HP OmniBook Ultra Flip 14 โน๊ตบุ๊คพลัง Intel® Core™ Ultra 200V Series Processors ให้ AI ทำงานได้ดีสุดบน Intel!
HP OmniBook Ultra Flip 14 เป็นผลลัพธ์จากการรีแบรนด์สินค้าทั้งไลน์อัพของ HP ใหม่ทั้งหมดให้รับกับยุคสมัยที่ AI เข้ามามีผลกับชีวิตประจำวันของเรามากยิ่งขึ้น แต่ก็ยังไม่ทิ้งความหรูหราและฟีเจอร์อย่างการพลิกหน้าจอกลับ 360 องศาเป็นแท็บเล็ตได้ให้สมคำว่า Flip แถมใช้สไตลัสวาดจดสิ่งต่างๆ ได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น แถมน้ำหนักก็เบาพกพาสะดวกเพียง 1.3 กก. พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยครบถ้วน
ใจกลางความทรงพลังนี้เป็นผลจากซีพียู Intel® Core™ Ultra 200V Series Processors รุ่นใหม่ ดีไซน์สถาปัตยกรรมใหม่ทั้งหมด ตัดเทคโนโลยีเก่าแก่อย่าง SMT (Simultaneous multithreading) ออกไป แม้หลายคนจะกังขาแต่กลับเป็นข้อดีเพราะตัวชิปเซ็ตสามารถจัดการงานได้รวดเร็วขึ้น ลดลำดับการประมวลผลที่เนิ่นช้าให้เร็วกว่าเดิม และยังประหยัดพลังงานกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด แม้แบตเตอรี่จะเล็กเพียง 63Whr แต่ก็ใช้งานได้นานสุดร่วม 12 ชม. ไม่ต้องพึ่งอะแดปเตอร์หรือพาวเวอร์แบงค์ใดๆ ก็ได้ หรือจะติดกระเป๋าเอาไว้ให้อุ่นใจก็ชาร์จผ่านพอร์ต Thunderbolt 4 ได้ทันที ยืดเวลาทำงานให้นานกว่าเดิมหลายเท่า
นอกจากกำลังประมวลผลของคอร์ซีพียูจะดีขึ้นแล้ว จีพียู Intel® Arc™ Graphics ก็ได้รับการยกเครื่องใหม่ให้ดีกว่าเดิมมาก นอกจากใช้ทำงานกับโปรแกรมทำงานกราฟิคตัดต่อแต่งภาพหรือวิดีโอก็ประมวลผลได้เร็วขึ้น จะครีเอเตอร์หรือช่างภาพคนไหนก็สร้างสรรค์ผลงานได้ทุกแห่งไม่ว่าจะบนโต๊ะทำงานตัวประจำหรือออกไปหน้างานก็ไม่มีปัญหา ผสานกับหน้าจอ OLED ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 แล้ว ก็ได้ผลงานอันน่าประทับใจส่งให้ลูกค้าพิจารณาได้ทันที รวมทั้งเล่นเกมชั้นนำบนหน้าจอความละเอียด 1080p ตั้งค่ากราฟิคระดับ Medium ได้ลื่นไหล เสริมด้วย Intel XeSS Upscalling เข้าไป จึงเล่นเกมโปรดได้ทุกเวลาตามต้องการ
NBS Verdicts
สิ่งสำคัญใน HP OmniBook Ultra Flip 14 ต้องยกให้ซีพียู Intel ที่ปลดล็อคทุกประสบการณ์ AI ใหม่ด้วย Intel® Core™ Ultra 200V Series Processors รุ่นล่าสุดซึ่งยกเครื่องสถาปัตยกรรมใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่คอร์ซีพียูที่ทำงานได้รวดเร็ว ไม่ว่าจะงานทั่วไปในชีวิตประจำวันอย่างการทำงานเอกสาร, ประชุมงานออนไลน์ไปจนงานใหญ่อย่างการตัดต่อวิดีโอ, แต่งภาพหรือทำงาน 3D ก็สร้างผลงานออกมาได้เร็วทันใจภายในเวลาไม่นาน ยังจัดการพลังงานได้ดีขึ้น แม้แบตเตอรี่จะมีความจุไม่มากเพียง 63Whr ก็ยังใช้งานได้จนจบวัน ไม่ต้องพกแบตเตอรี่สำรองติดกระเป๋าไปทุกครั้งเมื่อออกไปไหนก็ได้
จุดเปลี่ยนแปลงใหญ่ถัดมาคือ GPU ซึ่งออกแบบมาใหม่ นอกจากมีกำลังประมวลผลสูงขึ้นให้เรนเดอร์งานกราฟิคต่างๆ ได้รวดเร็ว ยังเล่นเกมชั้นนำบนหน้าจอ 1080p ตั้งค่ากราฟิคระดับ Medium เสริมด้วย Intel XeSS Upscalling ซึ่งปัจจุบันนี้รองรับเกมชั้นนำมากมายและผู้พัฒนาเกมชั้นนำก็นำเอนจิ้นนี้ไปใช้มากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเวลางานก็สามารถเล่นเกมโปรดฆ่าเวลาได้ตามต้องการตั้งแต่เกมออนไลน์ทั่วไปจนกระทั่งเกมชั้นนำยอดนิยมในปัจจุบันก็ได้ หากใครคิดว่าโน๊ตบุ๊ค Intel เหมาะกับการทำงานอย่างเดียวก็ต้องเปลี่ยนความคิดเมื่อเจอ Intel® Core™ Ultra 200V Series Processors รุ่นล่าสุดนี้อย่างแน่นอน
