แนะนำเคสไอโฟน ดีไซน์สวย ปกป้องเครื่องได้ น่าซื้อมาใช้งาน ในราคาหลักร้อย อัพเดท 2024
การเลือกเคสไอโฟนมาใช้งานนั้น เราควรเลือกอย่างไร และอะไรที่ต้องระมัดระวังบ้างในการเลือกเคส เพราะก็ต้องยอมรับว่าสมาร์ทโฟนหนึ่งเครื่อง โดยเฉพาะไอโฟนของเราก็ถือเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีราคาอยู่ในระดับกลางค่อนไปทางสูง การดูแลรักษาจึงควรต้องดีในระดับหนึ่ง เคสที่เราใช้ นอกจากที่จะให้ความสวยงามแล้ว ก็อาจจะต้องมีอีกคุณสมบัติ นั่นก็คือ การปกป้องตัวเครื่องที่ดีอีกด้วย ทีมงาน NotebookSPEC ก็อยากมาแนะนำเคสไอโฟนที่น่าใช้งาน ในราคาหลักร้อย แต่มีดีไซน์สวย ปกป้องเครื่องได้ดี คุ้มค่าคุ้มราคา แถมยังตอบโจทย์คนที่ชอบเปลี่ยนเคสบ่อยๆ ด้วย
- สำหรับเคสของไอโฟนที่ทีมงานนำมาแนะนำนั้น จะเน้นไปที่เคสราคาหลักร้อย มีดีไซน์สวย ทันสมัย ใช้งานได้ดี รองรับการกันกระแทก ช่วยปกป้องเครื่องของเราได้ดี ไม่กินขอบเครื่อง
- เคสที่นำมาแนะนำกันนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะในปัจจุบันมีเคสที่วางขายตามท้องตลาดจำนวนมาก ทีมงานจึงเลือกที่เน้นฟังก์ชันในการใช้งานเป็นหลัก ในส่วนของเคสแฟชันนั้นก็เป็นในเรื่องของความชอบส่วนบุคคล
เคสไอโฟนมีแบบไหนบ้าง??
ในปัจจุบัน มีเคสโทรศัพท์มือถือขายอยู่มากมายตามท้องตลาด ตั้งแต่การเน้นที่การปกป้องตัวเครื่อง ไปจนถึงเคสแฟชั่นที่เน้นความสวยงาม การเลือกเคส iPhone นั้น เราก็ควรจะต้องรู้ก่อนว่าโดยหลักๆ แล้วมีประเภทอะไรกันบ้าง
- Soft Case หรือเคสแบบนุ่ม ยืดหยุ่นได้ เคสจะแบบนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน คือ เคสซิลิโคน และ TPU (Thermoplastic Polyurethanes) เคสมือถือชนิดนี้เป็นที่นิยมกันมาก เพราะหาซื้อง่าย ราคาถูก มีความยืดหยุ่นที่สูงมาก มีลวดลายให้เลือกได้มากมายหลากหลาย และยังสามารถพิมพ์ลวดลายลงบนเคสประเภทนี้ได้อีกด้วย อีกทั้งเคสมือถือชนิดนี้ยังรองรับแรงกระแทกได้ในระดับหนึ่ง
- เคสซิลิโคน: ข้อดีของเคสซิลิโคน คือ มีราคาถูก รับแรงกระแทกได้ดี ทำความสะอาดได้ง่าย เพราะสามารถล้างน้ำได้ ถอด – ใส่เคสก็ง่าย เพราะเคสมีความยืดหยุ่นสูง ทั้งยังเป็นเคสที่มีความกระชับมือเวลาที่เราถือใช้งานเพราะมีความหนืด แต่เคสแบบรี้ก็มีข้อเสียอยู่เช่นกัน คือ ฝุ่นเกาะง่าย เพราะเคสมีความหนืด เหนียว ทั้งยังขยายตัวได้เมื่อโดนความร้อนสูง ส่งผลให้ตัวเคสอาจจะเกิดการเสื่อมสภาพได้เมื่อใช้งานไปนานๆ นอกจากนี้ ด้วยเพราะเคสแบบนี้สามารถพิมพ์ลายต่างๆ ลงไปบนเคสได้ง่าย ก็จะมีปัญหาเรื่องสีตก สีลอกได้เหมือนกัน
