แท็บเล็ตราคาไม่เกิน 3000 บาทอยากซื้อไว้ดูหนังหรืออ่านหนังสือก็ได้นะ!
แม้แท็บเล็ตราคาไม่เกิน 3000 บาทจะดูราคาไม่แพงมากจนบางคนติดภาพว่าประสิทธิภาพของมันคงทำอะไรไม่ได้มาก แต่จริงๆ แล้วชิปเซ็ตยุคใหม่นี้ก็มีประสิทธิภาพดีขึ้นพอควร จะใช้ดูคลิปบน YouTube หรือใช้เป็น Ebook Reader ก็ยังได้ แถมส่วนใหญ่ติดตั้งพอร์ต USB-C มาให้โอนไฟล์และชาร์จแบตเตอรี่แล้ว และขนาดตัวเครื่องก็พกพาง่ายเพียง 8 นิ้วเท่านั้น จึงหยิบใส่กระเป๋าไปไหนมาไหนได้ง่ายขึ้นมาก
อย่างไรก็ตามเนื่องจากเป็นแท็บเล็ตราคาประหยัดทำให้ผู้ผลิตไม่ค่อยอัปเดตเวอร์ชั่น Android ให้เป็นปัจจุบันนัก อย่างมากคือมีแพทช์รักษาความปลอดภัยประปรายให้ดาวน์โหลดบ้างและต้องมีหน่วยความจำภายในเครื่องเหลืออยู่มากพอควรด้วยระบบถึงจะเริ่มโหลด ถ้าคิดว่าแค่ซื้อมาใช้เอาสะดวกไม่คาดหวังอะไรมากก็เป็นตัวเลือกที่ดี
5 แท็บเล็ตราคาไม่เกิน 3000 บาท ราคาประหยัดพกง่ายจ่ายไม่แพง
- Alldocube iPlay 50 mini Lite (2,990 บาท)
- BMAX i9 Plus Wi-Fi (2,999 บาท)
- Teclast P85T (2,510 บาท)
- TCL Tab 7 Lite (2,690 บาท)
- TCL Tab 10L Gen 2 (2,899 บาท)
1. Alldocube iPlay 50 mini Lite (2,990 บาท)
- Chipset : Allwinner A523 Octa-core
- Display : 8″ HD (1280*800) พาเนล IPS
- Storage & OS : 4/64GB รองรับ MicroSD Card 512GB, Android 13
- Camera : หน้าและหลัง 5 ล้านพิกเซล
- Connectivity : Wi-Fi 6 มาตรฐาน 802.11ax, Bluetooth 5.0, USB-C, AUX
- Price : 2,990 บาท (Gadgetdoor Shopee Preferred)
ถ้าอยากซื้อแท็บเล็ตราคาไม่เกิน 3000 บาทเอาไว้ใช้เพื่อความบันเทิง ณ ตอนนี้ Alldocube iPlay 50 mini Lite นับว่าน่าสนใจเพราะได้หน้าจอ 8 นิ้ว ความละเอียด HD รัน Android 13 เวอร์ชั่นค่อนข้างใหม่มากแล้วและยังได้รับการรับรอง Widevine Security L1 ทำให้ดูสตรีมมิ่งจากผู้ให้บริการชั้นนำบนความละเอียดสูงได้แถมมีฟีเจอร์ Extend RAM เอาพื้นที่หน่วยความจำ 4GB มาใช้แทน RAM เพื่อลดอาการแอปฯ ทำงานช้าหรือปิดตัวเองบ่อยได้ ถ้าใครอ่านหนังสือหรือมีไฟล์ PDF เก็บเอาไว้เยอะก็เพิ่ม MicroSD Card ได้มากสุด 512GB เป็นแท็บเล็ตราคาประหยัดแบรนด์หนึ่งที่น่าซื้อมาใช้มาก
ข้อดี
- มีพอร์ต USB-C, AUX ติดมาให้ ต่ออุปกรณ์ใช้งานได้สะดวก
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้รวดเร็วและเสถียรด้วย Wi-Fi 6
- เพิ่ม MicroSD Card เพื่อเซฟไฟล์และลงแอปฯ เพิ่มได้ 512GB
- รองรับ Widevine L1 ดูสตรีมมิ่งความละเอียด HD ได้
- มีฟีเจอร์ Extend RAM เอาพื้นที่เก็บไฟล์ในเครื่องมาพักไฟล์เหมือน RAM ได้ 4GB
ข้อสังเกต
- เป็นรุ่น Wi-Fi ไม่สามารถใส่ SIM เพื่อเล่นเน็ตผ่าน 4G / 5G ได้
2. BMAX i9 Plus Wi-Fi (2,999 บาท)
