ถ้าคิดว่าเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คจะต้องใหญ่และหนัก เชิญพบกับไลท์เวทหมัดหนักอย่าง MSI Cyborg 14 A13V
ข้อดีของเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค ก็ต้องยกให้เรื่องสเปคแรงพอจะทำงานได้ดีเล่นเกมได้ลื่นแต่ก็แลกกับน้ำหนักตัวระดับ 2 กก. ขึ้นไป แต่ก็มี MSI Cyborg 14 A13V รุ่นย่อขนาดจาก Cyborg 15 เดิมให้เครื่องเล็กลงนิดน้ำหนักเบาลงหน่อย ฉีกกฏเดิมว่าถ้าอยากแรงก็ต้องหนักกลายเป็นว่าไม่ต้องหนักสเปคก็แรงได้ ภายในตัวเครื่องขนาด 14 นิ้ว น้ำหนัก 1.6 กก. และบอดี้กึ่งโปร่งใสตามคอนเซปท์ไซเบอร์พังก์ตั้งแต่รุ่นก่อนมีซีพียู Intel Core i7 รุ่นที่ 13 กับจีพียู NVIDIA GeForce RTX 40 Series ซึ่งมี Dynamic Boost คอยจัดสรรกำลังไฟกับซีพียูได้อัตโนมัติ แม้ TGP จะ 45W แต่เวลาต้องการกำลังประมวลผลเพิ่มก็ถ่ายเทกำลังไฟมาใช้งานได้ทันที เวลาใช้งานปกติก็ทำให้เครื่องเย็นกำลังดี มี NVIDIA Reflex ไว้ลดความหน่วง (Latency) ระหว่างผู้เล่นกับเกมลงไปได้ ซึ่งมีผลมากเวลาเล่นเกม First-Person Shooting
นอกจากสเปคแล้วก็ยังได้ฟังก์ชั่นจำเป็นใช้มาเพียบ ทั้ง Matrix Display ต่อหน้าจอแยกผ่านพอร์ต USB-C DisplayPort คู่กับ HDMI เพิ่มพื้นที่ Desktop ให้ทำงานได้สะดวกและมีพอร์ตมาตรฐานอย่าง LAN, USB-A 3.2 และเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วย Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น อัปเกรดเพิ่ม RAM ได้สูงสุด 64GB DDR5 เช่นเดียวกับโน๊ตบุ๊คในเครือ เสริมด้วยซอฟท์แวร์อย่าง MSI AI Engine ปรับโหมดการทำงานตามพฤติกรรมการใช้งานโดยอัตโนมัติและโหลด MSI AI Artist มาใช้ Generative AI วาดภาพประกอบไฟล์งานได้แถมมี Microsoft Office Home & Student 2021 ติดตั้งมาให้ใช้ทันทีไม่ต้องซื้อเพิ่ม
NBS Verdicts
ความน่าประทับใจและเป็นจุดแข็งของ MSI Cyborg 14 A13V คือตัวเครื่องเล็กเพียง 14 นิ้ว เท่ากับโน๊ตบุ๊คทำงานทั่วไปและเบาเพียง 1.6 กก. ใส่กระเป๋าพกไปไหนก็เบาสบายไหล่และมีพื้นที่เก็บของใช้ชิ้นอื่นมากขึ้น มีพลังประมวลผลสูงพอจะตัดต่อคลิป 4K, เรนเดอร์โมเดล 3D หรือจะรบกับไฟล์ Excel ขนาดใหญ่พร้อมสูตรสุดซับซ้อนใน Microsoft Office Home & Student 2021 ได้สบายๆ ไม่ต้องทำใจแบกโน๊ตบุ๊คน้ำหนักเกิน 2 กก. ให้ลำบากและยังตั้งราคาเริ่มต้นเพียง 35,590 บาท ก็ซื้อหามาใช้งานได้แล้ว
ด้านสเปคของทั้งสองรุ่นก็เหมือนกันแทบทั้งหมด ได้แก่ ซีพียู Intel Core i7-13620H พร้อม RAM 16GB DDR5 พร้อมให้ว่าที่เจ้าของคนใหม่อัปเกรดไปได้จน 64GB มีหน้าจอขนาด 14 นิ้วเท่ากัน ต่อหน้าจอแยกพร้อมกัน 2 จอด้วยฟีเจอร์ Matrix Display ได้ จะต่างแค่จีพียู NVIDIA ซึ่งรุ่นเริ่มต้นจะเป็น GeForce RTX 4050 มี SSD 512GB ให้ผู้ใช้ทั่วไปไม่เล่นเกมบ่อยใช้ทำงานได้ หรือขยับไปตัวท็อปก็ได้ GeForce RTX 4060 กับ SSD 1TB ก็ใช้ทำงานตัดต่อและ 3D และเล่นเกมได้ มีพลังประมวลผลและพื้นที่เก็บข้อมูลเพิ่มขึ้นอีกพอควร จะติดตั้งเกมเพิ่มหรือเก็บไฟล์งานเอาไว้ก็สะดวกขึ้น
กลับกันเพราะตัวเครื่องและเมนบอร์ดมีขนาดเล็กลงแต่ชิ้นส่วนยังมีเท่าเดิม ทำให้พื้นที่ติดตั้งอินเทอร์เฟสต่างๆ ลดลง จึงมีช่อง M.2 NVMe SSD เพียง 1 ช่องหลักเท่านั้น แต่จากการเช็คข้อมูลจากเว็บชั้นนำด้านหน่วยความจำก็ยังหาซื้อ M.2 NVMe ความจุสูงมาเปลี่ยนได้ ส่วนจุดสังเกตอื่นๆ เป็นรายละเอียดเล็กน้อยอย่างปุ่ม F12 ไม่มี Hotkeys ซึ่งคาดหวังให้มีคำสั่ง Windows Lock เพิ่มเข้ามาก็จะดีมาก กับพอร์ต USB-C ถ้ารองรับชาร์จไฟแบบ Power Delivery ด้วยก็จะยอดเยี่ยมมาก ไม่ต้องพกอะแดปเตอร์ประจำเครื่องให้ลำบากแต่ใช้ GaN 100W แทนได้เลย ถ้า Cyborg 14 รุ่นต่อไปทำได้ก็จะดีมาก
ข้อดีของ MSI Cyborg 14 A13V
- ได้ซีพียู Intel Core i7-13620H ประสิทธิภาพสูง ใช้ทำงานและเล่นเกมได้ดี
- จีพียู NVIDIA GeForce RTX 4060 แม้เป็นรุ่น 45W แต่มี Dynamic Boost
- อัปเกรดเพิ่ม RAM ได้มากสุด 64GB DDR5 รองรับโปรแกรมกินทรัพยากรเครื่องได้ดี
- ตัวเครื่องดีไซน์สวยงามโดดเด่น ผสานบอดี้ทึบกับโปร่งใสไว้ด้วยกันได้ลงตัว
- น้ำหนักเครื่องเพียง 1.6 กก. ไล่เลี่ยกับโน๊ตบุ๊คทั่วไปในปัจจุบัน
- มีฟีเจอร์ Matrix Display ต่อหน้าจอแยกพร้อมกัน 2 จอผ่าน HDMI, USB-C ได้