กลับกัน ข้อสังเกตของ HP OmniBook Ultra Flip 14 คือมีจุดอัปเกรดจำกัด เปลี่ยนได้เฉพาะ SSD ตัวหลักเพียงอันเดียวเท่านั้น จึงแนะนำให้ถอดอัปเกรดเวลาไดร์ฟเสียหายหรือใช้งานไม่ดีเท่าเดิมแล้ว อีกจุดมาจากการพยายามรีดตัวเครื่องให้บางจึงมีแต่พอร์ต Thunderbolt 4 กับ USB-C Full Function เท่านั้น ยังดีว่าทางบริษัทแถมตัวแปลงเป็นพอร์ต HDMI มาให้ต่อหน้าจอแยกต่างๆ ได้ แต่ก็ขอแนะนำให้ซื้อ USB-C Multiport Adapter มาต่อเพิ่มพอร์ตอื่นๆ เข้ามาก็จะดีมาก
ข้อดีของ HP OmniBook Ultra Flip 14
- ติดตั้งซีพียู Intel® Core™ Ultra 5 processors 226V มาให้ ใช้ทำงานและประมวลผล AI ได้รวดเร็ว
- Intel AI Boost NPU มีกำลังประมวลผลรวมสูงถึง 97~115 TOPS ใช้งานกับ AI ได้ดี
- จีพียู Intel® Arc™ Graphics 130V สามารถเล่นเกมบนหน้าจอ 1080p Medium ได้ลื่นไหล
- สามารถเปิด Intel XeSS Upscalling เร่งเฟรมเรทให้เล่นเกมได้ดีขึ้น
- ติดตั้งพอร์ต Thunderbolt 4 มาให้ 2 ช่อง ร่วมกับ USB-C 3.2 Full Function
- หน้าจอขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ค่า Refresh Rate 120Hz ได้ภาพสวยงามลื่นไหล
- หน้าจอพลิกกลับใช้งานเป็นแท็บเล็ตได้ มีสไตลัสของ HP แถมมาให้ใช้งาน
- มีตัวแปลง USB-C to HDMI แถมมาให้ต่อหน้าจอแยกทั่วไปได้ง่ายขึ้น
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้รวดเร็วและเสถียรด้วย Wi-Fi 7 มาตรฐาน 802.11be
- แบตเตอรี่แม้มีความจุ 63Whr แต่ก็ใช้งานได้นานร่วม 12 ชม. ใช้งานได้นานมาก
- ติดตั้งเซนเซอร์สแกนใบหน้ามาให้ปลดล็อคเครื่องได้ง่าย รักษาความปลอดภัยได้ดีขึ้น
- ติดตั้ง Microsoft Office Home & Student 2021 มาาให้พร้อมใช้งาน
ข้อสังเกตของ HP OmniBook Ultra Flip 14
- ชิ้นส่วนแทบทั้งหมดเป็นแบบออนบอร์ด อัปเกรดเพิ่มได้ไม่มาก แต่ก็ใช้งานได้ดี
- มีเฉพาะพอร์ต Thunderbolt 4 กับ USB-C Full Function ต้องซื้อ Hub มาใช้ร่วมกัน
รีวิว HP OmniBook Ultra Flip 14
Specification
HP OmniBook Ultra Flip 14 เป็นโน๊ตบุ๊คสายทำงานอเนกประสงค์รุ่นใหม่ ติดตั้งซีพียู Intel® Core™ Ultra 200V Series Processors มาให้ AI ทำงานได้ดีสุดบน Intel ยิ่งกว่าที่เคยใช้มา นอกจากทรงพลังแล้วยังจัดการพลังงานได้เยี่ยม เลือกสเปคได้ 2 รุ่น ไม่ว่าจะ Intel® Core™ Ultra 5 processors 226V หรือขึ้นไป Intel® Core™Ultra 7 processors 258V ก็ทำงานได้ทรงพลัง โดยสเปคทั้งสองรุ่นจะมีรายละเอียดดังนี้
Specification | HP OmniBook Ultra Flip 14-fh0055TU (เครื่องรีวิว) | HP OmniBook Ultra Flip 14-fh0054TU |
CPU | Intel® Core™ Ultra 5 processors 226V แบบ 8 คอร์ 8 เธรด (4P+4E) ความเร็ว 2.1~4.5GHz สถาปัตยกรรม TSMC N3B | Intel® Core™Ultra 7 processors 258V แบบ 8 คอร์ 8 เธรด (4P+4E) ความเร็ว 2.2~4.8GHz สถาปัตยกรรม TSMC N3B |
GPU | Intel® Arc™ Graphics 130V | Intel® Arc™ Graphics 140V |
NPU | Intel AI Boost 40 TOPS รองรับชุดคำสั่ง OpenVINO, WindowsML, DirectML, ONNX RT, WebNN กำลังประมวลผลรวม 97 TOPS | Intel AI Boost 47 TOPS รองรับชุดคำสั่ง OpenVINO, WindowsML, DirectML, ONNX RT, WebNN กำลังประมวลผลรวม 115 TOPS |
SSD | M.2 NVMe SSD 1TB | M.2 NVMe SSD 1TB |
RAM | 16GB LPDDR5X บัส 8533MHz | 32GB LPDDR5X บัส 8533MHz |
Operating System | Windows 11 Home Microsoft Office Home & Student 2021 | Windows 11 Home Microsoft Office Home & Student 2021 |
Display | ทัชสกรีน 14″ 2.8K (2880*1800) OLED Refresh Rate 120Hz VESA DisplayHDR True Black 400 100% DCI-P3 | ทัชสกรีน 14″ 2.8K (2880*1800) OLED Refresh Rate 120Hz VESA DisplayHDR True Black 400 100% DCI-P3 |
