ขอเอาใจผู้ประกอบคอมเองที่ชอบใช้เคสเล็กๆ แบบ Mini-ITX PC ที่เป็นที่สุดของปี 2023 จำนวน 6 เคส สาวกเคสเล็กไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงโดยเด็ดขาด
ฟอร์มแฟคเตอร์ของเมนบอร์ด Mini-ITX ขนาด 6.7 × 6.7 นิ้วมีมานานหลายทศวรรษแล้ว ในขณะที่เทคโนโลยีประเภทอื่นๆ มีการลดขนาดของผลิตภัณฑ์ลงอย่างต่อเนื่อง ทว่าผู้คนส่วนใหญ่ยังคงประกอบคอมพิวเตอร์พีซีในเคสแบบทาวเวอร์ขนาดใหญ่(หรือ Full Size Case) ที่ใช้เมนบอร์ด ATX ขนาดใหญ่สุดกันอยู่ดี ทว่าจริงๆ แล้วสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดนั้นเริ่มที่จะไม่มีความจำเป็นสำหรับนักเล่นเกมและนักประกอบคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่อีกต่อไป แม้ว่าคุณจะประกอบอุปกรณ์ประสิทธิภาพสูงที่มีกราฟิกการ์ดสุดแรงอย่าง NVIDIA RTX 4090 ที่สร้างความร้อนได้อย่างมหาศาลก็ตาม
อย่างไรก็ตามในปัจจุบันนี้การใช้งาน GPU ที่ใช้กำลังไฟฟ้าสูงเช่น RTX 4090 ของ NVIDIA คู่กับ CPU ตัวแรงอย่าง Core i9-13900K ของ Intel แล้วด้วยนั้นฟอร์มแฟคเตอร์ของเมนบอร์ด Mini-ITX จะต้องเสียภาษีให้กับนักออกแบบเคสขนาดกะทัดรัดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เพราะเมื่อโหนดกระบวนการผลิตหดตัวลงแถมด้วยเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ที่เกี่ยวข้องก็มีขนาดลดน้อยลงตามไปด้วย(หรือให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือกระบวนการผลิตที่ระดับ nm ลดลงเรื่อยๆ) ความนิยมของระบบและเคส ITX ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมากเรื่อยๆ ตามลำดับ
วันเวลาของนักเล่นเกมแบบที่ต้องเชื่อมต่อการ์ดจอ 2 ตัวพร้อมกันตามเทคโนโลยี multi-GPU SLI ของทาง NVIDIA หรือ CrossFire ของทาง AMD นั้นผ่านไปนานแล้ว นอกไปจากนั้นอีเธอร์เน็ต, Wi-Fi และระบบเสียงระดับไฮเอนด์ก็ถูกนำมารวมอยู่ในเมนบอร์ดระดับกลางที่มีขนาดเล็ก(ที่เล็กกว่า m-ATX) และดีกว่าเดิมเป็นอย่างมาก ไหนจะแหล่งเก็บข้อมูลมาตรฐานใหม่แบบ M.2 SSD ซึ่งมีความจุที่ 4 หรือ 8 TB ก็มีขนาดเท่ากับนิ้วมือเท่านั้น(แถมราคาถูกลงอย่างรวดเร็วอีกต่างหาก) ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้ฮาร์ดไดรฟ์แบบ SATA และ SSD หลายตัวให้นักประกอบคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ต้องคอยคิดคำนึงถึงพื้นที่ในการติดตั้งให้ปวดหัวอีกต่อไป นี่ยังไม่รวมถึงบริการแหล่งเก็บข้อมูลแบบคลาวด์และอุปกรณ์ NAS ภายนอกที่สามารถช่วยในการดูแลพื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ที่ผู้ใช้สามารถติดตั้งเอาไว้ภายนอกเคสก็มีประโยชน์อย่างมากโดยถูกใช้งานในปัจจุบันกันอย่างกว้างขวาง ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์พีซีส่วนใหญ่เริ่มไม่ต้องการฟอร์มแฟคเตอร์แบบ ATX ที่มีขนาดใหญ่เหมือนเดิมอีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเมนบอร์ด Mini-ITX ดีๆ ที่มีอยู่มากมายในตลาดปัจจุบันก็มีตัวเลือกให้ผู้ใช้สามารถที่จะทำการเลือกซื้อเพื่อนำมาใช้งานตามความต้องการได้มากขึ้น