- Chipset : Rockchip RK3566 Quad-core
- Display : 10.1″ (1280*800) พาเนล IPS
- Storage & OS : 4/64GB รองรับ MicroSD Card 256GB, Android 13
- Camera : หน้า 2 ล้านพิกเซล, หลัง 5 ล้านพิกเซล
- Connectivity : Wi-Fi 6, Bluetooth 4.0, USB-C, AUX
- Price : 2,999 บาท (BMAX Shopee Preferred)
ถ้าหน้าจอเล็กแล้วมองไม่ถนัดดูหนังไม่เต็มตาก็มี BMAX i9 Plus Wi-Fi แท็บเล็ตจอใหญ่ 10.1 นิ้วเอาไว้ดูคอนเทนต์หรืออ่าน Ebook ได้สะดวก โดยเฉพาะใครจะซื้อให้พ่อแม่ที่มีอายุแล้วน่าจะตอบโจทย์มากเพราะดูคอนเทนต์ได้สะดวกไม่ต้องถือให้ห่างตา นอกจากนี้ถ้าอยากลงแอปฯ หรือเก็บไฟล์ PDF เอาไว้ในเครื่องเป็นปริมาณเยอะก็ใส่ MicroSD Card เพิ่มความจุได้มากสุด 256GB ทีเดียว แต่ข้อสังเกตเล็กน้อยของ BMAX i9 Plus คือใช้ชิปแบบ Quad-core จึงทำงานได้เร็วระดับหนึ่งไม่ได้เร็วทันใจแบบรุ่นใช้ชิปเซ็ตแบบ Octa-core จึงทำงานได้ไม่เร็วเท่า แต่ก็ยังใช้งานได้ดีระดับหนึ่ง
ข้อดี
- หน้าจอมีขนาดใหญ่ 10.1 นิ้ว ความละเอียด HD ใช้ดูหนังและอ่านหนังสือได้สะดวก
- เพิ่ม MicroSD Card ได้ถึง 256GB เอาไว้เก็บไฟล์ PDF และลงแอปฯ เพิ่มได้
- พอร์ตเป็น USB-C ใช้ต่อโอนไฟล์และชาร์จแบตเตอรี่ได้สะดวก
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้รวดเร็วและเสถียรยิ่งขึ้นด้วย Wi-Fi 6
ข้อสังเกต
- ซีพียูเป็นแบบ Quad-core แค่พอใช้เปิดเว็บไซต์หรือดูสตรีมมิ่งได้นิดหน่อยเท่านั้น
3. Teclast P85T (2,510 บาท)
- Chipset : Allwinner A523 Octa-core
- Display : 8″ HD (1280*800) พาเนล IPS
- Storage & OS : 4/64GB รองรับ MicroSD Card 1TB, Android 14
- Camera : หน้า 0.3 ล้านพิกเซล, หลัง 2 ล้านพิกเซล
- Connectivity : Wi-Fi 6, Bluetooth 5.2, USB-C, AUX
- Price : 2,510 บาท (Teclast LazMall)
แท็บเล็ตเน้นสเปคใช้งานได้ไหลลื่นแถมสเปคดีเกินตัวมี Teclast P85T ให้เลือก ซึ่งรุ่นใหม่นี้มีข้อดีน่าใช้อยู่หลายอย่างในบอดี้ขนาด 8 นิ้วนี้ ไม่ว่าจะได้ชิป Octa-core แถมเพิ่ม MicroSD Card ได้ 1TB รัน Android 14 ได้ไหลลื่นแถมเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi 6 ได้ ยังมีฟีเจอร์ Extend RAM เอาหน่วยความจำในเครื่องมาทำงานต่าง RAM ได้มากถึง 6GB ไม่มีปัญหาเครื่องหน่วงหรือกระตุกแน่นอน แต่กล้องหน้าและหลังของแท็บเล็ตราคาไม่เกิน 3000 บาทรุ่นนี้มีความละเอียดต่ำไม่แนะนำให้คาดหวังนัก
ข้อดี
- เพิ่ม MicroSD Card ได้มากถึง 1TB เก็บไฟล์ที่ต้องการเอาไว้ในเครื่องได้เยอะมาก
- ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Android 14 เวอร์ชั่นใหม่มาให้ มีฟีเจอร์ให้ใช้งานมากพอควร
- เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็วและเสถียรผ่าน Wi-Fi 6 ได้