Connectivity | Thunderbolt 4*2 USB-C 3.2 Full Function*1 Audio combo*1 Wi-Fi 7 มาตรฐาน 802.11be Bluetooth 5.4 | Thunderbolt 4*2 USB-C 3.2 Full Function*1 Audio combo*1 Wi-Fi 7 มาตรฐาน 802.11be Bluetooth 5.4 |
Weight | 1.34 กก. | 1.34 กก. |
Price | 59,990 บาท | 65,990 บาท |
Hardware & Design
ดีไซน์ของ HP OmniBook Ultra Flip 14 จะคงความเรียบง่ายหรูหราและเพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ มาให้ครบครัน บอดี้เป็นอลูมิเนียมสีกรมท่าสวยเรียบง่ายเสริมบุคลิคของผู้ใช้ ติดสติกเกอร์แนะนำการติดต่อผู้เชี่ยวชาญของ HP ไว้ที่วางข้อมือซ้ายและฝั่งขวาเป็นสติกเกอร์ Intel® Core™ Ultra 200V Series Processors การันตีมาตรฐานเป็น Intel Evo Edition คู่กับโลโก้ AI แบบใหม่มุมขวาบน ให้เจ้าของเครื่องมั่นใจว่าซื้อโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้ไปจะได้ประสบการณ์ใช้งานอันน่าประทับใจ ซึ่งนอกจากมาตรฐานเดิมอันสูงอยู่แล้ว ในงาน IFA Berlin ก็ประกาศเพิ่มมาตรฐานการทดสอบใหม่เพิ่มเข้ามาให้ผู้ใช้ได้ประสบการณ์ใช้งานดีขึ้น
จากชื่อรองว่า Flip เป็นการบอกผู้ใช้ว่าโน๊ตบุ๊คเครื่องนี้สามารถพับหน้าจอกลับเป็นแท็บเล็ตหรือตั้งเครื่องใช้เพียงหน้าจออย่างเดียวก็ได้ ทำให้ไม่ติดกับรูปลักษณ์ว่าต้องใช้เป็นโน๊ตบุ๊คเพียงอย่างเดียว แต่เป็นกระดานจดและจัดไอเดียได้ด้วยโปรแกรม Microsoft Whiteboard ร่วมกับสไตลัส HP ให้เป็นหมวดหมู่แล้ว ยังประสานกับเพื่อนร่วมงานและเรียกใช้ Microsoft Copilot AI ให้ช่วยงานได้อย่างรวดเร็วด้วยพลังประมวลผลสูงสุด 97 TOPS ของ Intel® Core™ Ultra 5 processors 226V อีกด้วย
หน้าจอทัชสกรีนปิดด้วยกระจก Gorilla Glass ของ HP OmniBook Ultra Flip 14 มีขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880*1800) พาเนล OLED ค่า Refresh Rate 120Hz ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 เพิ่มความสว่างไป 100% แล้วจะสว่างถึง 383.05 cd/m2 ทดสอบด้วยโปรแกรม DisplayCal 3 กับเครื่อง Calibrite Display Pro HL มีค่าขอบเขตสีจริงของหน้าจอ (Gamut coverage) 100% sRGB, 94.5% Adobe RGB, 99.9% DCI-P3 และขอบเขตสีองค์รวม (Gamut volume) ได้ 169.9% sRGB, 117% Adobe RGB, 120.3% DCI-P3 ค่าความเที่ยงตรงสี Delta-E 0.2~2.7 จึงใช้ทำงานกราฟิคได้ทุกแบบไม่ว่าจะตัดต่อวิดีโอหรือแต่งภาพก็ได้ แถมเร่งแสงหน้าจอสู้แดดได้ จะตั้งใช้งานในออฟฟิศก็ดีหรือพกไปนอกสถานที่ก็ทำงานได้เยี่ยม สามารถแต่งสีภาพหรือวิดีโอให้ได้เที่ยงตรงตามจริงได้ง่ายๆ
คีย์บอร์ดขนาด Tenkeyless ของ HP OmniBook Ultra Flip 14 จะคุมโทนร่วมกับบอดี้สีกรมท่าเป็นปุ่มสีน้ำเงินในปุ่มชุดหลัก มีเสริมคำสั่งลัดให้ใช้ครบถ้วน มีคำสั่ง Home / End / Page Up / Page Down ติดไว้กับปุ่มลูกศรทั้งสี่ทิศทาง ปุ่ม Power สีฟ้าอ่อนมุมขวาบนเสริมเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือมาให้ใช้ทำงานร่วมกับเซนเซอร์สแกนใบหน้าในชุดกล้องเว็บแคม ช่วยรักษาความปลอดภัยเสริมความเป็นส่วนตัวและปลดล็อคเครื่องได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งตัวชิปเซ็ต Intel® Core™ Ultra 200V Series Processors ก็ออกแบบระบบรักษาความปลอดภัยในตัวชิปเซ็ตมาเป็นอย่างดีก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกเจาะระบบขโมยข้อมูลไปได้
บรรทัด F1~F12 สีฟ้าจะมีคีย์ลัดติดมาให้ใช้งานครบทุกปุ่ม เน้นการใช้ทำงานออฟฟิศเป็นหลัก สามารถกดสลับการทำงานได้เพียงกด Fn+L.Shift ซึ่งมีคำสั่งดังนี้
- F1 – ปุ่ม Project ตั้งค่าหน้าจอหลักและเสริม
- F2 – เรียกโปรแกรม Calculator
- F3~F4 – ลดหรือเพิ่มความสว่างหน้าจอ
- F5 – ปุ่มเพิ่มลดความสว่างไฟคีย์บอร์ด
- F6~F8 – ปิด, ลด/เพิ่มเสียงลำโพง