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่การเลือกใช้ฟอร์มแฟคเตอร์ Mini-ITX หมายถึงการที่ต้องแลกระหว่างประสิทธิภาพกับเคสตัวเครื่องสำหรับคอมพิวเตอร์พีซีขนาดเล็กซึ่งต้องใช้ส่วนประกอบที่มีขนาดกะทัดรัดเช่นกราฟิกการ์ดขนาดสั้นกะทัดรัด แม้ว่าการเลือกใช้พาวเวอร์ซัพพลายแบบ SFX ที่มีฟอร์มแฟกเตอร์ขนาดเล็ก (SFF) ยังคงเป็นข้อกำหนดในกรณีที่จะต้องคำนึงถึงในการประกอบคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็กที่สุดอย่าง Mini-ITX PC แต่เคส ITX ส่วนใหญ่ที่เปิดตัวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็ยังรองรับการติดตั้งกราฟิกการ์ดแบบสองหรือสามสล็อตแบบเต็มความยาวอีกด้วยต่างหาก
ถึงกระนั้นมันก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป แถมกราฟิกการ์ดก็มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างเช่น NVIDIA RTX 4090 ดังนั้นสิ่งที่ผู้ประกอบคอมพิวเตอร์พีซีแบบMini-ITX PC ต้องคำนึงก็คือต้องอย่าลืมตรวจสอบช่องว่างสำหรับการติดตั้งก่อนซื้ออาร์ดแวร์ที่จะเอามาประกอบกันทั้งหมด เพื่อให้การประกอบคอมพิวเตอร์พีซีแบบ Mini-ITX PC ของผู้ชื่นชอบความเล็กแต่แรงนั้น ทางเราจึงได้รวบรวมสุดยอดเคสแบบ Mini-ITX PC ไว้ในบทความนี้ให้ทุกท่านได้ใช้ประกอบในการพิจารณาเพื่อเลือกซื้อกัน จะมีเคสไหนตรงใจท่านบ้างนั้นไปติดตามกันได้เลย
- Lian Li Q58
- Fractal Design Terra
- Hyte Revolt 3
- Phanteks Evolv Shift 2
- Cooler Master NR200P Max
- Louqe Raw S1
1. Lian Li Q58
SPECIFICATIONS | Type: ITX Case Motherboard Support: Mini-ITX Card Length Supported: 320mm (12.6 inches) Storage Support: (1) 3.5” (3) 2.5” Included Fans: None |
จุดเด่น | + ดูเรียบร้อย มีแก้วและตาข่ายที่ดูสวยงาม + สามารถที่จะระบายความร้อนได้ดี + ตัวเลือกในการประกอบฮาร์ดแวร์ยืดหยุ่นซึ่งรวมถึง ATX PSU ที่คุณสามารถเลือกใช้งานได้ด้วยอีกต่างหาก + ราคาไม่แพงเพียง 5,xxx บาท |
จุดด้อย | – การจัดการสายเคเบิลค่อนข้างยาก – PCIe riser card ต้องซื้อเพิ่มเติมหากคุณใช้ฮาร์ดแวร์ในการประกอบจำนวนมาก |
Q58 ของ Lian Li เป็นเคสแบบ Mini-ITX ที่จะทำให้คุณต้องทึ่งได้อย่างแน่นอน ซึ่งนั่นทำให้มันเป็นตัวเลือกที่สามารถเลือกได้ง่ายมากที่สุดในฐานะเคสสุดยอดเคส Mini-ITX ที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ส่วนใหญ่ Lian Li Q58 คือเคส Mini-ITX ขนาด 14.3 ลิตรซึ่งมีราคาราวๆ 5,xxx บาทเท่านั้นในรุ่นพื้นฐาน นอกไปจากนั้นมันยังมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่สวยงาม, ศักยภาพในการระบายความร้อนที่ยอดเยี่ยมและการออกแบบภายในที่ยืดหยุ่นอีกด้วยต่างหาก