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้รวดเร็วและเสถียรด้วย Wi-Fi 6E
- มีฟังก์ชั่น MSI AI Engine คอยเปลี่ยนโหมดการทำงานให้อัตโนมัติ
- ติดตั้งคีย์ลัดเปิดเป้าเล็งปืน (Crosshair) กับเร่งรอบพัดลมมาให้ตรงปุ่มลูกศร
- มีปุ่ม Copilot ฝั่งขวามือไว้เรียก AI ของ Microsoft มาใช้งานได้
- ติดตั้ง Microsoft Office Home & Student 2021 มาให้พร้อมใช้งาน
- ลำโพงกำลังขับ 2W*2 ดอก มีซอฟท์แวร์ DTS มาให้ปรับแต่งทิศทางเสียงและ EQ ได้
- บานพับหน้าจอแข็งแรงทนทาน กางแล้วไม่สะบัดกระพือแม้แต่น้อย
ข้อสังเกตของ MSI Cyborg 14 A13V
- มีอินเทอร์เฟส M.2 NVMe SSD เพียง 1 ช่องเพราะเมนบอร์ดมีพื้นที่จำกัด
- USB-C รองรับฟีเจอร์ DisplayPort เท่านั้น ไม่ใช่ Full Function
- ปุ่ม F12 ไม่มี Hotkeys ให้ใช้ ถ้าเพิ่มปุ่ม Windows Lock เข้ามาน่าจะดี
รีวิว MSI Cyborg 14 A13V
- Specification
- Hardware & Design
- Screen & Speaker
- Keyboard & Touchpad
- Connector, Thin & Weight
- Inside & Upgrade
- Performance & Software
- Battery & Heat & Noise
- User Experience
- Conclusion & Award
- Gallery
Specification
MSI Cyborg 14 A13V เป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คขนาดใหม่ย่อไซส์เหลือ 14 นิ้วและลดน้ำหนักเหลือ 1.6 กก. ให้ผู้ใช้ส่วนใหญ่พกพามันไปไหนมาไหนได้ง่ายขึ้น เบาสบายกว่าขนาดมาตรฐาน 15.6 นิ้วมาก และถึงเล็กลงก็ยังทรงพลังพอเล่นเกมชั้นนำในปัจจุบันได้สบายๆ หรือจะซื้อไว้ทำงานก็มีซอฟท์แวร์ครบพร้อมใช้ ซึ่งสเปคของทั้ง 2 รุ่นจะเป็นดังนี้
Specification | MSI Cyborg 14 A13VE-019TH | MSI Cyborg 14 A13VF-064TH (เครื่องรีวิว) |
CPU | Intel Core i7-13620H แบบ 10 คอร์ 16 เธรด (6P+4E) ความเร็วสูงสุด 4.9GHz | Intel Core i7-13620H แบบ 10 คอร์ 16 เธรด (6P+4E) ความเร็วสูงสุด 4.9GHz |
GPU | NVIDIA GeForce RTX 4050 แรม 6GB GDDR6 TGP 45W | NVIDIA GeForce RTX 4060 แรม 8GB GDDR6 TGP 45W |
SSD | M.2 NVMe SSD 512GB | M.2 NVMe SSD 1TB |
RAM | 16GB DDR5 บัส 5200 MHz รองรับความจุสูงสุด 64GB | 16GB DDR5 บัส 5200 MHz รองรับความจุสูงสุด 64GB |
Operating System | Windows 11 Home Microsoft Office Home & Student 2021 | Windows 11 Home Microsoft Office Home & Student 2021 |
Display | 14″ WUXGA (1920*1200) IPS Refresh Rate 144Hz | 14″ WUXGA (1920*1200) IPS Refresh Rate 144Hz |
Connectivity | USB-C 3.2 DisplayPort*1 USB-A 3.2*2 HDMI 2.1*1 LAN*1 Audio combo*1 Wi-Fi 6E Bluetooth 5.3 | USB-C 3.2 DisplayPort*1 USB-A 3.2*2 HDMI 2.1*1 LAN*1 Audio combo*1 Wi-Fi 6E Bluetooth 5.3 |
Weight (กก.) | 1.6 | 1.6 |
Price | 35,590 บาท (Advice) | 36,990 บาท (Advice) |
Hardware & Design
MSI Cyborg 14 A13V รุ่นย่อขนาดจากพี่ Cyborg 15 นอกจากมีขนาดเล็กลงให้พกพาได้ง่ายน้ำหนักเบาลงแล้ว ยังนำเอกลักษณ์จากรุ่นก่อนไม่ว่าจะใช้บอดี้สีทึบผสมกับบอดี้กึ่งโปร่งใสสีฟ้าตามส่วนต่างๆ ทั้งใต้ตัวเครื่อง, ปุ่ม WASD เติมจุดเล็กข้างกล้องเว็บแคมและฝาหลังเครื่องเข้ามา เก็บรายละเอียดดีไซน์ตรงส่วนพับขอบเครื่องเหนือแป้นคีย์บอร์ดมาครบไม่ทิ้งรายละเอียดใดไป แท่นวางข้อมือมีสติกเกอร์ซีพียูกับจีพียูอยู่ฝั่งซ้ายตรงข้ามกับสติกเกอร์ชูจุดเด่นฝั่งขวาเพื่อบอกผู้ใช้ว่าเครื่องนี้มีจุดเด่นตรงไหนบ้าง
ก้านบานพับหน้าจอเป็นก้านเล็กติดแกนอลูมิเนียมไว้ด้านในล็อคเข้ากับฐานยึดในเครื่องทั้งสองฝั่งเหมือนรุ่นก่อน แข็งแรงทนทานใช้นิ้วเกี่ยวยกขอบเหนือกล้องเว็บแคมกางเปิดจอได้กว้างสุด 120 องศาแล้วไม่มีการกระพือสะบัดแม้แต่น้อย จะวางบนโต๊ะทำงานหรือแท่นวางโน๊ตบุ๊คก็ปรับองศาหน้าจอให้เข้ากับมุมสายตาได้สะดวก มองเห็นภาพบนหน้าจอได้ชัดเจน
ตัวเครื่องด้านหลังจะเป็นสีทูโทน คือฝาหลังสีดำเนื้อด้านยิงเลเซอร์ MSI Dragon สีดำสะท้อนเงาแสงไว้ตรงกลางให้ดูเรียบหรู ตัดกับชิ้นส่วนอื่นอย่างลิ้นกล้องเว็บแคม, มุมบนขวาหน้าจอและขอบล่างสีฟ้าใสซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ MSI Cyborg มาตั้งแต่ต้นได้ลงตัว จะหยิบออกมาทำงานก็สวยแปลกตาหรือจะพกไปทำงานนอกสถานที่ก็แตกต่างไม่เหมือนใคร
