การซื้อลำโพงบลูทูธดีๆ เอาไว้ใช้นอกจากเรื่องความบันเทิง จะต่อโน๊ตบุ๊ค, ทีวีหรือสมาร์ทโฟนใช้ดูหนังฟังเพลงได้หลายสถานการณ์ ทำให้ได้ฟังเสียงเพลงจากลำโพงคุณภาพสูงได้ง่ายๆ บางคนอาจใช้ลำโพงนี้แทนลำโพงคอมธรรมดาไปเลย เวลาจะไปเที่ยวครั้งไหนก็ถอดเอาไปฟังเพลงหรือจะเอาไปซ้อมเต้นหรือเล่นกีฬาก็เหมาะกว่าเปิดเสียงจากลำโพงมือถือให้เสียงอู้อี้ฟังไม่ทั่วถึงอย่างแน่นอน แล้วตอนนี้ก็หาซื้อได้ง่ายไม่ว่าจะเดินไปเลือกลองฟังรุ่นที่สนใจหน้าร้านค้าชั้นนำเลยหรือจะสั่งออนไลน์มาส่งถึงบ้านก็ง่ายเช่นกัน แถมปัจจุบันนี้แบรนด์ชั้นนำเจ้าต่างๆ ก็เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างมากมาย ทำให้คนรักเสียงเพลงมีตัวเลือกมากกว่าในอดีต
ว่าด้วยลำโพงบลูทูธ ดูสเปคและเลือกอย่างไรดี?
- การเลือกลำโพงสักตัวไม่แนะนำให้ซื้อตามคำบอกเล่าปากต่อปากนัก แนะนำให้ไปลองฟังเองก่อน
- ลำโพงบลูทูธหลายตัวมักมีแอปฯ สำหรับตั้งค่าและอัปเดตเฟิร์มแวร์ให้โหลดมาติดตั้งในสมาร์ทโฟน
- ไม่ควรเปิดลำโพงเสียงดังสุดต่อเนื่องนานหลายชั่วโมง เพราะดอกลำโพงจะเสียหายได้
- ลำโพงบลูทูธบางรุ่นสามารถใช้เป็นแบตสำรองใช้ชาร์จมือถือในยามจำเป็นได้
7 ลำโพงบลูทูธน่าใช้ พกก็ง่ายแต่งห้องก็สวย
- Tribit Stormbox Micro 2 (1,899 บาท)
- Klipsch Austin (3,790 บาท)
- Sony ULT FIELD 1 (3,790 บาท)
- Beats Pill (4,590 บาท)
- Harman Kardon Onyx Studio 7 (4,990 บาท)
- Edifier D32 Tabletop (5,399 บาท)
- MARSHALL Emberton III (7,690 บาท)
1. Tribit Stormbox Micro 2 (1,899 บาท)
Output Power & Frequency response | 10W (RMS) 70Hz~20kHz |
Connectivity & Software | Bluetooth 5.3 USB-C charging |
Battery Life | 4,700mAh ใช้ได้นานสุด 12 ชม. |
IP Rating | IP67 |
Price | 1,899 บาท (Pro Gadgets Shopee Mall) |
Tribit Stormbox Micro 2 เป็นลำโพงบลูทูธสำหรับคนรักกิจกรรม Outdoor ชอบออกไปเที่ยวนอกบ้านชมธรรมชาติเป็นประจำ ขอบบนลำโพงจะมีหูเกี่ยวตะขอแขวนกระเป๋าติดมาให้พร้อมปุ่มเพิ่มลดเสียงติดมาด้านหน้าลำโพง ทำให้ควบคุมฟังเพลงได้สะดวกขึ้นไม่ต้องกดจากปุ่มบนมือถือก็ได้ กำลังขับลำโพงสูงถึง 10W ทำให้เร่งเสียงได้ดังฟังเพลงได้สนุกทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะกำลังเดินป่าหรือนั่งเต้นท์ชมธรรมชาติอยู่ก็ดีแถมใช้ชาร์จสมาร์ทโฟนในยามจำเป็นได้และยังกันน้ำ IP67 ดังนั้นจึงไม่ต้องกลัวตกน้ำหรือเจอฝนสาดใส่เลย แต่เสียดายว่าลำโพงตัวนี้ไม่มีแอปฯ ในสมาร์ทโฟนเอาไว้ควบคุมการทำงาน ถ้าจะเปลี่ยนเพลงหรือปรับ EQ ก็ต้องขึ้นอยู่กับแอปฯ เล่นเพลงในมือถือแทน