โครงสร้างพื้นฐานของตัวเคสทำจากเหล็ก ซึ่งแต่ละด้านจะมีแผงเหล็กครึ่งกระจกที่เจาะรูครึ่งหนึ่งเอาไว้ ส่วนทางด้านหน้าและแผ่นด้านบนของตัวเคสนั้นจะทำจากอะลูมิเนียมที่หรูหราดูมีระดับมากยิ่งขึ้น ทำให้เคสมีรูปลักษณ์และความรู้สึกระดับพรีเมียมมาก การติดตั้ง GPU ก็สามารถดึงเอาอากาศบริสุทธิ์จากด้านข้างไปทำการถ่ายเทความร้อนได้โดยตรง ที่พิเศษที่สุดคงหนีไม่พ้นการที่คุณจะยังคงมองเห็นไฟ RGB ของฮาร์ดแวร์ต่างๆ ที่คุณเลือกมาผ่านกระจกได้อีกด้วยต่างหาก ยังไม่หมดเท่านั้นเพราะคุณสามารถใส่หม้อน้ำขนาด 280 มม. บนหลังคาของเคสได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตามเคสนี้สามารถกำหนดค่าใหม่ได้โดยการที่คุณต้องยอมสละตัวเลือก AIO และพื้นที่จัดเก็บแหล่งเก็บข้อมูลบางส่วนสำหรับเพื่อเอาไปติดตั้งพาวเวอร์ซัพพลายขนาดเดียวกับเมนบอร์ด ATX ซึ่งถือว่าเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการประหยัดต้นทุนการประกอบเครื่องได้อีกทางหนึ่ง เมื่อใช้งานร่วมกับการเลือกใช้ PCIe 3.0 riser cable ธรรมดาคุณอาจจะต้องคิดมากหน่อยเพราะเป็นเทคตโนโลยีเก่าไปแล้ว แต่ถ้าคุณยอมทุ่มเงินอีกราวๆ 1,xxx บาทแล้วล่ะก็คุณจะได้รับ PCIe 4.0 riser cable ที่พร้อมสำหรับกราฟิกการ์ด RTX 3000 และ RX 6000 ที่คุณจะได้รับประโยชน์ในส่วนของแบนด์วิดธ์อย่างเต็มสูบ
2. Fractal Design Terra
SPECIFICATIONS | Type: SFF Motherboard Support: Mini-ITX Card Length Supported: 322.1mm (12.68 inches) Storage Support: (2) 2.5-inch Included Fans: None |
จุดเด่น | + มีโครงสร้างเคสที่เน้นไม้อันน่าทึ่งน่ามองเป็นอย่างยิ่ง + มีขนาดกะทัดรัดเป็นพิเศษ + มี spine ที่ยืดหยุ่นสำหรับใช้เพื่อปรับการระบายความร้อนหรือเพิ่มพื้นที่ติดตั้ง GPU |
จุดด้อย | -ไม่มีแจ็คเสียง(Audio 3.5) ทางด้านหน้าตัวเครื่อง – การระบายความร้อน, การจัดเก็บและการรองรับ PSU ที่ออกแบบมาแคบทำให้น่ากังวลเรื่องการระบายความร้อนเล็กน้อย |
เคส PC DIY แบบ Mini-ITX ที่เล็กที่สุดเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมามักถูกขัดขวางโดยความต้องการของระบบการจัดวางตำแหน่งในการระบายความร้อนของฮาร์ดแวร์ที่เพิ่มขึ้นรวมถึงขนาดของส่วนประกอบฮาร์ดแวร์ในปัจจุบันโดยเฉพาะกราฟิกการ์ดอย่าง RTX 4090 ของ NVIDIA ที่มีขนาดใหญ่ก็ถือว่าเป็นปัญหาในการเลือกเคสขนาอด Mini-ITX แต่ทว่าเคส Mini-ITX Fractal Design Terra ที่มีขนาด 10.4 ลิตร นี้นั้นมีพื้นที่เพียงพอสำหรับ GPU ขนาดใหญ่ส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ในขณะเดียวกันก็ให้ความสวยงามที่สะดุดตาด้วยการตกแต่งภายนอกด้วยอะลูมิเนียมโดยมีลายไม้จริงอยู่ด้านหน้า และเนื่องจากมีขนาดกะทัดรัด Fractal Design Terra จึงเป็นหนึ่งในเคสที่สวยที่สุดอันหนึ่งเท่าที่เคยมีการออกแบบและวางจำหน่ายมา