ฝาใต้เครื่องแบบโปร่งใสเจาะช่องนำอากาศเย็นเข้าเครื่องไว้ตามจุดสำคัญทั้งตัว V ฝั่งซ้ายตรงกับชุดฮีตไปป์ ตรงกับซีพียูกับจีพียูภายในและทำสีทองแดงล้อไปกับชุดฮีตไปป์ Cooler Boost ภายในเครื่อง ถัดมาเป็นช่องพัดลมโบลวเวอร์เดี่ยวให้ดึงลมเข้าได้มีประสิทธิภาพขึ้น ติดแท่นยางกันลื่น 4 ชิ้น ไว้ครบทุกมุมให้คู่บนเป็นชิ้นใหญ่สูงยกเครื่องขึ้นเล็กน้อยให้อากาศเข้าเครื่องได้มากขึ้น ตรงข้ามคู่ล่างเพื่อกันลื่นไปในตัว ล็อคไว้ด้วยน็อตหัว Philips Head อีก 8 ตัวให้เป็นชิ้นเดียวกับตัวเครื่อง
Screen & Speaker
หน้าจอขนาด 14 นิ้ว ของ MSI Cyborg 14 A13V จะรีดกรอบสามด้านซ้ายขวาและบนให้บางลงมีพื้นที่แสดงผลมากขึ้น ส่วนตรงกลางบริเวณกล้องเว็บแคมจะเป็นสันสูงขึ้นเป็นเท่าตัวให้ติดตั้งกล้องเว็บแคมไว้ประชุมออนไลน์ได้ เสริมรายละเอียดเล็กน้อยเป็นจุดสีฟ้ากึ่งโปร่งใส 3 จุดข้างไมโครโฟน สันนิษฐานว่าทำเป็นสลักยึดให้ติดแถบสีฟ้าใสส่วนฝาหลังให้ติดแน่นแข็งแรง ขอบล่างหน้าจอจะหนาเป็นพิเศษเพื่อติดตั้งชุดพาเนลหน้าจอและสกรีนชื่อแบรนด์ MSI เอาไว้
หน้าจอขนาด 14 นิ้วมีความละเอียด WUXGA (1920*1200 พิกเซล) พาเนล IPS เลือกค่า Refresh Rate ได้ระหว่าง 60Hz ตามปกติหรือ 144Hz ก็ได้ แต่ไม่มีการแสดงผลแบบ Dynamic ปรับความถี่ตามคอนเทนต์ให้ใช้ แสดงผลความลึกสีได้ 8-bit มีองศาการมองเห็นกว้าง 178 องศาตามมาตรฐาน IPS จะมองจากมุมไหนก็มองเห็นภาพได้ชัดเจนไม่เกิดเงาทาบบนหน้าจอแม้แต่น้อย
ด้านลำโพงคู่ถึงมีกำลังขับดอกละ 2W ไล่เลี่ยกับโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นก็จริง แต่ถ้าปรับเสียงดัง 100% เมื่อไหร่ จะได้เสียงดังได้ราว 90dB ชัดเจนทั่วห้องขนาด 13 ตร.ม. อย่างแน่นอนและเสียงก็ไม่แตกเลย เวลาใช้งานแนะนำให้ปรับเสียงไว้สัก 80% ก็ดังพอได้ยินชัดเจนมากแล้ว
เนื้อเสียงตอนใช้งานจริง เวลาเล่นเกมก็สามารถแยกทิศทางและได้ยินเสียงตัวละครกับเพลงในเกมได้ชัดเจนได้อารมณ์และยังฟังเพลงยุคปัจจุบันได้ทุกแนวและแยกเสียงนักร้องกับเครื่องดนตรีได้ชัดเจน มีเสียงเบสเสริมเข้ามาได้กำลังพอเหมาะไม่ขาดไม่เกินหรืออยากได้เบสหนักแน่นขึ้นก็ต่อลำโพงแยกเข้าช่อง Audio combo เสริมก็ได้
ซอฟท์แวร์ DTS สำหรับปรับแต่งเสียงลำโพงของ MSI Cyborg 14 A13V นอกจากเลือกตาม Preset ได้ว่าจะให้เนื้อเสียงเหมาะกับการดูหนัง, ฟังเพลงหรือเล่นเกมได้แล้ว ใน Custom mode จะมี EQ 5 เส้น ให้ตั้งเสียงได้ตามชอบรวมทั้งเลือกทิศทางเสียง Stereo Sound ได้ 3 แบบ เติม Enhancements เข้าไปได้ตามชอบ กดแล้วโทนเสียงลำโพงก็เปลี่ยนตามการตั้งค่าทันที
Keyboard & Touchpad
คีย์บอร์ด Tenkeyless ของ MSI Cyborg 14 A13V นอกจากมีขนาดพอดีกับตัวเครื่อง 14 นิ้ว จะมีไฟ LED Backlit สีฟ้าปรับความสว่างได้ 3 ระดับ เสริมมาให้พิมพ์งานในที่แสงน้อยได้สะดวกขึ้น ทำปุ่ม WASD กับ Power เป็นปุ่มใสให้แสงลอดมองเห็นได้ชัดเจนแบ่งแยกปุ่มได้สะดวก ซึ่งดีไซน์นี้ส่งผลไปถึงเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ครุ่นอื่นในเครือด้วย
นอกจากดีไซน์แล้ว ยังใส่ปุ่มฟังก์ชั่นต่างๆ เพิ่มเข้ามาไม่ว่าจะเปลี่ยนปุ่ม Ctrl ขวาเป็นปุ่ม Copilot ให้เรียกใช้ AI ได้รวดเร็วขึ้น, ติดฟังก์ชั่นเอาไว้กับปุ่มลูกศรทั้งสี่มุม ได้แก่ เพิ่มรอบพัดลม, เปิดเป้าเล็งปืนค้างไว้บนหน้าจอ (Static Crosshair), เล่น/หยุดเพลงและดับหน้จอก็มีให้ สังเกตว่าเหนือลูกศรซ้ายขวาจะมีคำสั่ง Page Up/Down รวมคำสั่ง Home, End ไว้ด้วย แต่อยากเสนอให้ทาง MSI ย้ายปุ่ม Fn มาอยู่ข้างปุ่ม Copilot แทน Backslash แล้วขยายปุ่ม Ctrl ซ้ายให้เสมอปุ่ม Shift จะใช้งานได้สะดวกขึ้นมาก
สัมผัสเวลากดพิมพ์งานหรือเล่นเกมด้วยคีย์บอร์ดของ Cyborg 14 A13V ทั้งแน่นแข็งแรงไม่มีอาการยวบโคลง จึงพิมพ์งานได้ดีและเวลาเล่นเกมต้องกดหลายปุ่มพร้อมกันก็ส่งคำสั่งไปได้ครบไม่มีปัญหา ติดตรงขนาดปุ่มลูกศรจะมีขนาดเล็กเป็นพิเศษจึงต้องปรับตัวพอควรถึงจะใช้งานได้ถนัดตามปกติ
Hotkeys บรรทัด F1~F12 จะเน้นเป็นปุ่มลัดอิงไปทางคีย์บอร์ดทำงาน เทียบแล้วคล้ายซีรี่ส์ Modern 15 มากแต่ตัดปุ่ม Flip-n-Share ตรง F12 ออก จึงใช้งานได้จน F11 เท่านั้น ถ้าทางบริษัทจะเอาคีย์ลัดล็อคปุ่ม Windows หรือคำสั่งอื่นๆ มาติดไว้ตรงนี้จะดีมาก เวลาต้องการสลับเลเยอร์สามารถกด Fn+Esc เพื่อเอาปุ่มลัดขึ้นมาเป็นตัวหลักแทนได้ โดยจะมีคำสั่งดังนี้
