ทุกไตรมาสแรกของปีจะมีงาน Consumer Electronics Show (CES) จัดแสดงนวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงโน๊ตบุ๊ค MSI ซึ่งมาร่วมงานทุกปี รวมถึง CES 2025 ที่จัด ณ ลาสเวกัส, รัฐเนวาด้า ซึ่งครั้งนี้ยังโฟกัสกลุ่มโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งและเครื่อง Gaming Handheld อย่าง MSI Claw เช่นเดิม ฝั่งโน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง MSI จะเน้นปรับดีไซน์ให้ดูสวยงามยิ่งขึ้นหรือเพิ่มบอดี้ใหม่เข้ามาเลย ด้านของสายทำงานจะมี MSI Venture series แยกรุ่นย่อยเป็น 2 กลุ่ม เน้นนักธุรกิจกับคนทำงานสายดิจิตอลอาร์ตโดยเฉพาะ
ชิปเซ็ตภายยังติดตั้ง Intel Core Ultra 200V Series และ AMD Ryzen AI ใหม่ ซึ่งประสิทธิภาพดีพร้อมใช้ทำงานได้ทุกแบบ ตั้งแต่งานเอกสารทั่วไปจนงานกราฟิคอย่างแต่งภาพตัดต่อวิดีโอ รวมไปถึงจำลองงาน 3D Virtualization ก็ยังได้ เสริมด้วยแกน NPU เอาไว้ใช้ทำงานกับโปรแกรมที่เขียนมาเน้นใช้คอร์ประเภทนี้โดยเฉพาะหรือเป็นส่วนเสริม AI ก็ได้ ซึ่งกำลังประมวลผลของคอร์เหล่านี้นับว่าดีกว่า CPU แบบดั้งเดิมมากเพราะชุดคำสั่งภายในผ่านการเทรนนิ่งมามากพอจะจัดการงานที่เจอได้ทั่วไปให้เสร็จได้รวดเร็วแล้ว ยังจัดการ Workloads เบื้องหลังได้อย่างเหมาะสม ช่วยประหยัดแบตเตอรี่ไปได้มาก จึงใช้ทำงานได้นานหลายชั่วโมง
ด้านเครื่อง Gaming Handheld อย่าง MSI Claw Series ก็มีรุ่นใหม่เปิดตัวถึง 2 โมเดล ให้เกมเมอร์สายพกพาได้เลือกซื้อ ไม่ว่าจะ Claw 7 AI+ บอดี้เหมือน MSI Claw A1M แต่ปรับแต่งสเปคและพอร์ตให้ใช้งานได้สะดวกขึ้นหรือ Claw 8 AI+ รุ่นยกเครื่องใหม่หมดตั้งแต่บอดี้ภายนอกจนสเปคภายในให้เล่นเกมได้ดีกว่าเดิมอย่างชัดเจนด้วยพลังของชิปเซ็ต Intel Core Ultra 200V Series ใหม่ ที่คาดหวังประสิทธิภาพได้แน่นอน
ว่าด้วยเรื่องของโน๊ตบุ๊ค MSI จาก CES 2025
- MSI Claw ทั้งสองรุ่นติดตั้งชิปเซ็ต Intel Core Ultra 200V มาให้ โดย Claw 8 AI+ จะเป็นดีไซน์ใหม่ ส่วน Claw 7 AI+ จะนำบอดี้รุ่นก่อนมาปรับปรุงใหม่ให้ดีขึ้น
- MSI Venture เป็นโน๊ตบุ๊คทำงานซีรี่ย์ใหม่ แยกเป็นกลุ่ม Business Elite และ Digital Creation
- โน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง MSI ยืนพื้นด้วยชิปเซ็ต Intel และมีตัวเลือกเป็นชิปเซ็ต AMD Ryzen ให้เลือกใช้ได้
โน๊ตบุ๊ค MSI สายทำงานและโน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง MSI จาก CES 2025 ทั้ง 3 แบบ ถูกใจเกมเมอร์และสายทำงาน!
