรือปล่อยให้แบตหมดเกลี้ยงบ่อยๆ ทำให้แบตเสื่อมถอดปลั๊กเมื่อแบตเต็ม: เมื่อแบตเตอรี่เต็ม 100% แล้ว ควรถอดปลั๊กออก ไม่ควรเสียบชาร์จทิ้งไว้ตลอดเวลา
การปล่อยแบตเตอรี่ทิ้งไว้นานๆ: หากไม่ได้ใช้งานโน๊ตบุ๊คนานๆ การปล่อยให้แบตหมดเกลี้ยงอาจทำให้แบตเสียหายได้เก็บรักษาแบตเตอรี่อย่างถูกวิธี: หากไม่ได้ใช้งานโน๊ตบุ๊คนานๆ ควรชาร์จแบตเตอรี่ให้มีไฟประมาณ 50-60% ก่อนเก็บรักษา
การใช้งานหนักเกินไป: การใช้งานโปรแกรมหนักๆ หรือเล่นเกมเป็นเวลานานๆ ทำให้แบตเตอรี่ทำงานหนักและเสื่อมเร็วขึ้นลดการใช้งานโปรแกรมหนักๆ: หากไม่จำเป็นควรหลีกเลี่ยงการใช้งานโปรแกรมที่กินทรัพยากรเครื่องมาก หรือปรับลดกราฟิกในการเล่นเกม
อายุการใช้งาน: แบตเตอรี่ทุกชนิดมีอายุการใช้งานจำกัด เมื่อใช้งานไปนานๆ ก็จะเสื่อมสภาพไปตามธรรมชาติเปลี่ยนแบตเตอรี่เมื่อถึงเวลา: เมื่อแบตเตอรี่เริ่มเสื่อมสภาพอย่างเห็นได้ชัด ควรพิจารณาเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่
การใช้งานอะแดปเตอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน: อะแดปเตอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานอาจจ่ายไฟไม่เสถียร ทำให้แบตเตอรี่เสียหายได้
ใช้อะแดปเตอร์ของแท้ หรือที่ได้มาตรฐาน: เลือกใช้อะแดปเตอร์ที่มาจากผู้ผลิตโน๊ตบุ๊คโดยตรง หรือเลือกอะแดปเตอร์จากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือและมีมาตรฐาน
ฝุ่นละอองและความชื้น: ฝุ่นละอองและความชื้นอาจเข้าไปสะสมในตัวเครื่อง ทำให้แบตเตอรี่เกิดความเสียหายได้ทำความสะอาดโน๊ตบุ๊คอย่างสม่ำเสมอ: ทำความสะอาดโน๊ตบุ๊คเป็นประจำ โดยเฉพาะช่องระบายความร้อน เพื่อป้องกันฝุ่นละอองสะสม
การกระแทก: การทำโน๊ตบุ๊คตก หรือกระแทกแรงๆ อาจทำให้แบตเตอรี่เสียหายได้ระมัดระวังการใช้งาน: ระมัดระวังการใช้งานโน๊ตบุ๊ค ไม่ให้ตก หรือกระแทกแรงๆ
การใช้งานแบตเตอรี่ผิดประเภท: แบตเตอรี่แต่ละชนิดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน การใช้งานผิดประเภทอาจทำให้แบตเตอรี่เสียหายได้ศึกษาคู่มือการใช้งาน: ศึกษาคู่มือการใช้งานโน๊ตบุ๊คและแบตเตอรี่อย่างละเอียด เพื่อให้เข้าใจวิธีการใช้งานที่ถูกต้อง
การ Overcharge: การชาร์จแบตเตอรี่เกินความจำเป็น อาจทำให้แบตเตอรี่ร้อนเกินไปและเสื่อมสภาพได้หลีกเลี่ยงการชาร์จทิ้งไว้ข้ามคืน: ไม่ควรเสียบชาร์จแบตเตอรี่ทิ้งไว้ข้ามคืน

1.ไม่ควรให้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความร้อนสูง

ความร้อนสูงเป็นศัตรูตัวฉกาจของแบตเตอรี่ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ในโทรศัพท์มือถือ, รถยนต์ไฟฟ้า หรือแม้แต่แบตเตอรี่ในโน๊ตบุ๊คของคุณเอง เหตุผลที่ทำไมความร้อนถึงทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ นั่นก็คือ ความร้อนจะเข้าไปเร่งปฏิกิริยาเคมีในแบตเตอรี่ ที่ทำงานโดยอาศัยปฏิกิริยาเคมีภายในเซลล์ เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ปฏิกิริยาเคมีเหล่านี้จะเกิดขึ้นเร็วขึ้นกว่าปกติมาก ไม่ว่าจะเป็น