- F1~F3 – ปิด, ลด/เพิ่มเสียงลำโพง
- F4 – ปิด/เปิดการทำงานทัชแพด
- F5 – ปิด/เปิดไมโครโฟน
- F6 – ปิด/เปิด Bluetooth
- F7 – ปุ่ม MSI Center กดแล้วจะเปลี่ยนโหมดเครื่อง 5 แบบ
- F8 – ปรับความสว่างไฟ LED Backlit ทำงานแบบ Toggle ได้ 3 ระดับจากสว่างสุดจนดับไฟ
- F9~F10 – ลด/เพิ่มความสว่างหน้าจอ
- F11 – ปุ่ม Project ตั้งค่าการทำงานหน้าจอหลักและเสริม
ทัชแพดของ MSI Cyborg 14 A13V จะมีขนาดใหญ่จากขอบฝั่งซ้าย Spacebar ยาวไปเกือบเสมอกับปุ่ม Backslash รองรับ Touch gesture ของ Windows 11 ครบถ้วนลากเคอร์เซอร์เมาส์ไปมาได้ทั่วหน้าจอ ใช้งานได้สะดวกแต่สันมือจะทาบบนส่วนหนึ่งของแป้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่กด Fn+F4 ปิดเวลาไม่ใช้งานได้ แต่เวลาใช้งานจริงไม่ค่อยพบปัญหาทัชแพดลั่นนอกจากจงใจลงน้ำหนักสักนิดปุ่มถึงจะทำงาน
Connector, Thin & Weight
พอร์ตและการเชื่อมต่อของ Cyborg 14 A13V จะติดตั้งไว้ฝั่งขวามือเป็นหลักและมี LAN RJ45 ติดอยู่ด้านหลังเครื่องเพียงช่องเดียวเท่านั้น ซึ่งพอร์ตแต่ละส่วนจะเป็นดังนี้
- ด้านหลังเครื่อง – LAN RJ45
- ฝั่งซ้ายจากซ้ายมือ – Kensington Lock, USB-A 3.2, Audio combo
- ฝั่งขวาจากซ้ายมือ – USB-A 3.2, USB-C 3.2 DisplayPort, HDMI 2.1, DC-in
- การเชื่อมต่อไร้สาย – Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.3
จากประเภทและปริมาณของพอร์ตประจำเครื่องนับว่าทางบริษัทติดมาให้เพียงพอใช้ ต่ออุปกรณ์เสริมใช้งานได้สะดวก แต่ถ้ามีส่วนไหนปรับแต่งให้ดีขึ้นได้ก็อยากให้ USB-C อัปเกรดจากต่อหน้าจอแยกแบบ DisplayPort อย่างเดียวเป็น Full Function เลย จะได้ใช้อะแดปเตอร์ GaN 100W หรือพาวเวอร์แบงค์ชาร์จไฟให้ใช้งานได้นานขึ้น
มิติตัวเครื่องจากหน้าสเปคของ MSI เคลมเอาไว้ว่าส่วนบางสุดของ Cyborg 14 A13V บางเพียง 18.4 มม. ซึ่งบางกว่า 18.9 มม. จากไม้เวอร์เนียคาลิปเปอร์อยู่ 0.3 มม. ส่วนหลังเครื่องหนาสุด 29.5 มม. ซึ่งขนาดความหนานี้ยังใส่กระเป๋าโน๊ตบุ๊คขนาด 14~15.6 นิ้ว พกติดตัวได้สะดวกมีพื้นที่ใส่ของใช้ชิ้นอื่นได้อีกพอควร
น้ำหนักจากหน้าสเปคเคลมไว้ 1.6 กก. ใกล้เคียงกับบนตาชั่งซึ่งวัดได้ 1.63 กก. รวมอะแดปเตอร์ 120W ของ Chicony อีก 427 กรัม จะมีน้ำหนัก 2.05 กก. พอกับตัวเครื่องเกมมิ่งโน๊ตบุ๊ค 15.6 นิ้ว น้ำหนักเบาหลายรุ่นในปัจจุบัน ถือว่าพกสะดวกและพอใส่กระเป๋าสะพายข้างแบบ Sling bag ได้แต่แนะนำให้ใส่ซองกันกระแทกไว้สักหน่อยจะดีมาก
Inside & Upgrade
วิธีการเปิดฝาอัปเกรด MSI Cyborg 14 A13V ให้ขันน็อต Philips Head 8 ตัวออกก่อนแล้วเอาการ์ดแข็งไล่ตามกรอบรอบเครื่อง เริ่มจากบริเวณลำโพงฝั่งไหนก็ได้แล้วขึ้นไปจนถึงช่องพัดลมด้านบน แต่ส่วนบนจะเป็นประกับเกี่ยวฝาหลังเอาไว้จึงต้องแทงเข้าช่องว่างระหว่างฝาหลังกับเครื่องแล้วงัดเล็กน้อยจะเปิดได้อย่างปลอดภัยไม่แตกเสียหาย
บนเมนบอร์ดจะมีจุดอัปเกรดได้เพียง RAM DDR5 ในกรอบอลูมิเนียมซึ่งรองรับความจุถึง 64GB และ M.2 NVMe SSD เพียง 1 ช่องเท่านั้น สาเหตุเพราะการย่อขนาดเครื่องให้เล็กแต่มีชิ้นส่วนภายในเท่าเดิม พื้นที่ส่วนใหญ่จึงใช้ติดชิป IC และตัวต้านทาน (Resistor) จนหมด จึงทำได้เพียงย้าย Windows 11 จาก SSD ตัวหลักไปอันใหม่ที่มีความจุมากขึ้นหรือจะต่อและติดตั้งเกมใน External SSD แทนก็ได้
Performance & Software
ข้อดีของ MSI Cyborg 14 A13V ทั้งซีรี่ส์ คือได้ซีพียู Intel Core i7-13620H เหมือนกัน มี 10 คอร์ 16 เธรด แยกเป็น 6 P-core ไว้ใช้รันโปรแกรมใหญ่หรือเกมโดยเฉพาะ มีความเร็วสูงสุด 4.9GHz เสริมด้วย 4 E-core ไว้รันโปรแกรมรองและระบบ Windows 11 โดยเฉพาะ อาจเข้ามาช่วย P-core ทำงานยามจำเป็น มีความเร็วสูงสุด 3.6GHz ค่า TDP 45W รองรับชุดคำสั่งพื้นฐานครบถ้วนมี Intel Thread Director (ITD) คอยจัดสรรงานให้ แม้จะมี E-core น้อยกว่า Intel Core i7 รุ่นที่ 13 รหัสอื่นแต่ก็มาพอซัพพอร์ตโปรแกรมต่างๆ และไม่รบกวนกำลังของ P-core แน่นอน
RAM จากโรงงานก็มีความจุเท่ากันทั้งสองรุ่น ได้ 16GB DDR5 บัส 5200MHz เป็นแบบ 8GB*2 ใช้ชิปของ SK Hynix ค่า CL42 ถ้าจะอัปเกรดก็เพิ่มความจุไปได้จน 64GB DDR5 ให้ใช้กับงาน 3D, โปรแกรมตัดต่อหรือเขียนโปรแกรมก็ใช้รันทดสอบได้