ข้อดี
- ขนาดเล็กพกพาง่าย เหมาะกับการพกไปใช้นอกสถานที่
- ป้องกันน้ำและฝุ่นได้ระดับ IP67 ไม่ต้องห่วงเรื่องตกน้ำเสียหาย
- ใช้เป็นแบตสำรองชาร์จมือถือในยามจำเป็นได้
- มีฟีเจอร์ XBASS มีเสียงเบสแน่นฟังเพลงสนุกหูขึ้น
- ควบคุมเพิ่มลดเสียงได้โดยปุ่มหน้าลำโพง ใช้งานง่าย
ข้อสังเกต
- ไม่มีแอปฯ ควบคุมลำโพงให้โหลดมาติดตั้งในสมาร์ทโฟน
2. Klipsch Austin (3,790 บาท)
Output Power & Frequency response | 10W (RMS) 70Hz~20kHz |
Connectivity & Software | Bluetooth 5.3 USB-C fast charging 18W Klipsch Connect Plus |
Battery Life | สูงสุด 12 ชม. |
IP Rating | IP67 |
Price | 3,790 บาท (Pro Gadgets Shopee Mall) |
แค่เห็นชื่อแบรนด์ Klipsch ผู้ใช้หลายคนก็ให้ใจไปแล้วแถมทางบริษัทก็ผลิตลำโพงบลูทูธมาให้เลือกซื้อกันหลายรุ่นไม่ว่าจะรุ่นเรือธงหรือตัวเริ่มต้นอย่าง Klipsch Austin สำหรับคนมีกิจกรรม Outdoor ออกไปชมธรรมชาติหรือเล่นกีฬาเป็นประจำก็พกเจ้าตัวนี้ไปใช้ได้ด้วย ติดดอกลำโพงกำลังขับ 10W ได้เสียงดังฟังชัดเจนแถมตั้ง EQ ในแอปฯ ได้ เชื่อมกับลำโพง Klipsch ตัวอื่นเปิด Broadcast mode ให้เล่นเพลงเดียวกันร่วมกันได้มากกว่า 10 ตัว ใช้ได้นานทั้งวันและมีไมโครโฟนเอาไว้รับสายโทรศัพท์ได้ ถึงราคาจะสูงสุดในกลุ่มลำโพงตัวเล็กด้วยกัน แต่ในแง่คุณภาพก็นับว่าคุ้มค่าดี
ข้อดี
- มีแอปฯ Klipsch Connect Plus ให้ตั้งค่า EQ และอัปเดตเฟิร์มแวร์ได้
- กันน้ำและฝุ่นระดับ IP67 ทนทานต่อการตกน้ำหรือฝุ่นได้เป็นอย่างดี
- มี Broadcast mode เชื่อมต่อลำโพงรุ่นเดียวกันได้มากกว่า 10 ตัว
- แบตเตอรี่ทนทานใช้งานได้นานสุด 12 ชม. รองรับชาร์จไว 18W
- มีไมโครโฟนในตัว ใช้รับสายโทรศัพท์ได้
- มีเข็มขัดหลังลำโพงสำหรับรัดกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้ง่าย
ข้อสังเกต
- ไม่มีฟีเจอร์ชาร์จแบตเตอรี่ให้มือถือเหมือนลำโพงบลูทูธรุ่นอื่น
3. Sony ULT FIELD 1 (3,790 บาท)
Output Power & Frequency response | 20Hz~20kHz |
Connectivity & Software | Bluetooth 5.3 รองรับ Google Fast Pair USB-C charging Sony Music center |
Battery Life | สูงสุด 12 ชม. |
IP Rating | IP67 |
Price | 3,790 บาท (Sony Shopee Mall) |
