คำถามที่มักมีการถามกันบ่อยสำหรับผู้ที่กำลังจะประกอบคอมใหม่หรือจะซื้อโน้ตบุ๊ก โดยเฉพาะในช่วงระหว่างการเปลี่ยนผ่านจาก CPU gen เก่ามายัง gen ใหม่ของแต่ละปี เช่นตอน Intel Core i Gen 12 จะเปลี่ยนมาเป็น Gen 13 เป็นต้น ก็คือควรจะเลือก CPU หรือโน้ตบุ๊กที่ใช้ชิปรุ่นใหม่ล่าสุดที่เพิ่งออกมาเลย หรือจะไปซื้อรุ่นที่กลายเป็น gen เก่าไปแล้ว แต่ได้ราคาที่ดีกว่า มีส่วนลดหรือมีของแถมมากมายเพื่อเร่งเคลียร์สต็อกดี ในบทความนี้จะมาดูประเด็นที่ควรพิจารณาของแต่ละฝั่งกัน
ในเนื้อหาจะเป็นการพูดรวม ๆ ทั้งด้านของ CPU และโน้ตบุ๊กไปเลย เนื่องจากปกติแล้ว gen ของโน้ตบุ๊กก็มักจะผูกพันกับ gen ของ CPU ด้วย
ประสิทธิภาพต่างจากเดิมขนาดไหน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ประสิทธิภาพ ความแรงของ CPU ใน gen ติดกันมักจะไม่ได้มีการยกระดับแบบก้าวกระโดดมากนัก จะมีที่เปลี่ยนแปลงไปก็เช่นการใช้พลังงานที่คุ้มค่า มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม การจัดการอุณหภูมิที่ดีขึ้น รวมถึงมีการใส่โมดูลและปรับปรุงระบบช่วยจัดการและเสริมการทำงาน เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นในทุก ๆ ปี
สำหรับฝั่งของ CPU เครื่องเดสก์ท็อป ช่วงเวลานี้ก็กำลังจะเข้าสู่ยุค Gen 14 ของ Intel พอดี ในขณะที่ทางค่าย AMD ได้วางจำหน่าย CPU Ryzen 7000 series มาตั้งแต่เมื่อประมาณหนึ่งปีกว่า ๆ มาแล้ว ดังนั้นในส่วนนี้ เราจะดูข้อมูลของ CPU Intel Gen 14 สำหรับเครื่องเดสก์ท็อปที่ใกล้จะเปิดตัวแล้วเป็นหลักก่อน สำหรับด้านของโน้ตบุ๊กก็จะคล้ายกันเลย คือฝั่ง AMD มี gen ใหม่ขายมาซักพักหนึ่งแล้ว ในขณะที่ฝั่ง Intel ก็น่าจะได้พบการพลิกโฉมใหม่ในหลายด้าน โดยเฉพาะชื่อที่ตัดตัว i ออก แล้วใช้เป็น Core 3, Core 5, Core 7 และกลุ่มที่ประสิทธิภาพสูงกว่าอย่าง Core Ultra 5, Ultra 7 และ Ultra 9 แทน แต่คงเป็นช่วงปีหน้าเลย
ตอนนี้ก็เริ่มมีข้อมูลเกี่ยวกับชิป Intel Gen 14 ออกมาค่อนข้างเยอะแล้ว ซึ่งถ้าพอหยิบมาชนกับรุ่นระดับเดียวกันของ Gen 13 จะออกมาเป็นประมาณนี้
Core i9
หากเทียบรุ่นระดับเดียวกันระหว่าง Gen 14 ตามข้อมูลที่หลุดมาและ 13 จะเห็นว่าจริง ๆ แล้วหลายส่วนคือยังให้มาเท่า ๆ กันอยู่ อาทิ จำนวนคอร์ทั้งคอร์ P และ E จำนวนเธรด และมีค่า TDP พื้นฐานในระดับแทบจะเท่าเดิมเลย แต่สิ่งที่ CPU gen ใหม่มีเหนือกว่าตามข้อมูลที่ออกมาในขณะนี้ก็คือความเร็วของคอร์ P ที่เน้นด้านประสิทธิภาพในหลายรุ่น ซึ่งจะขยับสูงขึ้นกว่า gen 13 อยู่ 0.2 GHz โดยเฉพาะความเร็วในขณะบูสต์ที่ค่าสูงสุดออกมาสูงขึ้น จุดนี้น่าจะช่วยให้งานที่ต้องใช้ประสิทธิภาพของ CPU แบบเต็มกำลังทำได้ดีขึ้นเล็กน้อย โดยที่ยังมีค่า TDP ในระดับเดิม ซึ่งก็มาจากการพัฒนาสถาปัตยกรรมการผลิต