ส่วนจุดแตกต่างคือรุ่นเริ่มต้นจะได้จีพียู NVIDIA GeForce RTX 4050 แต่ตัวท็อปจะได้ GeForce RTX 4060 กับ VRAM 8GB GDDR6 มีค่า TGP 45W เท่ากันทั้งคู่ มี Dynamic Boost โดยจีพียูจะถ่ายโอนกำลังไฟมาเร่งประสิทธิภาพได้โดยอัตโนมัติทำให้เล่นเกมได้ภาพลื่นไหลขึ้น พ่วง WhisperMode ไว้ลดเสียงพัดลมและอุณหภูมิลงให้ชุดระบายความร้อน Cooler Boost จัดการอุณหภูมิได้พอดี
สเปคส่วนอื่นมี CUDA 3,072 Unified รองรับชุดคำสั่ง DirectX 12, OpenCL, OpenGL 4.6, CUDA, DirectCompute, DirectML, Vulkan, Ray Tracing และ PhysX ครบถ้วนและเปิดฟังก์ชั่น Resizable BAR ไว้ให้ใช้ frame buffer ของจีพียูได้ตามต้องการ ช่วยให้โหลด Texture และฉากในเกมได้เร็วขึ้น
ภายในเครื่องมีทั้งชิปรักษาความปลอดภัย TPM 2.0 ติดตั้งมาให้เป็นมาตรฐานเช่นเดิม กับชิปเสียงของ DTS Audio ควบคู่กับชิปของ Realtek เพื่อปรับจูนเสียงให้ดียิ่งขึ้นและเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านทางการ์ด Intel AX211 รองรับ Wi-Fi 6E (Gig+) มาตรฐาน 802.11ax มีแบนด์วิธกว้าง 160MHz เชื่อมต่อคลื่น 2.4, 5, 6GHz ได้ และรองรับฟีเจอร์ MU-MIMO, OFDMA, Intel vPro รองรับ Bluetooth เวอร์ชั่น 5.3 ได้ในตัว
M.2 NVMe SSD ในเครื่องหลังเช็คจาก CrystalDiskInfo จะได้รหัสเป็น Samsung MZVL41T0HBLB หรือ Samsung PM9B1 เป็น OEM SSD อีกรุ่นจาก Samsung อิงจากสเปคแล้วจะใช้อินเทอร์เฟสเป็น PCIe 4.0 x4 ออกแบบมาเพื่อการใช้งานทั่วไปและเล่นเกมเป็นหลัก หลังทดสอบความเร็วอ่านเขียนข้อมูลด้วย CrystalDiskMark 8 เทียบกับหน้าสเปคจะเป็นดังนี้
ประเภท/ความเร็ว | Read (MB/s) | Write (MB/s) |
ข้อมูลหน้าสเปค | 3,600 | 3,000 |
Sequential | 3,665.94 | 3,044.36 |
RND4K | 596.58 | 433.68 |
นอกจากความเร็วอ่านเขียนข้อมูลแบบ Sequential สำหรับอ่านเขียนไฟล์ขนาดใหญ่ไฟล์เดียวจะสมเคลมบนหน้าสเปคแล้ว ด้านการอ่านเขียนไฟล์เล็กย่อยปริมาณมากในหัวข้อ RND4K ซึ่งตรงกับการใช้งานในชีวิตจริงก็ทำความเร็วได้ดี ดึงไฟล์เข้าออกไดร์ฟได้รวดเร็วทันใจจนไม่อยากแนะนำให้คนซื้อ Cyborg 14 A13V ตัวท็อปถอดเปลี่ยนไดร์ฟนี้นัก ยกเว้นมีพื้นที่เก็บงานหรือติดตั้งเกมไม่พอจริงๆ ค่อยพิจารณาก็ได้
กลับกันถ้าจะเปลี่ยนก็ขอแนะนำให้ดู Samsung 980 PRO, Transcend MTE250S หรือ Kingston Fury Renegade มาเปลี่ยนให้ประสิทธิภาพสูงขึ้นอ่านเขียนไฟล์ได้เต็มความเร็วอินเทอร์เฟสจะดีสุด
ความเร็วของการ์ด Intel AX211 ถ้าเชื่อมต่อกับเราเตอร์ Wi-Fi 6 ขึ้นไป ใช้คลื่น 5GHz ก็รับส่งข้อมูลได้รวดเร็ว ในการทดสอบได้ตั้งโน๊ตบุ๊คเอาไว้ในห้องห่างจากกล่องกระจายสัญญาณราว 10 เมตร มีประตูไม้อัดกั้นหนึ่งชั้นแล้วใช้เว็บไซต์ Ookla ทดสอบ ได้ความเร็ว Download 848.57 Mbps และ Upload 839.60 Mbps ทีเดียว จึงสามารถเปิดหน้าเว็บไซต์, โหลดเกมและอัปโหลดไฟล์ได้รวดเร็วทีเดียว
งานหลักอย่างการเล่นเล่นเกม จากการทดสอบด้วยโปรแกรมตระกูล 3DMark แต่ละเวอร์ชั่นแล้วนับว่า MSI Cyborg 14 A13V จะเหมาะกับการเล่นเกมบนหน้าจอ 1080p ที่สุด ถ้าต่อหน้าจอแยกความละเอียด 1440p ก็ยังเปิด NVIDIA DLSS เสริมเข้ามาให้เฟรมเรทมากขึ้นอยู่ในระดับเล่นได้ลื่นไหลขึ้น ซึ่งคะแนนแต่ละการทดสอบจะเป็นดังนี้
- 3DMark Time Spy – จำลองการเล่นเกมชั้นนำบนความละเอียด 1440p ปรับกราฟิคสูงสุด ทำคะแนนเฉลี่ยได้ 7,866 คะแนน แยกเป็น CPU score 12,174 คะแนน กับ Graphics score 7,404 คะแนน
- 3DMark Steel Nomad – จำลองการเล่นเกมชั้นนำบนความละเอียด 2160p ปรับกราฟิคสูงสุด ใช้ DirectX 12 API ทดสอบ ทำคะแนนเฉลี่ยได้ 1,609 คะแนน ได้ 16.09 Fps
แม้จะได้ชื่อว่าเป็น NVIDIA GeForce RTX 4060 แต่พอเห็นค่า TGP 45W อาจตั้งธงไว้ว่าจะเล่นเกมได้เฟรมเรทไม่สูงมาก แต่จากการททดสอบเล่นเกมยอดนิยมปรับกราฟิคสูงสุดจอความละเอียด 1080p ไม่เปิด NVIDIA DLSS ยังได้เฟรมเรทไม่เกิน 60 Fps แต่ยังไม่ต่ำกว่า 40 Fps ภาพบนหน้าจอจึงยังไหลลื่นเล่นได้ทุกเกม กรณี Black Myth: Wukong อาจต้องรอทางผู้พัฒนาจัดการ Optimized เกมเพิ่มเติมเวลาเล่นโดยไม่เปิดฟีเจอร์ Upscalling อีกสักนิดภาพถึงจะลื่นไหลกว่านี้