- เคส TPU (TPU ย่อมาจาก Thermoplastic Polyurethanes): เป็นเคสที่มีความยืดหยุ่นที่น้อยกว่าซิลิโคนเคสซิลิโคน แต่คงรูปมากกว่า ทำให้ไม่มีปัญหาในเรื่องการเสียทรงเหมือนกับเคสซิลิโคนแม้ว่าจะใช้งานในระยะยาว ตัวเคสยังรับแรงกระแทกได้ดี (แต่น้อยกว่าซิลิโคน) มีฝุ่นเกาะยาก เนื่องจากเคสไม่มีความเหนียว สามารถสวมใส่และถอดออกมาได้ง่าย ส่วนข้อเสียของเคส TPU ก็คืออาจจะลื่นหลุดมือได้ง่ายกว่าเคสซิลิโคน เนื่องจากมีความหนืดที่น้อยกว่า และรองรับแรงกระแทกได้น้อยกว่า
- Hard Case หรือเคสแบบแข็ง ตัวเคสจะทำมาจากวัสดุที่แตกต่างกันออกไป โดยอาจจะเป็นพลาสติก หรือ Polycarbonate ฯลฯ เคสมือถือแบบนี้ค่อนข้างเป็นที่นิยมรองลงมาจากเคสแบบแรก โดยข้อดีของเคสแบบแข็ง คือ แข็งแรง ทนทาน ไม่เป็นรอยได้ง่าย ตัวเคสยังสามารถยึดเกาะกับตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ต้องหากตัวเคสไม่ได้คุณภาพ ก็อาจจะส่งผลในทางตรงข้าม คือทำให้ตัวเครื่องเป็นรอยได้ เนื่องจากความแข็งของเคส วัสดุที่นิยมนำมาใช้วัสดุร่วมในการผลิตเป็นเคสแบบแข็งนั้นก็คือ พลาสติก และอลูมิเนียม
- Hybrid Case จะเป็นเคสแบบผสมผสานกัน คือ การนำข้อดีของแต่ละประเภทของเคสมือถือ มารวมกัน โดยส่วนมากที่นิยมนำมาใช้ร่วมกันก็คือ เคสพลาสติก กับ ซิลิโคน ซึ่งข้อดีของเคสแบบนี้ก็จะทำให้ จับกระชับมือ รับแรงกระแทกได้ดี ไม่มีฝุ่นเกาะ ฯลฯ
- Leather Case เคสแบบหนัง เรียกได้ว่าเป็นเคสที่ได้รับความนิยมไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกได้ถึงความหรูหรา มีสไตล์ ตัวเคสมักจะทำมาจากหนังสัตว์หรือหนังแบบสังเคราะห์ สามารถปกป้องตัวเครื่องจากรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี แต่อาจจะรองรับแรงกระแทกได้น้อย หากทำเครื่องตก ก็อาจทำให้เครื่องได้รับความเสียหายได้ นอกจากนี้ การบำรุงดูแลรักษาเคสแบบหนังก็อาจจะทำได้ยากกว่าเคสแบบอื่นๆ เพราะผู้ใช้งานต้องดูแลเคสเสมือนดูแลเครื่องหนังอื่นๆ เช่น กระเป๋า เข็มขัด รองเท้า ฯลฯ
ซื้อเคสไอโฟนต้องดูอะไรบ้าง??