คนรักเสียงเพลงหลายคนอาจคิดถึง Sony เป็นแบรนด์แรกๆ ถ้ากำลังมองหาลำโพงบลูทูธเอาไว้ใช้เล่นเพลงในงานปาร์ตี้บ่อยๆ Sony ULT FIELD 1 นับว่าน่าสนใจมาก ทั้งมีสายเชือกหิ้วติดมาแถมเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน Android ได้ง่ายด้วยฟีเจอร์ Google Fast Pair เพียงกดปุ่ม Power เปิดลำโพงก็มีหน้าต่างจับคู่ใช้งานได้ทันที สามารถโหลดแอปฯ Sony Music center มาตั้งค่า EQ พร้อมอัปเดตเฟิร์มแวร์ก็ได้ ใช้งานได้นานสุด 12 ชม. แถมกันน้ำกับฝุ่นระดับ IP67 จะเจอน้ำหกใส่หรือตกสระน้ำก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้ามีฟีเจอร์จับคู่ทำ Stereo mode หรือใช้ชาร์จมือถือได้ก็จะยิ่งน่าใช้ขึ้นอีก
ข้อดี
- มีฟีเจอร์ Bass Boost, ULT POWER SOUND 2 เน้นเสียงให้ฟังเพลงได้สนุกขึ้น
- เชื่อมต่อสมาร์ทโฟน Android ได้รวดเร็วด้วย Google Fast Pair
- ดาวน์โหลดแอปฯ Sony Music center มาตั้งค่าลำโพงได้สะดวกขึ้น
- กันน้ำและฝุ่นระดับ IP67 ใช้ฟังเพลงได้แทบทุกสถานการณ์เหมาะกับงานปาร์ตี้มาก
- มีฟีเจอร์ป้องกันเสียงสะท้อน ใช้รับสายโทรศัพท์ได้เสียงชัดเจน
- ติดสายคล้องมาให้หยิบถือได้สะดวกยิ่งขึ้น
ข้อสังเกต
- ไม่มีฟีเจอร์เชื่อมกับลำโพงรุ่นเดียวกันและใช้ชาร์จแบตเตอรี่ให้มือถือไม่ได้
4. Beats Pill (4,590 บาท)
Output Power & Frequency response | ได้เสียงดังและมีเอกลักษณ์ของ Beats |
Connectivity & Software | Bluetooth 5.3 USB-C Audio Beats, Find My |
Battery Life | สูงสุด 24 ชม. ชาร์จเร็ว Fast Fuel 10 นาที ใช้ได้ 2 ชม. |
IP Rating | IP67 |
Price | 4,590 บาท (Studio 7) |
ชาว iOS ผู้อยากใช้ลำโพงบลูทูธใน Apple Ecosystem แต่จะพก HomePod ติดกระเป๋าไปฟังเพลงตอนเล่นกีฬาก็น่าจะไม่ดี ก็มี Beats Pill ให้ใช้แทนและทนทานด้วย ทั้งกันน้ำและฝุ่นระดับ IP67 แถมใช้ฟังเพลงได้นาน 24 ชม. ได้เสียงเป็นเอกลักษณ์เบสหนักแน่นพร้อมเชื่อมต่อแบบสเตอริโอเข้ากับลำโพง Beats Pill อีกตัวได้ด้วย แม้จะใช้งานกับ Android ก็ได้แต่ถ้าใช้กับ iOS จะใช้ Find my ตามหาลำโพงเวลาลืมทิ้งเอาไว้แล้วนึกไม่ออกได้ง่ายขึ้น ด้านดอกลำโพงของ Pill ตัวนี้จะเป็นดอกคู่เป็นทวีตเตอร์กับซับวูฟเฟอร์และหน้าลำโพงจะเฉียงยกขึ้นเล็กน้อย ทำให้เสียงดังทั่วห้องและถ้าต่อฟังเพลงผ่านสาย USB-C จะเล่นไฟล์เสียง Lossless ได้อีกด้วย
ข้อดี
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสุด 24 ชม. ฟังเพลงต่อเนื่องได้นาน ชาร์จไว 10 นาที ใช้ได้ 2 ชม.
