8 แอพฟังเพลง 24 ชั่วโมงแบบ Non stop จัดเพลย์ลิสต์เพลงที่ชอบ จะนอนพัก ออกกำลัง เล่นเกม อัพโหลดเพลงได้ฟรี
แอพฟังเพลง หรือแอพที่ใช้สตรีมเพลง 8 แอพนี้ จัดเป็นมีเดียสตรีมมิ่งที่ปัจจุบันเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหลายปีที่ผ่านมา ให้ความสะดวกในการฟัง และมีตัวเลือกที่มากขึ้น เข้าถึงผู้ใช้ได้รวดเร็ว เพราะเป็นแอพพลิเคชั่น ที่มีอยู่บนมือถือ แท็ปเล็ต ที่สามารถติดตัวผู้ใช้ไปได้ทุกที่ และบางแอพไม่ต้องต่ออินเทอร์เน็ตไว้ตลอดเวลา ก็ยังฟังเพลงได้เช่นกัน การเลือกใช้ ซึ่งแอพในการสตรีมหรือฟังเพลงเหล่านี้ ก็มักจะมีลูกเล่นให้ได้ใช้งานกันอย่างสนุก ไม่ว่าจะเป็น การจัดเพลย์ลิสต์ การอัพเดต และการคัดเพลงสไตล์ที่ชอบให้อัตโนมัติ แต่เรื่องของอินเทอร์เฟสก็สำคัญ ขึ้นอยู่กับความถนัดและความชื่นชอบ เพราะหลายคนใช้เวลากับแอพเหล่านี้ในวันว่างๆ กันหลายชั่วโมงเลยทีเดียว นอกเหนือจากเว็บฟังเพลง และบางแอพยังให้คุณสร้างตัวตน ด้วยการเป็นศิลปินใหม่ ในการอัพโหลดเพลงขึ้นไปในระบบได้อีกด้วย มาลองดูกันว่ามีแอพไหนที่โดนใจคุณบ้าง
แอพฟังเพลง 8 แอพฟังเพลินได้ทุกแนว
1.JOOX Music
แอพฟังเพลงฟรีฮิตติดชาร์ท ที่เข้าไปอยู่ในมือถือของหลายๆ คน ที่สำคัญใช้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย จุดเด่นของแอพนี้อยู่ที่ คุณสามารถสร้างเพลย์ลิสต์ส่วนตัวได้ และมีแนวเพลงให้เลือกมากมาย เลือกให้เหมาะกับสไตล์ของตัวเองได้ง่ายมากๆ และที่สำคัญยังมีการ Suggest หรือแนะนำเพลงที่ใกล้เคียงกับแนวที่ฟังอยู่ได้อีกด้วย ในช่วงหลังมานี้ JOOX ยังได้สร้างแนวเพลงร่วมกับผู้พัฒนาคอนเทนต์แนวดนตรีในการทำเพลง ORIGINAL เป็นแบบฉบับของตัวเอง จำนวนเพลงมีมากกว่า 3 ล้านเพลง และรองรับระบบเสียงรอบทิศทาง DTS แม้ตัวแอพเองจะมีแบบที่ให้ทดลองใช้ ถูกใจค่อยอยากได้แบบไม่มีโฆษณาคั่น ด้วยค่าใช้จ่ายเพียง 99 บาทต่อปี ไม่ว่าจะเลือกแบบพรีวิลเลจได้เลยกับการใช้ JOOX VIP ต้องเรียกว่าเป็นคลังแสงของคนรักเพลง ยังไม่รวมถึง JOOX BUZZ, Radio และ JOOX Live ที่เป็นบริการใหม่ๆ สามารถดาวน์โหลดมาใช้ได้ทั้ง iOS และ Android
จุดเด่น | ข้อสังเกต |
มีตัวเลือกเพลงเยอะ | แบบทดลองใช้ แต่มีโฆษณา |
สร้างเพลย์ลิสต์ได้ตามต้องการ |
ข้อมูลเพิ่มเติมและดาวน์โหลด: JOOX Music
2.Deezer