เมื่อรู้จักเคสไอโฟนแต่ละแบบแต่ละประเภทคร่าวๆ กันไปแล้ว เรามาดูกันบ้างว่าการจะเลือกซื้อเคส ควรพิจารณาจากอะไร
- เริ่มต้น เราอาจจะมองหาเคสมือถือที่ตัวรัดรอบขอบโทรศัพท์เป็นยาง, ซิลิโคน หรือวัสดุใกล้เคียงที่นุ่ม และยืดหยุ่นได้ เพราะพลาสติกแบบแข็งอาจจะกัดขอบตัวเครื่องได้ง่าย โดยเฉพาะเวลาที่เราถอดหรือใส่ตัวเคส และควรมองหาเคสที่ไม่รัดขอบเครื่องจนแน่นมากเกินไป
- เลือกตามความต้องการในการใช้งาน เช่น ถ้าเราใช้งานมือถือบ่อยๆ ต้องถือคุย หรือยกมาตอบข้อความตลอด และไม่ต้องการเพิ่มน้ำหนักให้กับไอโฟนของเราที่มีน้ำหนักอยู่พอสมควรแล้ว และไม่ได้ทำงานที่เสี่ยงต่อการที่โทรศัพท์ของเราจะโดนกระแทก ก็อาจจะมองหาเป็น Soft case ซึ่งจะเป็นเคสที่มีความบางและเบา แต่ก็แลกมากับการปกป้องโทรศัพท์ที่น้อยกว่า เมื่อเทียบกับ Hard case ที่จะมีความหนา กันกระแทกได้ดี แต่ก็มีน้ำหนักค่อนข้างเยอะเช่นกัน
- เคสที่มีคุณภาพก็มักจะมาพร้อมกับราคาที่สูงขึ้นด้วย ซึ่งการเลือกเคสนั้น ถ้าใครที่ไม่ซีเรียสเรื่องของราคา ก็คิดว่าน่าจะเลือกเป็นเคสที่ได้คุณภาพ ได้มาตรฐาน ไปเลยดีกว่า แต่ถ้าสำหรับใครที่มีงบประมาณจำกัด รวมไปถึงชอบที่จะเปลี่ยนเคสบ่อยๆ เคสราคาประหยัดก็อาจจะตอบโจทย์มากกว่า แต่ก็อาจจะไม่ได้คุณภาพมากเท่ากับเคสมีราคา
- ก่อนที่เราจะตัดสินใจซื้อ หากไม่ได้เป็นการสั่งเคสผ่านทางช่องทางออนไลน์ แนะนำว่าควรลองสวมใส่เคส ลองยกถือ ลองจับเครื่องและทำท่าทางการพิมพ์ เพื่อทดลองดูว่า เคสเข้ากับสีตัวเครื่องของเราไหม เคสจับถนัดมือหรือไม่ ลื่นเกินไปหรือเปล่า รวมไปถึงน้ำหนักของเคสเมื่อรวมกับไอโฟนของเราแล้ว มีน้ำหนักที่พอดีที่เราต้องการไหม เพื่อที่ว่าเมื่อเราตัดสินใจซื้อไปแล้ว จะได้ไม่ผิดหวังและต้องมานั่งมองกาเคสใหม่บ่อยๆ
- ก่อนตัดสินใจซื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่องทางออนไลน์นั้น เราควรเปรียบเทียบราคารวมไปถึงรีวิวของร้านค้า ว่ามีราคาที่เหมาะสม ถูกหรือแพงเกินไปกว่าร้านอื่นหรือเปล่า และร้านค้ามีรีวิวที่ดีไหม การบริการเป็นอย่างไร เป็นร้านที่น่าเชื่อถือได้หรือไม่
แนะนำเคสไอโฟนน่าใช้งาน ในราคาหลักร้อย
1. HI-SHIELD เคสใสกันกระแทก
เคสรุ่นนี้จาก HI-SHIELD เป็นเคสใสกันกระแทก ที่เน้นไปที่การโชว์สีของตัวเครื่อง แต่มาพร้อมความแข็งแรง ไม่ดูดตัวเครื่อง ระบายอากาศได้ดี มีความสามารถในการป้องกันรอยขีดข่วนได้ด้วย จับถือได้อย่างถนัดมือ ไม่ลื่นหลุดมือง่ายๆ อีกทั้งยังผ่านการ Drop Tested ที่ความสูง 1.5 เมตรอีกด้วย ทำให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้เลยว่า สามารถปกป้องตัวเครื่องของเราได้เป็นอย่างดี ตัวเคสยังรองรับการชาร์จผ่าน Wireless Charge ตัวเคสใช้วัสดุ Bayer TPU จากเยอรมัน ซึ่งมีคุณภาพ ไม่ทำให้เคสเหลือง เมื่อใช้งานเป็นไปนานๆ