- ใช้แอปฯ Beats ตั้งค่าเสียงและอัปเดตเฟิร์มแวร์ได้ รองรับ Find my ใน iOS
- กันน้ำและฝุ่นระดับ IP67 โดนน้ำแล้วไม่เสียหายแน่นอน
- ติดตั้งดอกลำโพงคุณภาพสูง ใช้เล่นเพลงได้เสียงระดับ Lossless audio
- เชื่อมต่อลำโพงอีกตัวแบบ Amplify Mode ให้เสียงดังและเปิด Stereo mode ได้
- รองรับ Voice assistant ต่างๆ ในสมาร์ทโฟนโดยไม่ต้องหยิบมือถือขึ้นมาใช้
ข้อสังเกต
- เหมาะกับผู้ใช้สินค้าของ Apple เพราะจะใช้ฟีเจอร์ Find my ได้ด้วย
5. Harman Kardon Onyx Studio 7 (4,990 บาท)
Output Power & Frequency response | 50W (RMS) 50Hz~20kHz |
Connectivity & Software | Bluetooth 4.2 |
Battery Life | สูงสุด 8 ชม. |
IP Rating | – |
Price | 4,990 บาท (JBL Shopee Mall) |
ลำโพงบลูทูธเพื่อสายแต่งบ้าน ตั้งแล้วหรูดูดีเข้ากับห้องหลากหลายสไตล์อย่าง Harman Kardon Onyx Studio 7 แม้จะไม่ได้เด่นเรื่องกันน้ำและฝุ่นและยังเชื่อมต่อด้วย Bluetooth 4.2 ก็จริง แต่เรื่องดีไซน์นั้นสวยไม่แพ้ใครใช้แต่งบ้านได้ไม่ต่างกับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งเลย ดีไซน์ลำโพงเป็นทรงกลมกับวงแหวนอลูมิเนียมสีเงิน จะวางแต่งห้องไหนสไตล์ใดก็เข้ากันแถมติดตั้งลำโพงมาหลายดอกในตัวจึงเล่นเพลงหรือหนังได้แบบสเตอริโอ จะดูหนังหรือฟังเพลงก็ดีแถมกำลังขับถึง 50W และมีฟีเจอร์ Wireless Dual Sound จึงเชื่อมลำโพง Onyx 7 อีกตัวเล่นเพลงพร้อมกันได้ทันที ใช้งานโหมดไร้สายได้นานสุด 8 ชม. ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ถ้าอยากได้ลำโพงที่กลายเป็นเฟอร์นิเจอร์ได้ด้วยกซื้อรุ่นนี้ไว้ใช้ได้เลย
ข้อดี
- ดีไซน์สวยงามแข็งแรงมีเอกลักษณ์ ใช้ตกแต่งเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งในบ้าน
- กำลังขับสูงถึง 50W สามารถเร่งเสียงได้ดังทั่วห้อง ได้เสียงแบบสเตอริโอ
- มีฟีเจอร์ Wireless Dual Sound เชื่อมต่อลำโพง Onyx อีกตัวเล่นเพลงพร้อมกันได้
- ติดปุ่มควบคุมเพิ่มลดเสียงและเปลี่ยน Track มาให้บนตัวลำโพง ใช้งานได้ง่าย
- มีฟีเจอร์ Wireless Bluetooth Streaming จับคู่อุปกรณ์ไร้สาย 2 ชิ้นได้โดยไม่ต้องจับคู่ใหม่
ข้อสังเกต
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสุดเพียง 8 ชม. รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 4.2 เท่านั้น
- ไม่มี IP Rating เหมาะกับใช้งานในบ้านเท่านั้นและควรระวังเรื่องฝุ่นกับน้ำด้วย
6. Edifier D32 Tabletop (5,399 บาท)
Output Power & Frequency response | Treble 15W + Mid-low 30W Class-D Amplifier 52Hz~40kHz |
Connectivity & Software | Bluetooth 5.3 Wi-Fi (Apple AirPlay) USB-C Audio AUX Edifier ConneX |
Battery Life | สูงสุด 11 ชม. |
IP Rating | – |
Price | 5,399 บาท (Edifier Shopee Mall) |
