เราปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้ปัญญาประดิษฐ์เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจำวันของเราอย่างเลี่ยงไม่ได้แล้ว และโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ติดตั้งชิปเซ็ต AMD Ryzen AI NPU ก็เริ่มหาซื้อได้ง่ายขึ้น มีตัวเลือกมากมายแถมซอฟท์แวร์หรือส่วนเสริม AI จากบริษัทชั้นนำก็มีให้ใช้งานมากขึ้นรวมทั้ง Microsoft ก็รับลูก จับมือกับผู้พัฒนาซีพียูปรับแต่ง Windows 11 ให้ใช้งานกับซีพียูรุ่นใหม่มี NPU ได้ดีขึ้นและมีฟังก์ชั่นตรวจจับการทำงานเพิ่มเข้ามาใน Task Manager เป็นพิเศษ ทำให้ผู้ใช้ดูได้ว่าชิปเซ็ตใหม่นี้ทำงานตอนไหนบ้าง
อย่างไรก็ตามชิปนี้ถูกออกแบบมาใช้ทำงานเฉพาะอย่าง ปกติมักไมเ่ห็นคอร์นี้ทำงานบ่อยนักจนบางคนเกิดกังขาว่าชิปเซ็ตตัวนี้มันสมคำโฆษณาหรือเปล่า? หากว่ากันตามจุดประสงค์ของมัน ถ้าใช้งานตามปกติ NPU จะคอยช่วยจัดการทำงาน Workloads กับระบบส่วนลึกของ Windows 11 เป็นหลัก ถ้ามีฟังก์ชั่นไหนในโปรแกรมใดออกแบบมาเพื่อเรียกใช้ AI โดยเฉพาะก็จะเห็นคอร์นี้ประมวลผลขึ้นมาบ้าง แต่ถ้ามี NPU เสริมเข้ามาแบบนี้จะทำให้เราทำงานสะดวกขึ้นอย่างไรบ้างนะ?
AMD Ryzen AI NPU น่าใช้อย่างไรบ้าง?
- การวัดพลังประมวลผล AI ในปัจจุบันจะวัดเป็นค่า TOPS (Tera Operations Per Second) ภายใน 1 วินาที NPU สามารถประมวลผลได้กี่พันล้านคำสั่ง ยิ่งทำได้มากยิ่งดี
- ซีพียู AMD มี NPU ตั้งแต่ Ryzen 7040 Series ทั้ง Ryzen 5 / 7 / 9 โดย NPU มีพลังประมวลผล 10 TOPS แต่รวมทั้งชิปเซ็ตจะสูงสุด 39 TOPS
- NPU ใน AMD Ryzen AI 300 Series มีพลังประมวลผลสูง 50 TOPS รวมทั้งชิปเซ็ตได้ 80 TOPS
- NPU ของ AMD Ryzen AI ออกแบบโดยใช้สถาปัตยกรรม AMD XDNA มีหน่วยประมวลผล Vector กับ Scalar ภายในตัว จัดการการรับส่งผ่านข้อมูลได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
- แม้ AI จะทำงานต่างๆ ได้ดี แต่ไม่เหมาะกับงานเฉพาะทาง เช่น ทางการแพทย์, งานศิลปะและความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ เป็นต้น
Ryzen AI NPU เป็นอย่างไร ดีต่อการทำงานอย่างไร?
- AI มีข้อดีและส่งผลต่อชีวิตประจำวันของเราอย่างไร?
- AMD Ryzen AI NPU คืออะไร?
- ซอฟท์แวร์ AI ในชีวิตประจำวัน มีอะไรบ้างนะ?
- 2 โน๊ตบุ๊คมี Ryzen AI NPU น่าใช้เพื่อคนทำงาน พกสะดวกรัน AI เร็วทันใจ!
AI มีข้อดีและส่งผลต่อชีวิตประจำวันของเราอย่างไร?