แอพสตรีมมิ่งเพลงระดับคุณภาพอีกค่ายหนึ่ง ซึ่งให้ผู้ใช้สามารถรับฟังคุณภาพเสียงในระดับ Loseless ได้แล้ววันนี้ มาพร้อมอินเทอร์เฟสที่ดูเป็นกันเอง จัดการง่าย มีให้เลือกสร้างเพลย์ลิสต์ด้วยตัวเอง รวมถึงการทำเพลย์ลิสต์ด้วยการเลือกเพลงในสไตล์แบบเดียวที่คุณชอบมาให้ เก่าใหม่สากลมีครบ โดยมีแพ๊คเกจให้ใช้งาน ตั้งแต่ใช้ฟังฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งจะไม่สามารถดาวน์โหลดเพลงฟังแบบ Offline ได้ แต่มีโฆษณาคั่น รวมถึงให้บิตเรตได้สูงสุด 128 Kbps AAC แต่ถ้าขยับไปพรีเมียมหรือ Family ก็จะได้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้น ไม่มีโฆษณา และปิดหน้าจอเล่นได้อีกด้วย ค่าใช้จ่ายประมาณ 129 บาทต่อเดือน รวมถึงค่าใช้จ่ายรายปี ก็จะไม่ได้ลดไปจากเดิมมากนัก ส่วนใครที่ชอบเปิดเพลงเล่นกับเครื่องเสียง ฟังเพลงเพราะๆ ในวันสบายๆ แนะนำไป Deezer HiFi ไปเลย คุณภาพเสียงจัดหนัก เป็นแอพฟังเพลงฟรีฟังได้ไร้โฆษณากันแบบยาวๆ
จุดเด่น | ข้อสังเกต |
แบบมีค่าใช้จ่าย สามารถฟัง Offline ได้ | แพ๊คเกจสูงจะให้คุณภาพการฟังที่ดีขึ้น |
รองรับระบบเสียงคุณภาพสูง |
ข้อมูลเพิ่มเติมและดาวน์โหลด: Deezer
3.Youtube music
เป็นแอพฟังเพลงที่โลดแล่นอยู่คู่กับเหล่านักฟังเพลงมายาวนาน และได้รับความนิยม ส่วนหนึ่งมาจากการใช้ Youtube วีดีโอนั่นเอง และความคล่องตัว พร้อมฟีเจอร์น่าใช้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การสร้างเพลย์ลิสต์ส่วนตัว จำนวนเพลงที่มีให้ทุกแนว ไม่ว่าจะเก่าใหม่ สไตล์ไหนก็ตาม โดยเฉพาะเพลงไทย ที่นี่จัดเต็มได้มากกว่า มีทั้งเพลงและมิวสิควีดีโอให้ได้ชม กับค่าใช้จ่ายดูจะเป็นกันเอง ฟรีเดือนแรก จากนั้น 129 บาทต่อเดือน หรือเน้นเป็นปี ก็แค่ 1,290 บาท เท่านั้นเอง เป็นแพ๊คเกจพรีเมียมที่น่าสนใจสำหรับนักฟังเพลงตัวยง แต่ถ้าฟังหลายคน แนะนำ Family 199 บาทต่อเดือนเท่านั้น อินเทอร์เฟสใช้งานง่าย แบบที่เราคุ้นเคยกันอยู่แล้ว รองรับการดาวน์โหลดเอาไว้ฟังแบบ Offline รองรับการใช้งานได้หลากหลายแพลตฟอร์ม ตั้งแต่มือถือ แท็ปเล็ตไปจนถึงพีซี โน๊ตบุ๊ค และด้วยความสามารถในการค้นหาเพลงที่มาเข้ากับการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคนได้ ก็ถือว่ามีความโดดเด่น ส่วนคนที่อยากพักผ่อน หรือไปออกกำลังกาย จะใช้การปิดหน้าจอ เพื่อการเล่นเพลงก็ได้เช่นกัน สะดวกสุดๆ
จุดเด่น | ข้อสังเกต |
มีเพลงและมิวสิควีดีโอไทยเยอะมาก | เน้นใช้ฟังก์ชั่นเต็มระบบเลือก Premium |
