รวมแพ็คเกจ Netflix 2024 มีอะไรบ้าง ราคาพิเศษ ดูหนัง ดูซีรีส์ ฯลฯ สมัครยังไง เลือกแบบไหนคุ้มค่าที่สุด
Netflix เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก มีคอนเทนต์มากมายให้ได้รับชม ไม่ว่าจะเป็น ภาพยนตร์, ซีรี่ย์, สารคดี ฯลฯ อีกทั้งยังมีแพ็คเกจรายเดือนให้เลือกหลากหลายแบบ ทีมงาน NotebookSPEC ก็อยากพามาดูแพ็คเกจ Netflix กันว่าในปัจจุบันมีแพ็คเกจไหนที่น่าสนใจบ้าง และมีขั้นตอนการสมัคร รวมถึงเงื่อนไขในเรื่องของการแชร์สมาชิกอย่างไรกันบ้าง ภายหลังที่ Netflix ได้ปรับเปลี่ยนเงื่อนไข จนกลายเป็นกระแสในช่วงต้นปี 2024 ที่ผ่านมา
- สำหรับแพ็คเกจของ Netflix ที่เรานำมาแนะนำกันในครั้งนี้ ก็จะเป็นแพ็คเกจที่เราสามารถเข้าไปสมัครใช้บริการได้อย่างง่ายดายผ่านทาง Netflix ไม่ว่าจะเป็นสมัครไว้ดูคนเดียว หรือจะแชร์ Party กับครอบครัวก็สามารถเลือกได้ตามต้องการ อีกทั้งในแต่ละแพ็คเกจก็จะมีราคาและความเอียดที่รองรับในการรับชมแตกต่างกันออกไปด้วย
- การสมัครใช้งานแพ็คเกจของ Netflix นั้น นอกจากเราจะสามารถเลือกแพ็กเกจได้ตามต้องการแล้ว ก็ยังไม่มีข้อผูกมัด สามารถยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา แถมใน Netflix เอง ก็มีคอนเทนต์หลากหลายแนว มาให้เราได้เลือกรับชมกันด้วย อีกทั้งยังรองรับกับอุปกรณ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ ไปจนถึงสมาร์ททีวีอีกด้วย
- แพ็คเกจ Netflix มีอะไรบ้าง
- เงื่อนไขในการแชร์ Party ของ Netflix
- วิธีการสมัครใช้บริการจาก Netflix
- เปลี่ยนแพ็กเกจ Netflix ทำยังไง ?
- ยกเลิก Netflix ทำยังไง
แพ็คเกจ Netflix มีอะไรบ้าง
สำหรับแพ็คเกจของทาง Netflix นั้น เราสามารถเข้าไปดูรายละเอียดและเลือกแพ็คเกจได้ง่ายๆ ผ่านทาง Netflix เลย โดยแพ็คเกจของทาง Netflix นั้น เราสามารถยกเลิกเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่มีข้อผูกมัด มีรายละเอียดของแพ็คเกจดังนี้
แพ็คเกจ | ค่าบริการรายเดือน | คุณภาพของเสียงและวิดีโอ | ความละเอียด | Supported devices | รับชมได้พร้อมกัน | อุปกรณ์ที่ดาวน์โหลดได้ |
---|---|---|---|---|---|---|
Mobile | 99 บาท / เดือน | Fair | 480p | Mobile phone, tablet | 1 เครื่อง | 1 อุปกรณ์ |
Basic | 169 บาท / เดือน | Good | 720p (HD) | TV, computer, mobile phone, tablet | 1 เครื่อง | 1 อุปกรณ์ |
Standard | 349 บาท / เดือน | Great | 1080p (Full HD) | TV, computer, mobile phone, tablet | 2 เครื่อง | 2 อุปกรณ์ |
Premium | 419 บาท / เดือน | Best รองรับ Spatial audio (immersive sound) | 4K (Ultra HD) + HDR | TV, computer, mobile phone, tablet | 4 | 6 |
แพ็คเกจ Netflix เลือกแบบไหนดี
ถ้าใครที่กำลังสงสัยอยู่ว่า แล้วจะเลือกแพ็คเกจไหนดีนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งานเลย
- ถ้าหากเราเน้นการดูในสมาร์ทโฟนที่มีขนาดกะทัดรัด เน้นดูคนเดียว ก็เลือกแพ็คเกจ Basic ก็จะมีราคาที่ย่อมเยาและตอบโจทย์ เพราะเราจะได้ความชัดของภาพในระดับ HD ที่ก็ถือได้ว่าคุณภาพไม่แย่เกินไป ประกอบกับสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอกะทัดรัดก็ทำให้การรับชมนั้นค่อนข้างทำได้ดีด้วย