Advertisement
แบตเสื่อม
  • การเกิดแก๊ส: ความร้อนเร่งปฏิกิริยาที่ทำให้เกิดแก๊สภายในแบตเตอรี่ แก๊สเหล่านี้ทำให้แรงดันภายในแบตเตอรี่สูงขึ้น ส่งผลให้แบตเตอรี่บวม บิดเบี้ยว หรือในกรณีที่รุนแรงอาจระเบิดได้
  • การกัดกร่อน: ความร้อนทำให้สารเคมีภายในแบตเตอรี่เกิดการกัดกร่อนเร็วขึ้น ทำให้โครงสร้างภายในแบตเตอรี่เสียหาย และลดประสิทธิภาพในการกักเก็บพลังงาน
  • การสูญเสียอิเล็กโทรไลต์: อิเล็กโทรไลต์เป็นของเหลวที่ช่วยนำไฟฟ้าภายในแบตเตอรี่ ความร้อนทำให้เกิดการระเหยของอิเล็กโทรไลต์ ทำให้แบตเตอรี่สูญเสียความสามารถในการนำไฟฟ้า และทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ
  • โครงสร้างภายในเสียหาย: ความร้อนสูงส่งผลกระทบต่อโครงสร้างทางกายภาพของแบตเตอรี่ โดยจะมีทั้งการขยายตัวและหดตัว เมื่อแบตเตอรี่ร้อนขึ้น วัสดุภายในจะขยายตัว และเมื่อเย็นลงก็จะหดตัว การขยายตัวและหดตัวซ้ำๆ ทำให้เกิดความเครียดในโครงสร้างภายในแบตเตอรี่ ทำให้เกิดรอยร้าว หรือการหลุดลอกของวัสดุ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบ ซึ่งวัสดุบางชนิดในแบตเตอรี่อาจมีการเปลี่ยนแปลงกายภาพ (เช่น จากของแข็งไปเป็นของเหลว หรือแก๊ส) เมื่อได้รับความร้อนสูง การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจทำให้โครงสร้างภายในแบตเตอรี่เสียหายอย่างถาวรได้เช่นกัน
  • ลดความจุและอายุการใช้งาน: ผลลัพธ์ที่สำคัญที่สุดของความร้อนต่อแบตเตอรี่คือ การลดความจุและอายุการใช้งาน ซึ่งการที่ความจุลดลง ความร้อนทำให้แบตเตอรี่ไม่สามารถเก็บพลังงานได้มากเท่าเดิม ทำให้ระยะเวลาการใช้งานสั้นลง และนั่นก็ทำให้ อายุการใช้งานสั้นลง ความร้อนอาจเร่งกระบวนการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ ทำให้จำนวนรอบการชาร์จ (charge cycle) ที่แบตเตอรี่ลดลงประสิทธิภาพลง

การหลีกเลี่ยงการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ร้อนจัด และการระบายความร้อนอย่างเหมาะสม จึงเป็นสิ่งสำคัญในการยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่โน๊ตบุ๊คของคุณ


2.ชาร์จบ่อยเกินไปอาจทำให้แบตเสื่อม?

การชาร์จบ่อยเกินไปเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อม ชาร์จไฟไม่เข้าได้ก่อนเวลาอันควรได้จริง แต่ต้องเข้าใจกลไกเบื้องหลังก่อนถึงจะเข้าใจได้อย่างถูกต้อง

แบตเสื่อม
  1. รอบการชาร์จ: แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium-ion) หรือแบบลิเธียมโพลิเมอร์ (Lithium Polymer หรือ Li-Po) ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ที่ใช้กันทั่วไปในโน๊ตบุ๊คและอุปกรณ์พกพาอื่นๆ มีอายุการใช้งานที่จำกัดด้วยจำนวน Cycle Count แต่ละ Cycle Count คือการคายประจุไฟฟ้าออกจากแบตเตอรี่จนหมด (0%) แล้วชาร์จกลับเข้าไปจนเต็ม (100%) กับอาการชาร์จไม่เต็มรอบ: การชาร์จแบตเตอรี่เพียงเล็กน้อย (เช่น จาก 80% เป็น 100%) ไม่นับเป็น 1 Cycle Count เต็ม การทำเช่นนี้บ่อยๆ ก็ยังคงส่งผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่
  2. Micro-Cycles: การชาร์จแบตเตอรี่บ่อยๆ ในช่วงสั้นๆ (เช่น ชาร์จจาก 90% เป็น 100% แล้วถอดปลั๊ก) ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า Micro-Cycles ซึ่งถึงแม้จะไม่ส่งผลเสียเท่ากับการชาร์จเต็มรอบ แต่ก็ยังเป็นการเพิ่ม Cycle Count โดยรวม
  3. ความเครียดที่เกิดจากแรงดันไฟฟ้า: การชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม (100%) และปล่อยให้เสียบปลั๊กชาร์จทิ้งไว้ จะทำให้แบตเตอรี่อยู่ในสภาวะที่แรงดันไฟฟ้าสูงตลอดเวลา ซึ่งเป็นสภาวะที่ไม่ดีต่อแบตเตอรี่ในระยะยาว เพราะจะเร่งการเสื่อมสภาพของสารเคมีภายในแบตเตอรี่
  4. การเกิดความร้อนสะสม: การชาร์จแบตเตอรี่จะทำให้เกิดความร้อน และความร้อนเป็นศัตรูตัวร้ายของแบตเตอรี่ การชาร์จบ่อยๆ ก็หมายถึงการสร้างความร้อนบ่อยๆ ซึ่งจะเร่งกระบวนการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่
  5. แรงดันไฟ: การชาร์จแบตเตอรี่ Li-Po เกินแรงดันไฟฟ้าที่กำหนด (Overcharge) หรือการปล่อยให้แบตเตอรี่คายประจุจนแรงดันไฟฟ้าต่ำเกินไป (Deep Discharge) สามารถทำให้แบตเตอรี่เสียหายอย่างถาวร การ Overcharge จะทำให้เกิดความร้อนสูง และอาจทำให้แบตเตอรี่บวมหรือระเบิดได้ ส่วนการ Deep Discharge จะทำให้เกิดการก่อตัวของผลึก (Dendrite) ภายในเซลล์แบตเตอรี่ ซึ่งอาจทำให้เกิดการลัดวงจร
แบตเสื่อม