1. โน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง MSI
ถ้าพูดถึง MSI ก็ต้องคิดถึงโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งเป็นสิ่งแรกอย่างและในอีเว้นท์ครั้งนี้ก็ยังไม่ผิดหวังเช่นเดิม โดยแนวทางของโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งเรือธงประจำปีนี้จะให้หน้าจอใหญ่ถึง 18 นิ้ว แต่มีความละเอียด 2 ระดับ คือ UHD+ (3840*2400) หรือ QHD+ (2560*1600) มีพาเนล MiniLED IPS หรือ OLED แยกกันไปตามแต่ละรุ่น และปีนี้รุ่นเรือธงของ MSI นอกจากใช้ชิปเซ็ต Intel Core Ultra 200V HX-Series แล้ว ปีนี้จะมีซีพียู AMD Ryzen AI กับ Ryzen 9000 Mobile มาเป็นรุ่นคู่กันด้วย โดยแต่ละรุ่นจะเป็นดังนี้
Titan 18 HX Dragon Edition Norse Myth
เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คประสิทธิภาพสูงสุดจาก MSI มีช่องติดตั้ง M.2 NVMe SSD อินเทอร์เฟสเป็น PCIe 5.0*1 ช่อง และ PCIe 4.0*3 ช่อง รวมเป็น 4 ช่อง เฉพาะ PCIe 5.0 จะมีชุดฮีตไปป์ระบายความร้อนเสริมเข้ามาให้เป็นพิเศษเชื่อมเข้ากับชุดระบายความร้อน Vapor Chamber หลักเพื่อระบายความร้อนจาก SSD ได้อย่างรวดเร็ว มีฟีเจอร์ MSI OverBoost Ultra 270W (CPU 95W กับ GPU 175W) ช่วยเร่งประสิทธิภาพเวลาใช้งานได้ดียิ่งขึ้น คีย์บอร์ดยังเป็น Mechanical switch จาก Cherry MX เช่นเดิม ปรับแต่งไฟได้แบบ Per-Key RGB มีเซนเซอร์สแกนใบหน้าและลายนิ้วมือติดตั้งมาให้เช่นเดิม เสริมพอร์ต Thunderbolt 5 มาให้ต่อหน้าจอแยก 8K ได้ 2 จอพร้อมกัน สเปคเปิดตัวจะเป็นดังนี้
| CPU | Intel Core Ultra 9 285HX แบบ 24 คอร์ 32 เธรด (8P+16E) ความเร็วสูงสุด 5.5GHz |
| GPU | NVIDIA GeForce RTX 5090 มี VRAM 24GB GDDR7 |
| Display | 18″ ความละเอียด UHD+ (3840*2400)พาเนล MiniLED IPS Refresh Rate 120Hz 100% DCI-P3 VESA DisplayHDR 1000 |
Raider A18 HX และ Raider 18 HX AI
อีกรุ่นเรือธงจาก MSI ซึ่งปีนี้มีตัวเลือกทั้ง Intel Core Ultra 200V หรือ AMD Ryzen 9000 Series โดย A18 เป็นรหัสสำหรับ AMD และ 18 เป็น Intel มีฟีเจอร์ MSI OverBoost Ultra 260W (CPU 85W กับ GPU 175W) เอาไว้เร่งกำลังเวลาประมวลผลกราฟิคหรือเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้น ระบายความร้อนด้วยชุดระบายความร้อน Cooler Boost 5 ติดตั้งพอร์ต Thunderbolt 5 มาให้รวมกับ HDMI แล้วต่อหน้าจอแยกได้ 3 จอพร้อมกัน มีแบนด์วิธรับส่งข้อมูลถึง 120 Gbps ถ้าเป็นชิปเซ็ต Intel จะต่อหน้าจอแยก 8K ได้ 2 จอ มีฮีตซิงค์แยกพิเศษสำหรับ M.2 NVMe SSD อินเทอร์เฟส PCIe 5.0 เช่นเดียวกับ MSI Titan 18 HX ด้านสเปคจะเป็นดังนี้
| CPU | Raider 18 HX AI ติดตั้ง Intel Core Ultra 9 285HX แบบ 24 คอร์ 32 เธรด (8P+16E) ความเร็วสูงสุด 5.5GHz Raider A18 HX ติดตั้ง AMD Ryzen 9 9955HX3D แบบ 16 คอร์ 32 เธรด ความเร็ว 2.5~5.4GHz L3 Cache 128 MB |
| GPU | สเปคสูงสุดติดตั้ง NVIDIA GeForce RTX 5090 มี VRAM 24GB GDDR7 |
| Display | 18″ ความละเอียด UHD+ (3840*2400)พาเนล MiniLED IPS Refresh Rate 120Hz 100% DCI-P3 VESA DisplayHDR 1000 |
Vector A18 HX กับ Vector 18 HX AI