- F9 – ปิดการทำงานไมโครโฟน
- F10 – กดเล่นหรือหยุดเพลง (Play/Pause)
- F11 – ปุ่มเรียกซอฟท์แวร์ตั้งค่าเครื่อง เลือกได้ระหว่าง OMEN Gaming Hub หรือ myHP
- F12 – เรียกโปรแกรม Snipping tool
ด้านหลังเครื่องยังคงความเรียบง่ายแต่หรูหรา มีเพียงโลโก้ HP แบบเพลตอลูมิเนียมติดเอาไว้ตรงกลางจุดเดียวเท่านั้น ไม่มีลวดลายใดๆ นำหรือดึงดูดสายตาผู้อื่นมากนัก จึงหยิบออกมาใช้งานได้ทุกโอกาส ไม่ว่าจะพกไปทำงานออฟฟิศหรือเข้าประชุมงานกับลูกค้าก็ดูดี หากสังเกตตรงขาบานพับหน้าจอซ้ายจะมีคำว่า OmniBook สกรีนติดเอาไว้เป็นรายละเอียดเล็กน้อยบนตัวเครื่อง
พอร์ตการเชื่อมต่อของตัวเครื่องถูกติดตั้งเอาไว้ฝั่งซ้ายเป็น USB-C 3.2 Full Function เพียงช่องเดียว ฝั่งขวาเป็นพอร์ต Thunderbolt 4 ถึง 2 ช่อง ทำให้เชื่อมต่ออุปกรณ์ยุคใหม่ได้ดี ซึ่งพอร์ตกับตัวชิปเซ็ตจะรองรับการต่อหน้าจอแยกความละเอียดสูงสุด 8K 60Hz (7680*4320) หรือ 4K 120Hz (3840*2400) พิกเซล ต่อหน้าจอแยกได้มากสุด 3 จอพร้อมกัน
อิงจากหน้าสเปคของซีพียู Intel® Core™ Ultra 5 processors 226V จะรองรับการถอดรหัสวิดีโอ AV1, VP9 ในตัว รวมถึง Intel Quick Sync Video ทำให้ถอดรหัสและตัดต่อคลิปได้ต่อเนื่องและดูวิดีโอยุคใหม่ได้ลื่นไหลขึ้น
น้ำหนักของ HP OmniBook Ultra Flip 14 นับว่าเบาพกง่ายมาก เฉพาะตัวเครื่องมีน้ำหนักแค่ 1.3 กก. ถ้ารวมอะแดปเตอร์เข้าไปอีก 288 กรัม จะมีน้ำหนัก 1.59 กก. เท่านั้น จึงพกไปทำงานนอกสถานที่ได้ง่ายจะพกอะแดปเตอร์ของ HP หรือ GaN 65W ก็ต่อชาร์จใช้งานได้ ช่วยลดน้ำหนักกระเป๋าเพิ่มพื้นที่เก็บของใช้ชิ้นอื่นไปได้อีกมาก
Performance & Software
ซีพียูของ HP OmniBook Ultra Flip 14 ติดตั้งเป็น Intel® Core™ Ultra 5 processors 226V แบบ 8 คอร์ 8 เธรด แยกเป็น 4 P-Core และ 4 E-Core มีความเร็ว 2.1~4.5GHz สถาปัตยกรรม TSMC N3B ใช้วิธีการแพ็คชิปเซ็ตเข้าหากันแบบ Foveros 3D Packaging ช่วยลดความหน่วง (Latency) ในตัวชิปให้น้อยลงและเสริมฟีเจอร์ใหม่เข้ามาให้หลายอย่าง ได้แก่
- รองรับการเชื่อมต่อไร้สายด้วย Wi-Fi 7 มาตรฐาน 802.11be, Bluetooth 5.4 และ Thunderbolt 4
- รองรับ VVC Decode กับระบบ ray-tracing ในตัว
- NPU เวอร์ชั่น 4.0 ประมวลผล AI ได้ดีกว่าเดิม สูงสุด 120 TOPS (120 ล้านล้านคำสั่งต่อวินาที)
- ติดตั้ง RAM เข้าไปในตัวแพ็คเกจได้มากสุด 32GB
- จัดการพลังงานดีกว่า Intel Core Ultra รุ่นก่อนหน้า 50%
- ปรับแต่งการคาดเดาการทำงาน (Enhanced prediction) ใหม่ให้ทำงานได้ดีขึ้น
- เสริมเอนจิ้นรักษาความปลอดภัยข้อมูลภายในเข้ามาแบบ Multi-Engine Security
หลายคนอาจติดใจว่าการตัดฟีเจอร์เด่นอย่าง SMT (Simutaneous multithreading) หรือหลายคนรู้จักในชื่อ Hyperthreading ออกไป อาจทำให้ Intel® Core™ Ultra 200V Series Processors ทำงานได้ช้าลง แต่ผลกลับตรงกันข้ามเพราะมีความหน่วงเวลารับส่งข้อมูลภายในตัวชิปเซ็ตน้อยลงมากไม่ว่าจะส่งภายในคอร์แบบเดียวกันหรือข้ามระหว่างคอร์สองแบบก็ทำได้ดีขึ้นและประหยัดพลังงานกว่าเดิม รวมทั้งประสานงานกับ Memory subsystem เรียกใช้หน่วยความจำแบบต่างๆ ได้แก่ Memory scheduler, memory controller, DRAM memory ได้ดีกว่าเดิม ซึ่ง Intel เคลมว่ามีความเร็วลดลงดังนี้
- E-core สู่ E-core ลดลงราว 23 นาโนวินาที
- P-core สู่ P-core ลดลงราว 26 นาโนวินาที
- E-core สู่ P-core ลดลงราว 55 นาโนวินาที
- DRAM latency ลดลงราว 90 นาโนวินาที
ซึ่งผลจากการทดสอบกับโปรแกรม Benchmark ต่างๆ ก็ได้ผลลัพธ์ดีขึ้นกว่าเดิมอย่างชัดเจนอีกด้วย