AI (Artificial intelligence (n.) ปัญญาประดิษฐ์) ไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานนี้ แต่มีการค้นคว้าวิจัยสร้างมาเป็นเวลานานแล้วโดยมีพื้นฐานมาจาก Turing Test ในปี 1950 แล้วมีการวิจัยเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่องจนเป็น Chatbot ตัวแรกอย่าง ELIZA ในช่วงปี 1960 เพื่อวิจัยทดสอบการสื่อสารระหว่างมนุษย์และเครื่องจักร แต่วิธีการสื่อสารยังเป็น “Pattern Matching” โดยจับคู่ระหว่างแพตเทิร์นการพูดของคนกับสคริปท์ในระบบซึ่งมีจำนวนจำกัด จากรากฐานนั้นก็พัฒนาต่อมาจนเป็น AI ซึ่งมีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น แม้จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็จริงแต่เรายังปรับใช้ระบบเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ต่อชีวิตประจำวันของเราได้ ซึ่งสิ่งที่ AI ทำได้ดีหลักๆ แล้วจะมี 5 เรื่องใหญ่ๆ ด้วยกันคือ
- ไม่มีอคติและตัดสินใจได้รวดเร็ว – การตัดสินเลือกอะไรใดๆ ของ AI จะอิงจากข้อมูลซึ่งถูกเทรนและรวบรวมเอาไว้ในตัวทำให้การตัดสินเรื่องใดเรื่องหนึ่งทำได้แม่นยำขึ้น ลดความผิดพลาดและตัดสินใจได้รวดเร็วจากข้อมูลที่มีและถูกนำมาเทรนโมเดลด้วย
- สามารถรับความเสี่ยงได้ – ร่างกายมนุษย์นั้นเปราะบางและอาจถึงแก่ชีวิตได้ถ้าต้องปฏิบัติงานในสถานที่อันตรายหรือสุ่มเสี่ยง ดังนั้นการมีหุ่นยนต์ AI สำหรับงานเฉพาะทางอย่างการสำรวจทะเลลึก, ขุดเจาะเหมือง, แก้ระเบิด ฯลฯ ลดความเสี่ยงในการปฏิบัติงานได้มากแค่มีแหล่งพลังงานเพียงพอก็ทำงานได้แทบจะตลอดเวลา
- ทำงานซ้ำซากได้เป็นอย่างดี – ในวันหนึ่งๆ เราจะต้องเจอกับงานเดิมซ้ำไปมาเป็นปกติอยู่แล้ว ดังนั้นถ้างานไหนมีรูปแบบตายตัว เช่น การตอบอีเมล์โดย AI Mail Assistant ใน Google Workspace, ตรวจไวยากรณ์และตอบอีเมล์โดย AI ในแอปฯ Grammaly เป็นต้น ผู้ใช้จึงไม่ต้องผละจากงานสำคัญมาทำงานยิบย่อยให้เสียสมาธิและเวลาโดยไม่จำเป็น
- สรุปเนื้อหามากมายให้เข้าใจได้ง่ายและรวดเร็ว – ในการประชุมครั้งหนึ่งก็มีผู้พูดมากมาย ประเด็นอีกหลากหลายอย่างซึ่งบางคนอาจเสียสมาธิหรือหลุดประเด็นได้ง่าย ผิดกับ AI ที่บันทึกอัดเสียงแล้วสรุปความแปลงเป็นตัวอักษรได้ในเวลาสั้นๆ หรือถ้ามีข้อมูลหลากหลายเซ็ตก็ให้ AI สรุปเป็นเซ็ตแล้วแทบจะนำมาใช้งานต่อได้ในทันที
- เพิ่มลดปริมาณรองรับสเกลงานได้ตามต้องการ – องค์กรหรือบริษัทระดับมหาชนหรือระดับโลกก็เริ่มปรับตัวเอา AI เข้ามาช่วยซัพพอร์ตให้มนุษย์ทำงานได้สะดวกขึ้น โดยเฉพาะงาน Call Center ซึ่งช่วยตอบคำถามหรือแก้ปัญหาจิปาถะให้ทีมงานทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น ให้มนุษย์ไปทำงานสำคัญอื่นได้ หรือใกล้ตัวกว่านี้ก็เป็นระบบเรียนรู้พฤติกรรมของผู้ใช้ในแอปฯ สตรีมมิ่งต่างๆ ไว้คอยแนะนำคอนเทนต์ให้ตรงกับพฤติกรรมการรับชมของแต่ละคนได้ตรงใจยิ่งขึ้นให้ลูกค้ายังใช้บริการหรืออย่างน้อยก็ใช้เวลาอยู่ในแอปฯ นานขึ้น