เป็นรุ่นรองลงมา ตัดแสงไฟ RGB เกินจำเป็นส่วนต่างๆ ออกไปเพื่อความเรียบง่าย เน้นเจาะกลุ่มคนทำงานวิศวกรรม, มัณฑนากร, Digital Content Creator ฯลฯ รวมถึงเกมเมอร์ มีทั้งรุ่น AMD รหัส A18 HX และ Intel รหัส 18 HX AI ได้ฮีตซิ้งค์ระบายความร้อนแยกเฉพาะให้ M.2 NVMe SSD อินเทอร์เฟส PCIe 5.0 เช่นเดียวกัน มี MSI OverBoost Ultra 260W (CPU 85W กับ GPU 175W) คีย์บอร์ดมีไฟ LED Backlit 26-Zone RGB ติดตั้งมาให้ รุ่นชิปเซ็ต Intel มีพอร์ต Thunderbolt 5 ติดตั้งมาให้ต่อหน้าจอแยก 8K ได้ 2 จอพร้อมกัน สเปคจะมีรายละเอียดดังนี้
| CPU | Vector 18 HX AI ติดตั้ง Intel Core Ultra 9 275HX แบบ 24 คอร์ 32 เธรด (8P+16E) ความเร็วสูงสุด 5.4GHz Raider A18 HX ติดตั้ง AMD Ryzen 9 9955HX แบบ 16 คอร์ 32 เธรด ความเร็ว 2.5~5.4GHz |
| GPU | สเปคสูงสุดติดตั้ง NVIDIA GeForce RTX 5080 มี VRAM 16GB GDDR7 |
| Display | 18″ ความละเอียด QHD+ (2560*1600)พาเนล IPS Refresh Rate 240Hz 100% DCI-P3 |
Stealth 18 HX AI และ Stealth A18 AI+
เกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค MSI Stealth Series ออกแบบมาเป็นโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งดีไซน์เรียบหรูให้พกไปทำงานประชุมกับลูกค้าและนำกลับมาต่อหน้าจอแยกเพื่อเล่นเกมหลังเลิกงานได้ด้วย รุ่นปัจจุบันมีตัวเลือกทั้ง Intel Core Ultra 200 HX-Series และ AMD Ryzen AI 300 Series คีย์บอร์ดเป็นแบบ Per-Key RGB ปรับแต่งสีไฟของแต่ละปุ่มและตั้งค่า Macro เอาไว้ใช้งาน ได้ Studio Drivers ให้ใช้ Tools กับ Resource ของทางบริษัทได้ในตัว ช่วยให้ทำงานได้ดีขึ้น ด้านสเปคมีรายละเอียดดังนี้
| CPU | Stealth 18 HX AI ติดตั้ง Intel Core Ultra 9 275HX แบบ 24 คอร์ 32 เธรด (8P+16E) ความเร็วสูงสุด 5.4GHz Stealth A18 AI+ ติดตั้ง AMD Ryzen AI 9 HX 370 แบบ 12 คอร์ 24 เธรด (Zen 5*4 / Zen 5c*8) ความเร็วสูงสุด 5.1GHz |
| GPU | สเปคสูงสุดติดตั้ง NVIDIA GeForce RTX 5090 มี VRAM 24GB GDDR7 |
| Display | 18″ ความละเอียด UHD+ (3840*2400)พาเนล MiniLED IPS Refresh Rate 120Hz 100% DCI-P3 VESA DisplayHDR 1000 หรือ 18″ ความละเอียด QHD+ (2560*1600) พาเนล IPS Refresh Rate 240Hz 100% DCI-P3 |
Crosshair A18 HX และ Crosshair 18 HX AI
ถ้าโน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง MSI รุ่นเรือธงก่อนหน้ามีราคาสูงและฟีเจอร์เกินใช้ไปบ้าง MSI ก็มี Crosshair Series เป็นรุ่นทางเลือกให้เกมเมอร์ได้หาซื้อเอาไว้เล่นเกมได้และลดสเปคเกินจำเป็นบางส่วนออกไป อย่างเช่นหน้าจอเปลี่ยนจาก UHD+ เหลือ QHD+ ซึ่งคมชัดพอเล่นเกมได้ดีแน่นอน, ลดสเปคซีพียูกับจีพียูลงเล็กน้อย ไม่ได้ติดตั้งรุ่นสูงสุดจาก AMD กับ Intel แต่ยังจับคู่กับจีพียู NVIDIA GeForce RTX 50 Series แต่ในงานยังไม่เปิดเผยว่าเป็นรุ่นใด แต่คาดว่ารุ่นสูงสุดเป็น GeForce RTX 5070 Ti และไฟ LED Backlit แบบ 24-Zone RGB หากนับจากสเปคสูงสุดจะเป็นดังนี้
| CPU | Crosshair 18 HX AI ติดตั้ง Intel Core Ultra 9 275HX แบบ 24 คอร์ 32 เธรด (8P+16E) ความเร็วสูงสุด 5.4GHz Crosshair A18 HX ติดตั้ง AMD Ryzen 9 7945HX แบบ 16 คอร์ 32 เธรด ความเร็วสูงสุด 5.4GHz |
| GPU | ติดตั้งจีพียู NVIDIA GeForce RTX 50 Series ไม่ระบุรุ่น |
