ลักษณะการวางของปุ่มนั้นเป็นแบบ Chiclet ที่มีช่องว่างระหว่างปุ่ม แต่ก็ไม่ห่างกันมากนัก เนื่องจากตัวเครื่องที่เล็ก ส่วนการกดนั้นก็ไม่ยากครับ คนที่นิ้วใหญ่ ๆ ก็สามารถใช้งานได้
ด้านขวาบนของคีย์บอร์ดจะมีปุ่มอยู่ 2 ปุ่ม คือ ปุ่มซ้ายสำหรับเรียกใช้งาน Express Gate ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าอินเทอร์เน็ตได้ในขณะที่เครื่องยังปิดอยู่ โดยไม่ต้องเข้า Windows เลย (สามารถใช้งานได้ในบางรุ่น) แต่ถ้าใช้งาน Windows อยู่ ปุ่มนี้ก็จะทำหน้าที่เป็นปุ่มปรับโหมดการใช้พลังงาน และปุ่มขวาสำหรับเปิด/ปิด WLAN
ส่วนฝั่งขวาก็เป็นปุ่มเปิด/ปิดเครื่องนั่นเอง โดยมีไฟสีฟ้าแสดงสถานะว่าเปิดหรือปิดเครื่องอยู่ครับ
ส่วนทัชแพดนั้นพื้นผิวก็มีลักษณะเดียวกันกับผิวของแท่นรองมือครับ นั่นคือลื่น ๆ ขุ่น ๆ ไม่น่าจะเกิดรอยนิ้วมือได้โดยง่าย ส่วนปุ่มคลิกซ้่าย-ขวานั้นใชเป็นวัสดุชิ้นเดียวกันอีกเช่นเคย แต่ก็สามารถกดได้ค่อนข้างง่าย
กล้องเว็บแคมก็ได้รับการปกป้องจากทั้งพลาสติกใสและฝาปิดที่เราสามารถเลื่อนปิดได้ครับ ส่วนรูรับเสียงของไมค์นั้นก็คือช่องทางด้านขวาของกล้องนั่นเอง
ส่วนลำโพงก็ให้เสียงที่ดังออกมาจากภายในตัวเครื่องครับ ซึ่งเสียงที่ได้ก็อยู่ในระดับที่ฟังได้ แต่อย่าถามหาคุณภาพสูง ๆ นะครับ ตัวเล็กแบบนี้คงให้อะไรไม่ได้มากแน่นอน
ด้านหน้าของตัวเครื่องนั้นมีแต่ไฟแสดงสถานะการทำงานของเครื่องครับ เช่น การทำงานของ HDD การใช้แบตเตอรี่ เป็นต้น
ไฟแสดงสถานะต่าง ๆ ตามนี้เลยครับ
ฝั่งขวาประกอบด้วย ช่องเสียบหูฟังและไมค์, USB 2.0, USB 3.0, LAN และปิดท้ายด้วย Kensington Lock
ด้านหลังไม่มีพอร์ตใด ๆ ครับ
ส่วนด้านซ้ายนั้นไล่มาเลยก็มี ช่องเสียบสาย Adapter, VGA, HDMI, USB 2.0, ช่องระบายอากาศ และปิดท้ายด้วย Card reader
ตัวแบตฯ เป็นแบบยาวครับ น้ำหนักก็ไม่มากเท่าไร
สเปกก็คือ 10.8V 5200 mAh 56Wh ครับ ถือว่าเยอะใช้ได้เลย ทำให้เห็นได้ชัดว่าเหมาะกับการพกพาไปใช้นอกสถานที่ เนื่องจากความจุของแบตฯ ที่มาก อีกทั้งสเปกเครื่องที่ไม่กินไฟด้วย
ด้านซ้ายนั้นมีสติกเกอร์บ่งบอกพลังจากแพลตฟอร์ม VISION จาก AMD อยู่ครับ ทำให้มั่นใจได้ว่าสามารถใช้งานทั่วไปได้อย่างไม่มีปัญหา เพียบพร้อมด้วยความสามารถในการดูหนังฟังเพลง
ส่วนฝั่งขวานั้นก็เป็นสติกเกอร์บอกคุณสมบัติของ ASUS Eee PC 1215B เครื่องนี้นี่เอง