หูฟังไร้สายเล่นเกม 8 รุ่นงบ 3,000 บาท ใส่สบาย แบตอึด เสียงคมชัด Surround ตัดเสียงรบกวนปี 2023 รุ่นไหนโดน
หูฟังไร้สายสำหรับคอเกมที่จัดมาให้เป็นแนวทางทั้ง 8 รุ่นในปี 2023 นี้ รวมมาให้ทั้งในเรื่องของราคาที่จับต้องได้ และมีดีไซน์ไม่ธรรมดา จะช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเกมแนว Action, MOBA หรือ RTS โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบ Action FPS และ Battle Royal จะเป็น PUBG, Overwatch, COD WWII รวมไปถึงเกมแนวแฟนตาซี ที่จะสามารถเก็บรายละเอียดของเสียงได้เด่นชัด และจับทิศทางของศัตรูดีขึ้น รวมไปถึงเกมที่ต้องใช้การสื่อสาร ด้วยไมโครโฟนที่ให้การสนทนาได้ชัดเจน กับงบประมาณ 3,000 บาท ไปชมกันครับว่ามีหูฟังเกมมิ่งไร้สายรุ่นใดถูกใจคุณบ้าง
หูฟังไร้สายเล่นเกม 8 รุ่น งบ 3,000
- Logitech G435 LIGHTSPEED
- Cooler Master MH670
- HyperX Cloud Stinger Core Wireless
- Razer Opus X Mercury
- Steelseries Arctis Nova 1
- Skullcandy Hesh EVO Wireless
- HyperX Cloud Core Wireless
- Asus ROG Strix GO
- FAQ
1.Logitech G435 LIGHTSPEED
หูฟังไร้สายสีสันสดใส เพื่อคอเกมโดยเฉพาะ เชื่อมต่อได้ทั้ง USB Wireless “LIGHTSPEED” หรือ Bluetooth ก็ได้ ผ่านคลื่น 2.4 GHz ทำให้รับส่งสัญญาณได้รวดเร็ว มี 3 สี ตามสไตล์และรสนิยมของผู้ใช้ เข้ากันได้ทั้งพีซีหรือเครื่องเกมคอนโซล
Specification
- Frequency Response: 20-20,000Hz
- Driver 40mm
- Material Protein Leather / Nylon
- Conection Wireless via Bluetooth 5.0
- Cable USB-A to USB-C charging cable
- Battery Life 18 hours
- Weight 165g
Logitech G435 LIGHTSPEED มาพร้อมดีไซน์ไม่ซ้ำใคร สีสันโดดเด่น มีให้เลือก 3 เฉดสีด้วยกัน ดรเวอร์ขนาด 40 มม. บนย่านความถี่ 20 Hz – 20kHz แบตเตอรี่และระยะเวลาใช้งานได้สูงสุด 18 ชั่วโมง มีปุ่มปรับเพิ่มลดเสียง, เปิดปิดหูฟังและไมโครโฟนพร้อมไฟแสดงสถานะในตัว รองรับเทคโนโลยีเสียงรอบทิศทางหลายแบบ ได้แก่ Dolby Atmos, Windows Sonic Spatial Sound, Tempest 3D Audio Tech แยกทิศทางเสียงตอนเล่นเกมได้ดี ใช้เล่นเกมหลากหลายแนว น้ำหนักเบาแค่ 165 กรัม สามารถชาร์จแบตเตอรี่ผ่านพอร์ต USB-C ราคาประมาณ 2,090 บาท (Advice) รับประกัน 2 ปี
จุดเด่น | ข้อสังเกต |
นุ่มสวมสบาย | หุ้มฟองน้ำ Earcup เป็นแบบผ้า |
สีสันสดใส |
รีวิว: Logitech G435
ข้อมูลเพิ่มเติม: Logitech
2.Cooler Master MH670
หูฟังไร้สายสำหรับคอเกมและความบันเทิง ดีไซน์ในโทนสีดำเข้ม สวมสบาย ให้ความกระชับ ใช้ได้ทั้งแบบมีสาย และต่อผ่าน Wireless 2.4GHz รองรับระบบเสียงรอบทิศทาง ให้ย่านเสียงค่อนข้างกว้าง ไมโครโฟนถอดได้ เสียงคมชัด ราคาลดลงมาจนน่าใช้
Specification
- Driver 50mm
- Frequency Response 20-20KHz
- Material PU leather and foam cushion
- Microphone Omni-Directional
- micro USB Charging
- Battery Life 24 hours
- Weight 346.5g
เป็นหูฟังไร้สายที่งานประกอบดูเรียบร้อย วัสดุพลาสติกหุ้มด้วยหนังแบบ PU ให้เสียงคมชัดสดใส ด้วยไดรเวอร์ 50mm ที่เป็นแบบแม่เหล็กนีโอดายเมียม กับย่านความถี่ระดับกลาง 20-20KHz ซึ่งทำให้การเล่นเกม และการสนทนาทำได้ดี ไมโครโฟนเป็นแบบ Omni-Directional มีฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน มีแบตขนาดใหญ่ใช้งานได้นาน สามารถปรับแต่งระบบเสียงร่วมกับซอฟต์แวร์ของ CM มีปุ่มปรับฟังก์ชั่นมาในตัวหูฟัง ทั้งเปิด-ปิด เสียงหูฟัง ไมค์ ปรับระดับเสียงและพอร์ตชาร์จ รับประกัน 2 ปี
จุดเด่น | ข้อสังเกต |
งานประกอบสวยงาม | น้ำหนักค่อนข้างมาก |
ให้ระยะการใช้งานได้ยาวนาน |
ข้อมูลเพิ่มเติม: Cooler Master
3.HyperX Cloud Stinger Core Wireless
หูฟังเกมมิ่งไร้สายที่น่าสนใจอีกรุ่นหนึ่งจาก HyperX แบตเตอรี่ใช้งานได้ราว 17 ชั่วโมงต่อการชาร์จ เชื่อมต่อบนความถี่ 2.4GHz ครอบหูฟังปรับได้ 90 องศา มาพร้อมไดรเวอร์ขนาด 40 มม. รองรับระบบเสียง 7.1
Specification
- Driver 40mm
- Frequency Response 20-21,000Hz
- Material Soft foam & fabric ear cushions
- Microphone Uni-directional
- Charge USB-C Charging
- Battery Life 17 hours
- Weight 244g
เป็นหูฟังไร้สายเกมมิ่ง ที่ให้สเปคมาค่อนข้างดี เรื่องของย่านเสียง 20Hz-20KHz จากไดรเวอร์คุณภาพ จุดเด่นอยู่ที่การสวมใส่สบาย Earcup ยังคงเป็นเมมโมรีโฟมที่เป็นเอกลักษณ์ โครงสร้างโลหะให้ความยืดหยุ่น แข็งแรง น้ำหนักแค่ 270 กรัม สามารถคอนโทรลการใช้งานผ่านปุ่มบนหูฟังได้ทันที ตัวรับสัญญาณขนาดค่อนข้างใหญ่ และการเชื่อมต่อผ่าน Micro USB ไมโครโฟนเป็นแบบ Uni-directional ถอดออกไม่ได้ แต่ใช้การดันปิด กางออกเปิด ใช้งานได้นาน 17 ชั่วโมงต่อการชาร์จ ราคา 2,790 บาท รับประกัน 2 ปี
จุดเด่น | ข้อสังเกต |
ครอบหูฟังนุ่มกระชับ | ไมโครโฟนแบบถอดไม่ได้ |
Earcup พับได้ 90 องศาคล้องคอสะดวก |
รีวิว HyperX Cloud Stinger Wireless
ข้อมูลเพิ่มเติม: HyperX
4.Razer Opus X Mercury
หูฟังไร้สายที่ดูมีสไตล์จากค่ายเกมมิ่งที่รู้จักกันดีทั่วโลก มาพร้อมความนุ่มสบาย มีให้เลือกถึง 3 สีด้วยกัน ความโดดเด่นที่ระบบ ANC ตัดเสียงรบกวน รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Wireless และ Bluetooth ไดรเวอร์ขนาด 40 มม. ให้คุณภาพเสียงที่ดี และไมโครโฟนที่ติดตั้งมาในตัว ไม่เกะกะ ปรับเลื่อนการใช้งานได้จากตัวหูฟัง
Specification
- Frequency Response: 20 – 20,000Hz
- Driver 40mm
- Material Protein Leather / Nylon
- Conection Wireless via Bluetooth 5.0
- Cable USB-A to USB-C charging cable
- Battery Life 30 hours with ANC on
- Weight 270g
Razer Opus X Mercury หูฟังไร้สายจากค่ายเกมมิ่งเกียร์ตัวแกร่ง ให้ดีไซน์เรียบง่าย แต่แฝงด้วยความทันสมัย ในโทนสีขาวที่เรียกว่า Mercury วัสดุหลักพลาสติก เพิ่มความละมุนด้วยการหุ้มวัสดุแบบหนัง PU เพื่อความสบาย ไม่อึดอัด น้ำหนักแค่ 276 กรัมเท่านั้น ชาร์จกับ USB-C ปุ่มฟังก์ชั่นจัดวางมาครบบนตัวหูฟัง พร้อมโหมดตัดเสียงรบกวน แต่ไมโครโฟนจะถูก Built-in มาในตัวหูฟังด้วยเลย ข้อดีคือ ไม่เกะกะ ไม่ต้องเสียเวลาพับหรือดันขึ้น แต่ก็จะห่างปากเราไปอีกหน่อยเท่านั้น เข้ากันได้ทั้งคอเกมที่ชอบปาร์ตี้ลงดัน หรือชอบฟังเพลง และการสนทนา Razer ไม่ดูเกมมิ่งเป็นทางการเกินไป รุ่นนี้พร้อมจบให้ได้ รับประกัน 2 ปี
จุดเด่น | ข้อสังเกต |
น้ำหนักค่อนข้างเบา | ติดตั้งไมโครโฟนมาในตัว |
เข้าได้ทุกสถานการณ์ |
ข้อมูลเพิ่มเติม: Razer
5.Skullcandy Hesh EVO Wireless
หูฟังไร้สายสำหรับคอเกมกระชากใจวัยรุ่นในตระกูล Hesh เบากระชับ สวมสบาย แบตอึดใช้งานได้นานสูงสุด 36 ชั่วโมง ชาร์จไวผ่านทาง USB-C สามารถระบุตำแหน่งในการใช้ร่วมกับแอพบนสมาร์ทโฟน เมมโมรีโฟมนุ่มสบาย ครอบหูฟังพับได้ 90 องศา คล้องคอสะดวก พับได้ใส่กระเป๋าเดินทางไปด้วยกัน พร้อมฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนในราคา 2,990 บาท
Specification
- Frequency Response: 20 – 20KHz
- Driver: 40mm
- Material Soft foam & fabric ear cushions
- Cable USB-A to USB-C charging cable
- Connection Type: Bluetooth® 5.0
- Battery Life 36 hours
- Weight: 213g
ใครชอบหูฟังไร้สายเล่นเกม ที่มีความหล่อเหลากระชากใจอยู่ในงบ 3,000 บาท ไม่ควรพลาด Skullcandy รุ่นนี้ เบา กระชับยืดหยุ่นและสวมใส่สบาย ตามสไตล์ของตระกูล Hesh นี้ แม้จะเน้นไปที่การฟังเพลงเป็นหลัก เพราะปรับจูนมาให้ได้ทุกแนว แต่ก็เข้ากับการเล่นเกมได้ดี Earpad เป็นแบบเมมโมรีโฟม การชาร์จใช้จากสาย USB-A to USB-C จุดที่น่าสนใจคือ ให้ระยะการใช้งานได้นานถึง 36 ชั่วโมง
จุดเด่น | ข้อสังเกต |
แบตอึดใช้งานได้นาน | |
ดีไซน์สวย น้ำหนักเบา |
ข้อมูลเพิ่มเติม: Skullcandy
6.HyperX Cloud Core Wireless
หูฟังไร้สายเล่นเกมได้ ทำงานก็ดี รองรับระบบเสียงรอบทิศทาง ใช้งานได้นาน 20 ชั่วโมง โครงสร้างอะลูมิเนียม ยืดหยุ่นน้ำหนักเบา เชื่อมต่อไร้สายกับพีซีได้สะดวก สวมใส่สบายกับเมมโมรีโฟมบนครอบหูฟัง เพิ่มพลังเสียง DTS Headphone:X ไดรเวอร์ขนาดใหญ่ 53 มม. น้ำหนักประมาณ 283 กรัม ราคา 3 พันนิดๆ
Specification
- Frequency Response: 10-21KHz
- Driver: 53mm
- Material Memory foam and premium leatherette
- Cable USB-A to USB-C charging cable
- Microphone: Bi-directional
- Battery Life 20 hours
- Weight: 280g
นับว่าเป็นหูฟังไร้สายอีกรุ่นหนึ่งที่เรียกว่ามีความเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งหลายคนก็มักจะคุ้นตากันดี ถือว่าเป็นหูฟังเกมมิ่งรุ่นกลางที่จัดฟีเจอร์มาแน่น พร้อมไดรเวอร์ขนาดใหญ่ 53mm และครอบหูฟังนุ่มสบายด้วยเมมโมรีโฟม หุ้มด้วยวัสดุแบบหนัง ทำให้กระชับ ลดเสียงรบกวนได้ดี ไมโครโฟนมีตัวกันเสียงประทุ และให้ความคมชัด ปรับระดับให้เข้ากับศีรษะได้ง่าย พร้อมปุ่มควบคุมการทำงานครบครันบนตัวหูฟัง ให้ระยะการใช้งานได้ถึง 20 ชั่วโมง การรับประกัน 2 ปี
จุดเด่น | ข้อสังเกต |
ไดรเวอร์ขนาดใหญ่ 53mm | อแดปเตอร์ค่อนข้างใหญ่ |
Earcup นุ่มสบาย |
ข้อมูลเพิ่มเติม: HyperX
7.Asus ROG Strix GO
หูฟังเกมมิ่งจากแบรนด์ที่มีความชำนาญด้านเกม ที่หลายคนชื่นชอบ มาในรูปแบบหูฟังที่ดีไซน์มาได้อย่างดุดัน สวมสบาย ให้ระบบเสียงรอบทิศทาง ใช้งานได้นาน ไมโครโฟนพร้อมระบบตัดเสียงรบกวน ปรับระดับการใช้งานได้บนหูฟัง พับได้ 90 องศา เชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ได้มากมาย ทั้งพีซี โมบายและเครื่องเล่นเกมคอนโซลแบบพกพา
- Frequency Response: 20 – 20KHz
- Driver: 40mm
- Material Memory foam and premium leatherette
- Cable USB-A to USB-C charging cable
- Microphone: Unidirectional
- Battery Life 25 hours
- Weight: 290g
หูฟังไร้สายจากค่ายเกมมิ่งอย่าง ASUS ROG มาพร้อมระบบเสียง 7.1 ใช้งานได้ทั้งพีซี เกมคอนโซลและมือถือ กับการเชื่อมต่อไร้สาย จุดเด่นอยู่ที่การชาร์จไว ไม่ต้องรอนาน ชาร์จเต็มใน 3 ชั่วโมง สวมสบายกับครอบหูขนาดใหญ่ นุ่มนวลและยังลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดี พกพาสะดวกน้ำหนัก 290 กรัม พับเก็บใส่กระเป๋า พร้อมเดินทาง ไดรเวอร์ขนาด 40mm ASUS Essence ให้เสียงจัดจ้าน สดใส และเบสที่ลึก แบตเตอรี่ใช้ได้นาน 25 ชั่วโมงต่อการชาร์จ ปุ่มปรับการทำงานทั้งหมดบนตัวหูฟัง มาพร้อมกล่องเก็บกันกระแทกอย่างดี การรับประกัน 2 ปี
จุดเด่น | ข้อสังเกต |
รองรับระบบเสียง 7.1 | |
แบตใช้ได้นาน 25 ชั่วโมง |
ข้อมูลเพิ่มเติม: ASUS
8.JBL Tune 710 BT
เพิ่มอิสระในการเล่นเกมและการเคลื่อนไหวที่คล่องตัว หูฟังไร้สายดีไซน์ทันสมัย สวมสบาย กระชับไปกับคุณได้ในทุกอิริยาบท ด้วยการเชื่อมต่อทั้ง Bluetooth และ Wireless เข้ากันได้กับอุปกรณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน น้ำหนักเบาแค่ 220 กรัม ใช้งานได้นานถึง 50 ชั่วโมง
Specification
- Frequency Response: 20 – 20KHz
- Driver: 40mm
- Material Memory foam and premium leatherette
- Cable USB-A to USB-C charging cable
- Microphone: Unidirectional
- Battery Life 50 hours
- Weight: 220g
หูฟังไร้สายเบสหนัก ใช้งานได้นานถึง 50 ชั่วโมง มีไมค์มาในตัว เหมาะกับคนที่ชอบความบันเทิงและสายเดินทาง สวมใส่สบาย และใช้งานได้ยาวนานไม่อึดอัด ปรับเลื่อนฟังก์ชั่นได้บนตัวหูฟัง นอกจากจะฟังเสียงจากการเชื่อมต่อได้ตามปกติแล้ว ยังใช้ในการรับสาย และสั่งงานด้วยเสียงผ่านหูฟังได้อีกด้วย รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth สลับการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ได้ รองรับการใช้งานได้ทั้งแบบไร้สาย หรือต่อสายผ่าน AUX ได้อีกด้วย ใช้งานได้นานและขาร์จไฟได้เร็ว เบากระชับ ตอบโจทย์ทั้งนักเดินทางและเกมเมอร์
จุดเด่น | ข้อสังเกต |
นุ่มสบายใส่กระชับ | มีไมค์มาในตัว |
แบตอึดใช้ได้นาน |
ราคา 3,490 บาท
ข้อมูลเพิ่มเติม: JBL
Conclusion
Driver | Frequency Response | Port | Batt Life (Hrs) | Price | |
1.Logitech G435 LIGHTSPEED | 40mm | 20-20KHz | USB-C | 18 | 2,090 |
2.Cooler Master MH670 | 50mm | 20-20KHz | micro USB | – | 2,490 |
3.HyperX Cloud Stinger Core Wireless | 40mm | 20-21KHz | USB-C | 17 | 2,790 |
4.Razer Opus X Mercury | 40mm | 20-20KHz | USB-C | 30 | 2,990 |
5.Skullcandy Hesh EVO Wireless | 40mm | 20-20KHz | USB-C | 36 | 2,990 |
6.HyperX Cloud Core Wireless | 53mm | 10-21KHz | USB-C | 20 | 3,290 |
7.Asus ROG Strix GO | 40mm | 20-20KHz | USB-C | 25 | 3,460 |
8.JBL TUNE 710 BT | 40mm | 20-20KHz | USB-C | 50 | 3,490 |
ทั้งหมดนี้เป็นตัวอย่างของหูฟังไร้สายทั้ง 8 รุ่นในงบประมาณ 3,000 บาท ที่น่าสนใจ ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีความโดดเด่นน่าสนใจไม่แพ้กัน โดยเฉพาะคนที่ชอบความนุ่มนวลกระชับใส่สบาย ส่วนใหญ่จะมี Earcup ในแบบเมมโมรีโฟมมาให้ เพียงแต่บางรุ่นจะหุ้มเป็น PU แต่บางรุ่นจะเป็นผ้า ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันบ้างในบางโอกาส ขึ้นอยู่กับความชอบ เพราะผ้าก็ค่อนข้างระบายอากาศดี แต่แบบ PU ก็จะกระชับ แนบไปศีรษะ ส่วนไดรเวอร์จะเริ่มที่ 40mm แต่บางรุ่นก็จะใหญ่กว่า ให้ผลต่างในเรื่องของคุณภาพเสียงอยู่บ้าง แต่ไม่มาก เช่นเดียวกับสเตจเสียงหรือย่านความถี่เสียงที่แทบไม่ต่างกัน ส่วนที่เหลือคือ ฟังก์ชั่น และฟีเจอร์ที่เสริมเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นระบบเสียง การปรับแต่ง และระยะการใช้งานของแบตเตอรี่ โดยมี JBL Tune ให้ได้ถึง 50 ชั่วโมง รองมาเป็น Skullcandy และ Razer ตามลำดับ ส่วนคุณชอบแบบไหน ก็อย่าลืมคอมเมนต์เข้ามาแลกเปลี่ยนกันครับ
FAQ
1.เลือกหูฟังไร้สายอย่างไรดี
Ans. นอกจากเรื่องคุณภาพเสียง เอฟเฟกต์ เรื่องมิติและขนาด หูฟังไร้สายควรสวมใส่สบาย โดยเฉพาะเกมเมอร์ต้องพิจารณาเป็นอันดับต้นๆ เพราะต้องสวมใส่เล่นเกมเป็นเวลานานๆ หูฟังต้องมีความนุ่มนวล กระชับสบาย ไม่บีบรัดมากเกินไป ให้ความยืดหยุ่นในการปรับระดับให้เข้ากับศีรษะได้ง่าย ไม่หนักจนเกินไป เพื่อให้การขยับศีรษะไปมาได้สะดวก ทำให้ใช้เล่นเกมได้ยาวนานมากขึ้น
2.หูฟังไม่มีเสียงทำอย่างไร
Ans. ถ้ามีเสียงออกมาบ้าง แต่เสียงกลับเบามาก แค่พอได้ยินเท่านั้น อาจไม่ได้เกิดจากฮาร์ดแวร์หรือลำโพง แต่อาจจะเกิดจากการตั้งค่าของระบบเสียง ที่ต้องเข้าไปปรับแก้ รวมถึงการตรวจเช็คจากเว็บเบราว์เซอร์ไม่ว่าจะเป็น Google Chrome หรือ MS Edge ที่ปรับระดับเสียงเอาไว้น้อยมาก ก็ให้เข้าไปปรับเพิ่มในจุดนั้น ลองไปเช็ค System ของฮาร์ดแวร์ เช่น ไดรเวอร์ซาวด์การ์ดเป็นต้น
3.ตั้งค่าเสียงบน Windows 11 อย่างไร?
Ans. หากคุณใช้งาน Windows 11 ให้เข้าไปที่ Choose where to play sound แล้วเช็คดูว่าคุณใช้ Device หรืออุปกรณ์ใดต่อพ่วงอยู่หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็น Headphone หรือ Speaker หากคุณใช้ลำโพง ให้มาเลือกตรงที่ Speaker ดูว่า ตรงกับลำโพงที่ใช้งานหรือไม่ และเสียงต้องดังออกมาตามปกติ แต่ถ้าเสียงยังไม่ดัง ให้เช็คที่ไดรเวอร์ หรืออุปกรณ์ที่ต่อพ่วงอยู่อีกครั้ง
4.Volume Mixer ใช้ทำอะไร
Ans. บนฟีเจอร์ปรับการใช้งานเสียงบน Windows 10/ Windows 11 โดยระบบเสียงที่เราใช้กันอยู่จะมี 2 ส่วนคือ เสียงหลักของระบบ จะปรับเสียงเบาหรือดัง ก็จะเป็นแบบเดียวกันหมด ไม่ว่าจะเป็น การชมภาพยนตร์ ฟังเพลง ประชุมออนไลน์ หรือเสียงของฟังก์ชั่น เช่นเสียงเตือนหรือเสียงเอฟเฟกต์ ส่วนที่ 2 นั้นจะเป็นเสียงบนแอพพลิเคชั่น ตรงนี้เวลาที่เราปรับเสียงในแอพใด แอพนั้นก็จะเสียงดังหรือเบาตามที่กำหนดไว้ได้เช่นกัน