| Display | 18″ ความละเอียด QHD+ (2560*1600) พาเนล IPS Refresh Rate 240Hz 100% DCI-P3 |
ด้านเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค MSI เครื่องอื่นๆ ที่อัปเดตสเปคภายในเครื่องมาใหม่จะเป็นดังนี้
- Stealth A16 AI+ : สเปครุ่นสูงสุดได้ AMD Ryzen AI 9 HX 370 จับคู่จีพียู NVIDIA GeForce RTX 5090 หน้าจอมีขนาด 16 นิ้ว ความละเอียด QHD+ (2560*1600) พาเนล OLED ค่า Refresh Rate 240Hz ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ติดตั้ง MUX Switch สำหรับเปลี่ยนโหมดระหว่าง iGPU กับ dGPU ได้ รวมทั้งคีย์บอร์ดเป็น Per-Key RGB อีกด้วย
- Crosshair A17/A16 HX หรือ Crosshair 17/16 HX AI : สเปคเหมือนรุ่นหน้าจอ 18 นิ้ว แต่บานหน้าจอเล็กลงเหลือ 16 นิ้ว ความละเอียด QHD+ (2560*1600) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 240Hz ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3
- Raider 16 HX AI : ซีพียู Intel Core Ultra 9 275HX จับคู่ NVIDIA GeForce RTX 50 Series และขนาดหน้าจอลดเหลือ 16 นิ้ว ความละเอียด UHD+ (3840*2400) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 120Hz ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ติดตั้งพอร์ต USB-C รองรับ Thunderbolt 5 มาให้
- Thin 15 : รุ่นสูงสุดติดตั้ง Intel Core 7 240H กับการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 4050 หน้าจอขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz
- Katana A17/A15 AI หรือ Katana 17/15 : รุ่น A17/A15 AI ได้ซีพียู AMD Ryzen 9 8945HS รหัส Katana 17/15 รุ่นสูงสุดติดตั้ง Intel Core 7 240H จีพียูได้สูงสุดถึง NVIDIA GeForce RTX 4070 คีย์บอร์ดเป็น 4-Zone RGB หน้าจอมี 2 ขนาด คือ 15.6 นิ้ว ความละเอียด QHD (2560*1440) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 165Hz ขอบเขตสี 100% DCI-P3 แต่หน้าจอ 17.3 นิ้ว มีความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz เท่านั้น
- Titan 18 HX AI : สเปคเหมือนรุ่น Dragon Edition Norse Myth ทั้งหมด แต่ไม่มีลวดลายมังกร
- Vector 16 HX AI / Vector 17 HX AI : สเปคเหมือน Vector 18 HX AI หน้าจอมีความละเอียดเท่ากัน แต่มีขนาด 16 / 17 นิ้ว
- Pulse A16 AI+ / Pulse A17 AI+ : แยกเป็นสองรุ่นเพราะเลือกระหว่างหน้าจอ 16 / 17 นิ้วได้ แต่ความละเอียด QHD+ (2560*1600) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 240Hz ขอบเขตสี 100% DCI-P3 เท่ากัน ได้ซีพียู AMD Ryzen AI 7 350 จับคู่กับจีพียู NVIDIA GeForce RTX 50 Series กับคีย์บอร์ดมีไฟ LED Backlit 24-Zone RGB ทั้งคู่ เพิ่มลวดลายมาบนตัวเครื่องให้สวยงามขึ้น
- Cyborg A17 / A15 AI หรือ Cyborg 17 / 15 : มีจุดเปลี่ยนแปลงเยอะสุดในรุ่นราคาคุ้มค่า ทั้งตัวเครื่องส่วนเหนือคีย์บอร์ดเป็นเนื้อใสเหมือนภายใต้เครื่อง จึงเห็นชิ้นส่วนภายในชัดเจนและเสริมลวดลายเฉพาะตัวเข้ามา ซีพียูรุ่น A17 / A15 AI มีซีพียูรุ่นสูงสุดเป็น AMD Ryzen 7 260 ถ้าเป็น Cyborg 17 / 15 ได้ Intel Core 7 240H จับคู่ NVIDIA GeForce RTX 50 Series หน้าจอทุกรุ่นและขนาดมีความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz เหมือนกัน