สลับใช้กับ Youtube วีดีโอได้สะดวก |
ข้อมูลเพิ่มเติมและดาวน์โหลด: Youtube music
4.Soundcloud
Soundcloud สำหรับใครที่เป็นคอเพลงหรือชอบฟังเพลงออนไลน์ สตรีมมิ่งในอดีต เชื่อว่าต้องผ่านแพลตฟอร์มของ Soundcloud มาบ้างแล้ว ก่อนที่จะมาถึงยุคผู้ให้บริการรายใหญ่ๆ ซึ่งเติบโตมาอย่างรวดเร็ว แพลตฟอร์มนี้กำเนิดมาตั้งแต่ปี 2007 และมีผู้ใช้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก ส่วนหนึ่งคือ ใช้งานฟรี และมีการฟังเพลงได้แบบไม่จำกัด พร้อมปุ่มแชร์ เพื่อแนะนำเพลงที่คุณชื่นชอบ ให้กับคอเพลงที่ฟังในสไตล์เดียวกัน เป็นเหมือนการแชร์เพื่อคนแนวเดียวกันจะได้แลกเปลี่ยน และยังอัพโหลดเพลงขึ้นไปได้ เช่นเดียวกับการค้นหาที่เป็นกันเอง พูดง่ายๆ คือให้อิสระกับการสร้างสรรค์ผลงาน เพื่อการสร้างตัวตน ผ่านทางแพลตฟอร์มนี้ ในปัจจุบันก็มีนักร้องดังบางรายที่เติบโตจากการนำเสนอผลงานจากที่นี่อีกด้วย ปัจจุบัน Soundcloud ยังเป็นแหล่งขุมทรัพย์ของนักฟังที่ชอบแนวอินดี้ แนวเพลงใหม่ๆ ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งรองรับการใช้งานได้ทั้ง Android และ iOS อีกด้วย เป็นแอพฟังเพลงฟรีครับ
จุดเด่น | ข้อสังเกต |
ฟังเพลงได้ อัพโหลดเพลงก็ได้ | |
ไม่มีค่าใช้จ่าย |
ข้อมูลเพิ่มเติมและดาวน์โหลด: Soundcloud
5.Fungjai
ฟังใจอีกหนึ่งแอพฟังเพลงฟรีของเหล่านักฟัง ชอบดนตรีตั้งแต่แนวอินดี้ ไปจนถึงป๊อป ร็อคหรือแจ๊ส จุดเด่นคือ การจัดเพลย์ลิสต์แนวเพลงเอาไว้ให้เราแล้วถึง 8 แบบ คุณฟังแนวไหน ก็เข้าได้หมด แอพจัดหามาเสริมการฟังได้ลื่นหู แต่ที่น่าสนใจคือ ไม่มีค่าใช้จ่าย ใช้งานได้ทั้ง iOS และ Android อินเทอร์เฟสที่ใช้งานง่าย มีให้ฟังหมดทั้งเพลงไทยหรือต่างประเทศ แต่ก็ไม่ใช่แค่กลุ่มดนตรีที่มีในเพลย์ลิสต์เท่านั้น แต่ยังมีแนวคอนเสิร์ตมาให้ฟังอีกด้วย ตัวแอพจะโชว์เพลงที่เป็นกระแส ได้รับความนิยมในเวลานั้นๆ มาขึ้นโชว์บนฟีดแรก รวมถึงพอดแคสที่กำลังฮอตฮิต นอกจากนี้ถ้าแนวเพลงอารมณ์ใด ที่คุณอยากจะสร้างฟิลลิ่งให้กับวันพักผ่อนหรือทำงาน หรือไป Workout ได้สนุกมากขึ้น ก็สร้างเพลย์ลิสต์ได้เลย รวมถึงการดาวน์โหลด เพื่อเก็บไว้เล่นแบบ Offline ได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นนักฟัง หรือศิลปิน แอพนี้ก็ให้คุณใช้งานและสร้างตัวตนได้ดีทีเดียว
จุดเด่น | ข้อสังเกต |
มีเพลย์ลิสต์เอาไว้ให้เลือก | ตัวเลือกเพลงหลากหลาย เมื่อสร้างเพลย์ลิสต์ |