- มีฟีเจอร์ Extend RAM เอาหน่วยความจำในเครื่องมาใช้แทน RAM ได้ 6GB
- รองรับ Widevine L1 ดูสตรีมมิ่งและวิดีโอความละเอียด HD ได้เป็นอย่างดี
ข้อสังเกต
- กล้องหน้าและหลังมีความละเอียดต่ำ ไม่แนะนำให้ใช้ถ่ายภาพ
4. TCL Tab 7 Lite (2,690 บาท)
- Chipset : Quad-core (4xCoretex-A7)
- Display : 7″ (1024*600) พาเนล TN
- Storage & OS : 1/32GB รองรับ MicroSD Card 128GB, Android 10 Go Edition
- Camera : หน้าและหลัง 2 ล้านพิกเซล
- Connectivity : Wi-Fi 5, Bluetooth 4.2, AUX, MicroUSB
- Price : 2,690 บาท (M-Tech Shopee Mall)
ถ้าจะซื้อแท็บเล็ตราคาไม่เกิน 3000 บาทเอาไว้ให้ลูกหลานเล่นหรือเปิดแอปฯ ส่งเสริมการเรียนรู้ TCL Tab 7 Lite รุ่นนี้ก็น่าสนใจพอตัว แม้สเปคจะไม่สูงมากแต่ TCL เลือกติดตั้งเป็น Android 10 Go Edition ซึ่งกินสเปคน้อยกว่ามาให้ใช้งานแทนแต่ทำงานได้ดีไม่ต่างกับเวอร์ชั่นปกติ แต่อาจจะมีลูกเล่นน้อยกว่าเพื่อไม่ให้กินพลังของอุปกรณ์ชิ้นนั้นๆ มากเกินไป และเจ้า Tab 7 Lite ตัวนี้จะมีโหมดเด็กติดตั้งมาด้วยเอาไว้เปิดให้ลูกหลานเล่นไม่ให้ไปเปิดเว็บไซต์หรือโหลดแอปฯ ที่ไม่เหมาะสมได้ด้วย
ข้อดี
- ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Android 10 Go Edition มาให้ ใช้งานได้เหมือนปกติแต่กินสเปคน้อยกว่า
- ตัวเครื่องมีขนาด 7 นิ้ว ความละเอียดสูงระดับพอใช้ดูคลิปวิดีโอและอ่านหนังสือได้ดีระดับหนึ่ง
- มีโหมดเด็กติดตั้งมาให้ รวมแอปฯ เพื่อพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กไว้ให้ใช้งาน
ข้อสังเกต
- พอร์ตเป็น MicroUSB ไม่ใช่ USB-C เหมือนรุ่นอื่น ต้องหาสายหรือหัวแปลงมาใช้
5. TCL Tab 10L Gen 2 (2,899 บาท)
- Chipset : MediaTek MT8766B Quad-core
- Display : 10.1″ HD (1280*800) พาเนล IPS
- Storage & OS : 3/32GB รองรับ MicroSD Card 1TB, Android 13
- Camera : หน้าและหลัง 2 ล้านพิกเซล
- Connectivity : 4G, Wi-Fi 5, Bluetooth 5.0, USB-C
- Price : 2,899 บาท (Device Plus Shopee Preferred)
TCL Tab 10L Gen 2 เป็นแท็บเล็ตราคาไม่เกิน 3000 จอใหญ่ใส่ SIM 4G ได้ให้คนที่ต้องเดินทางไปไหนมาไหนบ่อยๆ แล้วต้องการหยิบเครื่องขึ้นมาแล้วเปิดเบราเซอร์อ่านเว็บหรือส่งงานได้ทันทีแถมได้หน้าจอใหญ่ขนาด 10.1 นิ้ว ใช้เปิดดูหนังฟังเพลงได้เต็มตา เพิ่ม MicroSD Card เพิ่มความจุได้ถึง 1TB และยังเปิดโหมด Eye comfort ถนอมสายตาเวลาเปิดไฟล์ PDF ขึ้นมาอ่านได้อีกด้วย หากใครอยากได้แท็บเล็ตราคาไม่เกิน 3000 บาทแล้วหน้าจอมีขนาดใหญ่อ่านเอกสารสะดวกสักหน่อยก็แนะนำรุ่นนี้เลย
ข้อดี
- หน้าจอมีขนาดใหญ่ ความละเอียด HD ใช้ดูคอนเทนต์ได้เป็นอย่างดี
- เพิ่ม MicroSD Card ได้มากสุด 1TB ไว้เซฟไฟล์เอกสารที่ต้องการได้มาก
- ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Android 13 มาให้ใช้งาน มีลูกเล่นให้ใช้งานเยอะ
- มีโหมด Eye comfort ถนอมสายตาให้อ่านหนังสือได้นานยิ่งขึ้น
- รองรับการใส่ SIM 4G เอาไว้ใช้อินเทอร์เน็ตได้โดยไม่พึ่ง Wi-Fi
ข้อสังเกต
- หน่วยความจำในเครื่องมีจำกัดเพียง 3/32GB เท่านั้น อาจติดตั้งแอปฯ ได้ไม่มากนัก
สรุปสเปค 5 แท็บเล็ตราคาไม่เกิน 3000
สรุปสเปคแท็บเล็ตราคาไม่เกิน 3000 | Alldocube iPlay 50 mini Lite | BMAX i9 Plus Wi-Fi | Teclast P85T |
Chipset | Allwinner A523 Octa-core | Rockchip RK3566 Quad-core | Allwinner A523 Octa-core |
Display | 8″ HD (1280*800) IPS | 10.1″ (1280*800) IPS | 8″ HD (1280*800) IPS |
Storage & OS | 4/64GB MicroSD Card 512GB Android 13 | 4/64GB MicroSD Card 256GB Android 13 | 4/64GB MicroSD Card 1TB Android 14 |
Camera | หน้าและหลัง 5 ล้านพิกเซล | หน้า 2 ล้านพิกเซล หลัง 5 ล้านพิกเซล | หน้า 0.3 ล้านพิกเซล หลัง 2 ล้านพิกเซล |
Connectivity | Wi-Fi 6 Bluetooth 5.0 USB-C AUX | Wi-Fi 6 Bluetooth 4.0 USB-C AUX | Wi-Fi 6 Bluetooth 5.2 USB-C AUX |
Price | 2,990 | 2,999 | 2,510 |
สรุปสเปคแท็บเล็ตราคาไม่เกิน 3000 | TCL Tab 7 Lite | TCL Tab 10L Gen 2 |
Chipset | Quad-core (4xCoretex-A7) | MediaTek MT8766B Quad-core |
Display | 7″ (1024*600) TN | 10.1″ HD (1280*800) IPS |
Storage & OS | 1/32GB MicroSD Card 128GB Android 10 Go Edition | 3/32GB MicroSD Card 1TB Android 13 |
Camera | หน้าและหลัง 2 ล้านพิกเซล | หน้าและหลัง 2 ล้านพิกเซล |
Connectivity | Wi-Fi 5 Bluetooth 4.2 AUX MicroUSB | 4G Wi-Fi 5 Bluetooth 5.0 USB-C |
Price | 2,690 | 2,899 |
แม้แท็บเล็ตราคาไม่เกิน 3000 บาท สเปคจะไม่ได้ทรงพลังมากมายระดับติดตั้งเกมเล่นได้ลื่นไหลเหมือนรุ่นที่ใช้ชิป Snapdragon หรือ MediaTek Helio Series ก็จริง แต่ก็แลกกับราคาไม่แพงมาก ซื้อเอาไว้อ่านหนังสือและบทความต่างๆ ได้ไม่ต้องอุดอู้อยู่กับมือถือหน้าจอ 6 นิ้วกว่าให้เสียสายตา ไม่ต้องซูมตัวอักษรให้วุ่นวายอีกต่อไป
ในมุมของผู้เขียน หากให้เลือกแล้ว Teclast จะได้สเปคดีสุดในกลุ่มแต่แลกกับกล้องความละเอียดต่ำพอควร ถ้าหาเอาไว้อ่านหนังสือและบทความก็ไม่มีปัญหาอะไรแต่ถ้าขอกล้องหลังดีสักนิดเผื่อถ่ายภาพในยามจำเป็น Alldocube จะน่าใช้มาก กลับกันถ้าจะใช้ดูหนังฟังเพลงก็แนะนำให้หารุ่นจอ 10.1 นิ้วจะใหญ่เต็มตาดูหนังได้อรรถรสที่สุด แต่ก่อนจะซื้อก็แนะนำให้ดูโจทย์การใช้งานของตัวเองก่อนว่าต้องการแท็บเล็ตเอาไว้ทำอะไรแล้วค่อยตัดสินใจซื้อ จะได้ของใช้ถูกใจไม่ต้องมานั่งเสียดายภายหลังนัก
FAQ
1. หากชิปเซ็ตมีคอร์เยอะขึ้น จะมีข้อดีอย่างไร?