พอเปิด NVIDIA DLSS Upscalling แต่ไม่เปิด Frame Generation เพิ่มเข้าไปจะเห็นว่าเฟรมเรทเฉลี่ยของทุกเกมเพิ่มขึ้นมากจนเกือบถึงหรือเกิน 60 Fps ไป ไม่เกิดอาการภาพซ้อน (Ghosting) จนเกิดความรำคาญระหว่างเล่นตามปกติแน่นอน แต่ในบางกรณีถ้าฉากนั้นมีฝุ่นผงหรือหิมะเยอะก็อาจเกิดได้บ้าง กรณี Black Myth: Wukong จากประสบการณ์การเล่นและทดสอบขอแนะนำว่ากราฟิคระดับ Cinematic แม้จะสวยแต่ก็แทบไม่ต่างกับ Very High มากนักจึงแนะนำว่าตอนเล่นก็ลดระดับกราฟิคลงมาระดับนี้ให้เฟรมเรทสูงขึ้นแล้วใช้ Upscalling กับ Frame Generation ควบคู่กันจะดีสุด
กรณีเน้นใช้ทำงานกราฟิค 3D และเรนเดอร์คลิปวิดีโอความละเอียดสูง 4K MSI Cyborg 14 A13V ก็ทำหน้าที่ได้ดีทีเดียว จากการทดสอบกับ CINEBENCH แต่ละเวอร์ชั่นจะได้คะแนนดังนี้
- 2024 – ใช้ทดสอบประสิทธิภาพของซีพียูกับจีพียูอย่างหนักพร้อมกันโดยใช้เอนจิ้น Redshift สำหรับอุตสาหกรรมภาพยนต์ ได้ GPU 8,446 pts, CPU (Multi-Core) 778 pts และ CPU (Single Core) 102 pts
- R23 – ใช้ทดสอบพลังประมวลผลของซีพียูเป็นหลัก มีความละเอียดและแม่นยำสูง ได้คะแนน Multi Core 13,139 pts และ Single Core อีก 1,689 pts
- R20 – ใช้ทดสอบกำลังประมวลผลของซีพียูเป็นหลัก ได้คะแนน CPU 4,302 pts
กรณีทดสอบกับโปรแกรมจำลองการทำงานในสำนักงานทุกรูปแบบอย่าง PCMark 10 จะเห็นว่าคะแนนเฉลี่ยของ Cyborg 14 ทำได้สูงถึง 6,866 คะแนน ถ้าแยกไปตามหมวดจะเห็นว่างานพื้นฐานอย่างการเปิดโปรแกรม, เปิดเบราเซอร์ทำงานผ่านเว็บแอป, ประชุมงานออนไลน์และไฟล์เอกสารต่างๆ ทำได้เยี่ยมยอด สังเกตคะแนนหมวด Spreadsheet ซึ่งเกี่ยวข้องกับ Microsoft Excel โดยตรงจะทำได้รวดเร็วดีมาก ไม่แพ้กับการแต่งภาพหรือเรนเดอร์โมเดล 3D เลย กรณีตัดต่อวิดีโอก็สามารถเรนเดอร์คลิปได้เร็วพอควร
ส่วนการทดสอบกับโปรแกรมตระกูล Geekbench ซึ่งในแต่ละเวอร์ชั่นจะทดสอบคอมพิวเตอร์ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งคะแนนการทดสอบชุดแรกจะทดสอบกับซีพียู Intel Core i7-13620H ซึ่งได้ผลลัพธ์ดังนี้
- Geekbench 6 – ใช้ทดสอบว่าซีพียูสามารถประสานงานกับหน่วยความจำในเครื่องได้ดีหรือไม่ โดยจำลอง workloads งานประเภทการบีบอัดข้อมูล (data compression), การประมวลผลภาพ (image processing), Machine Learning และ Compile code มาทดสอบ
- Windows AVX2 (Advanced Vector Extension 2) ชุดคำสั่งเสริมจาก AVX พื้นฐาน ใช้ทดสอบว่าซีพียูคำนวน vector integer ได้รวดเร็วหรือไม่ ถ้าเป็น Single-Core ทำได้ 2,434 คะแนน และ Multi-Core ได้ 12,374 คะแนน
- Geekbench ML ทดสอบด้วย ONNX CPU – ใช้ทดสอบว่าฮาร์ดแวร์ชิ้นนั้นสามารถใช้งานโปรแกรม Machine Learning ได้ดีหรือไม่ ในส่วนนี้ทำได้ 2,943 คะแนน
- Geekbench AI – คำนวณว่าซีพียูนั้นสามารถรันการทำงานกับโปรแกรม AI ต่างๆ ได้แม่นยำหรือรวดเร็วหรือไม่ แบ่งเป็น Single Precision เน้นความเที่ยงตรงของคำสั่ง, Half precision เน้นความเร็วมากขึ้นและลดความแม่นยำลง และ Quantized Score เน้นความเร็วแต่ไม่แม่นยำนัก
- ONNX ได้คะแนน Single Precision 2,835 คะแนน, Half precision 729 คะแนน และ Quantized Score 3,680 คะแนน
กรณีทดสอบกับจีพียู NVIDIA GeForce RTX 4060 กับ Geekbench แต่ละเวอร์ชั่นจะได้คะแนนดังนี้
- Geekbench 6 ทดสอบด้วย Windows AVX2 (Advanced Vector Extension 2) ชุดคำสั่งเสริมจาก AVX พื้นฐาน ใช้ทดสอบว่าคำนวน vector integer ได้รวดเร็วหรือไม่ ซึ่งจีพียูทดสอบด้วย OpenCL framework ทำได้ 81,728 คะแนน
- Geekbench ML ทดสอบด้วย ONNX DirectML – ใช้ทดสอบว่าฮาร์ดแวร์ชิ้นนั้นสามารถใช้งานโปรแกรม Machine Learning ได้ดีหรือไม่ ในส่วนนี้ทำได้ 10,105 คะแนน
- Geekbench AI ทดสอบด้วย ONNX DirectML – Single Precision 13,044 คะแนน, Half precision 22,812 คะแนน และ Quantized Score 10,048 คะแนน
สรุปผลคะแนนให้เข้าใจได้ง่ายคือ ซีพียู Intel 13th generation กับจีพียู NVIDIA GeForce RTX 40 Series ใน MSI Cyborg 14 A13V มีประสิทธิภาพสูงพอจะใช้ทำงานได้ทุกแบบ ตั้งแต่งานออฟฟิศจัดการงานเอกสาร, ทำงานกราฟิค 3D ตัดต่อวิดีโอหรือเขียนโปรแกรมและทำ Machine Learning ก็รันได้รวดเร็ว จะใช้เล่นเกมอย่างเดียวก็ได้ทำงานก็ดีไม่มีปัญหา