สิ่งที่ควรจะต้องทำคือ

  • หลีกเลี่ยงการชาร์จจนเต็ม 100% เสมอ: ไม่จำเป็นต้องชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม 100% ทุกครั้ง การชาร์จถึงประมาณ 80-90% ก็เพียงพอแล้ว
  • ถอดปลั๊กเมื่อแบตเตอรี่เต็ม: เมื่อชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มแล้ว ควรถอดปลั๊กออก ไม่ควรเสียบชาร์จทิ้งไว้ตลอดเวลา
  • ชาร์จเมื่อจำเป็น: ชาร์จแบตเตอรี่เมื่อระดับแบตเตอรี่ลดลงถึงระดับหนึ่ง (เช่น 20-40%) ไม่จำเป็นต้องชาร์จทุกครั้งที่ใช้งาน
  • ใช้โหมดถนอมแบตเตอรี่ (Battery Saver): โน๊ตบุ๊คหลายรุ่นมีโหมดถนอมแบตเตอรี่ ซึ่งจะช่วยจำกัดการชาร์จให้ไม่เกิน 80% หรือ 90% เพื่อยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่

3.การปล่อยแบตเตอรี่ทิ้งไว้นานๆ ทำให้แบตเสื่อมได้

การปล่อยแบตเตอรี่ทิ้งไว้นานๆ โดยไม่ได้ใช้งานก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพได้เช่นกัน มีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อแบตเตอรี่เมื่อถูกทิ้งไว้นานๆ ดังนี้:

แบตเสื่อม
  1. การคายประจุเองตามธรรมชาติ (Self-Discharge): แบตเตอรี่ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นลิเธียมไอออนหรือชนิดอื่นๆ จะมีการคายประจุเองตามธรรมชาติ แม้ว่าจะไม่ได้ใช้งานก็ตาม อัตราการคายประจุจะแตกต่างกันไปตามชนิดของแบตเตอรี่และอุณหภูมิ โดยทั่วไป แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจะคายประจุประมาณ 1-5% ต่อเดือน โดยเฉพาะคนที่ใช้แบตหมดเกลี้ยง ปล่อยให้แบตเตอรี่คายประจุเองไปเรื่อยๆ จนหมดเกลี้ยง (0%) เป็นเวลานาน อาจทำให้แบตเตอรี่เสียหายอย่างถาวร เนื่องจากแรงดันไฟฟ้าภายในเซลล์ลดลงต่ำกว่าระดับที่กำหนด ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ และทำให้แบตเตอรี่ไม่สามารถชาร์จไฟได้อีกต่อไป
  2. การคายประจุ: การปล่อยให้แบตเตอรี่อยู่ในสภาวะคายประจุแบบ Deep Discharge (แรงดันไฟฟ้าต่ำมาก) เป็นเวลานาน จะทำให้เกิดการก่อตัวของผลึก (Dendrite) ภายในเซลล์แบตเตอรี่ ซึ่งอาจทำให้เกิดการลัดวงจรภายใน และทำให้แบตเตอรี่เสียหาย
  3. การสลายตัวของอิเล็กโทรไลต์ : เมื่อแบตเตอรี่ถูกทิ้งไว้นานๆ สารเคมีภายใน โดยเฉพาะอิเล็กโทรไลต์ อาจเกิดการสลายตัว ทำให้ประสิทธิภาพในการนำไฟฟ้าลดลง และส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ
  4. อายุการใช้งาน: แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่จำกัด ไม่ว่าคุณจะใช้งานหรือไม่ก็ตาม กระบวนการเสื่อมสภาพจะเกิดขึ้นตามธรรมชาติเมื่อเวลาผ่านไป การทิ้งแบตเตอรี่ไว้นานๆ ก็ไม่ได้หยุดยั้งกระบวนการนี้

แล้วควรทำอย่างไรเมื่อไม่ได้ใช้งานโน๊ตบุ๊คนานๆ?

แบตเสื่อม
  • ชาร์จแบตเตอรี่ให้มีไฟประมาณ 50-60%: ก่อนเก็บรักษาโน๊ตบุ๊ค ควรถ่ายประจุแบตเตอรี่ให้อยู่ในระดับประมาณ 50-60% ระดับนี้เป็นระดับที่เหมาะสมสำหรับการเก็บรักษาในระยะยาว เพราะช่วยลดอัตราการคายประจุเอง และป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยง
  • เก็บรักษาในสภาวะที่เย็นและแห้ง: เก็บรักษาโน๊ตบุ๊คในที่ที่เย็นและแห้ง หลีกเลี่ยงการเก็บรักษาในที่ที่มีอุณหภูมิสูงหรือมีความชื้นสูง เพราะความร้อนและความชื้นจะเร่งกระบวนการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่
  • ชาร์จแบตเตอรี่เป็นระยะ: หากไม่ได้ใช้งานโน๊ตบุ๊คนานเกิน 2-3 เดือน ควรนำออกมาเปิดเครื่องและชาร์จแบตเตอรี่ให้มีไฟประมาณ 50-60% อีกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยง

4.ใช้งานอะแดปเตอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ก็มีโอกาสทำให้แบตเสื่อม