ในแง่ข้อดีของ AI ถ้าสังเกตจะเห็นว่ามันเข้ากับการใช้คอมพิวเตอร์ทำงานหลายอย่าง ไม่ว่าจะช่วยจัดการงานเบื้องหลังของระบบปฏิบัติการ Windows 11 ซึ่งรันเป็นปกติเวลาเปิดเครื่องใช้งาน ทำให้เวลาใช้งานแล้วซีพียูไม่ต้องจัดสรรคอร์ปกติไปใช้งานแต่เอา NPU เข้าไปจับได้ทันที และยังทำงานกับฟังกืชั่นอื่นๆ ภายในระบบปฏิบัติการอย่างช่วยแปลภาษาอัตโนมัติ (Live Captions), ทำเอฟเฟคพิเศษเวลาประชุมงานออนไลน์ ไม่ว่าจะตัดฉากหลัง, แก้การโฟกัสสายตา ฯลฯ หรือแม้แต่ฟีเจอร์ล่าสุดอย่าง Reacall ย้อนกลับไป Prompt คำสั่งก่อนหน้าได้ด้วย ดังนั้นการมี NPU เสริมเข้ามาก็เพื่อให้คอมทำงานได้ลื่นไหลขึ้นและเพิ่มฟังก์ชั่นการทำงานให้มากยิ่งขึ้นด้วยนั่นเอง
แม้จะมีข้อดีพอควร แต่ก็ยังต้องตั้งคำถามกับ AI ว่าการเทรนโมเดลนั้นขึ้นมามีความเหมาะสมสอดคล้องกับจริยธรรมหรือเปล่า? ซึ่งในช่วงแรกบางคนอาจได้ยินข่าวว่ามีบางบริษัทก็นำภาพจากเว็บไซต์ต่างๆ ไปใช้เทรนโมเดลโดยไม่ได้ขออนุญาตให้เหมาะสมจนก่อความไม่พอใจกับศิลปินเป็นวงกว้าง จนกระทั่งเกิดโปรแกรมฝังลายน้ำในภาพวางยา AI อย่าง Nightshade จากทีมนักวิจัย University of Chicago เป็นต้น ดังนั้นข้อสังเกตและสิ่งที่ปัญญาประดิษฐ์เหล่านี้ทำไม่ได้หรือน่าตั้งข้อสังเกตเช่นกัน ตัวอย่างเช่น
- ใช้วินิจฉัยโรคแทนแพทย์ – เพราะการอธิบายอาการของโรคจากผู้ป่วยนั้นหลากหลาย จำเป็นต้องใช้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญตรวจโดยละเอียดแล้ววินิจฉัยอย่างเหมาะสม หากเป็นการฟังแล้วตีความของ AI อาจเกิดความผิดพลาดร้ายแรงตามมาได้ กลับกันการเป็นฐานข้อมูลและเป็นผู้ช่วยแพทย์เพื่อรักษาก็ยังพอเป็นไปได้
- ใช้พลังงานมหาศาลเพื่อเทรนโมเดล – การเทรนโมเดล LLMs ให้ใช้งานได้ดีต้องการพลังงานไฟฟ้ามหาศาล มีการประเมินว่าการเทรนโมเดล GPT-3 ต้องใช้ไฟฟ้า 1,300 MWh (เมกะวัตต์ชั่วโมง) มากพอจะจ่ายไฟให้บ้าน 130 หลังใช้ได้ฟรี 1 ปีเต็ม ถ้าเป็นโรงไฟฟ้าทั่วไปคงจะไม่คุ้มค่ากันและก่อมลพิษมหาศาล ซึ่งวิธีแก้ปัญหานี้ถ้าติดตามข่าวจะเห็นว่า Microsoft ได้เซ็นสัญญาซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ Three Mile Island ในรัฐเพนซิลเวเนียเพื่อใช้กับ AI ของตัวเอง กลับกันฝั่งผู้ใช้ก็ยังมีปริมาณการใช้งาน AI จำกัดตามปริมาณ Token ที่มีอยู่เช่นกัน
- ขาดความคิดสร้างสรรค์, ความเอาใจใส่และอารมณ์แบบมนุษย์ – ถึงอารมณ์หรืออคติบางอย่างเป็นจุดอ่อนให้เกิดการวิเคราะห์หรือตัดสินใจผิดพลาด แต่ก็เป็นพื้นฐานเพื่อก่อความคิดสร้างสรรค์และความเอาใจใส่ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ซึ่งปัญญาประดิษฐ์เหล่านี้ไม่มีและทำไม่ได้และยังเอาความรู้ไปต่อยอดไม่เป็นนอกจากต้องรอคำสั่งจากมนุษย์เท่านั้น
- ความโปร่งใสและความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล – การเทรน AI ให้ใช้งานได้ต้องมีข้อมูลมหาศาล ซึ่งแหล่งที่มาของข้อมูลก็ตอบไม่ได้ว่านำข้อมูลมาจากไหนและเจ้าของข้อมูลได้ให้การยินยอมแล้วหรือไม่? นอกจากนี้ยังไม่ได้นับรวมเรื่องความเหมาะสมของข้อมูลด้วยว่าเซ็ตข้อมูลนั้นมีความเหมาะสมหรือเปล่าแล้วเอามาเทรน AI จะเกิดอคติใดๆ ขึ้นมาหรือไม่?