- และถ้าหากใครที่ต้องการแชร์บัญชีกับเพื่อนๆ หรือคนในครอบครัวด้วย ก็ต้องบอกว่า แพ็คเกจ Premium ตอบโจทย์ที่สุดอย่างแน่นอน เพราะนอกจากจะได้ภาพคมชัดในระดับ 4K แล้ว ก็ยังสามารถรับชมพร้อมๆ กันได้ถึง 4 เครื่อง ดาวน์โหลดได้ถึง 6 อุปกรณ์เลยด้วย ยิ่งมีคนแชร์ด้วยกันเยอะ ก็จะจ่ายในราคาที่ย่อมเยาลง แต่ในส่วนของเงื่อนไขการใช้งานนั้น ก็ต้องพิจารณาว่ามีใครที่ใช้งานผ่าน Smart TV ด้วยหรือไม่ เพราะเงื่อนไขใหม่ของ Netflix 2024 ก็คือ จะยึดถาม IP Address ของ Smart TV เป็นหลัก ถ้าหากมีการใช้งานกับอุปกรณ์อื่นที่นอกเครือข่าย หรือคนละ Wi-Fi ก็จะมีการตรวจสอบและต้องขอรับรหัสผ่านจากเจ้าของบัญชีนั่นเอง
เงื่อนไขในการแชร์ Party ของ Netflix
สำหรับเงื่อนไขในการใช้งาน Netflix ตามแพ็คเกจต่างๆ นั้น โดยส่วนใหญ่แล้วจะไม่มีความซับซ้อน แต่เมื่อเป็นเป็นแพ็คเกจที่สามารถแชร์บัญชีร่วมกันได้ อย่างแพ็คเกจ Premium นั้น ก็จะเห็นได้ว่า ในปัจจุบัน ทาง Netflix เอง ก็ได้ออกนโยบายการใช้งานบัญชีร่วมกัน โดยได้ระบุไว้ว่า “บัญชี Netflix ใช้สำหรับการแชร์กับคนที่อาศัยอยู่ในครัวเรือนเดียวกัน” จึงหมายถึงจะต้องเป็นการใช้งานแอพพลิเคชันผ่านเครือข่าย Wi-Fi เดียวกัน สำหรับทุกอุปกรณ์ที่ใช้รับชม Netflix โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ Smart TV โดยหากใครที่ไม่ได้อยู่ในเครือข่ายเดียวกันกับบัญชีหลัก (หรือเครื่อง Smart TV) ก็จะต้องเสียเงินเพิ่มอีก 99 บาท ต่อ หนึ่งคน เพื่อเป็นค่าบริการสำหรับสมาชิกเสริม
นโยบายดังกล่าวนี้ ส่งผลกับอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Smart TV, สมาร์ทโฟน, Chromecast เป็นต้น แต่ถ้าใครที่รับชมผ่านคอมพิวเตอร์ อย่าง PC หรือ Notebook เงื่อนไขนี้ก็จะยังไม่ส่งผล ยังคงสามารถรับชมได้อยู่ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ใช้งาน Wi-Fi หรือเครือข่ายจากบ้านเดียวกัน ซึ่งทาง Netflix จะตรวจสอบการใช้งานบัญชีผ่าน IP Address ของ Smart TV เป็นหลัก และหากตรวจสอบพบว่า มีการใช้งานบัญชีนอกพื้นที่ ก็ต้องขอรับรหัสผ่านชั่วคราวผ่านทาง Email หรือ SMS ของเจ้าของบัญชี
วิธีการสมัครใช้บริการจาก Netflix
สำหรับการสมัครใช้บริการจาก Netflix นั้น เราสามารถสมัครได้ทั้งผ่าน สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ รวมถึงการรับชมคอนเทนต์จาก Netflix เองก็เช่นเดียวกัน ที่เราสามารถรับชมได้ผ่านทางเว็บเบราว์เซอร์ หรือแอพพลิเคชัน
- ดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน Netflix: iOS
- ดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน Netflix: Android
- ดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน Netflix: Windows
ในส่วนของขั้นตอนการสมัครผ่านเว็บเบราว์เซอร์นั้น สามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้เลย
- เริ่มต้นให้เราไปที่ Netflix.com
- จากนั้นในหน้าแรกนี้เอง ให้เรากรอกอีเมลที่เราต้องการใช้สมัคร Netflix ลงไปในช่องสำหรับกรอก Email แล้วจากนั้น กดเลือกที่ Get Started
- เราจะเข้าสู่หน้าสำหรับการเลือกแพ็คเกจและยืนยันอีเมล รวมถึงการสร้างรหัสผ่านสำหรับการเข้าใช้งาน Netflix ด้วย
- หลังจากนั้นจะเป็นขั้นตอนของการเลือกวิธีการชำระค่าบริการรายเดือน โดยเราสามารถเลือกได้ทั้ง การชำระผ่านบัตรเครดิต หรือ บัตรเดบิต, True Wallet, การเพิ่มไปยังในแจ้งยอดค่าบริการมือถือ ได้ทั้ง 3 ค่ายใหญ่ และการซื้อบัตรจากร้านสะดวกซื้อ >> เมื่อเลือกวิธีการจ่ายเงินได้แล้ว ก็ให้ทำการยืนยันตามขั้นตอน
เพียงเท่านี้เราก็สามารถสมัครใช้งานแพ็คเกจของทาง Netflix ได้แล้ว
เปลี่ยนแพ็กเกจ Netflix ทำยังไง ?
