MSI Prestige 13 Evo A13M โน๊ตบุ๊คสุดเบา 990 กรัม ถูกใจสายพกพาทุกคน!
“Prestige (n.) เกียรติยศ” เป็นคำที่ MSI ใช้จำกัดความโน๊ตบุ๊ค Intel Evo ระดับพรีเมี่ยมอย่าง MSI Prestige 13 Evo A13M หากนับตามจุดแข็งทั้งหมดของโน๊ตบุ๊คนี้แล้วก็สมชื่อ ทั้งเสริมภาพลักษณ์เจ้าของให้ดูภูมิฐาน แม้ดีไซน์จะเรียบง่ายแต่ถ้ารู้ว่าเจ้าเครื่องนี้โดดเด่นเป็นอย่างมากทั้งบอดี้อลูมิเนียม ทำจากแม็กนีเซียมอัลลอยด์ซึ่งแข็งแรงมากแต่เบาเพียง 990 กรัม ไล่เลี่ยกับแท็บเล็ตเครื่องหนึ่ง จึงเบาสบายไหล่ไม่แพ้ใคร ประกบคู่ซีพียูตัวแรงอย่าง Intel Core i7-1360P ซึ่งทั้งประหยัดพลังงานและทรงพลัง ทำงานต่างๆ ได้ไหลลื่นและยังจัดการพลังงานได้ดีและยังคงจุดเด่นของตระกูล Prestige อย่างอัตราส่วนหน้าจอ Golden Ratio 16:10 เอาไว้ดังเดิมเพื่อให้ประสบการณ์การใช้งานและดูภาพบนหน้าจอยังดีน่าประทับใจเช่นเดิม
ระบบรักษาความปลอดภัยก็ยังสมราคาความพรีเมี่ยมทั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือตรงปุ่ม Power แค่นาบนิ้วก็ปลดล็อคใช้งานได้ทันทีหรือจะสแกนใบหน้าปลดล็อคเครื่องได้ทั้งตอนใส่หรือถอดหน้ากากอนามัยก็ได้ และลูกเล่นสุดเจ๋งของกล้อง IR Camera ต้องยกให้ฟีเจอร์ Tobii Aware เป็นระบบตรวจจับใบหน้าผู้ใช้ โดยมันจะแสดงผลหน้าจอตามปกติแล้วเบลอภาพหน้าจอโดยอัตโนมัติเมื่อมันสแกนไม่เจอใบหน้าและล็อคหน้าจอไม่ให้ใช้งานโดยอัตโนมัติ ไม่ให้คนอื่นมาแอบใช้โน๊ตบุ๊คของเราโดยพลการและยังสไลด์ปิดกล้องเว็บแคมทิ้งได้ด้วย Webcam Shutter อีกด้วย
นอกจากนี้ความน่าประทับใจของ MSI Prestige 13 Evo A13M คือพอร์ตและการเชื่อมต่อดีไม่มีกั๊ก โดยได้พอร์ต Thunderbolt 4 มา 2 ช่อง ต่อหน้าจอ DisplayPort หรือชาร์จแบตเตอรี่แบบ Power Delivery ก็ได้ รวมถึงพอร์ตใช้งานบ่อยอย่าง HDMI, USB-A ก็มี แถมเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 กับ Bluetooth 5.3 ได้ด้วย
NBS Verdicts
ความประทับใจหลังจากเอา MSI Prestige 13 Evo A13M ไปลองใช้งานดู อย่างแรกต้องยกให้บอดี้แม็กนีเซียมอัลลอยด์ ซึ่งเบามากแต่ก็แข็งแรงสุดๆ เวลาพกใส่กระเป๋าไปไหนมาไหนก็สะดวกสบายไหล่จนไม่รู้สึกว่าพกโน๊ตบุ๊คอยู่เลย และเวลาไปนั่งทำงานตามร้านกาแฟก็สบายใจเพราะมีเซนเซอร์สแกนหน้าหรือนิ้วมือติดตั้งมาให้ ช่วยป้องกันคนขโมยใช้เครื่องหรือแอบดูหน้าจอโน๊ตบุ๊คของเราโดยพลการได้ด้วย
พอร์ตการเชื่อมต่อก็น่าประทับใจ เพราะนอกจาก Thunderbolt 4 คู่หนึ่งฝั่งซ้ายของเครื่อง ยังมี HDMI, USB-A 3.2 ให้ต่ออุปกรณ์หรือหน้าจอเสริมได้โดยไม่ต้องพึ่ง USB-C Multiport adapter เพิ่มให้วุ่นวาย ตอนพกไปติดต่อนำเสนองานก็หยิบออกมาใช้ได้ทันที หรือถ้านั่งโต๊ะทำงานกับเพื่อนร่วมงานหรือลูกค้าก็กดหน้าจอให้แบนราบกับพื้นโต๊ะแล้วกด F12 พลิกหน้าจอกลับให้อีกฝ่ายดูได้ทันที ไม่ต้องหมุนเครื่องกลับไปมาให้เสียเวลา