สิ่งหนึ่งที่อาจจะทำให้ผู้ประกอบต้องคิดมากหน่อยก็คงหนีไม่พ้นตัวเลือกส่วนประกอบและการไหลเวียนของอากาศของตัวเคสที่มีข้อจำกัดค่อนข้างมาก แต่หากคุณไม่จำเป็นต้องบรรจุส่วนประกอบที่ทรงพลังที่สุด (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน CPU) และคุณไม่จำเป็นต้องมีไดรฟ์จัดเก็บข้อมูลมากกว่าสองสามตัวแล้วล่ะก็ Fractal Design Terra ถือว่าเป็นเคสที่ส่งมอบความสวยงามได้ดีที่สุดเคสหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณ ไม่ต้องการที่จะโชว์ไฟ RGB อยู่ตลอดเวลาแล้วล่ะก็ การออกแบบที่ดุดันซึ่งครองด้านการเล่นเกมของ Fractal Design Terra ถือว่าเหมาะสมกับคุณเป็นอย่างมาก สิ่งหนึ่งที่คุณต้องคำนึงไว้ก่อนจะซื้อ Fractal Design Terra นั้นก็คือคุณต้องแน่ใจว่าคุณสามารถที่จะนำพาวเวอร์ซัพพลาย SFX แบบโมดูลาร์มาใช้คู่กับมันด้วยได้
3. Hyte Revolt 3
SPECIFICATIONS | Type: ITX Case Motherboard Support: Mini-ITX Card Length Supported: 335mm (13.2 inches) Storage Support: (1) 3.5” (2) 2.5” Included Fans: None |
จุดเด่น | + มีรูปลักษณ์ที่สวยงามและเรียบง่าย + สามารถติดตั้งได้ง่ายและมาพร้อมตัวกรองอากาศที่มีคุณภาพ + ราคาไม่แพงโดยอยู่ที่เพียง 6,xxx บาทในรุ่นพื้นฐานเท่านั้น |
จุดด้อย | – อาศัย AIO ทั้งหมดเพื่อการระบายความร้อน |
Hyte Revolt 3 เป็นเคส ITX ขนาดกะทัดรัดที่มีราคาไม่สูงมากนักที่ราวๆ 6,xxx บาท แต่ว่ามันคุ้มค่าเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในเรื่องของการออกแบบที่ใช้งานได้จริงจังอย่างที่คุณจะไม่คิดว่าจะได้มาก่อนด้วยตาข่ายจำนวนมาก, ที่วางหูฟังแบบคลิกได้สองตัวและที่จับสำหรับหิ้วที่อยู่ด้านบน และแน่นอนว่าคุณภาพการสร้างอาจจะไม่ได้สูงมากนักตามที่หวังสำหรับในราคาประมาณนี้เพราะทั้งหมดเป็นเพียงเหล็กทาสี แต่ทว่าการทาสีของมันนั้นก็สวยงามและรูปลักษณ์ที่เพรียวบางและเป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างลงตัว เข้ากันได้ดีกับการตั้งค่าการเล่นเกมเกือบทุกรูปแบบ
ภายใน Revolt 3 ยังสามารถรองรับระบบ Mini-ITX ได้เกือบทุกระบบที่มีอยู่ในตลาดปัจจุบัน โดยมันมีพื้นที่สำหรับ GPU ขนาดใหญ่, AIO สูงสุด 280 มม., SSD ขนาด 2.5 นิ้วสองตัวและไดรฟ์ขนาด 3.5 นิ้วหนึ่งตัว ยิ่งไปกว่านั้นเลย์เอาต์ของมันยังได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดีซึ่งหมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องใช้สายเคเบิลไรเซอร์ PCI-e ให้รกภายในตัวเคสดังนั้นคุณจึงไม่ต้องกังวลกับแบนด์วิธที่ลดลงบนกราฟิกการ์ดซีรีส์ RTX 3000 หรือ RX 6000
สิ่งเดียวที่ดึงดูดใจจริงๆ สำหรับ Hyte Revolt 3 นี้คือมันอาศัย AIO เพื่อการไหลเวียนของอากาศทั้งหมด แต่ในการทดสอบของหลายๆ สื่อสำนักพบว่าการตั้งค่านี้ก็เพียงพอแล้ว แม้ว่าคุณจะใส่หน่วยประมวลผล i5-11600K และ RTX 3080 Ti ที่มีความร้อนสูงก็ตาม