จีพียูในตัวชิปเซ็ตอย่าง Intel® Arc™ Graphics 130V มี Xe-core ในตัว 7 คอร์ มีกำลังประมวลผล AI (Int8) สูงถึง 53 TOPS รองรับ OpenCL, OpenGL 4.6, DirectCompute, DirectML, Vulkan, DirectX 12 และ Ray Tracing ในตัว สามารถถอดรหัสไฟล์วิดีโอ H.264, H.265 (HEVC), AV1, VP9 ได้ดีขึ้นมาก ด้านการทำงานร่วมกับซอฟท์แวร์และส่วนเสริม AI ต่างๆ จะมี Intel Deep Learning Boost (Intel DL Boost) ไว้ช่วยเร่งการประมวลผลให้ได้ผลลัพธ์รวดเร็วยิ่งขึ้นและรองรับ Framework หลากหลายแบบ ไม่ว่าจะ OpenVINO, WindowsML, DirectML, ONNX RT, WebGPU, WebNN อีกด้วย
จุดแตกต่างของจีพียูรุ่นนี้เทียบกับ Intel Core Ultra 100 Series คือการเปลี่ยนสถาปัตยกรรมจีพียูเป็น Intel Xe2 แบบใหม่ มีชุดคำสั่ง Intel XMX (Intel Xe Matrix eXtensions) ช่วยเร่งการประมวลผล AI workloads ต่างๆ ได้เร็วขึ้น พอใช้งาน Intel XeSS Upscalling เสริมแล้ว จะทำเฟรมเรทได้ดีกว่าเดิม 61% และประสิทธิภาพต่อวัตต์ (Performance per Watt) ดีกว่าเดิมสูงสุด 35%
ซึ่งผลคะแนนจากการทดสอบกับ 3DMark Time Spy จำลองการเล่นเกมชั้นนำในปัจจุบันบนหน้าจอ 2K QHD แล้ว จะได้คะแนนเฉลี่ย 3777 คะแนน ได้ CPU score 7,105 คะแนน กับ Graphics score 3,489 คะแนน ในฐานะชิปเซ็ตรุ่นเริ่มต้น ถือว่าได้คะแนนสูงพอจะเล่นเกมทั่วไปได้แน่นอน สังเกตคะแนนกราฟิคแม้จะไม่สูงมากในปัจจุบันนี้ แต่ก็เท่ากับการ์ดจอแยกเมื่อ 3~4 ปีก่อน แต่มีเทคโนโลยี Upscalling เข้ามาเสริมก็ทำให้เล่นเกมได้ดีขึ้นอีก
จากการทดสอบเล่นเกมชั้นนำทั้ง 3 เกม แล้วได้เฟรมเรทเฉลี่ยเกาะกลุ่มในระดับ 30~50 FPS ก็ใช้ HP เครื่องนี้เล่นเกมฆ่าเวลาได้แน่นอน เทียบกับ Intel Core Ultra 100 Series ซึ่งผู้เขียนมีประสบการณ์ตรงจากโน๊ตบุ๊คสำรองอีกเครื่องก็ถือว่าชิปเซ็ตใหม่นี้ได้รับการพัฒนามาดีขึ้นมาก จากการทดสอบตั้งค่าความละเอียดหน้าจอ 1080p เลือกกราฟิคระดับ Medium ได้รับประสบการณ์เวลาเล่นแต่ละเกมดังนี้
- Call of Duty: Modern Warfare II (IW 9.0 Engine) – ไม่มีอาการหน่วงหรือเฟรมเรทตกราว 2~3 วินาทีแรกเวลาเริ่มต้นเล่นแล้ว สามารถเริ่มเล่นได้ทันทีและเฟรมเรทไม่ตกกะทันหันในชั่วเสี้ยววินาทีให้เห็นแม้แต่น้อย ถ้าเปิด Intel XeSS Upscalling แบบ Quality จะได้เฟรมเรทเฉลี่ยสูงขึ้นหรือเลือกกราฟิคในเกมให้สวยงามขึ้นแล้วเลือก XeSS Balanced, Performance ก็ได้
- Black Myth: Wukong (Unreal Engine 5) – อาการหน่วงตอบสนองช้าเวลาควบคุมตัวละครไม่มีแล้ว แม้จะไม่มี Frame Generation แบบ Upscalling ตัวอื่นก็ยังเล่นได้ลื่นไหลต่อเนื่อง
- Forza Horizon 5 (Forza Tech Engine) – สามารถควบคุมรถวิ่งไปตามฉากต่างๆ ได้ต่อเนื่อง ไม่มีอาการเฟรมเรทตกหรือกระตุกเวลาเจอฝุ่นหรือแสงสะท้อนต่างๆ แนะนำให้เปิด Intel XeSS Quality ก็พอหรือจะเปิด Frame Generation เพิ่มแล้วเลือกกราฟิคเป็น High Preset ก็ได้
แม้จะเป็นซีพียู Intel® Core™ Ultra 5 processors 226V รุ่นเริ่มต้นก็จริง แต่ก็ทำเฟรมเรทได้สูงน่าประทับใจ และต่อให้บางเกมยังไม่รองรับ XeSS Upscalling แต่ก็เปิดเล่นแล้วได้เฟรมเรทระดับ 30 FPS อย่างแน่นอนแถมทาง Intel ก็ประกาศว่าทางบริษัทกำลังจับมือกับผู้พัฒนาเกมช่วยกัน Optimize และนำ Intel XeSS ไปใช้ให้มากยิ่งขึ้นอีก ก็ถือเป็นสัญญาณอันดีว่า HP OmniBook Ultra Flip 14 นี้ นอกจากใช้ทำงานแล้วก็เป็นเพื่อนแก้เหงาได้อีกด้วย ส่วนรายชื่อเกมที่รองรับฟีเจอร์นี้สามารถเช็คได้ที่นี่
คะแนนเฉลี่ยจากโปรแกรมจำลองสภาพแวดล้อมการทำงานในรูปแบบต่างๆ อย่าง PCMark 10 โน๊ตบุ๊ค HP OmniBook Ultra Flip 14 จะทำคะแนนเฉลี่ยได้สูงทีเดียว โดยได้คะแนนดังนี้
คะแนนเฉลี่ย | 6,850 คะแนน |
Essentials (ทดสอบการเปิดโปรแกรม, ประชุมออนไลน์และเปิดเบราเซอร์) | 9,457 คะแนน |