AMD Ryzen AI NPU คืออะไร?
AMD เปลี่ยนผ่านจากซีพียู FX-Series มาเป็น AMD Ryzen เมื่อปี 2017 และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีและเสริมทัพด้วยชิปเซ็ต AMD Ryzen AI ซีรี่ส์ใหม่เพิ่มเข้ามาต่อจาก AMD Ryzen 7040, 8000 Series ซึ่งทั้ง 3 ซีรี่ส์จะมี NPU ในตัวไว้ประมวลผล AI และมีค่า TOPS เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยแต่ละรุ่นจะมีกำลังประมวลผลดังนี้
รุ่น / ค่า TOPS | 7040 Series | 8000 Series | Ryzen AI 300 Series |
ค่า TOPS | สูงสุด 10 TOPS | สูงสุด 39 TOPS | NPU 50 TOPS รวมทั้งชิปเซ็ต 80 TOPS |
เชิงโครงสร้างของ AMD Ryzen AI NPU นอกจากคอร์ซีพียูกับจีพียูซึ่งมีเป็นพื้นฐานในตัวชิปเซ็ตอยู่ก็จะมี NPU (Neural Processing Unit) เสริมเข้ามาและ AMD ตั้งเป้าให้รันโปรแกรมและส่วนเสริม AI ได้ในเครื่องโดยไม่ต้องส่งขึ้นไปประมวลผลบน Cloud โดยคอร์แต่ละประเภทในชิปเซ็ตถูกออกแบบมาเพื่อจุดประสงค์แตกต่างกันดังนี้
- CPU – คอร์ประมวลผลหลักสถาปัตยกรรม AMD Zen 5 เหมาะกับการทำงานกับงานและข้อมูล AI ชุดใหม่ให้มีความหน่วงช้าน้อยที่สุด (single-inference low-latency AI tasks)
- GPU – คอร์กราฟิคสถาปัตยกรรม AMD RDNA 3.5 ได้ NPU เข้ามาเสริมประสิทธิภาพเวลาทำงาน Digital Content Creation เช่น การประมวลผลกับส่วนเสริม AI ในซอฟท์แวร์ตัดต่อภาพหรือวิดีโอให้ได้ผลลัพธ์รวดเร็วที่สุด
- NPU – คอร์ NPU สถาปัตยกรรม AMD XDNA สำหรับทำงานกับซอฟท์แวร์และโปรแกรมใดๆ ที่ได้รับการเทรนมาแล้วให้ทำงานเสร็จได้เร็วยิ่งขึ้นและช่วยประหยัดพลังงานไปในตัว ตัวชิปรองรับโปรแกรมต่างๆ เกิน 100 โปรแกรม, มีค่า TOPS สูง และจัดสรรคอร์ NPU ไปทำงานได้พร้อมกัน 4 ซอฟท์แวร์
ซึ่งตัวชิปเซ็ต Ryzen AI NPU ก็มีผู้ผลิตโน๊ตบุ๊คชั้นนำอย่าง Acer, ASUS, Dell, HP และ Lenovo นำไปติดตั้งในโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่เพื่อนำมาวางขายแล้ว ทาง AMD ก็จับมือกับผู้พัฒนาซอฟท์แวร์ทั้ง Microsoft, Adobe, Essential AI, OpenAI, Topaz Labs ฯลฯ มากกว่า 150 แห่ง ไม่ว่าจะเป็นซอฟท์แวร์ AI โดยเฉพาะหรือส่วนเสริมเพิ่มเข้าไปในโปรแกรมหลัก ตัว NPU ก็เข้ามาช่วยประมวลผลเสริมให้เสร็จได้เร็วยิ่งขึ้น ณ ตอนนี้จะมีรุ่นย่อยทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่
รุ่น / สเปค | Ryzen AI 9 365 | Ryzen AI 9 HX 370 | Ryzen AI 9 HX 375 |
คอร์, เธรด, ความเร็ว | 10 คอร์ 20 เธรด (Zen 5*4 คอร์ / Zen 5c*6 คอร์) ความเร็ว 2.0~5GHz | 12 คอร์ 24 เธรด (Zen 5*4 คอร์ / Zen 5c*8 คอร์) ความเร็ว Zen 5 ตั้งแต่ 2.0~5.1GHz ความเร็ว Zen 5c ตั้งแต่ 2.0~3.3GHz | 12 คอร์ 24 เธรด (Zen 5*4 คอร์ / Zen 5c*8 คอร์) ความเร็ว Zen 5 ตั้งแต่ 2.0~5.1GHz ความเร็ว Zen 5c ตั้งแต่ 2.0~3.3GHz |