การใช้งานอะแดปเตอร์ (หรือที่ชาร์จ) ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่ตรงกับสเปคของโน๊ตบุ๊ค อาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควรจะเป็นได้ มีหลายปัจจัยที่อะแดปเตอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานส่งผลเสียต่อแบตเตอรี่:

แบตเสื่อม
  1. แรงดันไฟฟ้า ไม่ถูกต้อง:
    • หากแรงดันไฟฟ้าสูงเกินไป: อาจทำให้แบตเตอรี่ร้อนเกินไปขณะชาร์จ และเร่งการเสื่อมสภาพของสารเคมีภายในแบตเตอรี่ นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อวงจรภายในโน๊ตบุ๊คได้อีกด้วย แต่ถ้าหากแรงดันไฟฟ้าต่ำเกินไป ก็อาจทำให้การชาร์จไม่เต็มประสิทธิภาพ หรือใช้เวลานานกว่าปกติ และอาจทำให้โน๊ตบุ๊คทำงานไม่เสถียร
  2. กระแสไฟฟ้าไม่เพียงพอ:
    • หากอะแดปเตอร์จ่ายกระแสไฟฟ้าได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของโน๊ตบุ๊ค อาจทำให้โน๊ตบุ๊คทำงานช้าลง หรือไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังอาจทำให้แบตเตอรี่ต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อชดเชยกระแสไฟฟ้าที่ไม่เพียงพอ ซึ่งจะส่งผลเสียต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ในระยะยาว
  3. คุณภาพของส่วนประกอบไม่ดี:
    • อะแดปเตอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานมักใช้วัสดุและส่วนประกอบที่มีคุณภาพต่ำ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาต่างๆ เช่น การจ่ายไฟไม่เสถียร, การเกิดความร้อนสูงเกินไป, หรือการลัดวงจร ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อแบตเตอรี่และโน๊ตบุ๊ค
  4. ไม่มีระบบป้องกัน:
    • อะแดปเตอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานมักไม่มีระบบป้องกันความปลอดภัยที่จำเป็น เช่น ระบบป้องกันการโอเวอร์โหลด (Overload Protection), ระบบป้องกันการลัดวงจร (Short Circuit Protection), หรือระบบป้องกันแรงดันไฟฟ้าเกิน (Over Voltage Protection) ซึ่งหากเกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้น อาจทำให้แบตเตอรี่และโน๊ตบุ๊คเสียหายอย่างร้ายแรง

แล้วควรเลือกใช้อะแดปเตอร์แบบไหน?

แบตเสื่อม
  • ใช้อะแดปเตอร์ของแท้: อะแดปเตอร์ที่มาพร้อมกับโน๊ตบุ๊คของคุณคือตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะได้รับการออกแบบและทดสอบมาแล้วว่าสามารถทำงานร่วมกับโน๊ตบุ๊คได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
  • ถ้าจำเป็นต้องซื้ออะแดปเตอร์ใหม่: ให้เลือกซื้ออะแดปเตอร์จากผู้ผลิตโน๊ตบุ๊คโดยตรง หรือจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือและมีมาตรฐาน ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอะแดปเตอร์มีแรงดันไฟฟ้า (Voltage) และกระแสไฟฟ้า (Current) ที่ตรงกับความต้องการของโน๊ตบุ๊ค
  • ตรวจสอบรีวิวและใบรับรอง: ก่อนซื้ออะแดปเตอร์ใหม่ ควรอ่านรีวิวจากผู้ใช้งานคนอื่นๆ และตรวจสอบว่าอะแดปเตอร์มีใบรับรองมาตรฐานความปลอดภัยหรือไม่

5.ฝุ่นละอองและความชื้น มีส่วนทำให้แบตเสื่อมได้

ฝุ่นละอองและความชื้นเป็นอีกสองปัจจัยที่ส่งผลเสียต่อแบตเตอรี่โน๊ตบุ๊ค และเกิดอาการชาร์จแบตไม่เข้าขึ้นได้ โดยมีกลไกการทำงานที่แตกต่างกันดังนี้:

แบตเสื่อม

ฝุ่นละออง:

  1. ฉนวนความร้อน: ฝุ่นละอองที่สะสมอยู่ภายในโน๊ตบุ๊ค โดยเฉพาะบริเวณช่องระบายความร้อนและฮีทซิงค์ จะทำหน้าที่เป็นฉนวนกันความร้อน ทำให้ความร้อนที่เกิดจากการทำงานของแบตเตอรี่และส่วนประกอบอื่นๆ ภายในเครื่องไม่สามารถระบายออกไปได้ดีเท่าที่ควร ซึ่งจะส่งผลให้แบตเตอรี่ร้อนเกินไป และเร่งกระบวนการเสื่อมสภาพ
  2. ขัดขวางการระบายอากาศ: ฝุ่นละอองที่สะสมอยู่ในพัดลมระบายความร้อน จะทำให้พัดลมทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ หรืออาจทำให้พัดลมหยุดทำงานไปเลย ทำให้ความร้อนสะสมภายในเครื่องมากขึ้น
  3. การนำไฟฟ้า: ฝุ่นละอองบางชนิดอาจมีคุณสมบัติเป็นสื่อนำไฟฟ้า (โดยเฉพาะฝุ่นละอองจากโลหะ) ซึ่งอาจทำให้เกิดการลัดวงจรในระยะสั้นๆ ได้

ความชื้น:

  1. การกัดกร่อน: ความชื้นทำให้เกิดการกัดกร่อนของขั้วแบตเตอรี่และวงจรไฟฟ้าภายในโน๊ตบุ๊ค การกัดกร่อนนี้จะทำให้การนำไฟฟ้าไม่ดีเท่าที่ควร และอาจทำให้แบตเตอรี่ทำงานผิดปกติ หรือไม่สามารถชาร์จไฟได้
  2. การลัดวงจร: ความชื้นเป็นสื่อนำไฟฟ้าที่ดี หากมีความชื้นสะสมอยู่ภายในโน๊ตบุ๊ค อาจทำให้เกิดการลัดวงจรระหว่างส่วนประกอบต่างๆ ซึ่งอาจทำให้แบตเตอรี่เสียหายอย่างถาวร หรืออาจทำให้เกิดไฟไหม้ได้
  3. การเกิดเชื้อรา: ความชื้นเป็นปัจจัยสำคัญในการเจริญเติบโตของเชื้อรา เชื้อราที่เกิดขึ้นภายในโน๊ตบุ๊คอาจทำให้เกิดการกัดกร่อน และทำให้เกิดความเสียหายต่อส่วนประกอบต่างๆ รวมทั้งแบตเตอรี่

วิธีป้องกันผลกระทบจากฝุ่นละอองและความชื้น:

แบตเสื่อม
  • ทำความสะอาดโน๊ตบุ๊คเป็นประจำ: ควรทำความสะอาดโน๊ตบุ๊คอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะบริเวณช่องระบายความร้อนและพัดลมระบายความร้อน สามารถใช้แปรงปัดฝุ่น หรือเครื่องดูดฝุ่นขนาดเล็กทำความสะอาดได้
  • หลีกเลี่ยงการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นละอองหรือความชื้นสูง: หากจำเป็นต้องใช้งานในสภาพแวดล้อมดังกล่าว ควรหาผ้าคลุมโน๊ตบุ๊ค หรือใช้สเปรย์กันความชื้น
  • ใช้สารดูดความชื้น: หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง อาจใช้สารดูดความชื้น (เช่น ซิลิกาเจล) วางไว้ใกล้ๆ โน๊ตบุ๊ค เพื่อช่วยลดความชื้น
  • นำโน๊ตบุ๊คไปให้ช่างทำความสะอาด: หากไม่มั่นใจในการทำความสะอาดโน๊ตบุ๊คด้วยตัวเอง ควรนำโน๊ตบุ๊คไปให้ช่างผู้ชำนาญทำความสะอาดให้

6.แบตเตอรี่โน๊ตบุ๊คเสียหายได้ จากแรงกระแทก

การกระแทกหรือการทำโน๊ตบุ๊คตก สามารถทำให้แบตเตอรี่โน๊ตบุ๊คเสียหายได้ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว มีกลไกหลายอย่างที่อธิบายได้ว่าทำไมการกระแทกถึงส่งผลเสีย:

แบตเสื่อม
  1. ความเสียหายทางกายภาพ อย่างเช่น เกิดการแตกหัก การกระแทกอย่างรุนแรงอาจทำให้ตัวแบตเตอรี่แตกหักหรือบิดเบี้ยว ซึ่งอาจทำให้เกิดการลัดวงจรภายใน หรือทำให้สารเคมีภายในแบตเตอรี่รั่วไหลออกมา ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง รวมถึงเมื่อเกิด การหลุด การกระแทกอาจทำให้ขั้วแบตเตอรี่หลุดออกจากแผงวงจร ทำให้แบตเตอรี่ไม่สามารถทำงานได้
  2. ความเสียหายภายใน เช่น การเคลื่อนตัวของส่วนประกอบภายใน ภายในแบตเตอรี่มีส่วนประกอบหลายอย่าง เช่น แผ่นกั้น (Separator) และวัสดุขั้วไฟฟ้า (Electrode Material) การกระแทกอาจทำให้ส่วนประกอบเหล่านี้เคลื่อนตัวหรือเสียหาย ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการกักเก็บพลังงานและความปลอดภัยในการใช้งาน หรือ การเกิด Micro-Cracks การกระแทกอาจทำให้เกิดรอยร้าวเล็กๆ (Micro-Cracks) ภายในโครงสร้างของแบตเตอรี่ ซึ่งอาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้น หรือทำให้เกิดการลัดวงจรในอนาคต
  3. การลัดวงจร: การกระแทกอย่างรุนแรงอาจทำให้เกิดการลัดวงจรภายในแบตเตอรี่ ซึ่งอาจทำให้แบตเตอรี่ร้อนจัด ระเบิด หรือไฟไหม้
  4. การเสื่อมสภาพเร็วขึ้น: แม้ว่าการกระแทกจะไม่ทำให้แบตเตอรี่เสียหายในทันที แต่ก็อาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้นในระยะยาว โดยการสร้างความเสียหายเล็กๆ น้อยๆ ที่สะสมไปเรื่อยๆ
แบตเสื่อม

อาการที่บ่งบอกถึงแบตเตอรี่โน๊ตบุ๊ค อาจเกิดความเสียหายจากการกระแทก:

  • แบตเตอรี่หมดเร็วกว่าปกติ
  • แบตเตอรี่ชาร์จไฟไม่เข้า
  • แบตเตอรี่ร้อนผิดปกติขณะชาร์จหรือใช้งาน
  • แบตเตอรี่บวม
  • โน๊ตบุ๊คเปิดไม่ติด