ในโปรแกรม MSI Center สำหรับตั้งค่าตัวเครื่องและอัปเดตเฟิร์มแวร์ให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดจะมีฟังก์ชั่นใช้งานติดมาให้หลายอย่าง ทั้ง User scenario ไว้เปลี่ยนโหมดตัวเครื่องรวมถึงเลือกให้ใช้ iGPU หรือเป็น MSHybrid Graphics Mode สลับมาใช้การ์ดจอแยกเมื่อทำงานกราฟิคก็ได้ ถ้าดูใน General Settings จะตั้งสลับระหว่างปุ่ม Fn กับ Windows หรือปิดปุ่ม Windows ก็ได้ เป็นซอฟท์แวร์ประจำเครื่องสารพัดประโยชน์อีกตัวซึ่งทำงานได้ดี อย่างน้อยแนะนำให้เปิดมาอัปเดตเฟิร์มแวร์เดือนละครั้งก็เพียงพอแล้ว
Battery & Heat & Noise
แบตเตอรี่ของ MSI Cyborg 14 A13V เป็นแบตเตอรี่ขนาด 3-Cell ขนาดใหญ่เสมอกับลำโพงทั้งสองฝั่ง แต่ผลิตจากโรงงาน OEM จึงไม่มีข้อมูลว่าเป็นแบตเตอรี่ประเภทใดมีความจุเท่าใด จึงอิงจากโปรแกรม BatteryMon ซึ่งโชว์ว่ามีความจุราว 48Whr ต่างจากหน้าสเปคที่กำกับไว้ว่ามีความจุ 53.5Whr
จากการทดสอบระยะเวลาใช้งานโดยลดความสว่างหน้าจอเหลือ 50% เปิดเสียงลำโพงดัง 10% ปิดไฟ LED Backlit ของคีย์บอร์ดทิ้งแล้วใช้โหมด Super Battery ใน MSI Center ควบคู่กับ Battery Saver ของ Windows 11 ใช้ดูคลิป YouTube นาน 30 นาทีแล้ว จะใช้งานได้ราว 4 ชม. 34 นาที จัดว่าไล่เลี่ยกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คพร้อมซีพียู Intel 13th generation H-Series รุ่นอื่น นานพอใช้ประชุมหรือเลคเชอร์ได้จนจบคลาสแน่นอน แต่ถ้ากังวลว่าแบตฯ จะหมดเสียก่อนก็เอาอะแดปเตอร์ต่อชาร์จใช้งานไปพร้อมกันได้
ชุดระบายความร้อน Cooler Boost ใน MSI Cyborg 14 A13V จะเป็นชุดฮีตไปป์ 3 เส้นพาดจากจีพียูฝั่งซ้ายมาหาซีพียูไปถึงฮีตซิ้งค์ 2 ฝั่ง หน้าพัดลมโบลวเวอร์แล้วระบายความร้อนออกจากเครื่องได้อย่างรวดเร็ว ไม่ได้เป็นชุดพัดลมคู่เพราะไม่สามารถตัดพื้นที่ไปมากกว่านี้ได้แล้ว แต่ยังจัดการอุณหภูมิได้โดยไม่เกิดปัญหา Throttle down ระหว่างใช้งานจริงแม้แต่ครั้งเดียว
ส่วนอุณหภูมิภายนอกสังเกตว่าโซนอุณหภูมิสูงจะอยู่ตรงกลางคีย์บอร์ดไปจนสุดฝั่งขวามือ เพราะด้านใต้เป็นชิปเซ็ตทั้งหมด มีอุณหภูมิสูงสุด 37.5~45.6 องศา ด้านปุ่ม WASD มีอุณหภูมิ 32.9 องศาเซลเซียสจึงวางมือเล่นเกมได้และยังรู้สึกอุ่นอยู่บ้าง ภายในเครื่องจากการทดสอบรันโปรแกรม Benchmark ดึงความร้อนให้ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดแล้ววัดด้วย CPUID HWMonitor จะเป็นดังนี้
ชิ้นส่วน/อุณหภูมิ | อุณหภูมิต่ำสุด (เซลเซียส) | อุณหภูมิสูงสุด (เซลเซียส) |
Motherboard | 51 | 97 |
CPU | 47 | 97 |
GPU (Chipset) | 44 | 70 |
GPU (Memory) | 48 | 92 |
RAM (1) | 48 | 60.5 |
RAM (2) | 48.3 | 59.3 |
SSD | 45 | 57 |
จากตารางอุณหภูมิจะเห็นว่าชิ้นส่วนภายในเครื่องมีอุณภูมิไม่สูงมาก อยู่ในระดับปลอดภัยแต่ส่วนของชิปเซ็ตจีพียูอาจสูงอยู่บ้างเช่นเดียวกับเมนบอร์ดและซีพียูซึ่งเกือบแตะ Tjmax 100 องศาเซลเซียสที่ Intel ลงข้อมูลเอาไว้ก็จริง กลับกันเวลาใช้ทำงานหรือเล่นเกมตามปกติแล้วดู HWMonitor ควบคู่กัน อุณหภูมิจะดีดขึ้นไประดับนั้นเพียง 1~2 วินาทีเท่านั้นและกลับมาอยู่ช่วง 80~90 องศาเซลเซียสใช้งานได้ตามปกติ จึงไม่ต้องห่วงเรื่อง Thermal throttle ก็ได้ ให้ดีก็วางเครื่องไว้บนแท่นวางโน๊ตบุ๊คก็ช่วยลดอุณหภูมิลงไปได้พอควร
เสียงตัวเครื่องเวลาปล่อยทิ้งไว้รอใช้งานจะดังราว 48dB ซึ่งเบากว่าเสียงพูดคุยของมนุษย์ตามปกติและถ้าเปิดโปรแกรมทดสอบเพื่อรีดกำลังเครื่องและเสียงให้ดังสุด วัดจากด้านหน้าเสียงจะดังราว 53dB ส่วนด้านหลังเพิ่มเป็น 61dB เทียบเท่าเสียงพูดคุยตามปกติของมนุษย์ เนื้อเสียงจะไม่ถึงกับแหลมหรือแผดดังจนแสบหูแต่ยังดังพอจะได้ยินว่าพัดลมกำลังทำงานอยู่
User Experience
ข้อดีแรกของ MSI Cyborg 14 A13V ยกให้ตัวเครื่องขนาด 14 นิ้ว และเบาเพียง 1.6 กก. ซึ่งแทบไม่มีตัวเลือกในตลาดเมืองไทยมานานปี เพราะงานของบางคนต้องใช้พลังระดับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คทำงานแต่ก็อยากได้ความเล็กพกพาง่ายก็มีเครื่องนี้เข้ามาอุดช่องว่างนี้ในตลาดได้พอดี แม้บางคนอาจคิดถึง MSI Thin 15 ว่ามาซื้อเครื่องนี้แทนก็ได้ น้ำหนักแค่ 1.86 กก. ก็ใช้ได้เหมือนกัน แต่ความเล็กกะทัดรัดอุ้มเข้าเอวหรือใส่กระเป๋าได้ง่ายก็ทำให้ใครหลายๆ คนยังเลือกใช้จอ 14 นิ้วอยู่เหมือนเดิม แถมราคาสเปคสูงสุด 36,990 บาท จึงเป็นเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คจอ 14 นิ้วที่ราคาถูกสุดในช่วงปลายปี 2024 ไปโดยปริยาย