4. Phanteks Evolv Shift 2
SPECIFICATIONS | Type: ITX Case Motherboard Support: Mini-ITX Card Length Supported: 335mm (13.2 inches) Storage Support: (1) 3.5” (2) 2.5” Included Fans: 1x 140mm |
จุดเด่น | + ตัวเคสมีขนาดเล็กแต่มาพร้อมแผงที่สวยงาม + เค้าโครงภายในที่ตรงไปตรงมาทำให้ติดตั้งได้ง่าย + เหมาะกับ GPU ขนาดใหญ่ + ใช้งานกับ AIO ขนาด 120 มม. ได้เท่านั้นสำหรับการระบายความร้อนของ CPU ซึ่งเพียงพอแล้วสำหรับหน่วยประมวลผลระดับกลาง |
จุดด้อย | – ให้ความท้าทายที่จะประกอบมากจนเกินไปจนดูเหมือนจะยากจนเกินไป – PCIe 3.0 Riser cable ที่เป็นเทคโนโลยีเก่าไปแล้ว |
Phanteks Evolv Shift 2 โดดเด่นตั้งแต่แรกเห็นด้วยการออกแบบรูปทรงที่สูงตระหง่านโดยมีขนาดเล็ก และแผงอะลูมิเนียมชุบผิวที่มองแล้วดูสวยงาม พร้อมกับราคาที่จับต้องได้อยู่ที่ราวๆ 3,0xx บาทสำหรับรุ่น mesh และ 3,5xx บาทสำหรับรุ่นที่มี TG ส่วนพัดลม RGB ที่สามารถระบุตำแหน่งได้ก็ทำให้ Phanteks Evolv Shift 2 สามารถติดอันดับเคสพีซี Mini-ITX ที่ดีที่สุดในบทความนี้ได้อย่างง่ายดาย
ด้วยขนาดที่เล็กและการตกแต่งที่สวยงามทั้งในรูปแบบกระจกนิรภัยและแบบตาข่าย Evolv Shift 2 จึงเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับเป็นคอมพิวเตอร์พีซีแบบ SFF สำหรับใช้ในห้องนั่งเล่นหรือจะเคลื่อนย้ายไปรอบๆ บ้านทุกที่ที่คุณต้องการโชว์มัน ส่วนของ IO ด้านบนที่เข้าถึงได้ง่ายทำให้การเสียบอุปกรณ์เป็นเรื่องง่ายอีกด้วยต่างหาก
คุณภาพงานสร้างนั้นดูมีความเข้มงวดแต่ก็มาพร้อมกับความหงุดหงิดที่เกี่ยวข้องกับระบบ Mini-ITX สื่อหลายสำนักที่มีประสบการณ์ในการประกอบเครื่องคอมพิวเตอร์ยังต้องใช้เวลาในการประกอบฮาร์ดแวร์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้นบน Phanteks Evolv Shift 2 เป็นเวลาเฉลี่ยประมาณ 3 ชั่วโมงด้วยกัน(ดังนั้นหากคุณไม่มีประสบการณ์การประกอบคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กมาก่อนแล้วล่ะก็คุณอาจจะต้องใช้เวลามากกว่านี้ขอให้ทำใจไว้ด้วย) แต่เชื่อเราเถอะว่าผลลัพธ์ที่ได้นั้นก็คุ้มค่ากับความพยายามของคุณ ถึงแม้ขนาดโดยรวมจะใหญ่กว่าเคส Mini-ITX ส่วนใหญ่เล็กน้อย แต่ Phanteks Evolv Shift 2 ที่มีแผงด้านข้างเป็นกระจกนิรภัยก็สร้างความมหัศจรรย์ในการสร้างระบบให้เห็นภายในได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ Phanteks Evolv Shift 2 นั้นระบบระบายความร้อนแบบหม้อน้ำที่ใช้พัดลมเดี่ยวเท่านั้นซึ่งอาจจำกัดอุณหภูมิมากเกินไปสำหรับบางระบบที่ฮาร์ดแวร์แรงๆ ได้
5. Cooler Master NR200P Max
SPECIFICATIONS | Type: ITX Case Motherboard Support: Mini-ITX Card Length Supported: 336mm (13.2 inches) Storage Support: (2) 3.5” (3) 2.5” Included Fans: 2x 140mm |