สิ่งที่ควรทำหากโน๊ตบุ๊คตกหรือถูกกระแทก:

  1. ตรวจสอบความเสียหายภายนอก: ตรวจสอบว่ามีรอยแตก รอยบิ่น หรือรอยบวมที่ตัวเครื่องหรือแบตเตอรี่หรือไม่
  2. สังเกตอาการผิดปกติ: สังเกตว่าแบตเตอรี่มีอาการผิดปกติหรือไม่ เช่น แบตหมดเร็ว ชาร์จไม่เข้า ร้อนผิดปกติ หรือบวม
  3. นำไปให้ช่างตรวจสอบ: หากพบความเสียหายภายนอก หรือมีอาการผิดปกติ ควรนำโน๊ตบุ๊คไปให้ช่างผู้ชำนาญตรวจสอบ เพื่อประเมินความเสียหายและทำการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนแบตเตอรี่

วิธีดูแลและป้องกันแบตโน๊ตบุ๊คเสื่อม

แบตเสื่อม

การดูแลและป้องกัน แบตเตอรี่โน๊ตบุ๊คเสื่อม เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง เพื่อยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่และทำให้โน๊ตบุ๊คของคุณใช้งานได้นานขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ การประหยัดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่เป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญ

ปัญหา แบตเตอรี่โน๊ตบุ๊คเสื่อม เป็นสิ่งที่ผู้ใช้โน๊ตบุ๊คทุกคนต้องเจอ ไม่ว่าคุณจะใช้งานโน๊ตบุ๊คราคาแพง หรือโน๊ตบุ๊คราคาประหยัด เมื่อใช้งานไปนานๆ แบตเตอรี่ก็จะต้องเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา แต่เราสามารถชะลอการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ได้ โดยการดูแลและใช้งานอย่างถูกวิธี

ปัญหาที่เกิดจากแบตโน๊ตบุ๊คเสื่อม คือ แบตหมดไว ใช้งานได้ไม่นานเหมือนเดิม ต้องเสียบชาร์จบ่อยๆ บางครั้งแบตเตอรี่อาจบวมจนดันตัวเครื่องให้เสียหายได้ สาเหตุที่ทำให้ แบตเตอรี่โน๊ตบุ๊คเสื่อม มีหลายปัจจัย เช่น ความร้อน การชาร์จบ่อยเกินไป การปล่อยแบตเตอรี่ทิ้งไว้นานๆ และอายุการใช้งานของแบตเตอรี่เอง

แนวทางป้องกัน

แบตเสื่อม
  • ควบคุมอุณหภูมิ: พยายามใช้งานโน๊ตบุ๊คในบริเวณที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ร้อนอบอ้าวจนเกินไป และหลีกเลี่ยงการวางโน๊ตบุ๊คบนพื้นผิวที่ทำให้ความร้อนสะสม เช่น ผ้าห่ม หรือหมอน
  • ปรับพฤติกรรมการชาร์จ: ไม่ควรชาร์จแบตเตอรี่ทิ้งไว้ตลอดเวลา เมื่อแบตเตอรี่เต็ม 100% แล้ว ควรถอดปลั๊กออก และไม่ควรปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยงบ่อยๆ
  • ใช้งานอะแดปเตอร์ที่ได้มาตรฐาน: เลือกใช้อะแดปเตอร์ที่มาจากผู้ผลิตโน๊ตบุ๊คโดยตรง หรือเลือกอะแดปเตอร์จากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือและมีมาตรฐาน เพื่อให้มั่นใจว่ากระแสไฟที่จ่ายให้กับแบตเตอรี่มีความเสถียร
  • ทำความสะอาดโน๊ตบุ๊ค: ทำความสะอาดโน๊ตบุ๊คเป็นประจำ โดยเฉพาะช่องระบายความร้อน เพื่อป้องกันฝุ่นละอองสะสม ซึ่งอาจทำให้ความร้อนระบายได้ไม่ดี
  • ปรับการตั้งค่า Power Option: ปรับการตั้งค่า Power Option ใน Windows ให้เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น เลือกโหมด “Battery Saver” เมื่อต้องการใช้งานแบตเตอรี่ให้นานที่สุด

แนะนำวิธีดูแลและป้องกันแบตเตอรี่โน๊ตบุ๊คเสื่อม

1. อาการเบื้องต้นเมื่อแบตโน๊ตบุ๊คเสื่อม?

สังเกตง่ายๆ เลยคือ แบตหมดไวผิดปกติ ใช้งานได้ไม่นานเหมือนเมื่อก่อน ทั้งๆ ที่ใช้งานแบบเดิมๆ หรือบางครั้งอาจจะ แบตเตอรี่ลดลงอย่างรวดเร็ว จาก 50% เหลือ 0% ในเวลาไม่กี่นาที นอกจากนี้ แบตเตอรี่บวม ก็เป็นสัญญาณอันตรายที่ต้องรีบแก้ไข เช่น แป้นพิมพ์ยกตัวขึ้น หรือตัวเครื่องอ้าออก

2. เปลี่ยนแบตโน๊ตบุ๊คอย่างไร?