2. Gaming Handheld MSI Claw ใหม่!
หลังจากวางจำหน่าย MSI Claw Gaming handheld ไปในปีก่อนแล้ว ก็มีเครื่องเล่นเกมพกพามาเปิดตัวในงาน CES 2025 ถึง 2 รุ่น เป็นดีไซน์ใหม่หมดและรุ่นปรับปรุงสเปคจากปีก่อน ได้แก่
Claw 8 AI+
รุ่นดีไซน์ใหม่หมดเพื่อจับตลาดเกมเมอร์ที่ต้องการเครื่องหน้าจอใหญ่ขึ้นให้เล่นเกมได้เต็มตากว่าเดิม เพิ่มความจุแบตเตอรี่ขึ้นเป็น 80Whr ผสานกับซีพียู Intel Core Ultra 200V ที่ปรับปรุงสถาปัตยกรรมภายในมาใหม่หมด ทำให้เล่นเกมได้นานและได้ภาพลื่นไหลยิ่งขึ้น ถึงตัวเครื่องจะใหญ่ขึ้นก็ตามแต่สามารถถ่วงสมดุลน้ำหนักได้ดีจึงถือเล่นได้นานขึ้น สเปคจะมีเพียงแบบเดียวคือ
| CPU | Intel Core Ultra 7 258V แบบ 8 คอร์ 8 เธรด (4 P-Core+4 LPE-Core) ความเร็วสูงสุด 4.8GHz Intel AI Boost NPU 47 TOPS (Int8) |
| GPU | Intel Arc Graphics 140V (16GB) ความเร็วสูงสุด 1.95GHz 8 Xe-Cores รองรับ Ray Tracing, DirectX 12.2 |
| SSD | M.2 NVMe SSD PCIe 4.0×4 ขนาด M.2 2230 |
| RAM | 32GB LPDDR5x 8533MHz |
| Display | ทัชสกรีน 8″ FHD+ (1920*1200) พาเนล IPS Refresh Rate 120Hz 100% sRGB รองรับฟีเจอร์ป้องกันภาพฉีกขาด VRR |
| Connectivity | Thunderbolt 4*2 MicroSD Card reader*1 Audio combo*1 Wi-Fi 7 มาตรฐาน 802.11be Bluetooth 5.4 |
| Battery | 80Whr |
Claw 7 AI+
เรียกว่าเป็นเหล้าใหม่ในขวดเก่าที่บูธโน๊ตบุ๊ค MSI ตัวเครื่องยังเป็นหน้าจอขนาด 7 นิ้วเท่ารุ่นแรก แต่ปรับแต่งรายละเอียดตาม Feedback ให้น่าใช้ยิ่งขึ้น ได้พอร์ต Thunderbolt 4 เพิ่มเป็น 2 ช่อง ให้ต่ออุปกรณ์เสริมและหน้าจอได้มากขึ้น ได้ซีพียู Intel Core Ultra 200V ใหม่ จึงพกไปทำงานตั้งโต๊ะเป็น Mini PC ก็ได้ และหยิบออกมาเล่นเกมในวันหยุดหรือเวลาว่างได้ดีขึ้น ด้านสเปคจะมีรายละเอียดดังนี้
| CPU | Intel Core Ultra 7 258V แบบ 8 คอร์ 8 เธรด (4 P-Core+4 LPE-Core) ความเร็วสูงสุด 4.8GHz Intel AI Boost NPU 47 TOPS (Int8) |
| GPU | Intel Arc Graphics 140V (16GB) ความเร็วสูงสุด 1.95GHz 8 Xe-Cores รองรับ Ray Tracing, DirectX 12.2 |
| SSD | M.2 NVMe SSD PCIe 4.0×4 ขนาด M.2 2230 |
| RAM | 32GB LPDDR5x 8533MHz |
| Display | ทัชสกรีน 7″ FHD+ (1920*1200) พาเนล IPS Refresh Rate 120Hz 100% sRGB รองรับฟีเจอร์ป้องกันภาพฉีกขาด VRR |
| Connectivity | Thunderbolt 4*2 MicroSD Card reader*1 Audio combo*1 Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax Bluetooth 5.3 |
| Battery | 54.5Whr |
3. โน๊ตบุ๊คทำงาน MSI
นอกจากโน๊ตบุ๊คเกมมิ่ง MSI ซึ่งเป็น DNA ของแบรนด์แล้ว ปีนี้โน๊ตบุ๊คทำงานก็น่าสนใจไม่ว่าจะอัพเกรดสเปคให้ซีรีย์ที่มีอยู่ก่อนแล้ว โดยเปลี่ยนซีพียูเป็นรุ่นใหม่ทั้ง Intel Core Ultra 100 Series และ 200V รวมถึง AMD Ryzen รุ่นใหม่และเปิดตัว MSI Venture Series ในงาน CES 2025 นี้ด้วย
ด้านการตั้งชื่อรุ่นที่ MSI ใช้ในปี 2025 นี้ มีจุดน่าสนใจและใช้ร่วมกันทั้งโน๊ตบุ๊คทำงานและโน๊ตบุ๊คเกมมิ่งในเครืออยู่ 3 อย่าง จะขอสังเขปเอาไว้ดังนี้
- โน๊ตบุ๊คทำงานหากเขียนคำว่า Pro ติดชื่อซีรีย์ เช่น VenturePro, PrestigePro หมายความว่ามีจีพียู NVIDIA GeForce RTX 40 Series ติดตั้งมาให้ ยกเว้น MSI Creator Series จะมีอยู่แล้ว