Graphics | AMD Radeon 880M 12 คอร์ ความเร็ว 2,900MHz DirectX 12 Adaptive-Sync HDR Metadata UHBR10 DisplayPort 2.1 AMD FreeSync AMD SmartShift MAX AMD SmartAccess Memory รองรับสูงสุด 4 หน้าจอ 8K (7680*4320) 60Hz 4K (3840*2160) 240Hz | AMD Radeon 890M 16 คอร์ ความเร็ว 2,900MHz DirectX 12 Adaptive-Sync HDR Metadata UHBR10 DisplayPort 2.1 AMD FreeSync AMD SmartShift MAX AMD SmartAccess Memory รองรับสูงสุด 4 หน้าจอ 8K (7680*4320) 60Hz 4K (3840*2160) 240Hz | AMD Radeon 890M 16 คอร์ ความเร็ว 2,900MHz DirectX 12 Adaptive-Sync HDR Metadata UHBR10 DisplayPort 2.1 AMD FreeSync AMD SmartShift MAX AMD SmartAccess Memory รองรับสูงสุด 4 หน้าจอ 8K (7680*4320) 60Hz 4K (3840*2160) 240Hz |
AI Engine | AMD Ryzen AI NPU Performance 50 TOPS Total Processor Performance 73 TOPS | AMD Ryzen AI NPU Performance 50 TOPS Total Processor Performance 80 TOPS | AMD Ryzen AI NPU Performance 55 TOPS Total Processor Performance 85 TOPS |
TDP Tjmax | Default 28W cTDP 15~54W Tjmax 100 องศาเซลเซียส | Default 28W cTDP 15~54W Tjmax 100 องศาเซลเซียส | Default 28W cTDP 15~54W Tjmax 100 องศาเซลเซียส |
สถาปัตยกรรม | AMD Strix Point TSMC 4nm FinFET | AMD Strix Point TSMC 4nm FinFET | AMD Strix Point TSMC 4nm FinFET |
Connectivity | USB 4 (40 Gbps)*2 USB 3.2 Gen 2 (10 Gbps)*2 PCIe 4.0 16 Lanes รองรับ DDR5, LPDDR5X 2 Channel ความจุสูงสุด 256GB | USB 4 (40 Gbps)*2 USB 3.2 Gen 2 (10 Gbps)*2 PCIe 4.0 16 Lanes รองรับ DDR5, LPDDR5X 2 Channel ความจุสูงสุด 256GB | USB 4 (40 Gbps)*2 USB 3.2 Gen 2 (10 Gbps)*2 PCIe 4.0 16 Lanes รองรับ DDR5, LPDDR5X 2 Channel ความจุสูงสุด 256GB |
Security Enhanced Virus Protection (NX bit) | มี | มี | มี |
ซอฟท์แวร์ AI ในชีวิตประจำวัน มีอะไรบ้างนะ?
ถ้ามีโน๊ตบุ๊ค AMD พร้อมชิปเซ็ตใหม่อย่าง AMD Ryzen AI NPU แล้ว ซอฟท์แวร์ AI ซึ่งมีให้ใช้งานในปัจจุบันก็มีหลากหลายหมวด ซึ่งจะมีดังนี้
- เขียนและตอบ E-Mail
- Microsoft Copilot Pro for Outlook – AI ประจำระบบปฏิบัติการ Windows 11 ช่วยเขียนและตอบอีเมล์ต่างๆ ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ใช้กับโปรแกรม Outlook และต้อสมัครใช้บริการ Microsoft Copilot Pro
- Gemini for Gmail – ต้องสมัครใช้ Google Workspace ก่อนถึงจะใช้งานได้ เป็นส่วนเสริมช่วยร่างจดหมายด้วย AI นอกจากร่างจดหมายแล้วยังสั่งสรุปเนื้อหาในจดหมาย, บทสนทนาต่างๆ รวมถึงจัดระเบียบ Inbox ได้
- วาดภาพด้วย Generative AI
- DALL-E 3 – ใช้ร่วมกับโปรแกรม Microsoft Designer เพื่อใช้งานในรูปแบบต่างๆ ได้ เพียง Prompt สั่ง Microsoft Copilot แล้วดาวน์โหลดมาใช้งานได้