มีพื้นที่ให้อัพโหลดผลงานเพลง |
ข้อมูลเพิ่มเติมและดาวน์โหลด: Fungjai
6.Apple music
จัดเป็นแอพฟังเพลงยอดนิยมในระดับต้นๆ ของนักฟัง ที่จัดว่าฟังก์ชั่นน่าใช้ อินเทอร์เฟสดูง่าย และมีเพลงมากกว่า 70 ล้านเพลงให้คุณได้เลือกฟัง จะเป็นไทย ต่างประเทศ หรือแนวเพลงในทุกแบบที่คุณชื่นชอบ เรียงมาเป็นเพลย์ลิสต์ให้ใช้งานกันแบบเพลินๆ แม้ว่าคุณจะไม่เคยใช้งานแอพสตรีมเพลงมาก่อน ก็ใช้งานได้ง่าย โดย Apple Music นี้ รองรับการใช้งานได้ทั้ง iOS และ Android รวมถึงการเป็นโปรแกรมบน Windows และ MacOS รองรับระบบเสียงรอบทิศทาง และความละเอียดของเพลงในระดับ Hi-Res อีกด้วย ยิ่งใครที่ชอบการฟังแบบที่อยากได้รายละเอียด เก็บอารมณ์เพลง ฟังเสียงนักร้องได้แบบชุ่มฉ่ำหัวใจ แอพนี้ตอบโจทย์ได้ รองรับระบบเสียงรุ่นใหม่ๆ ได้ดี ส่วนค่าบริการมีแบบทดลองใช้ฟรี 1 เดือน จากนั้นค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 139 บาทต่อเดือน เรียกว่าเป็นระดับที่น่าลงทุน เพราะมีฟีเจอร์ให้เลือกใช้เยอะ ถ้ามองที่จำนวนเพลงมหาศาลให้คุณฟังได้แบบยาวๆ กับการใช้งานที่ง่าย จัดการเองได้ตามใจ
จุดเด่น | ข้อสังเกต |
มีเพลงจำนวนมาก หลากหลายแนว | เลือกแนวการฟังด้วยตัวเอง |
รองรับระบบเสียง Hi-Res |
ข้อมูลเพิ่มเติมและดาวน์โหลด: Apple music
7.Tidal
Tidal แพลตฟอร์มสตรีมเพลงในรูปแบบของ App ที่ติดตั้งได้ทั้งใน iOS และ Android ที่ได้รับความนิยมอีกค่ายหนึ่งของโลกนักฟัง ที่สามารถสตรีมเพลงแบบ Loseless ได้คุณภาพสูง พร้อมด้วยเพลงในระบบที่มีมากกว่า 80 ล้านเพลง มีตัวกรองให้คุณเลือกแนวเพลงที่ชื่นชอบได้อย่างอิสระ และสร้าง Mood & Tone ในการฟังได้อย่างสนุกสนาน คือคุณเลือกแนวเพลงที่มาสลับอารมณ์ของคุณได้เลย จุดที่น่าสนใจคือ การเพิ่มแนวเพลงที่เป็นปัจจุบัน เข้าไปมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มผู้ฟังใหม่ๆ รวมถึง Podcast ที่มีผู้ฟังมากขึ้น โดยอินเทอร์เฟสถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดี ดูไม่ซับซ้อน หากเป็นแบบมีค่าใช้จ่ายจะสามารถดาวน์โหลดไว้ฟังแบบ Offline ได้อีกด้วย ใครที่ใช้ลำโพงหรือหูฟังคุณภาพ จะได้สัมผัสถือพลังเสียงที่จัดจ้านบนแพ๊คเกจ HiFi อีกด้วย สนนราคาเริ่มต้น 139 บาทต่อเดือน
จุดเด่น | ข้อสังเกต |
เข้ากันได้กับหลายอุปกรณ์ | |
มีจำนวนเพลงที่มากและหลากหลายแนว |
ข้อมูลเพิ่มเติมและดาวน์โหลด: Tidal
8.Spotify