ราคา: ประมาณ 590 – 690 บาท
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: HI-SHIELD เคสใสกันกระแทก
2. AppleSheep Care Bears Collection
เคสสำหรับ iPhone อย่าง AppleSheep Care Bears Collection รุ่นนี้มาพร้อมลวดลายน่ารักสดใสอย่าง “เจ้าหมี Care Bears” ที่มีมาให้เลือกหลากหลายรุ่น โดยทาง AppleSheep เองก็ได้ลิทธิ์ของแท้มาด้วย ในส่วนของตัวเคสนั้นจะเป็นเคสวัสดุซิลิโคน ที่รองรับกันกระแทก ระดับ Military Standard ทำให้มั่นใจได้ว่าเวลาที่เราเผลอทำเครื่องหลุดมือ หรือเผลอกระแทกสิ่งต่างๆ ตัวเคสจะปกป้องเครื่องของเราได้ ในส่วนของปุ่มกดนั้นก็กดได้ง่าย นอกจากนี้ใน Collection ยังมีการแถม Griptok พิมพ์ลายอย่างดีมาด้วย สามารถติดตั้งได้ง่าย ไม่ทิ้งคราบกาวเมื่อแกะออก
ราคา: ประมาณ 790 – 990 บาท
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: AppleSheep Care Bears Collection
3. iSuper MagCase
ZMI นั้น นอกจากจะโดดเด่นในเรื่องของสายชาร์จแล้ว แบรนด์นี้ก็มีเคสจำหน่ายด้วย สำหรับ iSuper MagCase จะเป็นเคสใสที่ด้านหลังเป็นแม่เหล็กสำหรับการชาร์จไร้สาย หรือ MagSafe มีให้เลือก 2 สีด้วยกัน คือ สีขาว และ สีดำ
- วัสดุ TPU มีความยืดหยุ่นสูง และฉีกขาดได้ยาก
- ตัวเคสมีเทคโนโลยีทำให้พื้นผิวของเคสเกิดรอยนิ้วมือได้ยาก
- เคสมีการเสริมความทนทานด้วยจุดกันกระแทก บริเวณมุมของเคสทั้ง 4 มุม
- รองรับกับอุปกรณ์ MagSafe ได้เป็นอย่างดี ตำแหน่งของแม่เหล็กตรงกับแผงรับไฟของแต่ละรุ่นได้เป็นอย่างดี
- ด้านหลังมีกรอบกันรอยเลนส์กล้องหลัง พร้อมขาตั้งในตัว ทำให้เคสอเนกประสงค์มากยิ่งขึ้น รองรับทุกการใช้งาน
ราคา: ประมาณ 329 – 349 บาท
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: iSuper MagCase
4. elago Glide Case
สำหรับ elago Glide Case เป็นเคสสไตล์ Two-tone มี 2 สี ในเคสเดียว มีมาให้เลือกถึง 8 แบบด้วยกัน ตัวเคสเป็นวัสดุซิลิโคน และมีการเพิ่ม TPU ทำให้เคสสามารถรองรับการตกหล่นหรือการกระแทกได้ดีมากยิ่งขึ้น ในส่วนของด้านหลังก็มีการออกแบบบริเวณรอบกล้องหลังให้นูนขึ้น เพื่อการป้องกันที่ดีมากกว่าอีกด้วย ในส่วนของปุ่มกด ก็ออกแบบมาให้พอดีกับตัวเครื่องรุ่นนั้นๆ มีการเว้นช่องสำหรับปุ่ม Action ใน iPhone 15 Pro / Pro Max ด้วย
ราคา: ประมาณ 590 บาท