กลับกัน สิ่งที่ผู้เขียนคาดหวังว่า MSI จะอัพเกรดให้ Prestige 13 Evo รุ่นถัดไปหรือถ้ามีรุ่นย่อยใหม่ก็หวังว่าจะได้รับการใส่ใจ คือ เพิ่มความละเอียดหน้าจอจาก Full HD+ ให้เป็น WQXGA หรือ QHD ก็ได้เพื่อให้แสดงผลภาพได้คมสวยยิ่งขึ้นทัดเทียมกับโน๊ตบุ๊ค Intel Evo หลายๆ รุ่นจากแบรนด์คู่แข่งในปัจจุบันนี้ และขอแนะนำให้อัพเดท BIOS ให้ระบบของตัวเครื่องจัดการพลังงานของแบตเตอรี่ 75Wh ให้ใช้งานได้ใกล้เคียงหรือทะลุ 10 ชั่วโมงได้จะดีมาก
ข้อดีของ MSI Prestige 13 Evo A13M
- น้ำหนักเบาเพียง 990 กรัม เบาไม่ต่างกับแท็บเล็ต แต่งานประกอบแข็งแรงน่าประทับใจมาก
- มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือและสแกนใบหน้าติดตั้งมาครบพร้อมใช้งาน
- กล้อง IR Camera มี Tobii Aware หรี่และล็อคหน้าจอเมื่อไม่ได้ใช้งานและล็อคอินได้อย่างรวดเร็ว
- กล้องเว็บแคมมีบานชัตเตอร์สไลด์ปิดได้เวลาไม่ต้องการใช้งาน มีความเป็นส่วนตัวสูง
- กางหน้าจอได้แบนราบ 180 องศาและกด F12 พลิกภาพหน้าจอกลับให้คู่สนทนาดูได้ทันที
- เชื่อมต่อ Wi-Fi 6E ได้ สามารถรับส่งข้อมูลได้รวดเร็วและเสถียรมาก
- ติดตั้งพอร์ตใช้งานมาครบทั้งพอร์ตมาตรฐานและ Thunderbolt 4 อีกคู่ ต่อใช้งานได้สะดวก
- มี MicroSD Card Reader ติดตั้งมาให้โอนไฟล์จากการ์ดเข้าเครื่องทำงานได้ทันที
- ขอบเขตสีหน้าจอกว้าง 100% sRGB ใช้ทำงานตัดต่อแต่งภาพหรือวิดีโอได้ดี
- หน้าจอสว่างมากถึง 448.35 cd/m2 ปรับความสว่างสูงสุดสู้แสงแดดสะท้อนจอได้สบายๆ
- เมื่อกางหน้าจอใช้งานแล้ว ตัวเครื่องจะยกขึ้นเล็กน้อยให้พิมพ์งานได้สะดวกขึ้น
ข้อสังเกตของ MSI Prestige 13 Evo A13M
- การจัดการพลังงานยังอยู่ในระดับทั่วไป ใช้งานได้นานสุด 7 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น
- ความละเอียดหน้าจออยู่ระดับ Full HD+ เท่านั้น ไม่ได้เป็นจอ QHD เหมือนรุ่นพรีเมี่ยมบางรุ่น
รีวิว MSI Prestige 13 Evo A13M
- Specification
- Hardware & Design
- Screen & Speaker
- Keyboard & Touchpad
- Connector / Thin & Weight
- Inside&Upgrade
- Performance & Software
- Battery & Heat & Noise
- User Experience
- Conclusion & Award
Specification
MSI Prestige 13 Evo A13M เป็นโน๊ตบุ๊ค Intel Evo ที่น่าใช้มาก ไม่ว่าจะได้ซีพียู Intel 13th Gen ซึ่งแรงพอใช้ทำงานออฟฟิศหรือตัดต่อวิดีโอและแต่งภาพได้เป็นอย่างดี มีระบบรักษาความปลอดภัยติดตั้งมาครบทั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือและกล้อง IR Camera พร้อม Tobii Aware ซึ่งจับพฤติกรรมของผู้ใช้ตลอดเวลาว่าเราใช้งานโน๊ตบุ๊คอยู่หรือเปล่า ถ้าเดินห่างออกจากเครื่องไปมันจะหรี่ไฟหน้าจอและล็อคเครื่องภายในเวลาไม่ถึง 1 นาที เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นมาใช้เครื่องเราโดยพลการ แถมยังได้พอร์ตใช้งานมาครบเครื่องไม่ว่าจะ Thunderbolt 4 หนึ่งคู่ซึ่งใช้ชาร์จแบตเตอรี่และต่อหน้าจอแยกได้ ส่วนพอร์ต DC-in แม้บางคนคิดว่าไม่จำเป็นต้องติดตั้งมาให้ แต่ MSI ให้เหตุผลว่า เผื่อใครมีอแดปเตอร์หัวหลอดจากโน๊ตบุ๊ค MSI ตัวเก่าก็เอามาต่อชาร์จใช้งานได้ด้วย อาจจะดูเผื่อเหลือไปบ้างแต่ก็ถือว่าครบเครื่องดี