ลำโพงทรงเรโทรเน้นแต่งห้องอ่านหนังสือในบ้านให้ดูสวยเข้ากันต้องลำโพงบลูทูธแบรนด์ขวัญใจสายประหยัดอย่าง Edifier D32 Tabletop ทั้งหน้าตาแบบวิทยุสมัยก่อน วางบนชั้นหนังสือสไตล์ไหนก็ไม่ขัดตาแถมยังติดตั้งลำโพงมา 2 ชุด แยกเป็น Treble กับ Mid-low รวมกำลังขับ 45W ควบคู่กับ Class-D Amplifier ในตัวทำให้ฟังเพลงได้ทุกแนวตั้งแต่ย้อนยุคจนสมัยปัจจุบันแถมโหลดแอปฯ Edifier ConneX มาก็สามารถปรับแต่ง EQ และอัปเดตเฟิร์มแวร์ให้ลำโพงได้หรือจะต่อ USB-C Audio หรือ AUX เป็นลำโพงคอมแทนเลยก็ดีเช่นกัน แต่จะไม่เหมาะจะพกไปฟังเพลงนอกสถานที่เพราะไม่มี IP Rating ถ้าโดนน้ำอาจเสียหายได้แถมไม่รองรับ Stereo mode จึงเน้นใช้งานเดี่ยวๆ เท่านั้น แต่นอกจากนั้นถือเป็นลำโพงที่ไม่ควรมองข้ามเลย
ข้อดี
- ดีไซน์สวยเรโทร ใช้เป็นลำโพงและเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านได้พร้อมกัน
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสุด 11 ชม. ใช้ฟังเพลงได้นานพอควร
- อัปเดตเฟิร์มแวร์และปรับแต่ง EQ ได้ด้วยแอปฯ Edifier Connex
- ติดดอกลำโพง Treble กับ Mid-low มาให้ กำลังขับรวม 45W มิติเสียงดี ได้เสียง 2.1 แชนแนล
- รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Bluetooth, USB-C, AUX และ Apple AirPlay
- Bluetooth รองรับ LDAC รองรับ bitrate เสียงระดับ 24bit/96kHz
- ติดตั้ง Class-D Amplifier มาในตัว ช่วยให้มิติเสียงเพลงดีขึ้น
- มีปุ่มควบคุมการทำงานติดตั้งมาให้บนตัวลำโพง
ข้อสังเกต
- ไม่มี IP Rating ไม่ควรนำออกไปใช้งานนอกบ้านนัก
- ไม่มี Stereo mode จับคู่ลำโพงเล่นเพลงเดียวกันพร้อมกันไม่ได้
7. MARSHALL Emberton III (7,690 บาท)
Output Power & Frequency response | 10W*2 Full Range Passive radiators 38W*2 Class-D Amplifier 65Hz~20kHz |
Connectivity & Software | Bluetooth 5.3 Marshall Bluetooth |
Battery Life | มากกว่า 32 ชม. ชาร์จเร็ว 20 นาที ฟังเพลงได้ 6 ชม. ชาร์จเร็ว 2 ชม. ได้แบตเตอรี่ 100% |
IP Rating | IP67 |
Price | 7,690 บาท (Studio 7) |
ปิดท้ายด้วยลำโพงบลูทูธระดับพรีเมี่ยมอย่าง MARSHALL Emberton III ที่ค่าตัวค่อนข้างสูงร่วม 8,000 บาทแต่น่าใช้มาก ไม่ว่าจะได้ลำโพงคู่กำลังขับรวม 20W และ Class-D Amplifier ติดมาให้ ปรับแต่ง EQ และอัปเดตเฟิร์มแวร์ได้ผ่านทางแอปฯ Marshall Bluetooth และกันน้ำกับฝุ่นได้ระดับ IP67 จึงพกไปฟังเพลงเวลาออกไปเที่ยวกับเพื่อนหรือเล่นกีฬาได้สบายๆ ใช้ได้นานกว่า 32 ชม. เสริมด้วย Auracast แชร์สัญญาณเสียงผ่านทาง Bluetooth ไปยังอุปกรณ์อื่นได้ทันที เรียกว่าครบเครื่องมาก แถมโทนการปรับจูนเสียงแบบ Marshall ก็มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องไดนามิคเสียงดีมีเบสหนักแน่นถูกใจนักฟังเพลงหลายๆ คนอยู่แล้ว ถ้าใครพร้อมจ่ายจะซื้อเอาไว้ไม่ผิดหวังแน่นอน แต่ถ้าทางบริษัทใส่ Google Fast Pair มาให้ด้วยก็จะดีมาก
ข้อดี
- ติดตั้งดอกลำโพงแบบคู่ได้เสียงสเตอริโอ กำลังขับดีฟังเพลงได้หลายแนว
- ปรับตั้ง EQ ได้ตามต้องการผ่านแอปฯ Marshall Bluetooth
- มีไมโครโฟนเอาไว้รับสายโทรศัพท์ได้ ไม่ต้องหยิบมือถือออกจากกระเป๋า
- แบตเตอรี่ทนทานใช้งานได้นานมากกว่า 32 ชม.