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: elago Glide Case
5. UNIQ รุ่น Heldro Mount
เคส UNIQ รุ่น Heldro Mount มาพร้อม MountGrip ซึ่งเป็นสายรัดพร้อมแถบแม่เหล็กด้านหลัง ที่ช่วยให้เราสามารถใช้งานไอโฟนมือเดียวได้ง่าย กระชับ และจับถนัดมือมากยิ่งขึ้น ทั้งตัวเคสยังสามารถติดเข้ากับอุปกรณ์เสริมในรถ หรืออุปกรณ์ที่มีแม่เหล็กได้อีกด้วย
- เคสมีให้เลือก 3 สีด้วยกัน คือ Clear, Smoke และ Iridescent
- MountGrip ดีไซน์แบบ Quick-release band ทำให้ถอดหรือเปลี่ยนสายรัดได้ง่ายและรวดเร็ว
- MountGrip ทำด้วยวัสดุมีความแข็งแรง สามารถปรับระดับได้
- ตัวเคสเป็นวัสดุ TPU + PC มีความแข็งแรง มีการออกแบบให้ขอบรอบเลนส์กล้องและขอบรอบหน้าจอยกสูงขึ้น เพื่อป้องกันหน้าจอและเลนส์กล้องจากการขีดข่วน หรือการสัมผัสกับพื้นผิวโดยตรง
- เคสผ่านการทดสอบว่าสามารถรองรับการตกกระแทกจากที่สูงได้ถึง 4 เมตร
ราคา: ประมาณ 390 – 460 บาท
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: UNIQ รุ่น Heldro Mount
6. AppleSheep Bumper MS
เคส iPhone อย่าง Bumper MS เป็นเคสกันกระแทกที่รองรับการตกสูงถึง 2.5 เมตร ตัวเคสมีลักษณะเป็นเคสใส พลาสติกมีการเคลือนการกันรอยขีดข่วน ฝาด้านหลังเป็นพลาสติกใส ในส่วนของขอบเป็นซิลิโคน มีการเพิ่ม Bumper บริเวณขอบเพื่อช่วยเรื่องการกันกระแทก นอกจากนี้ยังมีการยกสูงทั้งขอบเคสและขอบเลนส์กล้องหลัง เพื่อการปกป้องตัวเครื่องได้ดีมากยิ่งขึ้น
ราคา: ประมาณ 790 บาท
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: AppleSheep Bumper MS
7. Ringke รุ่น Fusion
เคสที่ใส่บัตรได้ก็เป็นหนึ่งเคสที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน สำหรับ Ringke รุ่น Fusion เป็นเคสใสที่มีการดีไซน์ออกแบบมาให้สามารถใส่บัตรได้ แต่ไม่ดูหนาหรือใหญ่จนเกินไป ทำให้จับถือได้ถนัดมือ ส่วนของขอบเคสก็มีการดีไซน์ให้เว้าโค้งรับกับตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี
- มีเทคโนโลยี Long-Lasting Transparency ทำให้เคสไม่เหลืองง่ายๆ
- ช่องใส่บัตร สามารถใส่และถอดบัตรได้ง่าย สะดวกต่อการใช้งาน
- ขอบเลนส์กล้องหลัง และขอบรอบหน้าจอยกสูงขึ้น เพื่อป้องกันหน้าจอและเลนส์กล้อง
- สามารถใช้งานร่วมกับสายชาร์์จได้ โดยไม่ต้องถอดเคสหรือนำบัตรออกก่อน
ราคา: ประมาณ 404 – 520 บาท
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: Ringke รุ่น Fusion
8. Youngkit Kitty Series