Productivity (ทดสอบการทำงานกับโปรแกรม Microsoft Word, Excel) | 10,651 คะแนน |
Digital Content Creation (ทดสอบการแต่งภาพ, ตัดต่อวิดีโอและทำ Virtualization) | 8,662 คะแนน |
อิงจากคะแนนเฉลี่ยจากการทดสอบ ถือว่า Intel® Core™ Ultra 5 processors 226V ใน HP OmniBook Ultra Flip 14 มีกำลังประมวลผลสูงเกือบ 7,000 คะแนน ถือว่าใช้ทำงานออฟฟิศได้ดีทุกแบบไม่ว่าประชุมงานออนไลน์, เปิดโปรแกรม, ทำงานเอกสารต่างๆ ก็ดี ยิ่งจีพียู Intel® Arc™ Graphics 130V ได้รับการปรับปรุงมาใหม่จึงใช้กับการตัดต่อภาพ, วิดีโอและทำโมเดล 3D ได้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนมาก
คะแนนจากการทดสอบกับโปรแกรมตระกูล CINEBENCH ที่วัดกำลังประมวลผลของซีพียูกับโปรแกรมสายกราฟิคต่างๆ ซึ่งผลคะแนนของแต่ละเวอร์ชั่นจัดว่าทำได้ดีทีเดียว โดยผลของแต่ละเวอร์ชั่นจะเป็นดังนี้
- 2024 – ใช้ทดสอบประสิทธิภาพของซีพียูกับจีพียูอย่างหนักพร้อมกันโดยใช้เอนจิ้น Redshift สำหรับอุตสาหกรรมภาพยนต์ ได้ CPU (Multi-Core) 503 pts และ CPU (Single Core) 112 pts
- R23 – ใช้ทดสอบพลังประมวลผลของซีพียูเป็นหลัก มีความละเอียดและแม่นยำสูง ได้คะแนน Multi Core 8,895 pts และ Single Core อีก 1,775 pts
Blender CPU Blender GPU
ผลลัพธ์จากการทดสอบด้วย Blender Benchmark ที่จำลองการเรนเดอร์โมเดล 3D ภายใน 1 นาทีว่าจะเรนเดอร์ได้กี่ Sample ยิ่งได้มากยิ่งดี โดยแต่ละการทดสอบได้ผลลัพธ์ดังนี้
การทดสอบ (Sample) | CPU (Intel® Core™ Ultra 5 processors 226V) | GPU (Intel® Arc™ Graphics 130V) |
monster | 55 | 230 |
junkshop | 35 | 110 |
classroom | 25 | 96 |
Geekbench 6 CPU GeekbenchML ONNX CPU GeekbenchAI CPU ONNX GeekAI CPU OpenVINO
ด้านการทดสอบกับโปรแกรมตระกูล Geekbench จำลองการทดสอบในรูปแบบต่างๆ ตามแต่ละเวอร์ชั่น เมื่อทดสอบกับ Intel® Core™ Ultra 5 processors 226V ใน HP OmniBook Ultra Flip 14 จะได้ผลดังนี้
- Geekbench 6 – ใช้ทดสอบว่าซีพียูสามารถประสานงานกับหน่วยความจำในเครื่องได้ดีหรือไม่ โดยจำลอง workloads งานประเภทการบีบอัดข้อมูล (data compression), การประมวลผลภาพ (image processing), Machine Learning และ Compile code มาทดสอบ
- Windows AVX2 (Advanced Vector Extension 2) ชุดคำสั่งเสริมจาก AVX พื้นฐาน ใช้ทดสอบว่าซีพียูคำนวน vector integer ได้รวดเร็วหรือไม่ ถ้าเป็น Single-Core ทำได้ 2,560 คะแนน และ Multi-Core ได้ 9,944 คะแนน
- Geekbench ML ทดสอบด้วย ONNX CPU – ใช้ทดสอบว่าฮาร์ดแวร์ชิ้นนั้นสามารถใช้งานโปรแกรม Machine Learning ได้ดีหรือไม่ ในส่วนนี้ทำได้ 2,885 คะแนน
- Geekbench AI – คำนวณว่าซีพียูนั้นสามารถรันการทำงานกับโปรแกรม AI ต่างๆ ได้แม่นยำหรือรวดเร็วหรือไม่ แบ่งเป็น Single Precision เน้นความเที่ยงตรงของคำสั่ง, Half precision เน้นความเร็วมากขึ้นและลดความแม่นยำลง และ Quantized Score เน้นความเร็วแต่ไม่แม่นยำนัก
- ONNX ได้คะแนน Single Precision 2,019 คะแนน, Half precision 622 คะแนน และ Quantized Score 3,285 คะแนน
- OpenVINO ได้คะแนน Single Precision 2,507 คะแนน, Half precision 2,501 คะแนน และ Quantized Score 6,521 คะแนน
Geekbench 6 OpenCL Geekbench 6 Vulkan GeekbenchML GeekbenchAI ONNX DirectML GeekbenchAI GPU OpenVINO GeekbenchAI NPU OpenVINO
ด้านจีพียู Intel® Arc™ Graphics 130V กับ Intel AI Boost NPU จะได้คะแนนดังนี้
- Geekbench 6 – ใช้ทดสอบว่าซีพียูสามารถประสานงานกับหน่วยความจำในเครื่องได้ดีหรือไม่ โดยจำลอง workloads งานประเภทการบีบอัดข้อมูล (data compression), การประมวลผลภาพ (image processing), Machine Learning และ Compile code มาทดสอบ