การเปลี่ยนแบตเตอรี่โน๊ตบุ๊ค ถ้ายังอยู่ในประกันแนะนำส่งศูนย์บริการเพื่อความปลอดภัย และยังไม่ผิดเงื่อนไข แต่ถ้าหมดประกันแล้ว ร้านซ่อมโน๊ตบุ๊คหลายแห่งมีบริการเปลี่ยนให้ ซึ่งวิธีหลังนี้จะสะดวกและปลอดภัยกว่า ก่อนเปลี่ยน อย่าลืม ตรวจสอบรุ่นของแบตเตอรี่ ให้ตรงกับรุ่นของโน๊ตบุ๊คด้วยนะครับ

3. แนะนำร้านเปลี่ยนแบตโน๊ตบุ๊ค?

ร้านซ่อมโน๊ตบุ๊คมีอยู่ทั่วไป ลองหาร้านใกล้บ้านที่มี รีวิวดีๆ และมีช่างผู้ชำนาญ หรือถ้าคุณซื้อโน๊ตบุ๊คจากแบรนด์ต่างๆ ก็สามารถ ติดต่อศูนย์บริการ ของแบรนด์นั้นๆ ได้ไม่ว่าจะเป็น Acer, ASUS, HP, MSI หรือ Lenovo ได้ โดยศูนย์บริการของแต่ละค่าย ก็มักจะอยู่ในบริเวณของห้างไอทีหรือห้างสรรพสินค้า บางแห่งสามารถดรอปเอาไว้ที่ร้านจำหน่าย เพื่อส่งต่อได้เช่นกัน

4. แบตโน๊ตบุ๊คแท้กับแบตเทียมเลือกอย่างไร?

แบตเตอรี่แท้ มีข้อดีอยู่ที่ เรื่องของ คุณภาพ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพ แต่จะมีราคาสูงกว่า แบตเตอรี่เทียม มีราคาถูกกว่า แต่ก็มีความเสี่ยงในเรื่องของ คุณภาพที่ไม่แน่นอน อายุการใช้งานสั้นกว่า หากมีงบประมาณเพียงพอ แนะนำให้เลือก แบตเตอรี่แท้ เพื่อใช้งานตามได้เงื่อนไขของผู้ผลิตโน๊ตบุ๊ค

5. ปัจจัยอื่นๆ

นอกจากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่โน๊ตบุ๊ค เช่น การอัพเดทซอฟต์แวร์ และ การใช้งานโปรแกรมที่ไม่จำเป็น ซึ่งอาจทำให้แบตเตอรี่ทำงานหนักขึ้น และเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ ดังนั้น ควร อัพเดทซอฟต์แวร์ให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด และ ปิดโปรแกรมที่ไม่ใช้งาน เพื่อช่วยประหยัดพลังงานและยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ครับ


คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

  1. Q: แบตเตอรี่โน๊ตบุ๊คบวม อันตรายไหม?
    A: อันตรายมากครับ! แบตเตอรี่บวมอาจทำให้เครื่องเสียหาย ทั้งภายใน และบอดี้ของตัวเครื่องได้ ควรรีบนำไปให้ช่างผู้ชำนาญตรวจเช็คและเปลี่ยนแบตเตอรี่ทันที
  2. Q: ควรชาร์จแบตเตอรี่โน๊ตบุ๊คตอนไหน?
    A: ควรชาร์จแบตเตอรี่เมื่อแบตเตอรี่เหลือประมาณ 20-40% และถอดปลั๊กเมื่อแบตเตอรี่เต็ม หรือไม่จำเป็นต้องเต็ม 100% ทุกครั้งก็ได้ เพื่อรักษา Cycle การชาร์จเอาไว้
  3. Q: สามารถใช้โน๊ตบุ๊คโดยไม่ใส่แบตเตอรี่ได้ไหม?
    A: ในอดีตอาจทำได้ เพราะสามารถแกะออกจากภายนอกได้ทันที แต่ปัจจุบันต้องใช้เครื่องมือเพื่อแกะออกมา แต่ก็ไม่แนะนำเพื่อความปลอดภัยของงาน ข้อมูลและฮาร์ดแวร์อื่นๆ เมื่อไฟดับหรือไฟตก
  4. Q: แบตเตอรี่โน๊ตบุ๊คเสื่อม เปลี่ยนเองได้ไหม?
    A: หากมีความรู้และทักษะทางช่าง ก็สามารถเปลี่ยนเองได้ แต่ควรต้องเช็คให้มั่นใจว่าถูกต้อง ตรงตามรุ่นของโน๊ตบุ๊คที่ใช้ ถ้าไม่มั่นใจ ควรให้ช่างผู้ชำนาญเปลี่ยนให้ดีกว่า
  5. Q: แบตเตอรี่โน๊ตบุ๊คราคาเท่าไหร่?
    A: ราคาแบตเตอรี่โน๊ตบุ๊คแตกต่างกันไปตามยี่ห้อ รุ่น และประเภทของแบตเตอรี่ โดยทั่วไปแบตเตอรี่แท้จะมีราคาสูงกว่าแบตเตอรี่เทียม สามารถเช็คราคาตามร้านจำหน่ายแบตเตอรี่โน๊ตบุ๊คได้

