จอเล่นเกมปี 2024 เลือกให้ถูกใจคอเกม เพิ่มความสนุกในการเล่น ต้องดูอะไรบ้าง?
จอเล่นเกมหรือ Gaming Monitor ในปี 2024 จัดเป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย และกลายเป็นหนึ่งสิ่งที่จะทำให้การเล่นเกมมีอรรถรสมากยิ่งขึ้น เพราะนอกจากสเปคคอมที่แรงแล้ว การแสดงผลที่ลื่นไหล ให้ภาพที่สวยงาม สีสันสดใส ยิ่งเพิ่มความสนุกในการเล่นได้ดีกว่าจอ แต่การที่จะเลือกจอเกมมิ่งมาใช้นั้น ก็มีรายละเอียดมากมาย ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของ Resolution หรือ Refresh rate เท่านั้น แต่ปัจจุบันยังมีเรื่องของเทคโนโลยี พาแนล การปรับแต่ง ซอฟต์แวร์และฟังก์ชั่นเสริมที่จะช่วยให้คอเกมเล่นได้สนุกมากขึ้น ตั้งแต่เกมเมอร์มือใหม่ ไปจนถึงระดับมืออาชีพระดับอีสปอร์ต แต่จะเลือกอย่างไรให้เหมาะกับคุณ เรามีแนวทางในการเลือก และตัวอย่างของจอเกมมิ่งรุ่นใหม่จากทาง GIGABYTE AORUS มาฝากกันครับ
จอเล่นเกม 2024 AORUS
- เทคโนโลยีพาแนล
- ความละเอียดและรีเฟรชเรตสูง
- OSD มีฟังก์ชั่น ปรับแต่งได้สะดวก
- รองรับเทคโนโลยีการแสดงผลที่ดูสบายตา
- พอร์ตรับสัญญาณหลากหลาย
- ให้ความยืดหยุ่นในการปรับเลื่อน
- สเปคของจอเล่นเกม
1.เทคโนโลยีพาแนล
ปัจจุบันเทคโนโลยีจอเล่นเกมมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก มีพาแนลหลากหลายรูปแบบ และเทคโนโลยีต่างๆ ให้เลือกมากมาย ถ้าย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ในบรรดาจอเล่นเกม จะมีตัวเลือกทั้ง TN, VA และ IPS ซึ่งในช่วงนั้นก็จะได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากเป็นพาแนลที่เล่นเกมได้สวย ภาพต่อเนื่องและหาซื้อได้ในราคาที่เอื้อมถึง แต่ในปัจจุบันตัวเลือกมีมากขึ้น โดยเฉพาะเทคโนโลยี OLED ที่เข้ามาเปลี่ยนโฉมการเล่นในเวลานี้อย่างมาก ทั้งเพิ่มอรรถรสในการเล่น การแสดงผลที่คมชัด มีสีดำที่ลึกดำสนิทและความสว่างที่เจิดจ้า และส่วนใหญ่มาในมิติที่บางลง ทำให้เคลื่อนย้ายได้สะดวก ประหยัดพื้นที่ แม้จะเป็นจอภาพขนาดใหญ่ก็ตาม
VA – เป็นจอภาพที่ได้รับความนิยมจากเหล่าเกมเมอร์ในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากมีการตอบสนองไว ความคมชัดสูง แต่ทำราคาได้ค่อนข้างดี กับจุดเด่นที่ให้อัตรารีเฟรชเรตสูง มีค่า Contrast มาก สีดำเข้ม เหมาะกับการใช้งานในหลายด้าน แต่ช่วงสีไม่ได้ครอบคลุมกว้างมากพอ สำหรับการทำงาน เหมาะกับการเล่นเกม ชมภาพยนตร์และการทำงานที่ไม่ได้เจาะจงเรื่องงานด้านภาพที่จริงจังมากนัก
TN – เป็นพาแนลที่เรียกว่า ครอบคลุมทุกการใช้งาน ในราคาที่ประหยัด โดยเฉพาะกลุ่มเกมเมอร์ในอดีต ที่เริ่มต้นกับการเล่นเกม แต่มีงบประมาณจำกัด จุดเด่นอยู่ที่อัตราการตอบสนองไว แต่ปัจจุบันเริ่มหาได้ยากในท้องตลาด แต่เกมเมอร์ยังชื่นชอบในบางโมเดล เพราะให้อัตรารีเฟรชเรตสูง และภาพที่คมชัด เท่าที่เช็คในตลาดจอเวลานี้ ยังพอมีให้เห็น
IPS – เป็นพาแนลที่ได้รับความนิยมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยความโดดเด่นเรื่องความคมชัด ให้สีสันที่ตรง มุมมองภาพที่กว้าง ผิดเพี้ยนน้อยมาก เมื่อเทียบกับพาแนลแบบอื่นๆ มี Dynamic Contrast ที่สูง จึงเหมาะกับงานที่เน้นคุณภาพ และการใช้งานในพื้นที่ที่มีแสงรบกวนได้ดี แต่ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง บางครั้งเมื่อเทียบกับจอแบบ VA ที่มีราคาถูกกว่า สีสันสดใส และการตอบสนองที่รวดเร็ว จึงอาจเป็นตัวเลือกที่รองลงไป