- วิธีแยกรุ่นซีพียูให้สังเกตตัวเลขบอกขนาดหน้าจอ ถ้ามีตัว A นำหน้าคือซีพียู AMD ถ้าไม่มีเป็น Intel เช่น Summit A16 AI+ เป็น AMD Ryzen ถ้าเป็น Summit 16 AI Evo เป็น Intel Core Ultra
- การลงท้ายชื่อด้วย AI+ ใช้บอกว่าซีพียูรุ่นนั้นมี NPU กำลังประมวลผลเกิน 40 TOPS ถ้าเป็น AI ไม่มีเครื่องหมายบวก หมายความว่ามี NPU แต่กำลังประมวลผลไม่ถึง 40 TOPS ถ้าไม่ลงท้ายหมายความว่าซีพียูไม่มี NPU ในตัว
Venture แล VenturePro Series
จุดยืนของ MSI Venture Series จะเป็นการอุดช่องว่างระหว่างซีรี่ย์ราคาประหยัดและพรีเมี่ยมและมีสเปคให้เลือกหลากหลาย ได้งานประกอบระดับพรีเมี่ยมระดับ Prestige Series ในบอดี้เรียบง่ายของ Modern Series มีขนาดหน้าจอตั้งแต่ 14, 15, 16 และ 17 นิ้ว ติดตั้งซีพียู AMD Ryzen หรือ Intel Core Ultra 100 Series มาให้ มีหน้าจอขอบเขตสีทั่วไปความละเอียด Full HD พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz หรือเน้นขอบเขตสีกว้างก็มีหน้าจอ 2K (2048*1080) พาเนล OLED ค่า Refresh Rate 120Hz ขอบเขตสี 100% DCI-P3 ให้เลือกด้วย แต่รหัสจำหน่ายในประเทศไทยต้องรอดูการประกาศวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการจาก MSI Thailand ในภายหลัง
ด้านสเปคของโน๊ตบุ๊ค MSI Venture และ VenturePro ทั้งซีรีย์จะเป็นดังนี้
| สเปค/รุ่น | Venture 14 AI | Venture 15 / 16 / 17 AI VenturePro 15 / 16 / 17 AI | Venture/VenturePro A14 / A15 / A16 / A17 AI+ |
| CPU | Intel Core Ultra 7 155H แบบ 16 คอร์ 22 เธรด (6P+8E+2LPE) ความเร็วสูงสุด 4.8GHz | รุ่นสูงสุดเป็น Intel Core Ultra 7 155H แบบ 16 คอร์ 22 เธรด (6P+8E+2LPE) ความเร็วสูงสุด 4.8GHz | รุ่นสูงสุดเป็น AMD Ryzen AI 7 350 แบบ 8 คอร์ 16 เธรด (Zen 5*4 / Zen 5c*4) Zen 5 ความเร็วสูงสุด 5GHz Zen 5c ความเร็วสูงสุด 3.5GHz |
| GPU | Intel Arc Graphics | VenturePro มีจีพียูแยก ได้แก่ NVIDIA GeForce RTX 4060 NVIDIA GeForce RTX 4050 NVIDIA GeForce RTX 3050 Intel Arc Graphics | NVIDIA GeForce RTX 50 Series Laptop GPU AMD Radeon 860M |
| Display | 14″ 2.8K (2880*1800) OLED Refresh Rate 120Hz 100% DCI-P3 | 15.6″ / 17.3″ Full HD IPS Refresh Rate 144Hz 16″ 2K (2048*1280) OLED Refresh Rate 120Hz 100% DCI-P3 | 14″ 2.8K (2880*1800) OLED Refresh Rate 120Hz 100% DCI-P3 15.6″ / 17.3″ Full HD IPS Refresh Rate 144Hz 16″ 2K (2048*1280) OLED Refresh Rate 120Hz 100% DCI-P3 |
Summit Series
โน๊ตบุ๊คสายทำงานหน้าจอทัชสกรีนมีสไตลัส MSI Pen 2 พร้อมพับหน้าจอกลับ 360 องศาได้ จะอัปเกรดเฉพาะซีพียูเป็น Intel Core Ultra 7 255H เท่านั้น แต่รองรับการต่อหน้าจอแยกผ่านพอร์ต Thunderbolt 4 และ HDMI ได้มากสุด 3 จอพร้อมกัน มีเซนเซอร์สแกนใบหน้าและฟังก์ชั่นลด Noise ของกล้องเวลาประชุมงานออนไลน์ (3DNR+) ในตัว รองรับ FIDO 2
ด้าน Summit 16 Series ใช้หน้าจอร่วมกันทั้งซีรีย์ แต่มีรุ่นย่อยแยกเป็นซีพียู Intel Core Ultra 200V H-Series กับ AMD Ryzen AI 300 Series ให้เลือก และมีรุ่น SummitPro ติดตั้งจีพียู NVIDIA GeForce RTX 4050 มาให้ใช้ด้วย ด้านสเปคที่เปิดเผยในงาน CES 2025 จะเป็นดังนี้