อินเทอร์เฟสใช้งานง่ายมาก และมีเพลงให้เลือกฟังแบบหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเพลงไทย ลูกทุ่ง สากล เลือกตามแนวเพลงก็ง่าย รวมถึงเพลงใหม่ๆ ที่มักจะทะยอยเข้ามาในแอพเรื่อยๆ ดังนั้นใครที่ชอบฟัง Single ใหม่ๆ แอพนี้ตอบโจทย์ได้ เช่นเดียวกับเพลงฮิตติดชาร์ทที่คุณจะได้ฟังก่อนใคร การสร้างเพลย์ลิสต์ก็มีเป็นตัวเลือกแนวเพลงให้ ที่เหลือระบบจะคัดสรรมาเป็นตัวเลือกให้กับคุณได้ทันที นอกจากนี้ยังแชร์เพลงที่ชอบได้อีกหรือจะแชร์ผ่าน Story ก็ได้เช่นกัน แพ๊คเกจเริ่มต้นที่ 139 บาทต่อ 3 เดือน ซึ่งจัดว่าเป็นราคาที่ดีทีเดียว เมื่อเทียบกับหลายๆ ค่าย หรือถ้าจะเริ่มกับการฟังเพลงและดาวน์โหลดเพื่อฟัง Offline ชั่วคราว 7 วัน ก็เริ่มต้นกับ Mini แค่ 7 บาทต่อวันเท่านั้น
จุดเด่น | ข้อสังเกต |
มีเพลงใหม่เข้ามาให้ฟังได้ก่อนใคร | |
จัดการเพลย์ลิสต์ได้ง่าย |
ข้อมูลเพิ่มเติมและดาวน์โหลด: Spotify
Conclusion
ค่าใช้จ่าย (เริ่มต้น) | |
JOOX Music | VIP รายเดือน เดือนแรก 49 บาท เดือนถัดไปเดือนละ 99 บาท |
Deezer | ฟรี 1 เดือนแรก หลังจากนั้น 10.99USD ต่อเดือน |
Youtube music | ฟรี 1 เดือนแรก หลังจากนั้น 129 บาทต่อเดือน |
Soundcloud | ไม่มีค่าใช้จ่าย |
Fungjai | ไม่มีค่าใช้จ่าย |
Apple music | ราคา 139 บาทต่อเดือน |
Tidal | ฟรี 1 เดือนแรก หลังจากนั้น ราคา 139 บาทต่อเดือน |
Spotify | Premium 3 เดือน ราคา 139 บาท |
8 แอพฟังเพลงหรือแอพสตรีมเพลงทั้งหมดนี้ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการฟังเพลง ยอดแคส ที่สามารถจัดเพลย์ลิสต์แนวเพลงที่ชื่นชอบได้ด้วยตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่ก็ใช้ฟีเจอร์นี้ได้เกือบทั้งหมด แต่จะมีบางค่ายที่มีสไตล์ของเพลงมาให้เลือก และผู้ใช้ไปปรับแต่งให้เหมาะกับตัวเอง โดยบางค่ายจะเป็นการให้ใช้งานฟรี แต่ฟีเจอร์อาจจะถูกจำกัดบ้าง เช่นในเรื่องคุณภาพเสียงหรือการเล่นแบบ Offline แต่ก็มีแบบที่เป็นตัวทดลองใช้ หรือแพ๊คเกจเริ่มต้นมาให้ในราคาหลักสิบบาทเท่านั้น ส่วนถ้าใครใช้งานเป็นประจำ ชอบการฟังเพลงหรือชอบแนวเพลงใหม่ๆ แนะนำว่าลองเลือกแพ๊คเกจเริ่มต้น เพราะมักจะเริ่มกันที่ไม่ถึง 200 บาทเท่านั้นต่อเดือน ก็จะได้ทั้งคุณภาพการฟังที่ดีขึ้น การจัดการที่ง่ายและการใช้แบบไม่มีโฆษณาให้สะดุด แต่ละค่ายก็มีความคล้ายคลึงกัน ขึ้นอยู่กับว่าคุณถูกใจกับการใช้งานอินเทอร์เฟสแบบใดมากที่สุดนั่นเอง สุดท้ายนี้คุณคิดอย่างไรสำหรับการใช้แอพฟังเพลงฟรีเหล่านี้กันบ้าง ก็สามารถคอมเมนต์แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนๆ กันได้เลยครับ