ย้ำอีกครั้งว่าข้อมูลของชิป gen 14 ในขณะนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันแบบ 100% และยังไม่ครบในทุกส่วนจนกว่าจะเปิดตัวนะครับ แต่ก็ตรงกับแนวทางปกติที่ชิปรุ่นใหม่มักจะมีการขยับเรื่องความเร็วเล็กน้อย ในกรณีที่โครงสร้าง สถาปัตยกรรมและจำนวนคอร์เท่า ๆ เดิม
อย่างไรก็ตาม เป็นที่คาดการณ์กันว่า CPU gen ถัดไปของ Intel ที่จะใช้ชื่อโค้ดเนมว่า Arrow Lake ซึ่งจะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2024 โดยเป็นการเปลี่ยนแปลงสถาปัตยกรรมครั้งใหญ่ไปใช้เป็น Intel 20A ทำให้คาดการณ์กันว่าน่าจะเกิดการก้าวกระโดดขึ้นมาอีกครั้งในปีหน้ามากกว่า
ล่าสุด Intel ก็เปิดตัว CPU Gen 14 สำหรับเดสก์ท็อปออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว โดยจะเป็นรุ่น unlocked ที่มีตัว K ลงท้าย สเปคก็ตามตารางด้านบนครับ ซึ่งก็ข้อมูลก็ตรงกับตารางเทียบสเปคด้านบนทั้งตัว i9-14900K ที่มาพร้อม Intel UHD Graphics 770 เหมือน gen 13 และ i9-14900KF เลย
Core i7
หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการ พบว่ากลุ่มของ Core i7 gen 14 ตระกูล K รอบนี้มีการเพิ่มแคช L3 มาให้เป็น 33 MB จากที่ใน gen 14 มีให้มา 30 MB ส่วน iGPU ก็ยังคงใส่มาเป็น UHD 770 เท่าเดิมในขณะที่สเปคส่วนอื่น ๆ ยังคงเป็นไปตามตารางด้านบนนี้อยู่ ที่น่าสนใจก็คือมีการเพิ่มจำนวน E-Core มาให้ด้วย ซึ่งจะช่วยให้การทำงานเบื้องหลังต่าง ๆ เป็นไปได้อย่างราบรื่นขึ้น ใครที่เป็นสายเล่นเกมพร้อมสตรีม เปิดแชทคุยไปด้วย น่าจะได้ประสิทธิภาพในจุดนี้ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สำหรับฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาเท่าที่ Intel เปิดเผยอย่างเป็นทางการในขณะนี้ สำหรับชิปที่ลงท้ายด้วย K จะเน้นเป็นฟีเจอร์ที่เพิ่มความสามารถในการโอเวอร์คล็อก เพิ่มความยืดหยุ่นในการปรับแต่งให้มากขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะเป็นหลัก
Core i5
อีกรุ่นที่มีการเปิดตัวชิปซีรีส์ K ประจำ gen 14 มาแล้วก็คือ Core i5 ที่มีเปิดตัวเปิดราคาไทยมาทั้งว่าที่รุ่นยอดนิยมอย่าง i5-14600K และ i5-14600KF สเปคก็เป็นไปตามตารางสีเขียวนี้ครับ โดยที่ยังให้แคช L3 มา 24 MB เท่ากับ gen 13 อยู่ ตัว iGPU ของ i5-14600K ก็ยังเป็น UHD 770 รุ่นเดิมด้วย
Core i3