การพกพาพอเทียบกับโน๊ตบุ๊คบางเบาเครื่องส่วนตัวขนาด 14 นิ้ว น้ำหนัก 1.25 กก. แล้วเพิ่มมา 1.6 กก. กรณีพกใส่กระเป๋าไปทำงานตามร้านกาแฟเหมือนกันก็หนักไม่ต่างกันมากอย่างที่คิด สามารถแบกเดินเที่ยวไปมาในห้างได้แทบทั้งวันแล้วไม่ปวดไหล่เกินไป จะยกเครื่องย้ายโต๊ะก็สะดวกพอกับโน๊ตบุ๊คทั่วไปไม่พอ ก็ได้ซีพียู Intel H-Series กับ NVIDIA GeForce RTX 40 Series เอาไว้ทำงานกราฟิคได้สบายๆ จะแก้หรือเรนเดอร์งานก็ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จแล้ว แต่เสียดายอยู่นิดหน่อยว่าถ้า USB-C รองรับ Power Delivery ก็จะได้พกแต่อะแดปเตอร์ GaN 100W เอาไว้ชาร์จไฟ ทิ้งอะแดปเตอร์ประจำเครื่องติดโต๊ะคอมไว้ใช้ตอนจะรันโปรแกรมตัดต่อวิดีโอหรือเล่นเกมไปเลย
ว่าด้วยการเล่นเกม ในเครื่องนี้ใส่ซีพียู Intel Core i7-13620H กับจีพียู NVIDIA GeForce RTX 4060 รุ่น TGP 45W ซึ่งชิปเซ็ตทั้งสองถ้าเป็นฮาร์ดคอร์เกมเมอร์อาจมีธงในใจว่าซีพียูก็มี E-core ยังไม่จุใจเดี๋ยวจะไม่พอเอาไว้รันโปรแกรมเบื้องหลังหรือ TGP ของการ์ดจอน้อยไปเล่นเกมแล้วเฟรมเรทน้อยแน่ ซึ่งถ้าเล่นบนหน้าจอ 1440p ก็อาจเป็นอย่างนั้น แต่ถ้าเป็นจอ 1080p ก็ปรับกราฟิคไประดับสูงสุดก็ยังทำเฟรมเรทได้ในระดับ 40 Fps ขึ้นไปจนถึง 60 Fps ได้แน่นอน ถ้าเปิด NVIDIA DLSS Quality เสริมเข้ามาก็ได้ภาพลื่นไหลโดยไม่ต้องพึ่ง Frame Generation ก็ได้ เวลาเปิดเล่นเกมหลังการทดสอบก็ยังเล่นได้ภาพสวยลื่นไหลต่อเนื่องดี ไม่มีอาการเฟรมเรทลดกะทันหันจนเสียอารมณ์แม้แต่ครั้งเดียวและยังคุมอุณหภูมิได้ดีแม้ตัวเครื่องจะอุ่นขึ้นมาจนรู้สึกได้ก็ไม่ส่งผลต่อการใช้งานเลย แต่เพราะหน้าจอมีขนาด 14 นิ้ว จึงดูเล็กไปบ้าง ถ้ามองไม่ถนัดก็ยังต่อพอร์ต HDMI 2.1 เข้าหน้าจอแยกก็เล่นได้สบายแล้ว
อย่างไรก็ตาม ถ้าจะใช้ MSI Cyborg 14 A13V เป็นโน๊ตบุ๊คเครื่องหลักอาจไม่ถูกใจตรงพอร์ต M.2 NVMe SSD มีเพียง 1 ช่องหลัก ซึ่งถ้า SSD 1TB ในเครื่องไม่พอติดตั้งเกมหรือเก็บไฟล์งานก็จำเป็นต้องหา SSD 2TB มาใช้แทนหรือไม่ก็ติดตั้งเกมลงไปใน External SSD แทน และถ้า MSI จะทำ Cyborg 14 โมเดลใหม่มาขายต่อ ก็หวังว่าจะปรับแต่งให้ USB-C เป็น Full Function ไปเลยจะดีมาก จะได้ชาร์จด้วยอะแดปเตอร์ GaN 100W ได้เลย ช่วยให้พกไปไหนมาไหนได้สะดวกขึ้น
Conclusion & Award
MSI Cyborg 14 A13V นอกจากครองตำแหน่งเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คหน้าจอ 14 นิ้วที่ราคาถูกสุดในตลาดแล้ว ยังพกพาง่ายน้ำหนักเบากำลังดี จึงพกเจ้าเครื่องเล็กแต่ทรงพลังนี้ไปใช้งานได้ทุกที่ไม่ว่าจะพกไปทำงานในออฟฟิศหรือร้านกาแฟก็ง่าย ต่อหน้าจอแยกเล่นเกมในวันหยุดได้สบายๆ ไม่ต้องยอมกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คจอใหญ่แบบในอดีตอีกต่อไปแล้ว เจ้าเครื่องนี้น่าจะเป็นคำตอบของผู้ใช้หลายๆ คนได้เป็นอย่างดีและคงจะมีคนหวังให้บริษัทผู้ผลิตโน๊ตบุ๊คจากไต้หวันทำให้มันเป็นจริงอยู่แน่
นอกจากเรื่องความพกพาสะดวกและสเปคแรง ฟีเจอร์และซอฟท์แวร์ภายในเครื่องก็มี Microsoft Office Home & Student 2021 ติดตั้งมาควบคู่ Windows 11 ภายในเครื่องแล้วและยังต่อหน้าจอแยกพร้อมกัน 2 หน้าจอด้วยฟีเจอร์ Matrix Display ได้ ทำให้อรรถประโยชน์ของเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คเครื่องจิ๋วแต่แจ๋วและราคาสมเหตุผลนี้น่าจะตอบสนองความต้องการของใครหลายคนได้อย่างพอเหมาะพอดีเลย
Award
Best Mobility
MSI Cyborg 14 A13V เบาเพียง 1.6 กก. และตัวเครื่องมีขนาดเพียง 14 นิ้ว ทำให้พกไปทำงานได้ง่ายเหมือนโน๊ตบุ๊คทำงานทั่วไป แต่ทรงพลังพอกับเกมมิ่งโน๊ตบุ๊คจอ 15.6 นิ้วรุ่นอื่น เป็นตัวเลือกเพื่อคนรักความแรงแต่ขอให้เบาสบายไหล่สักนิดมาก
Best Value
MSI ตั้งราคาให้ Cyborg 14 A13V ได้พอเหมาะมาก ขอแค่มีเงิน 36,990 บาทก็รับมันไปเป็นเพื่อนคู่ใจสร้างสรรค์ผลงานในวันธรรมดาและพาสนุกกับเกมชั้นนำเวลากลับมาถึงบ้านได้แล้ว ซึ่งระดับราคานี้ไม่ว่าใครก็หาซื้อมาใช้ได้แน่นอน