- OpenCL, Windows AVX2 (Advanced Vector Extension 2) ชุดคำสั่งเสริมจาก AVX พื้นฐาน ใช้ทดสอบว่าคำนวน vector integer ได้รวดเร็วหรือไม่ ซึ่งจีพียูทดสอบด้วย OpenCL framework ทำได้ 23,143 คะแนน
- Vulkan, Windows AVX2 (Advanced Vector Extension 2) ชุดคำสั่งเสริมจาก AVX พื้นฐาน ใช้ทดสอบว่าคำนวน vector integer ได้รวดเร็วหรือไม่ ซึ่งจีพียูทดสอบด้วย OpenCL framework ทำได้ 30,491 คะแนน
- Geekbench ML ทดสอบด้วย ONNX DirectML – ใช้ทดสอบว่าฮาร์ดแวร์ชิ้นนั้นสามารถใช้งานโปรแกรม Machine Learning ได้ดีหรือไม่ ในส่วนนี้ทำได้ 5,261 คะแนน
- Geekbench AI ทดสอบว่าสามารถรันซอฟท์แวร์และส่วนเสริม AI ได้ดีหรือไม่ แยกการทดสอบเป็น 3 หมวด คือ Single Precision (ความแม่นยำสูง), Half Precision (ความแม่นยำปานกลางเพิ่มความเร็วมากขึ้น) และ Quantized Score (เน้นความเร็วประมวลผลความแม่นยำต่ำ)
- ONNX DirectML ได้คะแนน Single Precision 6,274 คะแนน, Half Precision 11,637 คะแนน และ Quantized Score 4,253 คะแนน
- OpenVINO DirectML ได้คะแนน Single Precision 7,820 คะแนน, Half Precision 21,044 คะแนน และ Quantized Score 23,342 คะแนน
- OpenVINO NPU ได้คะแนน Single Precision 17,199 คะแนน, Half Precision 17,240 คะแนน และ Quantized Score 23,141 คะแนน
ในฐานะโน๊ตบุ๊คบางเบาเน้นทำงานสำนักงานและพกติดตัวไปประชุมงานกับลูกค้าเป็นหลัก ถือว่า HP OmniBook Ultra Flip 14 ทำได้สมบูรณ์แบบและยังใช้ทำงานกราฟิคได้ ไม่ว่าจะแต่งภาพหรือตัดต่อวิดีโอรวมทั้งรันโปรแกรม AI ต่างๆ ก็ประมวลผลได้รวดเร็ว แม้จะเป็นรุ่นเริ่มต้นซีพียู Intel® Core™ Ultra 5 processors 226V ก็ใช้ทำงานกับซอฟท์แวร์ทั่วไปในชีวิตประจำวันได้แล้ว ยิ่งต่อไปถ้ามีซอฟท์แวร์ AI ต่างๆ ให้ใช้มากขึ้นก็มีกำลังประมวลผลสูงถึง 97 TOPS จึงใช้เป็นโน๊ตบุ๊คเครื่องหลักทำงานได้นานหลายปี
ข้อดีอีกอย่างของ Intel® Core™ Ultra 5 processors 226V อย่างการจัดการพลังงานแบตเตอรี่, เสียงรบกวนน้อยและอุณหภูมิไม่สูงมาก จากการทดสอบตั้งค่าาให้ใช้โหมดประหยัดพลังงาน, ลดความสว่างหน้าจอเหลือ 50% และเปิดเสียงลำโพงดัง 10% ดูคลิปใน YouTube เต็มหน้าจอด้วย Microsoft Edge นาน 30 นาที จะเห็นว่าตัวชิปเซ็ตจัดการพลังงานได้เยี่ยมมากและใช้งานได้นานถึง 11 ชม. 33 นาที จึงใช้งานได้นานทั้งวัน ไม่ว่าจะประชุมงานกับลูกค้าหรือพกไปทำงานนอกสถานที่ก็ไม่ต้องห่วงว่าแบตเตอรี่จะหมดระหว่างวันแน่นอน สังเกตว่าปริมาณแบตเตอรี่ในโปรแกรม BatteryMon แทบไม่ลดลงเลย จึงสันนิษฐานว่าอาจใช้งานได้นานกว่านี้แน่นอน
อุณหภูมิภายในเครื่องก็เย็นเหลือเฟือ จากการวัดด้วยเลเซอร์วัดอุณหภูมิบนพื้นผิวหรือกล้องอินฟาเรดจะเห็นว่าจุดอุณหภูมิสูงจะอยู่ส่วนเหนือคีย์บอร์ดเพียง 39 องศาเซลเซียสเท่านั้น และความร้อนก็ไม่แผ่ลงมาถึงมือผู้ใช้แน่นอน ด้านอุณหภูมิภายในจากการตรวจจับด้วยโปรแกรม CPUID HWMonitor จะเป็นดังนี้
อุณหภูมิ/ชิ้นส่วน | อุณหภูมิต่ำสุด (เซลเซียส) | อุณหภูมิสูงสุด (เซลเซียส) |
CPU | 38 | 96 |
GPU | 37 | 80 |
NPU | 35 | 45 |
นับได้ว่า Intel® Core™ Ultra 5 processors 226V นอกจากทำงานได้ดี พอผสานกับชุดระบายความร้อนของ HP OmniBook Ultra Flip 14 พอรันโปรแกรมทำงานเต็มกำลังก็ช่วยลดอุณหภูมิไม่ให้ค้างอยู่จุดสูงสุดนานเกินไป ถ้าใช้งานตามปกติจะไม่มีปัญหาเรื่องความร้อนแม้แต่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้น เสียงพัดลมเวลาทำงานก็เบาจนแทบเท่ากับเสียงตอนปล่อยเครื่องสแตนด์บายทิ้งไว้ แม้จะเปิดโปรแกรมเบิร์นตัวเครื่องเพื่อดึงอุณหภูมิไปให้ถึงจุดสูงสุดแล้ววัดจากด้านหน้าก็ดังเพียง 45.9dB และด้านหลังวัดได้ 48.9dB ซึ่งเบาเท่ากับเสียงสภาพแวดล้อมภายในห้องเท่านั้น การันตีได้ว่าโน๊ตบุ๊ค HP ซีพียู Intel® Core™ Ultra 200V Series Processors ตัวนี้ไม่รบกวนเจ้าของเครื่องและเพื่อนร่วมงานอย่างแน่นอน