จุดเด่น | + มี AIO 280 มม. ที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้าพร้อมด้วย PSU 850W, PCIe 4.0 riser cable + ง่ายต่อการประกอบ + ระบายความร้อนได้ดีเยี่ยม + ประกอบด้วยตาข่ายและแผงกระจก |
จุดด้อย | – ราคาแพงโดยจะอยู่ที่ราวๆ 13,xxx บาทขึ้นไปแต่ราคานี้รวม PSU และ AIO แล้ว – การออกแบบและสีค่อนข้างจืดชืด |
Cooler Master NR200P Max เป็นแชสซีที่ยอดเยี่ยมและพร้อมใช้งานจากโรงงานโดยมันจะมาพร้อมแหล่งจ่ายไฟอันทรงพลังที่ให้กำลังไฟฟ้าสูงมากถึง 850w พร้อมด้วยระบบทำความเย็นด้วยของเหลวขนาด 280 มม. ยิ่งไปกว่านั้นด้วยการรวมแผงด้านข้างแบบตาข่ายและกระจก, สายเคเบิลไรเซอร์ PCIe 4.0 สายเคเบิล PSU และท่อ AIO ที่พอดีกับความยาวและกำหนดเส้นทางไว้ล่วงหน้า และ NR200P Max นั้นทำให้มันง่ายต่อการประกอบเป็นอย่างมากถึงแม้ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ก็ตาม
สิ่งที่คุณต้องมีคือเมนบอร์ด, CPU, กราฟิกการ์ด, หน่วยความจำและแหล่งเก็บข้อมูลหรับบูตระบบปฏิบัติการ สิ่งเดียวที่น่าจะทำให้คุณผิดหวังได้เล็กน้อยก็คือสีและการตกแต่งของมันค่อนข้างน่าเบื่อ แต่ยังดีที่มันยังมีแผงกระจกที่เผยให้เห็นถึงความหรูหราของฮาร์ดแวร์ภายในของคุณ หากคุณเป็นคนชอบโชว์ฮาร์ดแแวร์ที่อยู่ภายในแล้วล่ะก็ Cooler Master NR200P Max นั้นเป็นหนึ่งในเคสแบบ Mini-ITX ที่คุณต้องพิจารณาเป็นพิเศษเลยทีเดียว
6. Louqe Raw S1
SPECIFICATIONS | Type: ITX Case Motherboard Support: Mini-ITX Card Length Supported: 320mm (12.6 inches) Storage Support: (1) 2.5” Included Fans: None |
จุดเด่น | + การออกแบบที่เรียบง่ายแต่น่าทึ่ง + คุณภาพงานสร้างที่ดีเยี่ยมและประสิทธิภาพการระบายความร้อนที่ออกแบบมาได้ดี + ขนาดเล็กกะทัดรัดมาก ถึงแม้ว่ามันจะมีขนาดตามมาตรฐาน Mini-ITX ก็ตาม + ง่ายต่อการประกอบฮาร์ดแวร์ภายใน + ไม่มี RGB ให้ลำคาญเวลาใช้งาน(แต่บางท่านอาจจะไม่ชอบ) |
จุดด้อย | -ไม่มีแผง IO ด้านหน้าหรือระบบการกรองอากาศแต่อย่างใด – ราคาค่อยข้างแพงคืออยู่ที่ราวๆ 9,xxx บาทและต้องสั่งนำเข้าจากต่างประเทศเท่านั้น |
เป็นเรื่องปกติที่เคส Mini-ITX จะมีราคาแพงและยิ่งหากมีแชสซีตัวเดียวที่ทำให้ข้อความนี้เป็นจริงแล้วล่ะก็คุณจะต้องไม่พลาด Louqe Raw S1 ที่เป็นเคสแบบ Mini-ITX ที่น่าจับตามองตั้งแต่การออกแบบที่หรูหราไปจนถึงเปลือกนอกอะลูมิเนียมชิ้นเดียวที่หนา Louqe Raw S1 ถือเป็นงานศิลปะมากกว่าที่จะเคสคอมพิวเตอร์
อย่างไรก็ตาม คุณสามารถติดตั้งฮาร์ดแวร์ได้บน Louqe Raw S1 แต่ต้องจำไว้อย่างหนึ่งว่ามันไม่มีการรองรับ AIO หรือการกรองอากาศ ทำให้คุณต้องเสียสละบางอย่างไร แต่ก็มีกระบวนการการประกอบฮาร์ดแวร์ที่ง่ายที่สุด โอกาสที่คุณจะประกอบเสร็จภายในหนึ่งชั่วโมงและได้ผลลัพธ์ที่เป็นระเบียบเรียบร้อยนั้นเป็นไปได้ค่อนข้างมากถึงแม้ว่าคุณจะเป็นมือใหม่ นอกจากนี้ยังขนาดของมั้นจะพอดีกับกราฟิกการ์ดสามช่องขนาดใหญ่อีกด้วยต่างหาก