- Amuse AI – Image Generative AI จาก AMD จับมือพัฒนากับ TensorStack ใช้วาดภาพตาม Prompt ของเราได้ทันที โดยสเปคของพีซีหรือโน๊ตบุ๊คที่เหมาะกับ AI ตัวนี้จะเป็นดังนี้
- โน๊ตบุ๊ค AMD Ryzen AI 300 Series พร้อม RAM 24GB ขึ้นไป
- โน๊ตบุ๊ค AMD Ryzen 8000 Series พร้อม RAM 32GB ขึ้นไป
- พีซีที่ใช้จีพียู AMD Radeon RX 7000 Series ขึ้นไป
- Chatbot ต่างๆ เพื่อตอบคำถามหรือพูดคุย
- ChatGPT 4o – Chatbot ชั้นนำในปัจจุบันซึ่งตอบสนองได้รวดเร็วไม่แพ้กับการสนทนากับมนุษย์ สามารถสั่งหาข้อมูล, เขียนโปรแกรม, ทำสคริปท์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
- Claude – Chatbot สารพัดประโยชน์ สามารถ Prompt งานต่างๆ ให้ทำได้ไม่ว่าจะสรุปเนื้อหา, ทำกราฟ, เขียนงาน, สร้างเกมง่ายๆ ก็ยังทำได้
- สร้างงานเขียน
- Writer – Generative AI สร้างงานเขียนซึ่งสามารถสั่งให้เขียนคอนเทนต์ต่างๆ ขึ้นมาได้โดยเลี่ยงข้อมูลผิดพลาดกับอคติได้พอควรและเซนเซอร์คำไม่สุภาพออกไปจากบทความได้
- Jasper – Content Generative AI พร้อมแบบฟอร์มสำเร็จรูป (Template) เพื่อเขียนเนื้อหาต่างๆ ได้ ถ้าเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตก็จะมีระบบค้นข้อมูลเอามาประกอบงานเขียนเพิ่มรวมทั้งสั่งวาดภาพประกอบบทความได้
- ทำวิดีโอคลิปด้วย AI
- Runway – หากมีไอเดียหรือเรื่องที่อยากเล่า แต่ไม่เก่งเรื่องงานวิดีโอและตัดต่อก็มี AI ตัวนี้ไว้ช่วย สามารถทดสอบ Prompt ได้และมีโมเดล Gen-3 Alpha ไว้ช่วยปั้นผลงานออกมาได้อย่างสวยงามทรงพลัง
- Wondershare Filmora – ซอฟท์แวร์ตัดต่อวิดีโอซึ่งในเวอร์ชั่นล่าสุดก็เพิ่มฟีเจอร์ AI เข้ามาช่วยงานตัดต่อให้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะลบฉากหลัง, ลบ Noise ในภาพหรือปรับแต่งเสียงให้คมชัดก็ได้
- แปลภาษาและช่วยการประชุม
- Fireflies – ถ้าต้องประชุมงานกับชาวต่างชาติเป็นประจำแล้วฟังเนื้อหาของอีกฝ่ายได้เข้าใจดีก็จริงแต่ถ้ามี AI ตัวนี้ก็เป็นเหมือนเพื่อนช่วยแปล, สรุปใจความและยังค้นการประชุมก่อนๆ เข้ามาเสริมเผื่อใช้งานได้
- Avoma – นอกจากช่วยในการประชุมแล้ว AI ตัวนี้ยังตรวจจับการพูดและคำสร้อยรวมถึงความเร็วของผู้พูดแต่ละคนได้ แถมยังบันทึกเนื้อหาแล้วเน้นประเด็นปัญหาในการประชุมให้เราได้ด้วย
- สร้าง Resume สมัครงาน
- Enhancv – ไม่ว่าจะนักศึกษาเรียนจบใหม่หรือเบื่องานที่ทำอยู่แล้วก็ใช้ AI ตัวนี้สร้าง Resume ได้ ซึ่งในหน้า UI จะเริ่มจากการกรอกข้อมูลประสบการณ์ทำงานต่างๆ เข้าไปหรือจะเชื่อมกับ LinkedIn เพื่อดึงประสบการณ์ทำงานเข้ามาใช้ แก้ไขรายละเอียดต่างๆ แล้วประเมินคะแนนแบบ Resume ให้เราได้ด้วย
- Kickresume – สร้าง Resume โดยพิมพ์คุยกับ AI Chatbot แล้วสร้าง Resume ให้เหมาะกับงานหรือบริษัทที่เราต้องการสมัครเข้าไปทำงานได้ในเวลาสั้นๆ
2 โน๊ตบุ๊คมี Ryzen AI NPU น่าใช้เพื่อคนทำงาน พกสะดวกรัน AI เร็วทันใจ!