| สเปค/รุ่น | Summit 13 AI Evo | Summit 16 AI Evo | SummitPro 16 AI | Summit A16 AI+ |
| CPU | Intel Core Ultra 7 255H แบบ 16 คอร์ 16 เธรด (6P+8E+2LPE) ความเร็วสูงสุด 5.1GHz | Intel Core Ultra 7 255H แบบ 16 คอร์ 16 เธรด (6P+8E+2LPE) ความเร็วสูงสุด 5.1GHz | Intel Core Ultra 7 285H แบบ 16 คอร์ 16 เธรด (6P+8E+2LPE) ความเร็วสูงสุด 5.4GHz | AMD Ryzen AI 9 365 แบบ 10 คอร์ 20 เธรด (Zen 5*4 / Zen 5c*6) Zen 5 ความเร็วสูงสุด 5GHz Zen 5c ความเร็วสูงสุด 3.3GHz |
| GPU | Intel Arc Graphics | Intel Arc Graphics | NVIDIA GeForce RTX 4050 | AMD Radeon 880M |
| Display | ทัชสกรีน 13.3″ Full HD IPS 100% sRGB | ทัชสกรีน 16″ QHD (2560*1600) IPS Refresh Rate 165Hz 100% DCI-P3 | ทัชสกรีน 16″ QHD (2560*1600) IPS Refresh Rate 165Hz 100% DCI-P3 | ทัชสกรีน 16″ QHD (2560*1600) IPS Refresh Rate 165Hz 100% DCI-P3 |
Prestige Series
โน๊ตบุ๊ค MSI ระดับพรีเมี่ยมอย่าง Prestige Series ปีนี้มีรุ่นหน้าจอเล็กอย่าง Prestige 13 AI+ Evo ซึ่งได้เขียนรีวิวไปก่อนหน้านี้มาโชว์ตัวด้วย แต่จุดแตกต่างจากรุ่นวางขายในประเทศไทย คือ มีตัวเลือกซีพียูรุ่นสูงสุดเป็น Intel Core Ultra 9 288V หรือ Intel Core Ultra 7 255H ให้เลือกด้วย สเปคไทยจะเป็น Intel Core Ultra 7 258V ในแง่การใช้ทำงานเอกสารออฟฟิศรวมทั้งแต่งภาพประกอบสไลด์นำเสนองานจะแทบไม่ต่างกันเลย ยกเว้นนำไปตัดต่อวิดีโอความละเอียดสูงอาจมีผลบ้างเล็กน้อย
กลับกัน จุดน่าสนใจคือซีรีย์ Prestige 16 ปีนี้จะมีรุ่นติดตั้งการ์ดจอแยกอย่าง NVIDIA GeForce RTX 40 Series มาให้ แยกเป็นรุ่น PrestigePro 16 AI ให้ใช้ทำงานกราฟิคได้ ตัวเครื่องติดตั้งกล้องอินฟาเรดมาให้สแกนใบหน้าร่วมกับเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือตรงปุ่ม Power เช่นเดิม โดยแต่ละรุ่นจะมีสเปคดังนี้
| สเปค/รุ่น | Prestige 16 AI Evo | Prestige 16 AI+ Evo | PrestigePro 16 AI |
| CPU | Intel Core Ultra 7 255H แบบ 16 คอร์ 16 เธรด (6P+8E+2LPE) ความเร็วสูงสุด 5.1GHz | Intel Core Ultra 9 288V แบบ 16 คอร์ 16 เธรด (4P+4LPE) ความเร็วสูงสุด 5.1GHz | Intel Core Ultra 7 255H แบบ 16 คอร์ 16 เธรด (6P+8E+2LPE) ความเร็วสูงสุด 5.1GHz |
| GPU | Intel Arc Graphics | Intel Arc Graphics 140V | NVIDIA GeForce RTX 4050 |
| Display | 16″ UHD+ (3840*2400) OLED 100% DCI-P3 VESA DispalyHDR True Black 600 | 16″ QHD (2560*1600) IPS 100% DCI-P3 16″ UHD+ (3840*2400) OLED 100% DCI-P3 | 16″ UHD+ (3840*2400) OLED 100% DCI-P3 VESA DispalyHDR True Black 600 |
Creator A16 AI+
นอกจากโน๊ตบุ๊คพรีเมี่ยมและสายทำงานเอกสารทั่วไป ในบูธ MSI งาน CES 2025 ก็เปิดตัว Creator A16 AI+ เพื่อใช้ทำงานกราฟิคโดยเฉพาะทั้งงานภาพและวิดีโอ ได้ซีพียู AMD Ryzen AI จึงใช้ส่วนเสริม AI ในโปรแกรมต่างๆ ได้ดีขึ้น ส่วนจีพียูจะติดตั้ง Studio Drivers มา จึงเรียกใช้ Tools พิเศษช่วยให้ทำงานได้เร็วยิ่งขึ้น รวมทั้งติดตั้งเซนเซอร์สแกนใบหน้าและนิ้วมือมาให้ในตัวด้วย นอกจากนี้ยังมีรุ่น CreatorPro ที่ติดตั้งจีพียู NVIDIA รุ่นออกแบบมาเพื่อทำงานโดยเฉพาะ (คาดว่าเป็นกลุ่ม RTX A-Series) สเปครุ่นในงานมีรายละเอียดดังนี้