User Experience
ประเด็นน่าประทับใจของ HP OmniBook Ultra Flip 14 หลักๆ แล้วคือเรื่องตัวเครื่องเบาพกง่ายและเสียงพัดลมเวลาทำงานเต็มกำลังก็แทบไม่ได้ยิน เบากว่าเสียงคีย์บอร์ดของเพื่อนร่วมงานด้วยซ้ำ แต่ได้กำลังประมวลผลดีสมชื่อชั้น Intel® Core™ Ultra 200V Series Processors ที่ยกเครื่องสถาปัตยกรรมภายในใหม่หมด จึงทำงานได้ทุกรูปแบบตั้งแต่งานเอกสารทั่วไป, ตัดต่อแต่งภาพและคลิปวิดีโอได้อย่างรวดเร็วผิดกับรูปลักษณ์บางเบาของมันมาก นอกจากนี้ยังต่อหน้าจอแยกด้วยพอร์ต Thunderbolt 4 ได้ ถ้าใครใช้จอ USB-C เป็นจอหลักก็ต่อสายเส้นเดียวใช้งานได้ทันทีไม่รกเกะกะสายตาแน่นอน
ระยะเวลาใช้งานแบบไม่ต่อชาร์จก็น่าประทับใจมาก จากการทดลองใช้งานจริงโดยเน้นใช้ทำงานผ่านเว็บเบราเซอร์และแต่งภาพประกอบบทความบ้างก็ใช้จนจบวันได้สบายๆ แทบไม่ต้องหยิบอะแดปเตอร์หรือพาวเวอร์แบงค์มาต่อชาร์จเลย และยังเรียกใช้ AI ในโปรแกรมต่างๆ ได้รวดเร็ว ไม่ว่าจะ Microsoft Copilot หรือ Generative AI ต่างๆ ก็ได้ผลลัพธ์ในเวลาสั้นๆ เข้ากับยุคสมัยนี้ที่ AI เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามาก
ว่าด้วยการเล่นเกม ถือว่า Intel® Arc™ Graphics 130V เป็นการพัฒนาแบบก้าวกระโดดจากรุ่นก่อนอย่างเห็นได้ชัด ใน Intel Core Ultra 100 Series ถึงจะอยู่ในระดับเล่นเกมได้ แต่ Intel® Core™ Ultra 5 processors 226V ของ HP OmniBook Ultra Flip 14 นับว่าอยู่ในระดับเล่นได้ดีได้เต็มปาก ยิ่งถ้าเปิด Intel XeSS Upscalling เสริมเข้าไปยิ่งได้เฟรมเรทเพิ่มและชดเชยเฟรมเรทต่ำสุดให้ภาพลื่นไหลยิ่งขึ้นอีกด้วย แต่ส่วนตัวขอแนะนำให้เปิด Intel® Arc™ Graphics Drivers แล้วปิดโหมดประหยัดพลังงานจะยิ่งดึงกำลังของจีพียูให้สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แลกกับการใช้พลังงานมากขึ้นเล็กน้อย
ในแง่ข้อสังเกตของ HP OmniBook Ultra Flip 14 จะอยู่ตรงการอัปเกรดได้จำกัด เปลี่ยนได้เฉพาะ M.2 NVMe SSD ตัวหลักเท่านั้นและมีพอร์ตเชื่อมต่อเฉพาะ Thunderbolt 4 กับ USB-C 3.2 Full Function เท่านั้น แม้จะมีหัวแปลง USB-C to HDMI ติดมาก็ตาม แต่ขอแนะนำให้หา USB-C Multiport Adapter ติดกระเป๋าไว้ เผื่อจำเป็นต้องต่อ Exeternal SSD ด้วย USB-A หรือโอนไฟล์จาก Micro/SD Card เข้าเครื่องมาใช้งานจะได้สะดวกขึ้น
Conclusion & Award
HP OmniBook Ultra Flip 14 นอกจากบอดี้ภายนอกสวยเรียบหรูถูกใจใครหลายคนแล้ว สเปคภายในกับชิปเซ็ตใหม่ Intel® Core™ Ultra 200V Series Processors ก็แรงสมตัว ใช้ทำงานออฟฟิศกับงานกราฟิคได้ทุกแบบ รวมทั้งเปิดเล่นเกมฆ่าเวลาได้ พลิกเป็นแท็บเล็ตเอาไว้อ่านหนังสือเซ็นเอกสารสำคัญร้อยแปดด้วยสไตลัสได้อีก นับว่าครบจบในเครื่องเดียว ถ้าใครอยากปลดล็อคประสบการณ์ AI ใหม่ด้วย Intel® Core™ Ultra อยากจะลงทุนเปลี่ยนมาใช้น่าจะถูกใจอย่างแน่นอน
Award
Best Performance
พลังการประมวลผลของ Intel® Core™ Ultra 200V Series Processors แม้จะไม่มี SMT เหมือนก่อน แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะมันสามารถรันโปรแกรมเล็กใหญ่ได้ดี แถมยังเล่นเกมชั้นนำได้เหนือกว่ารุ่นก่อนอย่างชัดเจน
Best Battery Life
แม้แบตเตอรี่จะมีความจุน้อย แต่ด้วยการจัดการพลังงานของตัวชิปเซ็ตทำให้ใช้ HP OmniBook Ultra Flip 14 ทำงานได้นานร่วม 12 ชม. จึงน่าประทับใจมาก ไม่ต้องคอยกังวลว่าเครื่องจะดับในช่วงสำคัญเลยแม้แต่นิดเดียว