ASUS Vivobook S 14 OLED D5406WA-PP904WF
CPU | AMD Ryzen AI 9 HX 370 แบบ 12 คอร์ 24 เธรด (Zen 5*4 / Zen 5c*8) ความเร็ว Zen 5 ตั้งแต่ 2.0~5.1GHz ความเร็ว Zen 5c ตั้งแต่ 2.0~3.3GHz |
GPU | AMD Radeon 890M แบบ 16 คอร์ ความเร็ว 2,900MHz |
NPU | AMD Ryzen AI NPU Performance 50 TOPS Total Processor Performance 80 TOPS |
SSD | M.2 NVMe SSD 1TB |
RAM | ออนบอร์ด 32GB LPDDR5X บัส 7467MHz |
Operating System | Windows 11 Home Microsoft Office Home & Student 2021 |
Display | 14 นิ้ว ความละเอียด 3K (2880*1800) พาเนล OLED Refresh Rate 120Hz 100% DCI-P3 PANTONE Validated VESA DisplayHDR True Black 600 |
Price | 49,990 บาท (Advice) |
ถ้าให้แนะนำว่าโน๊ตบุ๊ค AMD พร้อมซีพียู AMD Ryzen AI NPU น่าใช้สักเครื่องแล้วราคาพอจับต้องได้ ต้องเป็น ASUS Vivobook S 14 OLED D5406WA-PP904WF ซึ่งได้ชิปเซ็ต AMD Ryzen AI 9 HX 370 กับจีพียู AMD Radeon 890M มี NPU ไว้ประสานงานกับ AI สั่งงานได้ผลลัพธ์รวดเร็วด้วยพลังประมวลผล 80 TOPS จะใช้ทำงานเอกสารทั่วไปโดยใช้ Microsoft Office Home & Student 2021 หรือตัดต่อแต่งภาพกับวิดีโอก็ดีไม่แพ้กัน ใส่มาในตัวเครื่องขนาดยอดนิยม 14 นิ้ว ความละเอียด 3K ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 สุดบางเฉียบ 1.39 ซม. เบา 1.3 กก. จะพกไปทำงานพบลูกค้าก็ง่ายหรือต่อหน้าจอแยก USB-C ในออฟฟิศก็ยอดเยี่ยม รักษาความเป็นส่วนตัวได้เป็นเลิศด้วยกล้องอินฟาเรดสแกนใบหน้าอีกชุดหนึ่ง ถ้ามีความคิดจะเปลี่ยนโน๊ตบุ๊คอยู่แล้ว Vivobook S 14 OLED ตัวนี้ถือเป็นตัวเลือกที่ลงตัวคุ้มค่าราคาแน่นอน
ข้อดี
- ติดตั้งชิปเซ็ต AMD Ryzen AI 9 HX 370 มาให้ ใช้ทำงานได้เป็นอย่างดี
- จีพียู AMD Radeon 890M ใช้ประมวลผลกราฟิคได้ดี ต่อหน้าจอแยกได้หลายจอ
- หน้าจอความละเอียดสูง 3K ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 การันตีขอบเขตสีโดย PANTONE
- ติดตั้ง Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้พร้อมใช้งาน
- ตัวเครื่องเบาเพียง 1.3 กก. เท่านั้น พกพาได้สะดวกไม่หนักเกินไป
- กล้องหน้ามีเซนเซอร์สแกนใบหน้า ใช้ยืนยันตัวปลดล็อคเครื่องได้สะดวกรวดเร็ว
- ติดตั้งพอร์ต USB-C 4.0 Gen 3 กับ USB-C 3.2 Full Function มาให้ใช้งาน
- กางหน้าจอได้แบนราบไปกับพื้นโต๊ะ 180 องศา แชร์หน้าจอให้เพื่อนดูได้ง่าย
ข้อสังเกต
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6E ไม่ได้เป็น Wi-Fi 7 เหมือนรุ่นอื่นแต่ก็ยังใช้งานได้ดี
- หน้าจอเป็นพาเนล OLED ควรเปิดฟีเจอร์ Pixel Refresh และใช้ความสว่างไม่เกิน 80%
Lenovo Yoga Pro 7 14ASP9
CPU | AMD Ryzen AI 9 365 แบบ 10 คอร์ 20 เธรด (Zen 5*4 / Zen 5c*6) ความเร็ว 2.0-4.5GHz |
GPU | AMD Radeon 880M แบบ 12 คอร์ ความเร็ว 2,900MHz |
NPU | AMD Ryzen AI NPU Performance 50 TOPS Total Processor Performance 73 TOPS |