| CPU | AMD Ryzen AI 9 HX 370 แบบ 12 คอร์ 24 เธรด (Zen 5*4 / Zen 5c*8) ความเร็วสูงสุด 5.1GHz |
| GPU | รุ่นสูงสุดติดตั้ง NVIDIA GeForce RTX 4070 (Studio Drivers) |
| Display | 16″ QHD+ (2560*1600) OLED Refresh Rate 240Hz VESA DisplayHDR True Black 600 100% DCI-P3 มีรุ่นหน้าจอพาเนล IPS |
Modern Series
ปิดท้ายด้วยโน๊ตบุ๊ค MSI ราคาประหยัดสำหรับซื้อเอาไว้ทำงานหรือเรียนก็ได้อย่าง Modern Series ในงาน CES 2025 จะมีรุ่นหน้าจอ 13 นิ้ว เปิดตัวมาเป็นขนาดใหม่ น้ำหนักเบาเพียง 1.33 กก. ให้พอร์ต USB-C Full Function มา 1 ช่องเอาไว้ต่อชาร์จแบตฯ หรือหน้าจอแยกก็ได้ RAM DDR4 เป็นแบบ SO-DIMM มีช่องให้เพิ่มความจุได้จน 64GB ทีเดียว
| รุ่น/สเปค | Modern 13 | Modern 14 | Modern 15 |
| CPU | Intel Core 7 150U แบบ 10 คอร์ 12 เธรด (2P+8E) ความเร็วสูงสุด 5.4GHz | Intel Core 7 150U แบบ 10 คอร์ 12 เธรด (2P+8E) ความเร็วสูงสุด 5.4GHz | Intel Core 7 150U แบบ 10 คอร์ 12 เธรด (2P+8E) ความเร็วสูงสุด 5.4GHz |
| GPU | Intel Graphics | Intel Graphics | Intel Graphics |
| Display | 13.3″ Full HD IPS | 14″ Full HD IPS | 15.6″ Full HD IPS |
สุดท้ายรุ่นมาตรฐานประจำซีรี่ย์ Modern ปีนี้จะเป็นซีพียู Intel อย่างเดียวทั้ง Intel Core 200 Series กับ Intel Core Ultra 200 H-Series แยกกันไปตามรุ่นและให้พอร์ต USB-C Full Function มาเพื่อต่อหน้าจอแยกและชาร์จไฟเช่นเดิม เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6E ได้ ผ่านการทดสอบความทนทานการันตีด้วยมาตรฐาน MIL-STD 810H ครบถ้วน
| รุ่น/สเปค | Modern 14 H | Modern 15 H | Modern 15 H AI |
| CPU | Intel Core 9 270H 14 คอร์ 20 เธรด (6P+8E) ความเร็วสูงสุด 5.8GHz | Intel Core 9 270H 14 คอร์ 20 เธรด (6P+8E) ความเร็วสูงสุด 5.8GHz | Intel Core Ultra 7 255H 16 คอร์ 16 เธรด (6P+8E+2LPE) ความเร็วสูงสุด 5.1GHz |
| GPU | Intel Graphics | Intel Graphics | Intel Arc Graphics |
| Display | 14″ FHD+ (1920*1200) IPS | 15.6″ Full HD IPS | 15.6″ Full HD IPS |
โน๊ตบุ๊ค MSI จากงาน CES 2025 ไม่ว่าจะโน๊ตบุ๊คทำงานหรือเกมมิ่งก็น่าสนใจทั้งคู่ นอกจากอัปเดตสเปคให้ตามสมัยนิยมด้วยซีพียู AMD Ryzen AI หรือ Intel Core Ultra HX-Series แล้ว ยังได้จีพียู NVIDIA GeFoce RTX 50 Series ด้วย นับเป็นทางเลือกเพื่อเกมเมอร์ที่ไม่อยากประกอบคอมได้สบายมาก ยิ่งใครอยู่หอพักหรือคอนโดมิเนียมแล้วมีพื้นที่ไม่กว้างพอจะวางพีซีสักเครื่องจะหันมาใช้เกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเลยก็เป็นทางออกที่ยอดเยี่ยม
ด้าน Gaming Handheld อย่าง MSI Claw ไม่ว่าจะ Claw 7 AI+ เหล้าใหม่ในขวดเก่าหรือ Claw 8 AI+ รุ่นใหม่หมดต่างน่าสนใจมาก ทั้งทำหน้าที่เป็นเครื่องเกมพกพาได้เป็นอย่างดีแล้วถ้าประกอบเข้ากับ MSI Nest ก็ใช้ทำงานได้ไม่ต่างจาก Mini PC สักเครื่องเลย ถ้าใครไม่อยากพกโน๊ตบุ๊คแล้วจะเปลี่ยนมาพกเครื่องเหล่านี้เอาไว้ตั้งเป็นคอมทำงานในออฟฟิศและเปิดเล่นเกมระหว่างเดินทางกลับบ้านก็น่าสนใจ
บทความที่เกี่ยวข้อง