FAQ คำถามพบบ่อย
แอพฟังเพลงในคอม ไม่กินสเปค
Ans. ส่วนใหญ่จะเป็นแบบเดียวกันกับแอพที่เล่นบนอุปกรณ์โมบาย มือถือหรือแท็ปเล็ต แต่จะอยู่บน Web ซึ่งทำให้เข้าถึงได้ง่าย และไม่ได้ใช้ทรัพยากรของเครื่องมากเกินไป ตัวอย่างเช่น Apple iTunes, VLC, JOOX ปัจจุบันก็ใช้งานได้แล้ว รวมไปถึง Foobar และ Clementine เป็นต้น มีความหลากหลายมากกว่า แต่การใช้งานอินเทอร์เฟสมีความต่างกันไป อยากจะแนะนำให้ลองดาวน์โหลดมาติดตั้ง แบบไหนถูกใจใช้สะดวก ก็เลือกตามความเหมาะสม
แอพฟังเพลงฟรีมีมั้ย
Ans. จากบรรดาแอพฟังเพลงที่เราได้นำเสนอกันไป ก็มีหลายแอพที่สามารถใช้งานได้ฟรี ฟังเพลงไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ส่วนใหญ่ก็จะมีข้อจำกัดในการใช้งาน เช่น Offline ไม่ได้ หรือบางแอพจะไม่รองรับการปิดหน้าจอฟัง รวมไปถึงคุณภาพเสียงอาจลดลง และที่สำคัญมีโฆษณาคั่น ซึ่งอาจจะทำให้ขัดจังหวะในการฟังอยู่บ้าง หากต้องการแบบลื่นไหล ใช้งานสะดวก ก็ต้องใช้เป็นแบบที่มีค่าใช้จ่ายนั่นเอง
แอพฟังเพลงบนเครื่องบิน
Ans. หลายคนเลือกที่จะฟังเพลงหรือ Podcast ที่ชื่นชอบในช่วงการเดินทาง โดยเฉพาะในไฟล์บินที่น่าเบื่อ นั่งกันแบบยาวๆ แต่บางครั้งก็ไม่อยากรบกวนหรือไม่ต้องการเชื่อมต่อเน็ตในช่วงที่ขอความร่วมมือ หรือไม่ต้องไปโรมมิ่งให้เสียค่าใช้จ่าย การใช้งานแบบ Flight mode หรือการฟังแบบ Offline จึงมีบทบาทอย่างมาก โดยแอพที่ใช้ในการฟังในโหมดนี้ ก็มีทั้ง Toutube Music Premium, Spotify, Tidal หรือ JOOX เป็นต้น ซึ่งก็จะมีค่าใช้จ่ายอยู่บ้าง แต่ก็สะดวกต่อการใช้งาน ไม่ต้องต่อเน็ตให้เสียดาต้า แค่ดาวน์โหลดมาใช้งานก่อนหน้า ก็ฟังแบบ Offline ได้แล้ว
แอพสตรีมเพลง ปิดหน้าจอได้
Ans. สำหรับคนที่อยากพักผ่อน ฟังเพลงชิลๆ ในวันว่าง หรือฟังเพลงก่อนนอน รวมถึงการฟังในช่วงการออกกำลังกาย ก็อยากจะให้ปิดหน้าจอมือถือ แล้วแอพยังเล่นได้ ไม่ดับ เพื่อความสะดวก และยังประหยัดแบตอีกด้วย ผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็จะให้ความเห็นไปแนวเดียวกันว่า แอพหลักๆ เหล่านี้ ตอบโจทย์ได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Spotify, JOOX หรือ Youtube Music Premium เป็นต้น