เคส Samsung, เคส iPhone อย่าง Youngkit Kitty Series รุ่นนี้ออกแบบมาตอบโจทย์สำหรับสายแฟชั่น เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบเคสเรียบๆ อยากใส่เคสลวดลายน่ารักๆ โดยมีมาให้เลือก 4 สีด้วยกัน ได้แก่ Purple, Green, Grey และ Pink
- เคสมาพร้อมเทคโนโลยี Shock Absorption ป้องกันรอบด้านทั้งหน้าจอและตัวเครื่อง รวมถึงเลนส์กล้องด้วย
- วัสดุทำมาจาก Polycarbonate แบบแข็ง ลดการเกิดรอยนิ้วมือ ช่วยป้องกกันการลื่นในขณะจับถือ รวมถึงรอยขีดข่วนด้วย ทั้งยังไม่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองในภายหลัง
- ช่องสายชาร์จมีการออกแบบมาให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับกับสายชาร์จที่หลากหลาย ลดความกังวลในเรื่องการชาร์จแบตในขณะใส่เคส
- เคสผ่านการ Drop test ความสูง 2.98 เมตร 872 ครั้ง
- รองรับการชาร์จไร้สาย
ราคา: 560 บาท
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: Youngkit Kitty Series
9. Ugreen Magnetic Phone Case
Magnetic Phone Case เคสรองรับ MagSafe จาก Ugreen เป็นเคสวัสดุ TPU ที่ออกแบบมาให้กระชับ ไม่ทำให้เครื่องดูหนาจนเกินไป จับถือได้ถนัดมือ บริเวณขอบเคสทั้ง 4 มุม มีการออกแบบมาให้รองรับการตกกระแทก ในส่วนด้านหลังก็ได้รับการออกแบบให้ช่วยปกป้องเลนส์กล้องหลัง นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีที่ช่วยป้องกันเคสเหลือง และช่วยลดการเกิดรอยนิ้วมือที่เคสด้วย
ราคา: 299 บาท
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: Ugreen Magnetic Phone Case
10. Ringke รุ่น Silicone
สำหรับเคสไอโฟนจาก Ringke รุ่นนี้ วัสดุด้านนอกเป็นซิลิโคน ด้านในทำจากพลาสติก PC ปกป้องได้รอบตัวเครื่อง มาพร้อมสีสันสไตล์มินิมอล เรียบง่าย ดูดี แถมยังน่ารัก ผิวสัมผัสมีความนุ่มลื่น แต่แข็งแรงทนทาน
- เคสผ่านมาตรฐานกันกระแทก MIL-STD-810G 6 จากทางแบรนด์
- ภายในเคสบุด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ ไม่ทำให้เกิดรอยบนตัวเครื่อง
- ด้านหลังเคสเคลือบสารพิเศษ ช่วยให้เคสดูสะอาดและดูใหม่อยู่เสมอ
- รอบขอบจอและเลนส์กล้องมีการออกแบบให้ยกสูงขึ้น เพื่อการป้องกันที่ดียิ่งขึ้น
- เคสรองรับการชาร์จไร้สาย ไม่ต้องถอดเคสก่อนชาร์จ
ราคา: ประมาณ 404 – 520 บาท
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: Ringke รุ่น Silicone
และทั้งหมดนี้ก็คือเคส iPhone ที่ทีมงานนำมาแนะนำกัน สำหรับใครที่กำลังมองหาเคสที่ปกป้องไอโฟนของเราได้ดี แถมยังมีดีไซน์สวย ทันสมัย ในราคาหลักร้อย ก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติม หรือหาซื้อมาใช้งานกันได้เลย