- กันน้ำและฝุ่นได้ระดับ IP67 สามารถพกไปฟังเพลงได้ทุกโอกาส
- มีฟีเจอร Auracast กระจายสัญญาณเสียงผ่าน Bluetooth ไปยังอุปกรณ์อื่นได้
- ติดตั้งปุ่มควบคุมต่างๆ มาให้บนตัวลำโพง ใช้งานได้สะดวก
ข้อสังเกต
- ราคาค่อนข้างสูงถึง 7,690 บาท อาจตัดสินใจซื้อได้ค่อนข้างยาก
- ถ้ามีระบบ Google Fast Pair เสริมเข้ามาจะใช้งานได้สะดวกขึ้น
สรุปสเปค 7 ลำโพงบลูทูธน่าใช้ พกง่ายฟังเพลงได้ทุกแนว แต่งบ้านก็สวยไม่หยอก!
ลำโพงบลูทูธนอกจากพกติดตัวไปฟังเพลงเวลาเดินทางท่องเที่ยวแล้วอยากฟังเพลงให้ได้อรรถรสแล้วยิ่งถ้าขับรถไปเที่ยวกับเพื่อนก็เอาไว้ปาร์ตี้กันตอนกลางคืนได้อย่าง Tribit, Sony หรือ Klipsch ก็น่าสนใจแต่ลำโพงสายพกพาควรเน้นเรื่อง IP Rating เป็นอันดับแรก ยิ่งได้ IP67 ยิ่งดี หรือถ้าซื้อมาติดโต๊ะคอมก็มีรุ่นเน้นดีไซน์สวยงามอย่าง Harman Kardon หรือ Edifier พอวางแล้วก็สวยเหมือนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งไม่มีผิด แถมถ้ารุ่นไหนต่อ USB-C Audio ได้ยิ่งใช้ง่าย ต่อได้หมดทั้งพีซีและโน๊ตบุ๊ค
แต่เรื่องลำโพงและหูฟังต่างๆ เป็นของใช้ที่เน้นเรื่องรสนิยมและความชอบส่วนตัวเป็นหลัก บางคนอาจชอบลำโพงเสียงทุ้มแรงปะทะเยอะก็มี หรือบางคนรักเสียงโทน Flat ไม่ปรับแต่งเพิ่มแต่แรงปะทะเสียงจะต้องดีได้อารมณ์ ดังนั้นก่อนซื้อควรหายืมคนใกล้ตัวหรือไปร้านเครื่องเสียงทดลองฟังดูก่อนว่าลำโพงบลูทูธตัวนั้นเสียงถูกจริตไหม จะไดซื้อแล้วถูกใจไม่ต้องเสียเงินหลายรอบ แต่ถ้าชอบลองของใหม่เปลี่ยนไปเรื่อย จะลองซื้อมาแล้วลุ้นกันเองก็สนุกใช้ได้ถ้าไม่ห่วงเรื่องอาการทรัพย์จางถามหาจะตามหาลำโพงที่ใช่ไปเรื่อยๆ ก็แล้วแต่รสนิยมของแต่ละคนได้เลย