SSD | M.2 NVMe SSD 1TB |
RAM | ออนบอร์ด 32GB LPDDR5X บัส 7467MHz |
Operating System | Windows 11 Home Microsoft Office Home & Student 2021 |
Display | 14.5 นิ้ว ความละเอียด 2.8K (2880*1800) พาเนล OLED Refresh Rate 120Hz 100% DCI-P3 Delta-E <1 X-Rite factory calibration Dolby Vision VESA DisplayHDR True Black 500 |
Price | 54,990 บาท (BaNANA) |
โน๊ตบุ๊ค AMD พร้อมชิปเซ็ต AMD Ryzen AI NPU น่าใช้อีกรุ่นก็ต้องเป็น Lenovo Yoga Pro 7 14ASP9 ซึ่งได้ชิปเซ็ต AMD Ryzen AI 9 365 ซึ่งแม้จะมีคอร์ Zen 5c ซึ่งเป็นคอร์สนับสนุนน้อยลง 2 คอร์ แต่กรณีใช้งานจริงก็ยังทรงพลังเช่นเดิม ไม่ว่าจะทำงานเอกสารพกเข้าห้องประชุมหรือรันซอฟท์แวร์ AI ใดก็ทำได้รวดเร็วแถมยังใช้พรู้ฟสีงานอาร์ตได้ด้วยเพราะหน้าจอขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 แถมยังได้รับการปรับจูนสีจากโรงงานมาให้เที่ยงตรงและติดตั้งซอฟท์แวร์มาให้ครบทั้ง Microsoft Office Home & Student 2021 กับ Windows 11 มีพอร์ตเชื่อมต่อครบเครื่องไม่ว่าจะ USB-C 4.0, USB-A หรือ HDMI ก็ตาม จะพกไปพบลูกค้าทำงานนอกสถานที่ก็สะดวกและชาร์จด้วยพาวเวอร์แบงค์หรืออะแดปเตอร์ GaN ก็ได้หรือต่อจอ USB-C ทำงานในออฟฟิศก็ดีเช่นกัน
ข้อดี
- ติดตั้งซีพียู AMD Ryzen AI 9 365 มาให้ มีคอร์เธรดมากพอใช้ทำงานได้ดี
- จีพียู AMD Radeon 880M ใช้เรนเดอร์กราฟิคและเล่นเกมฆ่าเวลาได้ไหลลื่น
- ติดตั้ง Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้พร้อมใช้งาน
- หน้าจอมีขนาด 14.5 นิ้ว ความละเอียด 2.8K ขอบเขตสีกว้าง 100% DCI-P3 ใช้ทำงานกราฟิคได้
- พาเนลมีค่าความเที่ยงตรงสี Delta-E <1 และได้ปรับจูนสีให้เที่ยงตรงจากโรงงาน
- มีกล้องอินฟาเรดสำหรับสแกนใบหน้าปลดล็อคเครื่องติดตั้งมาให้
- ติดตั้งพอร์ต USB-C 4.0 Gen 3 กับ USB-C 3.2 Full Function มาให
ข้อสังเกต
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6E ไม่ได้เป็น Wi-Fi 7 เหมือนโน๊ตบุ๊คพรีเมี่ยมรุ่นอื่น
- หน้าจอเป็นพาเนล OLED ควรเปิดฟีเจอร์ถนอมพาเนลและใช้ความสว่างไม่เกิน 80%
สรุปสเปค 2 โน๊ตบุ๊ค AMD Ryzen AI NPU น่าใช้ ลงทุนซื้อเอาไว้แล้วคุ้ม!
การเปิดรับและปรับตัวเข้ากับยุคนี้ซึ่งมี AI เข้ามาเป็นส่วนเสริมในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสม นอกจากจะได้ประโยชน์ช่วยให้งานเสร็จเร็วขึ้น ช่วยลดความซ้ำซากของงานต่างๆ ลงไปให้เราเอาเวลาไปโฟกัสกับงานที่สำคัญกว่าได้ ดังนั้นภาพจำว่าปัญญาประดิษฐ์จะเข้ามาแย่งงานนั้นก็ไม่จริงเสมอไปถ้าหากเรารู้ว่าจะใช้มันให้เหมาะสมได้อย่างไร ยิ่งถ้ามีโน๊ตบุ๊ค AMD พร้อมซีพียู AMD Ryzen AI NPU เอาไว้ใช้ทำงานก็ช่วยให้งานต่างๆ เสร็จได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ถ้าปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีใหม่ได้เร็วก็เป็นประโยชน์ต่อเรายิ่งขึ้น ทำให้งานมีคุณภาพสูงกว่าเดิมอย่างแน่นอน