ถ้าใครที่รู้สึกว่าแพ็คเกจ Netflix ที่ใช้งานอยู่นั้น ไม่ตอบโจทย์กับการใช้งาน เราก็สามารถเปลี่ยนแพ็คเกจด้วยตัวเองได้ง่ายๆ ผ่านทางเว็บเบราว์เซอร์ ได้ง่ายๆ
- เริ่มต้น ให้เราไปที่ Netflix
- จากนั้นให้เราลงชื่อเข้าใช้งาน
- เลือกที่รูปโปรไฟล์ของเรา >> จากนั้นเลือกที่ บัญชี
- เมื่อเข้ามาในหน้าบัญชีของเราแล้ว >> จากนั้นเลือกที่เปลี่ยนแพ็คเกจ
- เลือกแพ็คเกจที่เราต้องการเปลี่ยนได้เลย ไม่ว่าจะเป็นแพ็คเกจที่มีราคาสูงหรือต่ำกว่าเดิมก็ได้เช่นเดียวกัน แต่จะมีเงื่อนไขอยู่ที่ หากเราเปลี่ยนไปใช้งานแพ็คเกจที่มีราคาสูงกว่าเดิม จะมีผลทันที แต่ถ้าหากเป็นแพ็คเกจที่มีค่าบริการต่ำกว่าเดิม จะมีผลในวันที่เรียกเก็บยอดบิลในรอบถัดไป
ยกเลิก Netflix ทำยังไง
สำหรับการยกเลิกบัญชี Netflix นั้น อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วในข้างต้นว่า แพลตฟอร์ม Streaming อย่าง Netflix นั้น ไม่มีข้อผูกมัดในการใช้งาน สามารถยกเลิกได้ตามต้องการ หรือเราจะหยุดการเป็นสมาชิกชั่วคราว ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน โดยทำได้สูงสุด 3 เดือน (เฉพาะแพ็คเกจ Basic) ในส่วนของการยกเลิกสมาชิกนั้น ข้อมูลของเราจะยังคงอยู่ในระบบ เป็นระยะเวลาประมาณ 10 เดือน ในระหว่างนี้ เมื่อเรากลับมาสมัครใช้งานใหม่ ข้อมูลหรือประวัติของเราก็จะยังคงอยู่
สำหรับการยกเลิก Netflix นั้น สามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้เลย
- เริ่มต้นให้เราเข้าไปที่แอพพลิเคชัน หรือ เว็บไซต์ Netflix >> ทำการลงชื่อเข้าใช้งาน สำหรับใครที่ยังไม่ได้ล็อกอิน
- จากนั้นให้เราไปที่ Profile ของเรา >> เพื่อเข้ามายังหน้าโปรไฟล์ของเราแล้ว ให้เลือกที่เมนู “บัญชี”
- สำหรับเว็บเบราว์เซอร์ >> ไปที่บัญชี >> เลือก จัดการการเป็นสมาชิก >> ยกเลิกการเป็นสมาชิก
- เมื่อเราเข้ามาในหน้าบัญชีแล้วก็สามารถกดเลือกที่ >> ยกเลิกการเป็นสมาชิก
- จากนั้นให้เรากดเลือกยืนยันการยกเลิกบัญชี
เพียงเท่านี้เราก็สามารถยกเลิกการใช้งานบัญชี Netflix ได้แล้ว และเรายังสามารถใช้งานต่อไปได้จนถึงวันสุดท้ายของรอบบิลในเดือนนั้นๆ ที่เรายกเลิกเลยด้วย สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: วิธียกเลิก Netflix | ศูนย์ช่วยเหลือ Netflix
และทั้งหมดนี้ก็คือข้อมูลของแพ็คเกจ Netflix รวมไปถึง เงื่อนไขของการแชร์บัญชี วิธีการสมัคร การเปลี่ยนแพ็คเกจ ไปจนถึงการยกเลิก Netflix ที่ทีมงานนำมาฝากกัน สำหรับใครที่สนใจสมัครรับชม Netflix ก็สามารถเข้าไปเลือกแพ็คเกจและสมัครกันได้เลย และถ้าอยากได้ข้อมูลและรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติมก็สามารถเข้าไปดูได้ที่: Netflix