แต่ปัจจุบันมีพาแนลรุ่นใหม่ ที่ให้ทั้งภาพที่คมชัด สีสันสดใส และมุมมองที่กว้าง รวมถึงการแสดงค่าสีที่กว้างและแม่นยำอีกด้วย เรียกว่า OLED ซึ่งจุดเด่นของพาแนลจอเล่นเกมแบบ OLED นี้ นอกจากที่กล่าวมาแล้ว ก็ยังให้ภาพที่มีโทนมืด ที่มืดสนิทเพราะการทำงานของ OLED นี้ จะมีพิกเซลแสงเฉพาะของตัวเอง เมื่อฉากมืดก็จะปิดแสงบนพิกเซลนั้นๆ จึงไม่มีแสงลอดออกมาต่างจากแบบที่เป็น Backlight และส่วนที่เป็นฉากสว่าง ก็จะได้จากค่า Contrast ที่ทำให้มีความสว่างชัดเจนสดใสกว่าจอแบบอื่นๆ สีสันดูสดใส และยังให้มิติในการชมที่อลังการมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะบนจอ OLED ขนาดใหญ่ ความละเอียดสูงนั่นเอง
อีกทั้งมีค่า Response Time ที่ตอบสนองได้รวดเร็ว โอกาสที่จะเกิด Ghosting ที่เป็นภาพซ้อนน้อยมากๆ จึงเหมาะทั้งการเล่นเกม และชมภาพยนตร์ ที่ให้ฉากที่้มีความตระการตามากกว่าจอแบบอื่นๆ
และจุดเด่นอีกสิ่งหนึ่งของจอ OLED นี้ก็คือ สามารถออกแบบจอให้มีมิติที่บางลง ง่ายต่อการจัดวางและเคลื่อนย้าย ไม่ดูเทอะทะอีกด้วย แต่จะมี 2 สิ่งที่อาจจะเรียกว่าเป็นข้อสังเกตของจอ OLED ก็คือ มีโอกาสหน้าจอ Burn-In ได้ กรณีที่ใช้งานเป็นภาพเดิมซ้ำๆ ค้างเอาไว้บนหน้าจอนานๆ ทำให้เกิดความเสียหาย และราคาค่อนข้างสูง หากเทียบกับจอเกมมิ่งที่เป็นพาแนลอื่นๆ ในท้องตลาด
และล่าสุดกับพาแนลที่เรียกว่าบรรดาผู้ผลิตจอเล่นเกมต่างให้ความสนใจ และมีความโดดเด่น เหมาะสำหรับเกมเมอร์ที่ต้องการเล่นเกมแบบจริงจังเต็มอรรถรส ที่เรียกว่า QD-OLED จุดเด่นอยู่ที่การปรับปรุงด้วยการผนึกเอาข้อดีของ OLED และ Quantum Dot มารวมกัน
อย่างที่กล่าวไปในข้างต้น จุดเด่นของจอ OLED มีมากมาย ทั้งเรื่องความคมชัด สีสัน และการตอบสนอง แต่ในช่วงหนึ่งเราจะได้ยินคำว่า QLED โดยเฉพาะบนจอทีวีรุ่นใหม่ๆ ซึ่งใกล้เคียงกับการเป็น OLED มากๆ แยกแทบไม่ออก แต่จะมีความพิเศษก็คือ การเพิ่มเทคโนโลยี Quantum Dot เข้ามาในตัว ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นแผงซ้อนเข้ามาในตัวจอภาพ ที่มีโมเลกุลขนาดเล็กเรียงตัวกันอยู่ เมื่อได้รับแสง ก็จะเปล่งสีออกมา ผ่านชั้นต่างๆ บนจอ ทำให้เกิดเป็นภาพ แต่สิ่งที่ได้คือ แสงสีที่มีความสดใสมากกว่า และมีขอบเขตสีที่กว้างขึ้นกว่า OLED แต่ด้วยการเพิ่มชั้นของพาแนลขึ้นมา ก็ทำให้การแสดงสีดำนั้นไม่สนิทเต็มที่ รวมถึงค่า Contrast ก็ดรอปลงไปนั่นเอง
QD-OLED เล่นเกมเต็มอิ่ม สีสดใส ตอบสนองไว
และพาแนลอีกแบบที่เรียกว่าใหม่ล่าสุด และเป็นจอที่ออกแบบมาเพื่อเกมเมอร์โดยเฉพาะ เรียกว่า QD-OLED QD-OLED เป็นพาแนลที่รวมเอาจุดเด่นของทั้งพาแนลที่เป็น OLED และ Quantum Dot เข้าด้วยกัน เมื่อแสงที่ปล่อยออกมาจาก OLED ผ่านชั้นของ Quantum Dot และแปลงเป็นสีแดง เขียว และสีน้ำเงิน เมื่อรวมกันก็จะแสดงภาพมาปรากฏให้เห็น
ข้อดีคือทำให้แสดงสีสันบนขอบเขตสีได้กว้างขึ้น มีความแม่นยำกว่าพาแนลแบบอื่น ภาพที่มีความสว่างสดใส และยังใช้พลังงานที่น้อยลงอีกด้วย เรียกว่าดึงเอาจุดเด่นของพาแนลใหม่ๆ มารวมเอาไว้ในจอเดียว ทำให้เกมเมอร์สามารถรับชมภาพที่ได้ทั้งความสดใส และสีดำที่มืดสนิท นั่นจึงทำเป็นคำตอบว่า ทำไมจอ QD-OLED จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับเหล่าเกมเมอร์ที่ต้องการไปให้สุดกับภาพที่สวยเต็มตา คมชัด ตอบสนองไวเพื่อความสะใจในการเล่นเกม
AORUS FO32U2P เป็นจอเล่นเกมอีกรุ่นหนึ่งที่มาพร้อมพาแนล QD-OLED ที่ให้สีสันสดใส เพื่อให้เกมเมอร์ได้เต็มอิ่มไปกับภาพที่สวยงามและไหลลื่นไปทุกการเคลื่อนไหว ด้วยการแสดงผลแบบ 10-bit Color Depth ที่ให้รายละเอียดและมิติของภาพได้มากขึ้น และมาพร้อม Certified ที่การันตีในเรื่องของการแสดงผลที่เหนือกว่า ไม่ว่าจะเป็น VESA DisplayHDR True Black 400 หรือ ClearMR 13000 เป็นต้น เช่นเดียวกับความแม่นยำและขอบเขตสีในระดับมืออาชีพ Delta-E <2 และ 99% DCI-P3 และให้ความสว่างสดใสบนการแสดงผล HDR สูงถึง 1000 nits อีกด้วย ให้มุมมองที่กว้าง จึงสนุกไปกับการเล่นเกมได้ทุกมุมมอง
OLED Care
แม้ว่าจอคอมในกลุ่ม OLED จะมีสิ่งที่ต้องระวังนั่นคือ อาการของจอเบิร์นหรือหรือภาพค้างบนหน้าจอ เมื่อแสดงผลแบบเดียวกันบนความสว่างสูงสุดเป็นเวลานานๆ แต่ด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า OLED Care บนจอ AORUS 3 รุ่นนี้ ช่วยให้ผู้ใช้อุ่นใจได้ตลอดการใช้งาน ด้วยรูปแบบการตั้งค่าให้เหมาะสมกับรูปแบบการทำงาน บนพื้นฐานของ AI ที่ทำงานในเบื้องหลังและช่วยดูแลระบบของตัวจอ ประกอบไปด้วย 6 ฟีเจอร์หลัก ที่จะทำงานแบบอัตโนมัติ โดยไม่รบกวนการทำงานของผู้ใช้
- Pixel Clean – จะเป็นการเคลียร์พิกเซลบนหน้าจอเหมือนการรีเฟรชใหม่ทุก 4 ชั่วโมง
- Static Control – ระบบจะลดความสว่างลงเหลือ 80% เมื่อหน้าจอไม่มีการเปลี่ยนแปลง 100 วินาที เพื่อป้องกันจอเบิร์น
- Pixel Shift – หน้าจอจะขยับพิกเซล 1-2 พิกเซลในทุกๆ 2 นาที เมื่อมีภาพที่ค้างอยู่ในบางจุด
- APL Stabilize – ปรับความสว่างของหน้าจอให้คงที่ ฟีเจอร์นี้จะทำการตรวจเช็คพื้นที่ที่มีสีขาวหนาแน่น และปรับความว่างสูงสุดตามโพรไฟล์อัตโนมัติ
- Sub-logo Dim – ลดความสว่างลงอัตโนมัติ 10-20% บนพื้นที่ที่ตรวจพบว่ามีภาพค้าง อย่างเช่น Taskbar หรือโลโก้ตามมุม ขอบต่างๆ เป็นต้น
- Corner Dim – ลดความสว่างของมุมทั้ง 4 ด้านของจอ เพื่อป้องกันอาการเบิร์นให้อัตโนมัติ
2.ความละเอียดและรีเฟรชเรตสูง
ทำไมเกมเมอร์จึงต้องเลือกจอคอมที่มี Resolution และอัตรารีเฟรชเรตที่สูงสำหรับเล่นเกม นั่นก็เพราะความละเอียดบนหน้าจอยิ่งสูง ก็ยิ่งให้รายละเอียดภายในฉากเวลาที่เล่นเกมได้มากขึ้น โดยเฉพาะคนที่ต้องการเล่นเกมแบบที่ได้ทั้งความสวยงาม และเห็นสิ่งต่างๆ ในเกมได้มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นเกมที่มีฉากอลังการ อย่างเช่นแนว Adventure หรือ Racing หรือจะเป็นแนวยิง Action FPS ที่จะสามารถมองเห็นศัตรูในฉากได้ชัดเจน และมองเห็นจากระยะไกล สายสไนป์จะค่อนข้างได้เปรียบ เพราะปลิดชีพศัตรูได้ง่ายขึ้น
โดย Resolution หรือความละเอียดหน้าจอในปัจจุบัน ก็จะมีตั้งแต่ Full-HD (1080p), 2K (1440p) และ 4K (2160p) แต่ก็มีรุ่นที่มีความละเอียดหน้าจอที่ในระดับ 8K (4320p) มาให้เห็นกันบ้างแล้ว แต่ยังมีโมเดลให้เลือกน้อย และราคาค่อนข้างสูงกว่าจอ 4K พื้นฐานอยู่หลายเท่า ซึ่งความแตกต่างของ Resolution แต่ละแบบ อยู่ที่การแสดงพิกเซลบนหน้าจอได้มากขึ้นตามลำดับ ยิ่งจอแสดงผลมีพื้นที่กว้าง จอที่ให้ความละเอียดสูง ก็ยิ่งทำให้มองเห็นได้คมชัดมากขึ้น ในทางกลับกัน ถ้าเป็นจอขนาดใหญ่ แต่ความละเอียดน้อย ก็จะทำให้มองเห็นเป็นพิกเซลชัด ทำให้ลดความสวยงามและรายละเอียดของภาพลดลง
ดังนั้นเกมเมอร์ที่ต้องการความสวยงามของภาพ การเลือกจอความละเอียดสูงในการเล่นเกม ก็ดูจะเหมาะสมกัน แต่ก็ต้องดูตามความเหมาะสมของระบบที่ใช้อยู่ด้วย ว่าจะสามารถขับเคลื่อนเกมให้ไหลลื่นบนความละเอียดที่สูงได้พอหรือไม่ เพราะถ้าเล่นเกมบน Resolution สูง แต่เฟรมเรตไม่มากพอ เล่นแล้วภาพกระตุก ก็คงจะไม่ดีต่อผลการเล่นนัก แต่ตรงกันข้ามถ้าเป็นจอขนาดเล็ก แต่ความละเอียดสูง ก็จะทำให้เห็นภาพของสิ่งต่างๆ คมชัด แต่ออปเจกท์ต่างๆ ก็จะเล็กลงตามขนาดของจอคอมนั่นเอง
ตัวเลขอีกชัดหนึ่งที่เกมเมอร์ควรให้ความสนใจก็คือ อัตรารีเฟรชเรต (Refresh rate) ซึ่งจะบอกเป็น Hz บนจอคอมทั่วไป ก็มักจะเห็นที่ 60Hz เป็นมาตรฐาน แต่สำหรับจอเกมมิ่งในปัจจุบัน ก็จะว่ากันที่ 120Hz ขึ้นไป บางรุ่นอาจสูงไปถึง 360Hz หรือมากกว่าอีกด้วย ตัวเลขยิ่งมาก หมายถึงจอจะสามารถเปลี่ยนภาพในการแสดงผลต่อๆ ไป ที่ระบบเรนเดอร์มาแล้วได้มากตามไปด้วย นั่นก็หมายถึงภาพที่ต่อเนื่อง ดูแล้วสบายตา ไม่เกิดอาการภาพขาดหรือ Tearing หรือ Ghosting หรือเป็นเงาของภาพที่เกิดจากการแสดงผล ซึ่งส่งผลต่อการเล่นเกมโดยตรง เพราะจังหวะที่เกิดความผิดปกติ แม้เสี้ยววินาทีก็อาจจะหมายถึงการแพ้หรือชนะได้เลย
ดังนั้นถ้าคุณเน้นการเล่นเกมจริงจัง อยากได้การเล่นที่ลื่นไหล ไม่สะดุด หรือให้เหมาะสมกับเฟรมเรตที่คอมของคุณทำงานได้บนเกมนั้นๆ จอระดับ 24″ Full-HD ที่มีรีเฟรชเรตสูงเป็นทางออกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในกลุ่มของเกมเมอร์ระดับอีสปอร์ตก็มีการใช้จอกลุ่มนี้สำหรับการแข่งขัน เพราะนอกจากจะได้ภาพที่ลื่นไหล ก็ยังมองเห็นได้เต็มหน้าจอ แบบไม่ต้องกวาดสายตามากเกินไป โฟกัสกับการเล่นได้ง่าย
แต่ถ้าต้องการจอเล่นเกมที่มีภาพสวยงาม บนจอใหญ่อลังการ ให้อรรถรสในการเล่นมากขึ้น ใช้ในชีวิตประจำวัน จอคอมขนาดใหญ่ 27″-32″ บนความละเอียดระดับ 2K 1440p อัตรารีเฟรชเรตสูง เป็นรุ่นที่น่าสนใจ เพราะคุณจะได้พื้นที่แสดงผลกว้างใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเกมแนวแอ็คชั่นอยู่ในสนามรบ จะมองเห็นฉากการรบ หรือจะเป็นเกมแนว MOBA ที่จะเห็นตัวฮีโร และเอฟเฟคที่ดูตระการตา มองเห็นได้ทั่วทั้งฉาก หรือเกมแนว Battle Royale ทำให้ดูแผนที่และการวางแผนชัดเจนขึ้น หรือจะเป็นเกม Racing ที่จะสามารถอิ่มเอมไปกับฉากที่เคลื่อนไหว สวยงาม ตัวอย่างเช่น
AORUS FO27Q3 จอเกมมิ่ง QD-OLED พื้นที่แสดงผลขนาดใหญ่ 27″ ให้ความละเอียดสูง 1440p และมีอัตรารีเฟรชเรตสูงถึง 360Hz ให้ภาพที่ดูลื่นไหลสบายตา ไร้การเกิด Ghosting หรือเงาซ้อน เหมาะกับคอเกมที่ต้องการจอแสดงผลที่ให้พื้นที่ได้มากขึ้น สวยคมชัด สีสันที่จัดจ้าน ทำให้การเล่นเกมมีมิติมากขึ้น รวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ ที่มีให้อย่างครบครัน ด้วยพื้นที่แสดงผลระดับนี้ จึงสามารถแบ่งหน้าจอ (Split Window) ให้ใช้งานหลายหน้าต่างพร้อมกัน แบบที่ยังมองเห็นคอนเทนต์บนหน้าต่างได้อย่างชัดเจน
หรือถ้าต้องการจอเล่นเกมที่มีพื้นที่กว้าง เน้นการเล่นเกมและใช้งานอย่างจริงตัว GIGABYTE MO34WQC2 ก็เป็นเกมมิ่งมอนิเตอร์อีกรุ่นหนึ่งที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ดีทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่แสดงผลระดับ 34″ ในแบบ QD-OLED สีสันคมชัดจัดจ้าน กับการแสดงผลในแนวกว้างแบบ Ultra-Wide WQHD ความละเอียด 2K เน้นเกมแอ็คชั่นที่ใช้พื้นที่แบบเห็นฉากได้กว้างเต็มตา หรือว่าแบ่งส่วนที่ใช้ในการมองแผนที่ รวมถึงการดูช่องแชต ในเกมที่เล่นเป็นทีมอย่าง Battle Royale เป็นต้น กับอัตรารีเฟรชเรต 240Hz และ Response time ที่รวดเร็วแค่ 0.03ms ตอบสนองไว มีโอกาสสร้างชัยชนะได้รวดเร็วในเสี้ยววินาที เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับเกมเมอร์ที่ต้องการไปให้สุดทั้งความลื่นไหลและความสวยงาม
3.OSD มีฟังก์ชั่น ปรับแต่งได้สะดวก
นอกจากภาพความสวยงาม และความลื่นไหลในการแสดงผล การปรับแต่งให้ตรงกับความต้องการหรือเกมที่เล่น ก็ถือว่าเป็นจุดสำคัญของจอเล่นเกมด้วยเช่นกัน ยิ่งปรับแต่งได้ละเอียด มีฟีเจอร์ที่หลากหลาย อินเทอร์เฟสที่ใช้งานง่าย ที่สำคัญใช้งานสะดวก ก็ยิ่งทำให้เกมเมอร์สนุกและสร้างโอกาสในการคว้าชัยชนะอยู่ด้วย ซึ่งบนจอคอมเองจะต้องมีสิ่งที่เรียกว่า OSD settings สิ่งนี้จะให้ผู้ใช้ปรับแต่งทั้งในเรื่องของภาพ ฟังก์ชั่น แสงสี และอื่นๆ ซึ่งมี 2 ส่วนที่ผู้ใช้ให้ความสนใจนั่นคือ
ปุ่มคอนโทรล: ปัจจุบันเรามักจะเห็นอยู่ 2 รูปแบบนั่นคือ ปุ่มกด และปุ่มแบบจอยสติ๊ก ซึ่งการใช้งานขึ้นอยู่กับความสะดวก และความถนัดของแต่ละบุคคล บางคนอาจจะชอบการแยกปุ่ม ที่ใช้เลือกขึ้นบน ลงล่าง ตกลง หรือย้อนกลับ แต่บางคนอาจจะชอบความเป็นปุ่มแบบจอยสติ๊ก โยกซ้ายขวา ขึ้นลง และกดเพื่อ Enter มากกว่าการมีหลายปุ่ม ที่อาจสร้างความสับสนได้
ตัวอย่างเช่น AORUS FO27Q3, AORUS FO32U2P และ GIGABYTE MO34WQC2 เป็นจอเล่นเกมที่มาพร้อมกับปุ่มคอนโทรลในการปรับแต่ง OSD ในรูปแบบของจอยสติ๊ก ใช้งานง่าย แค่เพียงกดปุ่มเพื่อเข้าเมนู เลื่อนซ้าย-ขวา ค้นหาฟังก์ชั่นที่ต้องการ กดปุ่มอีกครั้ง เพื่อเลือกหรือยืนยัน สะดวกและง่าย แบบไม่ต้องจดจำตำแหน่งของปุ่มให้ยุ่งยาก
ฟังก์ชั่นในการปรับแต่ง: ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน นอกจากจะต้องมีอินเทอร์เฟสที่ใช้ง่าย เข้าถึงเมนูได้รวดเร็ว ไม่ซับซ้อน บางรุ่นยังมีพร้อมกับปุ่มคีย์ลัด หรือบางรุ่นเรียกว่า Tactical Switch อย่างเช่นใน AORUS FO27Q3, AORUS FO32U2P และ GIGABYTE MO34WQC2 ที่ผู้ใช้สามารถเลือกกำหนดปุ่มให้เป็นคีย์ลัด ในการตั้งค่าการใช้งานได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้บรรดาในจอเล่นเกมปัจจุบัน ก็จะมีลูกเล่นมากมายให้เลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็น Picture Mode ก็จะมีตัวเลือกที่เป็นโพรไฟล์ภาพ มาช่วยในการปรับให้เหมาะกับเกมในแต่ละแบบที่ต้องการ ผู้ใช้แทบจะไม่ต้องปรับรายละเอียดเรื่อง ค่าสี ความสว่าง Contrast และอื่นๆ ด้วยตัวเอง โดยจอที่ออกแบบมาสำหรับเกมเมอร์มืออาชีพ ก็จะมีให้เลือกครบครัน นอกเหนือจาก การดูหนัง ท่องเว็บไซต์ หรืออ่านข้อมูลและทำงานเอกสารทั่วไป แต่ยังรวมไปถึงโพรไฟล์เกม Action, FPS, RTS หรือ Racing ก็ตาม
Black Equalizer 2.0-Lv 0 Black Equalizer 2.0-Max.
ตัวช่วยในการเพิ่มโอกาสที่เหนือกว่าคู่แข่ง เช่น Black Equalizer หรือ Night Vision เพิ่มความสว่างในฉากที่มืด ทำให้มองเห็นศัตรูได้รวดเร็ว หรือ Crosshair เป้าเล็งที่ช่วยเสริมความแม่นยำได้มากขึ้น หรือจะเป็น Eagle Eye และ Dashboard ที่ใช้ในการมอนิเตอร์ รายงานอัตรารีเฟรชเรต บนหน้าจอให้อีกด้วย
4.รองรับเทคโนโลยีการแสดงผลที่ดูสบายตา
จอเล่นเกมในปัจจุบันต้องไม่ใช่แค่การมีพาแนลคุณภาพดี ให้ภาพที่สวยงาม หรืออัตรารีเฟรชเรตที่สูงเท่านั้น แต่ต้องมีเทคโนโลยีช่วยเสริมให้ภาพมีความต่อเนื่องและดูสบายตา เพื่อให้ผู้ใช้สามารถปรับจูนให้เข้ากับสเปคคอมหรือโน๊ตบุ๊คที่ใช้ได้อีกด้วย เทคโนโลยีนี้จะช่วยลดอาการภาพฉีกขาด ภาพกระตุกด้วยการทำให้เฟรมเรตจากการ์ดจอ สอดคล้องกับอัตราเฟรชเรตบนหน้าจอ พร้อมกับการชดเชยเฟรมเรตที่ขาดหายไป เมื่อเฟรมเรตและรีเฟรชเรตมีระดับที่พอๆ กันแล้ว ก็จะทำให้การเล่นเกมดูสบายตามากขึ้น ไม่สะดุดหรือภาพฉีกให้เสียอารมณ์
ในเวลานี้มีเทคโนโลยีมากมาย โดยเฉพาะกับ 2 ค่ายยักษ์ใหญ่ในตลาดอย่าง nVIDIA ก็จะมี G-Sync ส่วนทาง AMD จะเรียกว่า AMD FreeSync ทั้งคู่แม้จะเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ภาพมีความต่อเนื่องและสมบูรณ์ แต่จะแตกต่างกันในแง่การใช้งาน โดย G-Sync จำเป็นจะต้องใช้ร่วมกับโมดูลของทาง nVIDIA และใช้คู่กันทั้งจอที่ได้ Certified G-Sync รวมถึงการ์ดจอของค่ายเดียวกัน แต่ AMD FreeSync จะเป็นแบบเปิด ซึ่งสามารถใช้จอใดๆ ก็ที่รองรับ ซึ่งมีความหลากหลาย แต่ถ้าใช้การ์ดจอของ AMD Radeon การเลือกจอที่รองรับ FreeSync ให้ผลการทำงานที่ดีกว่า
ตัวอย่างเช่น AORUS FO27Q3, AORUS FO32U2P และ GIGABYTE MO34WQC2 ทั้ง 3 รุ่นนี้มาพร้อม AMD FreeSync Premium Pro ซึ่งเป็นเลเวลสูงสุดกับฟีเจอร์ขั้นสูง ต่างจาก FreeSync ตัวเริ่มต้นอยู่พอสมควร หากจอใดที่ระบุการรองรับ FreeSync Premium Pro นี้ ก็จะหมายถึงมาพร้อมอัตรารีเฟรชเรตไม่น้อยกว่า 120Hz และความละเอียด Full-HD เป็นอย่างน้อย มีฟีเจอร์ที่รองรับ LFC หรือการชดเชยเฟรมเรต เมื่อช่วงที่เรนเดอร์นั้นเฟรมเรตต่ำจนเกินไป มีค่า Latency ทั้งโหมด SDR และ HDR น้อยมากๆ ตอบสนองได้ไว รวมถึงการรองรับ HDR ได้ตาม Certified ตามมาตรฐาน โดยที่จอจากทาง GIGABYTE AORUS นี้ มาพร้อม Certified VESA ClearMR และ VESA DisplayHDR True Black 400 อีกด้วย
VESA ClearMR 13000: หรือ Clear Motion Ratio นี้เป็นค่าที่ใช้วัดความชัดของภาพในแต่ละซีนที่เกิดขึ้น ตัวเลขยิ่งมาก หมายถึงภาพที่มีความคมชัดสม่ำเสมอ โดยจอจากทาง GIGABYTE AORUS ทั้ง 3 รุ่นนี้ มาพร้อม Certified ClearMR 13000 นับว่าเป็นตัวเลขของภาพที่คมชัดสูงมาก ทำให้เกมเมอร์เล่นเกมได้อย่างสบายตามากขึ้น ไม่เมื่อยล้าสายตาเมื่อนั่งเล่นไปนานๆ นั่นเอง
VESA DisplayHDR 400: เป็นมาตรฐานที่ได้การยอมรับจากทั่วโลก ปัจจุบันมีตั้งแต่ DisplayHDR True Black 400 ไปจนถึง DisplayHDR True Black 600 ซึ่งบอกถึงค่าความสว่างของจอต้องมีอย่างน้อย 400cd/m2 และค่า DCI-P3 95% ค่าความสว่างของแสงสีดำที่น้อยมากๆ อันเป็นจุดเด่นของจอในแบบ QD-OLED ที่ไม่เปล่งแสงออกมา ทำให้สีดำก็ดำสนิท จอต้องได้ตามเกณฑ์เช่นนี้เท่านั้น ถึงจะผ่าน Certified นี้ได้ และถ้าถามว่า เกี่ยวข้องกับการเล่นเกมหรือไม่ ก็คงต้องตอบว่าปัจจุบัน ในหลายๆ เกมสามารถเปิด HDR ได้แล้ว ไม่ใช่แค่การชมวีดีโอสตรีมมิ่งเท่านั้น เกมเมอร์จะได้สัมผัสถึงสีสันสดใส การเกลี่ยสีที่ไล่ระดับได้อย่างเนียนตา เมื่อฉากมืดก็ดำสนิทและได้ขอบเขตสีที่กว้าง เพื่อให้ภาพที่ปรากฏดูน่าสนใจยิ่งกว่าเดิม
5.พอร์ตใช้งานได้หลากหลาย
โดยปกติถ้าคุณใช้งานจอภาพทั่วไปสำหรับการทำงาน ท่องเน็ตหรือเล่นเกมไม่ได้ต้องการฟังก์ชั่นที่ซับซ้อน จอภาพที่มีเพียงพอร์ตสัญญาณขาเข้าอย่าง VGA, DVI หรือ HDMI รวมถึง DisplayPort ก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว แต่ถ้าคุณเป็นทั้งเกมเมอร์ ที่ชอบการสตรีม รวมถึงเป็นแคสเตอร์ รับสัญญาณจากหลายช่องทาง หรือใช้ร่วมกับการเล่นเกมบนเครื่องเล่นคอนโซล ก็จำเป็นที่จะต้องเลือกจอที่มีพอร์ตให้ใช้ได้ครบครัน
สำหรับเกมเมอร์แล้ว พอร์ตสัญญาณขาเข้าถือว่าสำคัญมาก เพราะพอร์ตแต่ละแบบ มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน และให้การแสดงผลที่ไม่เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น HDMI 2.0 รองรับการแสดงผล 4K ได้ที่ 60Hz แต่พอขยับมาที่ HDMI 2.1 สามารถรองรับวีดีโอ 4K 120Hz หรือ 8K 120Hz ได้อีกด้วย หรือจะเป็น DisplayPort รวมถึงถ้าจะต้องใช้งานร่วมกับจอที่มีอัตรารีเฟรชเรตสูง ก็ต้องเลือกใช้สายกับพอร์ตสัญญาณที่รองรับ จึงจะสามารถใช้งานร่วมกันกับ Hz ที่สูงๆ ได้นั่นเอง โดยส่วนใหญ่จะระบุเป็นข้อกำหนดมาว่า จะต้องใช้ DisplayPort 1.4, DP 2.0 หรือ DP 2.1 เป็นต้น
ตัวอย่างเช่น AORUS FO32U2P เป็นจอเล่นเกม 32″ ความละเอียด 4K (3840x2160p) รีเฟรชเรตสูงสุด 240Hz มาพร้อมพอร์ตสัญญาณขาเข้าที่มีให้เลือกทั้ง HDMI 2.1, DisplayPort 1.4 และ DisplayPort 2.1, mini DP 2.1 ทั้ง 4 พอร์ตนี้ จะสามารถ Input สัญญาณจากอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น PC, Notebook หรือเครื่องเล่นเกมคอนโซลได้ โดยที่จะแบ่งการใช้งานได้ดังนี้
- HDMI 2.1 รองรับ Resolution 3840×2160 (4K) ได้สูงสุดที่ 144Hz/ 165Hz
- DisplayPort 2.1 (UHBR 20) รองรับ Resolution 3840×2160 (4K) ได้สูงสุดที่ 240Hz
- mini DP (UHBR 20) รองรับ Resolution 3840×2160 (4K) ได้สูงสุดที่ 240Hz
และนอกจากนี้ยังมีพอร์ต USB Type-C ที่มีโหมดให้เลือกใช้งานนั่นคือ ใช้สำหรับ Input สัญญาณจากอุปกรณ์ภายนอกเช่นกัน ทำงานร่วมกับฟีเจอร์ PiP/PbP หรือ Picture in Picture และ Picture by Picture หรือการนำสัญญาณจาก 2 ช่องทาง อย่างเช่น ใช้งานพีซีและโน๊ตบุ๊ค ใช้ร่วมกันบนหน้าจอเดียวได้ นอกจากนี้ยังรับหน้าที่เป็น PD หรือ Power Delivery ในการชาร์จอุปกรณ์ภายนอกระดับ 65W ไม่ว่าจะเป็นมือถือ แท็ปเล็ต หรือโน๊ตบุ๊คบางเบา ก็สามารถนำมาชาร์จได้เช่นกัน
เพิ่มเติมเข้ามาคือ USB 3.2 ที่จะมีให้ 2 พอร์ต แบ่งออกเป็น Upstream (USB-B) ในการ Input สัญญาณจากพีซี โน๊ตบุ๊ค และ Downstream ใช้สำหรับการต่อเมาส์ คีย์บอร์ด หรือแฟลชไดรฟ์และ Storage แบบต่อภายนอกอื่นๆ รวมถึงใช้งานร่วมกับฟีเจอร์ KVM ที่ผู้ใช้สามารถควบคุมคอมพิวเตอร์ และโน๊ตบุ๊ค หรือสมาร์ทโฟน ได้พร้อมกันบนเมาส์ คีย์บอร์ดเพียงชุดเดียว ด้วยการสลับการแสดงผลบนหน้าจอเท่านั้น ไม่ต้องต่อเมาส์ คีย์บอร์ดหลายๆ ชุดให้วุ่นวาย
Daisy Chain ด้วยฟีเจอร์นี้ทำให้ใช้งานร่วมกับพอร์ต DisplayPort 1.4 (UHBR 3) Output รองรับ ทำให้จอ AORUS FO32U2P นี้ สามารถต่อสัญญาณออกไปยังจอภาพอื่นที่รองรับด้วย Resolution 3840×2160 (4K) ได้สูงสุดที่ 120Hz ผู้ใช้สามารถต่อจอในลักษณะเดียวกันนี้ออกไปได้ แบบที่ไม่ต้องต่อสายจอเข้ากับพอร์ตบนเครื่องโดยตรงอีกด้วย
GIGABYTE MO34WQC2 และ AORUS FO27Q3 ที่เป็นจอ 34″ และ 27″ มาพร้อมพอร์ตต่อพ่วงมากมายให้ใช้งานเช่นกัน โดยสามารถใช้ได้ทั้ง HDMI 2.1 และ DisplayPort 1.4 ในการแสดงผล 1440p บนอัตรารีเฟรชเรต 240Hz/ 360Hz ได้ทันที
รวมไปถึงพอร์ต USB Type-C สำหรับต่อสัญญาณจากคอมหรืออุปกรณ์อื่นๆ มายังจอนี้ได้ และใช้งานร่วมกับฟีเจอร์ PiP/PbP ได้เช่นกัน
เช่นเดียวกับการใช้งาน KVM ที่มีพอร์ต USB 3.2 ที่ต่อพ่วงพีซี โน๊ตบุ๊ค และสมาร์ทโฟน แท็ปเล็ต คอนโทรลด้วยเมาส์และคีย์บอร์ดชุดเดียวกัน และจอ GIGABYTE AORUS ทั้ง 3 รุ่นนี้ ยังมีแจ๊ค 3.5mm สำหรับไมโครโฟนและหูฟังแยกเอาไว้ให้ใช้งานกันได้อีกด้วย ตรงนี้แล้วแต่ความสะดวกในการใช้งานของเกมเมอร์หรือสตรีมเมอร์นั่นเอง
6.ให้ความยืดหยุ่นในการปรับเลื่อน
การปรับตัวจอให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะกับการใช้งานได้ เข้ากับสรีระของผู้ใช้ ทำให้เกมเมอร์สามารถมีสมาธิอยู่กับการเล่นได้แบบยาวๆ ลดอาการเมื่อยล้าได้ ดังนั้นจอเล่นเกมที่ดี ต้องออกแบบให้สามารถปรับเลื่อนได้ เพื่อความสะดวกในการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการหันข้าง มุมก้มเงย รวมถึงเพิ่มลดความสูง และบางรุ่นยังสามารถปรับ Pivot เพื่อใช้งานจอในแนวตั้งได้อีกด้วย
AORUS FO27Q3 และ AORUS FO32U2P ออกแบบมาให้ปรับเลื่อนได้ 4 รูปแบบ ประกอบด้วย
- หันข้างซ้าย-ขวา ได้ด้านละ 20 องศา
- ปรับความสูงได้ที่ 130mm
- ปรับมุมก้ม-เงยได้ที่ -5 จนถึง 20 องศา
- ปรับ Pivot 90 องศา ตามสัญญาณนาฬิกา
GIGABYTE MO34WQC2 เนื่องจากพื้นที่จอแสดงผลมีขนาดใหญ่ จึงปรับได้ 3 รูปแบบ ไม่รองรับการปรับ Pivot 90 องศา แต่สามารถปรับได้ตามรูปแบบดังต่อไปนี้
- หันข้างซ้าย-ขวา ได้ด้านละ 20 องศา
- ปรับความสูงได้ที่ 130mm
- ปรับมุมก้ม-เงยได้ที่ -5 จนถึง 20 องศา
จอเล่นเกม GIGABYTE AORUS ทั้ง 3 รุ่นนี้ ออกแบบทั้งตัวฐานและขาตั้งได้อย่างแข็งแรง เพื่อให้รองรับกับพื้นที่แสดงผลขนาดใหญ่ได้อย่างเต็มที่ ไม่โยกหรือทำให้หน้าจอสั่นในขณะที่เล่น รวมถึงให้กับปรับเลื่อนที่สะดวกทีเดียว พร้อมการประกอบที่ง่าย ไม่ต้องใช้เครื่องมือแต่อย่างใด โดยมีตัวล็อคยึดจอให้เข้ากับขาตั้งและฐานแบบอัตโนมัติ
จอเล่นเกม GIGABYTE AORUS
AORUS FO27Q3
Specification
- Panel Size: 27″ OLED
- Color Saturation: 99% DCI-P3
- Resolution: 2560 x 1440(QHD)
- Brightness: 250 cd/m2 (Typ, SDR APL 100%); 1000 nits (Typ, HDR APL 3%)
- Contrast Ratio: 1.5M:1
- Viewing Angle: 178°(H)/178°(V)
- Display Colors: 10bit (1.07B)
- Response Time: 0.03ms GTG
- Refresh Rate: 360Hz
- HDR: VESA DisplayHDR True Black 400
- VESA Certified ClearMR: ClearMR 13000
- Connectivity:
- 2 x HDMI 2.1
- 1 x Displayport 1.4
- 1 x USB Type-C (Alternate Mode; Upstream port; Power Delivery up to 18W)
- 2 x USB 3.2 Downstream ports
- 1 x USB 3.2 Upstream port
- 1 x Earphone Jack
- 1 x Microphone Jack
- Adjustment:
- Tilt: -5°~+20°
- Swivel: ±20°
- Height: 130 mm
- Pivot: -0°~+90°
AORUS FO32U2P
Specification
- Panel Size: 31.5″ OLED
- Color Saturation: 99% DCI-P3
- Resolution: 3840 x 2160 (UHD)
- Brightness: 250 cd/m² (Typ, SDR APL 100%); 1000 cd/m² (Typ, HDR APL 3%
- Contrast Ratio: 1.5M:1
- Viewing Angle: 178°(H)/178°(V)
- Display Colors: 10bit (1.07B)
- Response Time: 0.03ms GTG
- Refresh Rate: 240Hz
- HDR: VESA DisplayHDR True Black 400
- VESA Certified ClearMR: ClearMR 13000
- Connectivity:
- 2 x HDMI 2.1
- 1 x Displayport 2.1 (UHBR 20) in
- 1 x Displayport 1.4 (HBR 3) out
- 1 x mini DP 2.1 (UHBR 20)
- 1 x USB Type-C (Alternate Mode; Upstream port; Power Delivery up to 65W)
- 2 x USB 3.2 Downstream ports
- 1 x USB 3.2 Upstream port
- 1 x Earphone Jack
- 1 x Microphone Jack
- Adjustment:
- Tilt: -5°~+20°
- Swivel: ±20°
- Height: 130 mm
- Pivot: -0°~+90°
GIGABYTE MO34WQC2
Specification
- Panel Size: 34″ OLED
- Color Saturation: 99% DCI-P3
- Resolution: 3440 x 1440 (WQHD)
- Brightness: 250 cd/m² (Typ, SDR APL 100%); 1000 cd/m² (Typ, HDR APL 3%)
- Contrast Ratio: 1.5M:1
- Viewing Angle: 178°(H)/178°(V)
- Display Colors: 10bit (1.07B)
- Response Time: 0.03ms GTG
- Refresh Rate: 240Hz
- HDR: VESA DisplayHDR True Black 400
- VESA Certified ClearMR: ClearMR 13000
- Connectivity:
- 2 x HDMI 2.1
- 1 x Displayport 1.4
- 1 x USB Type-C (Alternate Mode; Upstream port; Power Delivery up to 18W)
- 2 x USB 3.2 Downstream ports
- 1 x USB 3.2 Upstream port
- 1 x Earphone Jack
- 1 x Microphone Jack
- Adjustment:
- Tilt: -5°~+20°
- Swivel: ±30°
- Height: 130 mm
Conclusion
ทั้งหมดนี้เป็นไอเดียในการเลือกจอเล่นเกม ที่ช่วยให้การเล่นเกมสนุกมากยิ่งขึ้น ในภาพรวมการเลือกใช้ ก็ขึ้นอยู่กับสไตล์ในการเล่นและรูปแบบของเกม ซึ่งจะเป็นเงื่อนไขในการใช้งานของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความละเอียด รีเฟรชเรต พาแนล เทคโนโลยี ไปจนถึงฟีเจอร์พิเศษที่เสริมให้การเล่นมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีเรื่องของพอร์ตสัญญาณที่จะทำให้ภาพและการตอบสนองดีขึ้นอีกด้วย ตัวอย่างเช่น จอเล่นเกมทั้ง 3 รุ่น ไม่ว่าจะเป็น AORUS FO27Q3, AORUS FO32U2P และ GIGABYTE MO34WQC2 ที่จัดว่าเป็น Gaming Monitor ที่จะช่วยให้การเล่นเกมในปี 2024 มีสีสันมากขึ้นอีกด้วย