ตอบ หากชิปของสมาร์ทโฟนมีคอร์เยอะ ก็สามารถเปิดแอปฯ พร้อมกันหรือเปิดแอปฯ ขนาดใหญ่ได้ดีขึ้น
2. Extend RAM ของสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต Android คืออะไร?
ตอบ ฟีเจอร์การเอาหน่วยความจำ (ROM) ของแท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟนมาทำเป็นพื้นที่แคชข้อมูล ทำงานควบคู่กับ RAM ในเครื่อง แม้จะมีความเร็วไม่เท่าก็จริงแต่ก็ลดปัญหาช้าหน่วงค้างไปได้ระดับหนึ่ง ส่วน Apple ก็มีฟีเจอร์คล้ายกัน คือ Swap memory ซึ่งระบบจะกันพื้นที่บางส่วนของ ROM เพื่อเอาข้อมูลบางส่วนที่ยังไม่ได้ใช้มาฝากนั่นเอง
3. Widevine L1 คืออะไรและสำคัญตรงไหน?
ตอบ Widevine คือระบบจัดการสิทธิทางดิจิทัล (Digital Right Management – DRM) ของ Google เอาไว้ป้องกันสิทธิ์การใช้งานข้อมูลดิจิตอล โดยจะมีทั้งหมด 3 ระดับ คือ Widevine L3 จะเป็นแบบมาตรฐานซึ่งผ่านการรับรองเฉพาะ Software เท่านั้นและได้สิทธิ์ดูสื่อบันเทิงความละเอียด 480p เท่านั้น, Widevine L2 จะรองรับความละเอียดสูงขึ้นเป็น 540p และระดับสูงสุดอย่าง Widevine L1 จะเป็นอุปกรณ์ซึ่งมีฟังก์ชั่นการถอดรหัสไฟล์วิดีโอภายในเครื่องซึ่งมี TEE (Trusted Execution Environment) ซึ่งถ้าเครื่องไหนได้รับการรับรอง L1 จะเล่นไฟล์วิดีโอและสตรีมมิ่งภาพความละเอียดสูง (HD) ได้
4. ควรซื้อแท็บเล็ตแบบ Wi-Fi อย่างเดียวหรือใส่ SIM ได้จะดีกว่า?
ตอบ ทั้ง Wi-Fi และ 4G ก็มีดีคนละแบบ หากเป็น 4G ก็หยิบขึ้นมาเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้เสมอแต่แบตเตอรี่จะหมดเร็วกว่าเพราะตัวเครื่องจะคอยสแกนหาสัญญาณตลอดเวลาและต้องเสียค่าบริการเพิ่มเติม แต่ Wi-Fi จะต้องหาคลื่นเชื่อมต่อเมื่อต้องการหรือปล่อย Hotspot จากมือถือแทน อาจจะสะดวกน้อยกว่าแต่คุมค่าบริการได้ง่ายกว่ามาก
5. ซื้อแท็บเล็ต Wi-Fi 5 หรือ Wi-Fi 6 ดีกว่า?
ตอบ อันที่จริงทั้งสองเวอร์ชั่นก็ยังใช้งานได้ดีอยู่ แต่ข้อดีของ Wi-Fi 6 นอกจากรับส่งข้อมูลได้เร็วกว่า ยังเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตคลื่น 5GHz ได้ มีแบนด์วิดท์รับส่งข้อมูลสูงกว่า แต่ Wi-Fi 5 ก็ยังใช้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้รวดเร็วพอควรเช่นกัน