Conclusion

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ใช้งานโน๊ตบุ๊คทุกท่าน เพราะการดูแลและป้องกัน แบตเตอรี่โน๊ตบุ๊คเสื่อม เป็นเรื่องที่ไม่ยากจนเกินไป เพียงแค่อาจจะต้องปรับพฤติกรรมการใช้งานบ้างเล็กน้อย ก็สามารถยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่และประหยัดค่าใช้จ่ายได้ หากแบตเตอรี่เริ่มมีอาการเสื่อม ควร รีบแก้ไข ก่อนที่จะลุกลามจนทำให้เครื่องเสียหาย หรือเลือกโน๊ตบุ๊คที่มีระบบจัดการพลังงานและการระบายความร้อนที่ดี เพื่อช่วยประหยัดแบตเตอรี่และยืดอายุการใช้งานครับ

Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

CONTENT

สำหรับผู้ใช้โน๊ตบุ๊คสิ่งสำคัญมากที่สุดคงหนีไม่พ้นอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยืนยาวแน่ๆ และนี่คือ 10 เทคนิคการปรับแต่งสำหรับ Windows 11 ที่จะช่วยให้คุณยืดอายุมันได้ยาวๆ แบตเตอรี่แล็ปท็อปเสื่อมสภาพตามกาลเวลาและสูญเสียความจุ ส่งผลให้มีเวลาทำงานน้อยลง เราเองก็เผชิญกับสถานการณ์เดียวกันกับโน๊ตบุ๊ค Windows 11 ของเรา แต่หลังจากปรับแต่งการตั้งค่า Windows 11 ที่ซ่อนอยู่ดังต่อไปนี้เราพบว่าอายุการใช้งานแบตเตอรี่มีการปรับปรุงดีขึ้นเป็นอย่างมาก จะมีอะไรบ้างนั้นไปติดตามกันได้เลย ปรับแต่งโหมดพลังงาน เปิดใช้งาน Battery Saver หรือ Energy...

Buyer's Guide

หลังจาก iPhone 12 เป็นต้นมามีฟีเจอร์ MagSafe ซึ่งเป็นการเสริมวงแม่เหล็กเข้ามาล้อมคอยล์ชาร์จไร้สายแล้ว ผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมก็ทำพาวเวอร์แบงค์ใช้กับ MagSafe ได้ออกมาวางขายเพิ่ม สังเกตจะเห็นว่าบอดี้ของมันจะเหมือนแบตสำรองรุ่นที่มีขายมาก่อนหน้านี้แต่เพิ่มวงกลมสีเข้มเข้ามาบอกว่าให้เอาด้านนี้ติดด้านหลังมือถือก็จะชาร์จไร้สายได้ทันที ด้านมือถือ Android ถ้าชาร์จไร้สายได้ก็ใช้ได้แต่จะไม่ดูดติดอยู่ด้านหลังเครื่อง ต้องหาเอาวงแหวนแม่เหล็กมาติดเพิ่มซึ่งแบตสำรองบางตัวก็แถมมาให้หรือซื้อเพิ่มราคาก็ไม่กี่สิบบาทเท่านั้น พาวเวอร์แบงค์ MagSafe ดีอย่างไร? พาวเวอร์แบงค์ MagSafe ใช้เทคโนโลยีชาร์จไร้สายชาร์จไฟให้สมาร์ทโฟนและยึดติดหลังมือถือด้วยแม่เหล็ก จึงติดสนิทไม่หลุดง่าย iPhone 12 เป็นมือถือรุ่นแรกที่มีแม่เหล็ก...

Buyer's Guide

แนะนำวิธีเปลี่ยนแบตเตอรี่ ไอแพด ที่ Apple หมดประกันก็ทำได้ แถมยังได้เครื่องใหม่ด้วย อัพเดท 2024 ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบไหนที่ใช้งานแบตเตอรี่ เมื่อใข้งานไป 1-2 ปีขึ้นไป ก็มักจะพกกับอาการแบตเสื่อม ทำให้ช่วงระยะเวลาในการใช้งานผ่านแบตเตอรี่นั้นสามารถใช้งานได้น้อยลง กับอุปกรณ์อย่าง iPad เองก็เช่นเดียวกัน ซึ่งหลายๆ คนก็มักจะเลือกนำไอแพดไปเปลี่ยนแบตเตอรี่กับร้านตามท้องตลาดที่มีหลากหลายร้าน แต่สิ่งที่ต้องแลกมานั่นก็คือแบตเตอรี่ไม่อาจจะไม่ใช่ของแท้ ทีมงาน NotebookSPEC ก็อยากจะพามาดูราคาและเงื่อนไขสำหรับการเปลี่ยนแบตเตอรี่ ไอแพด...

How to

โน๊ตบุ๊คเปิดไม่ติด Windows 11 กับ 7 วิธีเช็คและแก้ไขอัพเดตปี 2024 ทำเองก็ได้ โน๊ตบุ๊คเปิดไม่ติดอาการยอดฮิตที่เจอกันบ่อย เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ บางครั้งแค่ปิดเครื่อง ชัตดาวน์ แล้วเข้านอน เช้ามาเปิดไม่ติดแล้ว หรือบางทีฝนตกไฟดับ ทำหลุดมือหล่นลงพื้น ก็เป็นสาเหตุที่เครื่องดับได้ แต่ทั้งนี้ยังมีอีกหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้ ในบทความนี้จะให้คุณได้ทราบถึงปัญหา การเตรียมตัว และการแก้ไขอาการเปิดไม่ติดของโน๊ตบุ๊คกันว่า คุณจะต้องเตรียมการอย่างไร เพื่อรับมือกับสถานการณ์แบบที่ยังไม่ต้องส่งถึงมือช่างซ่อม โน๊ตบุ๊คเปิดไม่ติด...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก