ที่ ลาส เวกัส งานเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก จัดโดย Consumer Technology Association (CTA) OLED รุ่นใหม่มาพร้อมประสิทธิภาพและภาพที่คมชัดอย่างที่เกมเมอร์มองหา โดยจะมาทั้ง Odyssey OLED G9, Odyssey OLED G8 และ
Odyssey OLED G6
Odyssey OLED G9 มาในจอแบบ Ultra-wide โค้งขนาด 49 นิ้ว ความละเอียด DQHD อัตราส่วนหน้าจอ 32:9 พร้อมอัพเกรดฟีเจอร์ต่างๆ อีกมากมาย ในขณะเดียวกัน Odyssey OLED G8 จะเป็น OLED แบนขนาด 32 นิ้วรุ่นแรกของซัมซุงที่มี
ความละเอียด 4K UHD และอัตราส่วนหน้าจอ 16:9 โดยทั้ง 2 รุ่นมีอัตรารีเฟรชที่ 240 Hz และอัตราการตอบสนอง GTG ที่ 0.03 มิลลิวินาที[1] ส่วน Odyssey OLED G6 มาในขนาด 27 นิ้ว ความละเอียด QHD มีอัตราส่วนหน้าจอแบบ 16:9 อัตรา รีเฟรชที่ 360 Hz และอัตราการ GTG ที่ 0.03 มิลลิวินาที
“ในขณะที่เกมและแพลตฟอร์มมีความหลากหลายมากขึ้น OLED Odyssey จะช่วยให้เกมเมอร์ดื่มด่ำกับเกมด้วยความสมจริงยิ่งขึ้นและเทคโนโลยีที่สามารถปรับแต่งได้แบบเฉพาะบุคคล เพื่อเติมเต็มและมอบสิ่งที่เหนือกว่า” ฮุน ชุง รองประธานบริหารและหัวหน้ากลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กรของซัมซุง กล่าว
เทคโนโลยีเพื่อการแสดงสีสันที่เสมือนจริง
Odyssey OLED G9, Odyssey OLED G8 และ Odyssey OLED G6 มาพร้อมกับ OLED Glare-Free ที่ช่วยลดการ
สะท้อนแสงโดยไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เสริม ระดับแสงและสีสันของหน้าจอจะมีความคมชัดในทุกสภาพแสง และยังมีเทคโนโลยี VESA DisplayHDR™ True Black 400 ที่ช่วยแสดงรายละเอียดได้อย่างครบถ้วน สีสันคมชัดไม่ว่าจะเป็นเกมแบบไหน อีกทั้งยังรองรับ AMD FreeSync™ Premium Pro ที่ให้ประสบการณ์การเล่นเกมแบบ HDR ไม่มีสะดุด นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อที่หลากหลาย ทั้ง HDMI 2.1, USB Hub และ DisplayPort 1.4 และรองรับมาตรฐาน VESA[2] ซึ่งสามารถปรับ โยก หรือหมุน[3]ได้
ประสบการณ์การเชื่อมต่อที่หลากหลายในอิโคซิสเต็มที่ครบวงจร
นับแต่นี้ Odyssey OLED G9 และ Odyssey OLED G8 จะรองรับ Multi Control ฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ผู้ใช้สามารถถ่ายโอนภาพหรือข้อความข้ามอุปกรณ์ระหว่างมอนิเตอร์กับอุปกรณ์อื่นๆ ของซัมซุง เช่น Galaxy Book แท็บเลต หรือสมาร์ทโฟน ได้อย่างสะดวกสบายโดยใช้เมาส์และคีย์บอร์ด[4] ทั้ง 2 รุ่นยังมาพร้อม Samsung SmartThings Hub ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อและสั่งการอุปกรณ์ IoT ที่รองรับมาตรฐานแมทเทอร์และมาตรฐานที่กำหนดโดยสมาคม HCA (the Home Connectivity Alliance)[5]
ดีไซน์เรียบหรู เสริมภาพลักษณ์ให้ทุกห้อง
Odyssey OLED ถูกยกระดับไปอีกขั้นด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่น เพรียวบาง ใช้วัสดุโลหะ และเทคโนโลยี Core Lighting+ ที่ช่วยเสริมสภาพแวดล้อมขณะเล่นเกมหรือขณะทำกิจกรรมเพื่อความบันเทิงด้วยแสงไฟแอมเบียนต์จากด้านหลัง โดยจะมีขนาดบางกว่ารุ่นเดิม 4 เท่า ใส่ไว้ข้างใต้ขอบจอที่บางเพียง 3.9 มิลลิเมตรได้ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับขาตั้งโลหะหนา 3 มิลลิเมตรเท่านั้น ช่วยประหยัดพื้นที่ กลมกลืน และสามารถประกอบได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ
การเปิดตัวของกลุ่ม Odyssey OLED ในครั้งนี้ ซัมซุงเสริมแกร่งไลน์อัพ OLED พร้อมตอกย้ำผู้นำเกมมิ่งมอนิเตอร์ ด้วยนวัตกรรมและการสานต่อความก้าวหน้าของเกมมิ่งตระกูล Odyssey Neo ซึ่งเป็นเกมมิ่งมอนิเตอร์แบบคู่ความละเอียด UHD รุ่นแรกของโลก วางจำหน่ายเมื่อปีก่อน ในรุ่น Odyssey Neo G9 ขนาด 57 นิ้วนั้นช่วยมอบทั้งคุณสมบัติและประสิทธิภาพซึ่งจะช่วยนิยามอนาคตใหม่ของการเล่นเกม
[1] GTG เป็นหน่วยการวัดความเร็วของพิกเซลที่ใช้เพื่อวัดอัตราการตอบสนองพิกเซลของเกมมิ่งมอนิเตอร์
[2] VESA หมายถึงมาตรฐานขายึดจับจอซึ่งเป็นที่นิยมในอุตสาหกรรมมากที่สุด โดยเป็นมาตรฐานที่กำหนดโดยthe Video Electronics Standards Association (VESA)
[3] การหมุนหรือปรับโดยใช้ปุ่มควบคุมได้รองรับในรุ่น G80SD และ G60SD เท่านั้น
[4] ฟีเจอร์นี้ทำงานได้กับจอมอนิเตอร์ซัมซุงที่ใช้ระบบปฏิบิติการไทเซ็นซึ่งวางจำหน่ายตั้งแต่ปี 2024 แล็ปท็อป Galaxy Book ที่วางจำหน่ายตั้งแต่ปี 2021 รวมไปถึงสมาร์ทโฟนและแท็บเลตที่ใช้ One UI 5.1.1 ขึ้นไป
[5] ต้องใช้ SmartThings dongle แยกเพื่อเชื่อมต่อและควบคุมอุปกรณ์ที่รองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อแบบ Zigbee และ Thread ทั้งนี้ ไม่รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่ใช้มาตรฐานการเชื่อมต่อแบบ Z-Wave
ซัมซุงขยายไลน์อัพเกมมิ่งมอนิเตอร์ Odyssey
ด้วยการเปิดตัว OLED รุ่นใหม่ที่งาน CES 2024
มาทั้ง Odyssey OLED G8, Odyssey OLED G6 and Odyssey OLED G9
โซล, เกาหลีใต้ – 16 มกราคม 2567 – ซัมซุงนำเสนอเกมมิ่งมอนิเตอร์กลุ่ม Odyssey OLED รุ่นใหม่ในงาน CES 2024
ที่ ลาส เวกัส งานเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก จัดโดย Consumer Technology Association (CTA) OLED รุ่นใหม่มาพร้อมประสิทธิภาพและภาพที่คมชัดอย่างที่เกมเมอร์มองหา โดยจะมาทั้ง Odyssey OLED G9, Odyssey OLED G8 และ
Odyssey OLED G6
Odyssey OLED G9 มาในจอแบบ Ultra-wide โค้งขนาด 49 นิ้ว ความละเอียด DQHD อัตราส่วนหน้าจอ 32:9 พร้อมอัพเกรดฟีเจอร์ต่างๆ อีกมากมาย ในขณะเดียวกัน Odyssey OLED G8 จะเป็น OLED แบนขนาด 32 นิ้วรุ่นแรกของซัมซุงที่มี
ความละเอียด 4K UHD และอัตราส่วนหน้าจอ 16:9 โดยทั้ง 2 รุ่นมีอัตรารีเฟรชที่ 240 Hz และอัตราการตอบสนอง GTG ที่ 0.03 มิลลิวินาที[1] ส่วน Odyssey OLED G6 มาในขนาด 27 นิ้ว ความละเอียด QHD มีอัตราส่วนหน้าจอแบบ 16:9 อัตรา รีเฟรชที่ 360 Hz และอัตราการ GTG ที่ 0.03 มิลลิวินาที
“ในขณะที่เกมและแพลตฟอร์มมีความหลากหลายมากขึ้น OLED Odyssey จะช่วยให้เกมเมอร์ดื่มด่ำกับเกมด้วยความสมจริงยิ่งขึ้นและเทคโนโลยีที่สามารถปรับแต่งได้แบบเฉพาะบุคคล เพื่อเติมเต็มและมอบสิ่งที่เหนือกว่า” ฮุน ชุง รองประธานบริหารและหัวหน้ากลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กรของซัมซุง กล่าว
เทคโนโลยีเพื่อการแสดงสีสันที่เสมือนจริง
Odyssey OLED G9, Odyssey OLED G8 และ Odyssey OLED G6 มาพร้อมกับ OLED Glare-Free ที่ช่วยลดการ
สะท้อนแสงโดยไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เสริม ระดับแสงและสีสันของหน้าจอจะมีความคมชัดในทุกสภาพแสง และยังมีเทคโนโลยี VESA DisplayHDR™ True Black 400 ที่ช่วยแสดงรายละเอียดได้อย่างครบถ้วน สีสันคมชัดไม่ว่าจะเป็นเกมแบบไหน อีกทั้งยังรองรับ AMD FreeSync™ Premium Pro ที่ให้ประสบการณ์การเล่นเกมแบบ HDR ไม่มีสะดุด นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อที่หลากหลาย ทั้ง HDMI 2.1, USB Hub และ DisplayPort 1.4 และรองรับมาตรฐาน VESA[2] ซึ่งสามารถปรับ โยก หรือหมุน[3]ได้
ประสบการณ์การเชื่อมต่อที่หลากหลายในอิโคซิสเต็มที่ครบวงจร
นับแต่นี้ Odyssey OLED G9 และ Odyssey OLED G8 จะรองรับ Multi Control ฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ผู้ใช้สามารถถ่ายโอนภาพหรือข้อความข้ามอุปกรณ์ระหว่างมอนิเตอร์กับอุปกรณ์อื่นๆ ของซัมซุง เช่น Galaxy Book แท็บเลต หรือสมาร์ทโฟน ได้อย่างสะดวกสบายโดยใช้เมาส์และคีย์บอร์ด[4] ทั้ง 2 รุ่นยังมาพร้อม Samsung SmartThings Hub ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อและสั่งการอุปกรณ์ IoT ที่รองรับมาตรฐานแมทเทอร์และมาตรฐานที่กำหนดโดยสมาคม HCA (the Home Connectivity Alliance)[5]
ดีไซน์เรียบหรู เสริมภาพลักษณ์ให้ทุกห้อง
Odyssey OLED ถูกยกระดับไปอีกขั้นด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่น เพรียวบาง ใช้วัสดุโลหะ และเทคโนโลยี Core Lighting+ ที่ช่วยเสริมสภาพแวดล้อมขณะเล่นเกมหรือขณะทำกิจกรรมเพื่อความบันเทิงด้วยแสงไฟแอมเบียนต์จากด้านหลัง โดยจะมีขนาดบางกว่ารุ่นเดิม 4 เท่า ใส่ไว้ข้างใต้ขอบจอที่บางเพียง 3.9 มิลลิเมตรได้ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับขาตั้งโลหะหนา 3 มิลลิเมตรเท่านั้น ช่วยประหยัดพื้นที่ กลมกลืน และสามารถประกอบได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ
การเปิดตัวของกลุ่ม Odyssey OLED ในครั้งนี้ ซัมซุงเสริมแกร่งไลน์อัพ OLED พร้อมตอกย้ำผู้นำเกมมิ่งมอนิเตอร์ ด้วยนวัตกรรมและการสานต่อความก้าวหน้าของเกมมิ่งตระกูล Odyssey Neo ซึ่งเป็นเกมมิ่งมอนิเตอร์แบบคู่ความละเอียด UHD รุ่นแรกของโลก วางจำหน่ายเมื่อปีก่อน ในรุ่น Odyssey Neo G9 ขนาด 57 นิ้วนั้นช่วยมอบทั้งคุณสมบัติและประสิทธิภาพซึ่งจะช่วยนิยามอนาคตใหม่ของการเล่นเกม
[1] GTG เป็นหน่วยการวัดความเร็วของพิกเซลที่ใช้เพื่อวัดอัตราการตอบสนองพิกเซลของเกมมิ่งมอนิเตอร์
[2] VESA หมายถึงมาตรฐานขายึดจับจอซึ่งเป็นที่นิยมในอุตสาหกรรมมากที่สุด โดยเป็นมาตรฐานที่กำหนดโดยthe Video Electronics Standards Association (VESA)
[3] การหมุนหรือปรับโดยใช้ปุ่มควบคุมได้รองรับในรุ่น G80SD และ G60SD เท่านั้น
[4] ฟีเจอร์นี้ทำงานได้กับจอมอนิเตอร์ซัมซุงที่ใช้ระบบปฏิบิติการไทเซ็นซึ่งวางจำหน่ายตั้งแต่ปี 2024 แล็ปท็อป Galaxy Book ที่วางจำหน่ายตั้งแต่ปี 2021 รวมไปถึงสมาร์ทโฟนและแท็บเลตที่ใช้ One UI 5.1.1 ขึ้นไป
[5] ต้องใช้ SmartThings dongle แยกเพื่อเชื่อมต่อและควบคุมอุปกรณ์ที่รองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อแบบ Zigbee และ Thread ทั้งนี้ ไม่รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่ใช้มาตรฐานการเชื่อมต่อแบบ Z-Wave