ด้านของ Core i7 i5 และ i3 ก็เป็นแนวทางเดียวกันครับ คือชิปรุ่นใหม่จะยังให้จำนวนคอร์มาเท่าเดิม มีค่า TDP เท่าเดิม แต่มีความเร็วคอร์ P ที่สูงขึ้น 0.1-0.2 GHz บางรุ่นก็ต่างกันตั้งแต่ความเร็วพื้นฐานของคอร์เลย ส่วนบางรุ่นจะต่างเฉพาะตอนบูสต์เท่านั้น ทำให้ถ้าหากเป็นการซื้อมาเพื่อใช้งานทั่วไป เล่นเน็ต ทำงาน อาจจะไม่พบความแตกต่างที่เกิดจาก gen ของ CPU มากนัก แต่ในกรณีของการใช้งานคำนวณ การเรนเดอร์ที่ต้องอาศัยพลังของ CPU รวมถึงการเล่นเกมที่กราฟิกระดับสูง มียูนิตในฉากเยอะ ๆ ตรงจุดนี้อาจจะกัดฟันจ่ายเงินซื้อ CPU gen ใหม่ไปเลย อาจจะจบกว่า (อย่างน้อยก็สบายใจว่าเราใช้ของใหม่)
จากตารางด้านบน จะมีการเปลี่ยนชื่อที่เป็นการเปลี่ยนแบบสิ้นเชิงเลยก็คือ Intel 300 และ 300T ที่น่าจะเป็นรุ่นต่อยอดของ Pentium Gold G7400 เทียบจากจำนวนคอร์ที่ให้มา 2 คอร์ 4 เธรดเท่ากัน ความเร็ว จำนวนแคชและค่า TDP ก็อยู่ในระดับใกล้เคียงกันด้วย
ส่วนกลุ่มของรุ่นที่ชื่อลงท้ายด้วย T พวกนี้ส่วนใหญ่แล้วจะถูกนำไปใส่กับเครื่องเดสก์ท็อป เครื่องออลอินวันแบบสำเร็จรูปจากแบรนด์ต่าง ๆ มากกว่า มักไม่ค่อยเจอวางขายปลีกเท่าไหร่ ซึ่งชิปกลุ่มนี้จะมีการใช้ไฟที่น้อยกว่ารุ่นปกติ ส่งผลให้อุณหภูมิขณะทำงานต่ำกว่า แต่ก็มาพร้อมประสิทธิภาพที่ลดลงจากรุ่นปกติด้วย เหมาะสำหรับพวกเครื่องที่เน้นความบาง ใช้งานทั่วไป ทำงานเอกสารในออฟฟิศได้สบาย
ฝั่งของโน้ตบุ๊กจะมีปัจจัยที่ต้องพิจารณาเพิ่มอีก ในกรณีที่ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพมาก ๆ เพราะจะเป็นการซื้อทั้งเครื่องที่มีทั้ง CPU การ์ดจอ แรม SSD และจอด้วย ซึ่งปกติแล้วในช่วงเปลี่ยนผ่านข้าม gen โน้ตบุ๊กรุ่นแรก ๆ ที่ใช้ชิปรุ่นใหม่ มักจะเป็นกลุ่มเครื่องตั้งแต่ประสิทธิภาพระดับกลางค่อนสูง เครื่องสำหรับกลุ่มครีเอเตอร์ กลุ่มเครื่องสายทำงานระดับโปร ไปจนถึงระดับสูงมากอย่างพวกเกมมิ่งโน้ตบุ๊กเลย พ่วงมาพร้อมกับชิปกราฟิกรุ่นล่าสุด แรมที่เร็ว ทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของทั้งเครื่องนั้นดูดีขึ้นไปตามกัน แต่ก็มาพร้อมราคาเปิดที่ค่อนข้างแรงด้วย ในขณะเดียวกัน โน้ตบุ๊กสเปคเก่ากว่าที่ใช้ CPU gen ก่อนหน้า ก็มักจะมีการจัดโปรโมชันเคลียร์สต็อก แนะนำว่าควรเทียบสเปค ความแรงและราคาสุทธิดี ๆ ครับ บางทีการซื้อเครื่องรุ่นเก่ากว่านิดนึง อาจจะได้ความแรงแทบไม่ต่างกับรุ่นใหม่มากนัก แต่ราคาดีกว่ากันเป็นหลักพันเลย
ช่วงเวลา
ต่อเนื่องจากข้อข้างบน ปกติแล้วเวลามีการเปิดวางขาย CPU และโน้ตบุ๊กที่ใช้ CPU gen ใหม่ ช่วงแรกมักจะเป็นรุ่นที่ประสิทธิภาพค่อนข้างสูงลงมาก่อน เช่นกลุ่มของชิป Core i7 และ Ryzen 7 โดยอาจมีรุ่นรองลงมาบ้างอีกเล็กน้อย จากนั้นไปอีกซักสองสามเดือนถึงจะมีชิปซีรีส์รองอย่างพวก Core i5/i3 และ Ryzen 5/Ryzen 3 ตามมาให้เลือกซื้อกันมากขึ้น
จากแนวทางข้างต้น ก็ขึ้นอยู่กับระดับประสิทธิภาพที่ต้องการ งบประมาณ และช่วงเวลาที่จะซื้อ อย่างถ้าต้องการโน้ตบุ๊กหรือ CPU รุ่นใหม่ล่าสุด เพราะต้องการประสิทธิภาพที่ดี ใช้งานได้ยาว ๆ ซื้อก่อนใช้ก่อน มีงบในระดับนึง ก็อาจจะเลือก CPU gen ใหม่ที่เพิ่งออกไปเลย ถ้ามีงบจำกัดหน่อย แต่ต้องรีบใช้ รีบซื้อมาเปลี่ยนแทน CPU เก่าที่อาจจะเสีย หรือต้องการประสิทธิภาพที่สูงขึ้นในทันที การหาซื้อ CPU gen เก่าที่ยังแรงอยู่ แต่ราคาดี มีตัวเลือกเยอะก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน
ในขณะเดียวกัน ถ้าหากอยากอัปเกรดเครื่องหรือเปลี่ยนโน้ตบุ๊กไปสู่ gen ใหม่เต็มตัว เช่นใช้ Ryzen 2000 หรือ Core i gen 8 อยู่ แล้วอยากอัปทั้งเครื่องไปเลย แต่ยังไม่รีบ และต้องการตัวเลือกในตลาดให้แข่งขันกันเยอะ ๆ หน่อย แนะนำว่าควรรอหลังจาก CPU gen ใหม่ออกมาแล้วซักพักหนึ่งจะดีกว่า เพราะจะได้ของที่สดใหม่ มีเทคโนโลยีจัดเต็มสุดในยุค มีการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น รองรับการใช้งานไปได้ในระยะยาว
ความเข้ากันได้กับอุปกรณ์อื่น
ข้อนี้จะมีผลโดยตรงกับการเลือก CPU สำหรับเครื่องเดสก์ท็อปพีซี เพราะในบางครั้งการเปลี่ยน CPU ไป gen ใหม่ อาจมาพร้อมการต้องซื้อเมนบอร์ดใหม่ที่ใช้ซ็อกเก็ตเดียวกันกับที่ CPU รองรับ รวมถึงในบางกรณีอาจพ่วงไปถึงการบังคับต้องเปลี่ยนแรมด้วย ตัวอย่างเช่น หากย้อนไปช่วง Intel gen 12 ถ้าผมใช้ CPU gen 10 อยู่ แล้วต้องการอัปเกรด CPU ให้แรงขึ้น ถ้าขยับมาใช้ชิป gen 11 ก็เท่ากับว่ายังใช้เมนบอร์ดเดิมได้ แต่ถ้าข้ามไปเลือก gen 12 เลย เท่ากับว่าผมต้องเปลี่ยนเมนบอร์ดด้วย ซึ่งอาจจะกระทบกับการเตรียมเงินอยู่เหมือนกัน สำหรับผู้ที่มีงบจำกัด
ส่วนฝั่งของโน้ตบุ๊กจะมีปัญหานี้น้อยกว่า เพราะตัวเครื่องเป็นแบบรวมอยู่ในชุดเดียวกัน เปลี่ยนทีก็เปลี่ยนไปทั้งเครื่องเลย จะมีแค่แรมที่อาจต้องตรวจสอบกันหน่อย เผื่อใครอยากถอดแรม (ถ้าถอดได้) จากเครื่องเก่ามาใส่เพิ่มในเครื่องใหม่ด้วย เพราะในช่วงนี้จะมีปน ๆ กันอยู่ทั้ง DDR4 และ DDR5 กับอีกอย่างที่อาจต้องพิจารณาหน่อยก็คือพวกอุปกรณ์เสริมภายนอก ว่าโน้ตบุ๊กเครื่องใหม่จะมีพอร์ตที่รองรับหรือเปล่า แต่พวกนี้เป็นประเด็นยิบย่อยครับ ไม่ค่อยเกี่ยวกับ CPU โดยตรงมากนัก
การใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์และเกม
ในปัจจุบันปัญหาข้อนี้อาจจะลดลงไปเยอะมากแล้ว แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะพบได้อยู่บ้างครับ กับอาการเช่น มีการกินแรง CPU แปลก ๆ เพราะซอฟต์แวร์หรือเกมไม่รองรับ เลยมีการจัดการแบ่งงานไปยังแต่ละคอร์ไม่ค่อยดี ซึ่งมักจะเกิดเมื่อใช้ซอฟต์แวร์หรือเล่นเกมที่มีอายุประมาณหนึ่งกับ CPU รุ่นใหม่ในช่วงที่มีการเปลี่ยนสถาปัตยกรรม CPU พอดี เป็นต้น
ทำให้การจะเลือก CPU มาใช้งาน อาจจะต้องพิจารณาเรื่องความเข้ากันได้กับซอฟต์แวร์หลักที่จำเป็นต้องใช้ด้วย โดยเฉพาะกับงานเฉพาะทาง ส่วนเรื่องเกมอาจจะมีปัญหากับพวกเกมเก่ามากจริง ๆ ทำให้ในบางครั้ง การซื้อ CPU gen เก่ากว่า อาจจะเหมาะกว่าการใช้ CPU gen ใหม่ แม้ประสิทธิภาพ การจัดการพลังงานจะไม่ดีเท่า แต่ก็ได้เรื่องความเสถียรกว่าด้วย
แต่ในกรณีที่ไม่มีข้อจำกัดด้านซอฟต์แวร์และเกม ก็แทบไม่ต้องกังวลกับประเด็นนี้เลยครับ เลือก CPU ตามงบ ตามใจต้องการได้เลย
ปัญหาของ day one
หลายท่านอาจจะถือคติหลีกเลี่ยงการซื้อของไอทีที่วางจำหน่ายวันแรก ล็อตแรก ๆ ไปเลย เพราะที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วงหลังมานี้ เรามักพบข่าวปัญหาของผลิตภัณฑ์ที่เพิ่งเปิดขายไปอยู่เรื่อย ๆ ที่เห็นชัดสุดก็ เรื่องความร้อนของ iPhone 15 ทำให้หลายท่านเลือกที่จะนั่งทับมือตัวเองไว้ก่อน แล้วไปรอซื้อล็อตหลังจากนี้ ทั้งเพื่อเลี่ยงปัญหา และรอฟังรีวิวจากผู้ใช้งานล็อตแรกก่อนจะตัดสินใจ
ซึ่งประเด็นนี้ที่จริงก็มีสาเหตุอยู่เหมือนกันครับ ถึงแม้ว่าก่อนจะส่งของออกมาขาย ทางผู้ผลิตจะมีการทดสอบการทำงานในสภาวะต่าง ๆ มาจนมั่นใจว่าสามารถนำออกขายได้ แต่ยังไงมันก็ไม่ครอบคลุมการใช้งานจริง ๆ อยู่แล้ว กับสภาพแวดล้อมที่หลากหลายสุด ๆ รูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป รวมถึงซอฟต์แวร์ที่นำมาใช้งานด้วย ที่ยังไงก็ไม่สามารถทดสอบได้ครบ จึงอาจทำให้เกิดปัญหาในการทำงานของสินค้าล็อตแรก ๆ อยู่บ้าง ซึ่งก็พอสามารถออกอัปเดตมาแก้ไขได้ แต่ถ้าเป็นปัญหา defect ระดับฮาร์ดแวร์ของสินค้าเอง อันนี้คงเป็นเรื่องใหญ่หน่อย ขึ้นอยู่กับว่าเป็นปัญหาใหญ่ระดับไหน ถึงขั้นต้องเรียกคืนหรือเปล่า
ทั้งหมดนี้จึงทำให้หลายท่านเลือกจะไม่ซื้อของ day one ในวันแรก ๆ ที่เปิดขาย ซึ่งก็เช่นเดียวกันกับการเลือกซื้อ CPU และโน้ตบุ๊ก ที่ถ้าหากยังไม่จำเป็นต้องใช้ของใหม่ล่าสุดทันทีตั้งแต่วางขาย ก็อาจจะรอฟีดแบ็กไปอีกซักระยะแล้วค่อยซื้อก็ได้ แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้ตอนนั้นจริง ๆ ก็อาจต้องบวกลบตัวเลขราคากันซักหน่อย เพื่อเทียบกันว่าระหว่าง gen ใหม่ที่สด กับของ gen เก่าที่ราคาน่าจะสวยกว่า แบบไหนจะตรงใจกว่ากัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งานด้วย ถ้าเป็นงานเบา ๆ บางทีของ gen เก่าก็รับมือได้สบาย ทั้งยังได้ความเสถียรที่ผ่านการพิสูจน์มานานกว่าด้วย แต่ถ้าเป็นงานที่ต้องอาศัยประสิทธิภาพสูง ต้องการแบตใช้งานได้นาน ของ gen ใหม่ก็น่าเลือกกว่าอยู่ดี ส่วนเรื่องความเสถียร เชื่อว่ามันสามารถรับมือกับการใช้งานได้อยู่แล้วครับ แค่อาจต้องมีการอัปเดตปรับปรุงเล็กน้อย ปรับจูนให้ทำงานได้ดีขึ้นไปเรื่อย ๆ จนลงตัวที่สุด คล้ายกับคอนเซ็ปท์ ‘ซื้อวันนี้ แรงวันหน้า’ ประมาณนั้น
การเลือก CPU และโน้ตบุ๊กจากราคา
เชื่อว่าเรื่องราคาคือหนึ่งในปัจจัยที่มีผลที่สุด ซึ่งทำให้เกิดคำถามว่าจะเลือก CPU เลือกโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ล่าสุดไปเลย หรือจะสอยรุ่นก่อนหน้าดี เพราะมีตัวเลือกเยอะ ช่วงราคาหลากหลาย รวมถึงบางทียังมีจัดโปรโมชันส่วนลด โปรของแถมมาล่อตาล่อใจอีก ในขณะที่ประสิทธิภาพอาจจะไม่ต่างจากรุ่นใหม่มากนัก
อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการด้านประสิทธิภาพ ความมั่นใจในฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ และงบที่มี ซึ่งถ้าตกลงจะเลือกซื้อของ gen ใหม่ แนะนำว่าอาจจะลองหาโค้ดส่วนลดจากหน้าร้านออนไลน์ ที่ตอนนี้มีทั้งฝั่งแพลตฟอร์มซื้อขายของออนไลน์เจ้าใหญ่ รวมถึงร้านขายอุปกรณ์ไอทีที่ตอนนี้ก็มีหน้าร้านออนไลน์ มีจัดโปรส่วนลดด้วยเช่นกัน เพราะถ้าได้โค้ดดี เผลอ ๆ จะได้ CPU หรือโน้ตบุ๊ก gen ใหม่ในราคาใกล้เคียงกับของ gen เก่าก็ได้ แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือการเทียบประสิทธิภาพ สิ่งที่จะได้รับ และความจำเป็นในการใช้งานกับราคาครับ เพราะบางทีของที่ราคาย่อมเยากว่า อาจจะไม่ใช้ของที่คุ้มที่สุดเสมอไปก็ได้
จากตารางด้านบน เป็นราคา CPU Intel gen 14 รุ่น K ที่เพิ่งเปิดราคามา เทียบกับราคาของชิป gen 13 ในวันเดียวกัน จะเห็นว่าพอลองเทียบแบบรุ่นชนรุ่น โดยมากแล้วจะมีส่วนต่างอยู่ประมาณ 2,000-3,000 กว่าบาท มีแค่ตัวของ Core i5 ที่ส่วนต่างอยู่ที่หลักพันนิด ๆ เท่านั้นเอง ซึ่งก็ต้องลองชั่งน้ำหนักด้านความต้องการใช้งานกับราคาส่วนต่างอีกทีครับว่าจะคุ้มสำหรับการลงเงินเลือก CPU gen ใหม่แต่แรกเลยมั้ย แต่ถ้างบเหลือ จะจัดเต็มไปเลยก็ได้ เพราะ CPU มักจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ส่วนใหญ่แล้วจะขายต่อออกไปก่อน CPU จะเสียด้วยซ้ำไป
ส่วนฝั่งของโน้ตบุ๊กอาจจะมีปัจจัยหลายอย่างให้เปรียบเทียบกันอีกครับ เช่นเรื่องหน้าจอ การ์ดจอ SSD รวมถึงแรมและพอร์ตเชื่อมต่อต่าง ๆ อันนี้คงต้องเทียบแบบจับชนกันไปเลย ถ้าคำนึงถึงเรื่องราคาเป็นหลัก ก็เทียบรุ่นที่ราคาใกล้เคียงกัน แล้วดูว่ารุ่นไหนให้ของมามากที่สุด สเปคต่อราคาดีสุด จากนั้นค่อยไปเช็ครายละเอียดยิบย่อยของแต่ละรุ่นอีกทีว่ามีจุดเด่นจุดด้อยอย่างไร โดยอาจจะหาอ่านจากรีวิว หรือดูฟีดแบ็คจากกลุ่มผู้ซื้อมาใช้งานจริงก็จะดี
สำหรับการเทียบสเปคโน้ตบุ๊ก ในหน้าเว็บไซต์ของ NotebookSPEC เองก็สามารถเพิ่มโน้ตบุ๊กรุ่นที่ต้องการมาเทียบสเปคแบบจับชนกันได้เลย โดยเข้าไปที่หน้าสเปคของโน้ตบุ๊กรุ่นที่ต้องการนำมาเทียบ จากนั้นคลิกที่ปุ่ม Compare ที่อยู่ใต้ราคา พอได้รุ่นที่ต้องการเทียบครบแล้วก็ดูที่แถบสีดำด้านล่างจอ แล้วคลิกที่ปุ่มเปรียบเทียบ (จำนวนโน้ตบุ๊กที่เพิ่มเข้ามา) เพื่อเทียบสเปคได้เลย
สรุปแนวทางการเลือก CPU และโน้ตบุ๊กตาม gen ในปี 2023
ในการเลือกซื้อ CPU และโน้ตบุ๊กตาม gen ของชิปในปี 2023 นี้ สิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดสามข้อเลยก็คือ
- ความต้องการใช้งาน
- ราคาและงบที่มี
- ความรีบในการใช้งาน
ซึ่งถ้าสามารถหาคำตอบในทั้งสามประเด็นนี้ได้ ก็จะสามารถเลือกได้ทันทีว่าจะเลือกชิป gen ใหม่ไปเลย หรือเล่นชิป gen เก่าไปก่อนดี อย่างถ้าต้องการประสิทธิภาพสูงสุด แต่งบมีจำกัด และต้องซื้อมาใช้ทันที การเลือกชิป gen เก่าลงมาหน่อยจะเป็นทางเลือกที่ค่อนข้างเหมาะสม ในขณะที่ถ้าหากต้องการใช้งานพื้นฐานทั่วไป เล่นเกมบ้าง มีงบระดับหนึ่ง แต่ไม่รีบ ไว้ปีหน้าค่อยซื้อ แบบนี้อาจจะนั่งทับมือไว้ก่อน แล้วไปรอดูช่วงที่จะซื้ออีกทีก็ได้ครับ เพราะอาจจะมีการปรับราคา CPU gen เก่าลง ทำให้สามารถซื้อ CPU รุ่นสูง gen เก่า ในราคาเท่า ๆ กับชิปรุ่นกลางเกือบสูงของ gen ใหม่ก็ได้ เท่ากับว่าเราได้ของแรงเหลือเฟือในราคาที่ดีไปอีก
ส่วนฝั่งโน้ตบุ๊ก ก็อย่างที่แนะนำไปในข้างต้น ว่ามีสเปคหลายข้อที่ต้องพิจารณาควบคู่กัน แนะนำว่าค่อยเลือกรุ่นตอนที่ต้องซื้อจริง ๆ จะดีกว่าครับ เพราะจะได้ราคาล่าสุดในขณะนั้น ทำให้สามารถเทียบสเปคได้ง่ายกว่า หรือบางทีอาจจะเจอการจับคู่แบบ CPU เก่า + GPU ใหม่อีก ซึ่งก็จะย้อนกลับไปที่ปัจจัย 3 ข้อเช่นกัน ว่าเราต้องการเครื่องมาใช้งานเรื่องอะไรเป็นหลัก มีงบเท่าไหร่ และต้องรีบซื้อขนาดไหน แต่ถ้าต้องการคำแนะนำ สามารถเข้าไปสอบถามกันในกรุ๊ปได้นะครับ เพราะในนั้นก็มีผู้ใช้งานโน้ตบุ๊กหลากหลายรุ่นที่น่าจะตอบข้อสงสัยในรุ่นที่แต่ละท่านใช้อยู่ได้