แม้ Louqe Raw S1 จะมีกรอบปริมาตรอยู่ที่ 12 ลิตรที่มีขนาดกะทัดรัดเป็นพิเศษและด้วยสายเคเบิลไรเซอร์ ‘Cobalt’ PCIe 4.0 อันหรูหรา แต่นอกจากนั้นแล้วก็แทบจะไม่มีสิ่งใดในเคสนี้ที่เป็นของพรีเมียมที่ดูดีเป็นพิเศษอีกเลย อย่างน้อยๆ มันก็มีที่จับมาให้คุณใช้ในการย้ายไปมาได้อย่างสะดวก แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้นคุณจะต้องเสียเงินในราคาที่สูงถึง 9,xxx บาทและมีจำหน่ายแบบจำกัดจำนวนอีกด้วย
เคล็ดลับการเลือกซื้อเคส Mini-ITX ฉบับย่อ
- ตรวจสอบความเข้ากันได้ของชิ้นส่วนของคุณสามครั้งเมื่อประกอบในเคส Mini-ITX ที่ดีที่สุด ความเข้ากันได้จะกลายเป็นปัญหาบ่อยดังนั้นคุณจึงต้องใช้เวลาเพิ่มเติมในการวางแผนประกอบเคสของคุณ กลยุทธ์ที่ดีที่สุดคือเริ่มต้นด้วยเคสที่คุณต้องการจากนั้นค้นหาชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์อื่นๆ ที่เข้ากันได้
- ตรวจสอบการระบายความร้อนที่เพียงพอสำหรับฮาร์ดแวร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเคสขนาดเล็ก การระบายความร้อนอาจกลายเป็นปัญหาสำคัญได้เนื่องจากการรองรับพัดลมและหม้อน้ำที่มีพื้นที่จำกัด หากคุณกำลังสร้างระบบที่มีความแรงในระดับกลาง เรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรมากนักเนื่องจากเคสส่วนใหญ่สามารถจัดการกับการระบายความร้อนประเภทนั้นได้ แต่หากคุณกำลังประกอบคอมพิวเตอร์พีซีระดับไฮเอนด์ที่มี CPU และ GPU ที่มี TDP สูง (และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณจะโอเวอร์คล็อก CPU หรือ GPU) มันก็อาจจะคุ้มค่ามากกว่าที่จะมองหาเคสที่รองรับ AIO 240 มม. หรือ 280 ม. พร้อมพัดลม ID เพิ่มเติม
- ตรวจสอบการรองรับ PCIe 4.0 ให้ดีเพราะเคส Mini-ITX ที่ดีที่สุดหลายตัวใช้สายเคเบิลไรเซอร์ PCI-Express เพื่อให้ไม่จำเป็นต้องเสียบ GPU เข้ากับเมนบอร์ดโดยตรง แต่ในขณะที่สายเคเบิล PCIe 4.0 มีเพิ่มมากขึ้น ทว่าไม่ใช่เคส Mini-ITX ทุกตัวจะแถมมันมาด้วย เมื่อติดตั้งกราฟิกการ์ดรุ่นใหม่และเมนบอร์ดที่รองรับ PCIe 4.0 อาจคุ้มค่ากับค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการซื้อสายรุ่นล่าสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณวางแผนจะอัปเกรด GPU อีกครั้งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
- ทำตามเสียงหัวใจของคุณ โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงเคสแบบ Mini-ITX ที่ดีที่สุดสำหรับงานประกอบของคุณนั้นมันต้องขึ้นอยู่กับว่าคุณชอบมันมากน้อยแค่ไหน เคส Mini-ITX มีดีไซน์และรูปทรงที่แปลกและทำให้คุณประทับใจได้ด้วยรูปแบบอันหลากหลายเพราะมันมีสไตล์ให้เลือกมากมาย ดังนั้นจงใช้เวลาพิจารณาตัวเลือกทั้งหมดของคุณให้ดีและเลือกตัวเลือกที่เหมาะกับความต้องการและรสนิยมของคุณให้มากที่สุด
ที่มา : pcmag, tomshardware