ราคาของรุ่นที่ได้รับมารีวิวอยู่ที่ 49,990 บาท เป็นสเปคสูงสุดที่มีให้เลือกในตอนนี้และมีรุ่นทางเลือกซึ่งสเปคเหมือนกันแทบทุกอย่าง แต่ลดความจุ M.2 NVMe SSD เหลือ 512GB แล้วลดราคาเหลือเพียง 41,990 บาท ให้ผู้ใช้ที่อยากเป็นเจ้าของ MSI Prestige 13 Evo สามารถตัดสินใจเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น สำหรับสเปคโดยละเอียดเป็นดังนี้
สเปคของ MSI Prestige 13 Evo A13M | Prestige 13 Evo A13M-025TH (เครื่องรีวิว) | Prestige 13 Evo A13M-062TH (สเปคทางเลือก) | MSI Prestige 13 Evo A12M-064TH (รุ่นคุ้มค่า) |
CPU GPU | Intel Core i7-1360P Intel Iris Xe Graphics | Intel Core i7-1360P Intel Iris Xe Graphics | Intel Core i5-1240P Intel Iris Xe Graphics |
SSD RAM Software | M.2 NVMe 1TB 16GB LPDDR5 4800 MHz Windows 11 Home | M.2 NVMe 512GB 16GB LPDDR5 4800 MHz Windows 11 Home | M.2 NVMe 512GB 16GB LPDDR5 4800 MHz Windows 11 Home |
Display Weight | 13.3″ Full HD+ (1920×1200) IPS 100% sRGB 990 กรัม | 13.3″ Full HD+ (1920×1200) IPS 100% sRGB 990 กรัม | 13.3″ Full HD+ (1920×1200) IPS 100% sRGB 990 กรัม |
Connectivity | Thunderbolt 4 x 2 USB-A 3.2 x 1 HDMI 2.0 x 1 MicroSD Card Reader x 1 DC-in x 1 Audio combo x 1 Wi-Fi 6E Bluetooth 5.3 | Thunderbolt 4 x 2 USB-A 3.2 x 1 HDMI 2.0 x 1 MicroSD Card Reader x 1 DC-in x 1 Audio combo x 1 Wi-Fi 6E Bluetooth 5.3 | Thunderbolt 4 x 2 USB-A 3.2 x 1 HDMI 2.0 x 1 MicroSD Card Reader x 1 DC-in x 1 Audio combo x 1 Wi-Fi 6E Bluetooth 5.3 |
Price (บาท) | 49,990 | 41,900 | 35,900 |
Hardware & Design
ดีไซน์ของ MSI Prestige 13 Evo A13M จะเห็นว่าดีไซน์เครื่องดูเรียบง่ายไม่มีอะไรหวือหวามากและเน้นเก็บรายละเอียดส่วนต่างๆ ของเครื่องเป็นหลัก ไม่ว่าจะย้ายโลโก้ MSI ซึ่งปกติอยู่ตรงขอบล่างหน้าจอมาไว้เหนือปุ่ม Esc แทน ให้ขยายขอบล่างของหน้าจอลงมาให้มากที่สุดให้พอดีกับ Golden Ratio โดยวิธีของ MSI คือติดก้านบานพับแบบเฉียงทำมุมให้กางหน้าจอได้จนแบนราบ 180 องศา แถมยกตัวเครื่องขึ้นอีกเล็กน้อยทำให้พิมพ์งานง่ายขึ้นและขอบล่างของหน้าจอโดนตัวเครื่องบังไปในตัว ทำให้ขอบล่างหน้าจอดูบางลงโดยปริยาย
บอดี้ของตัวเครื่องนอกจากโลโก้ MSI ซึ่งสกรีนเอาไว้เหนือปุ่ม Esc ฝั่งตรงข้ามจะมีสติกเกอร์ Intel Evo และ HDMI เอาไว้ตรงที่วางข้อมือฝั่งซ้ายเท่านั้น ส่วนอื่นๆ จะเว้นว่างเป็นบอดี้ตัวเครื่อง ให้ความเรียบหรูดูดีและได้สัมผัสบอดี้แม็กนีเซียมอัลลอยด์ได้เต็มที่และดูมินิมอลด้วย
ตัวก้านบานพับจะเป็นแบบก้านคู่ติดอยู่ริมตัวเครื่องทั้งสองฝั่งและล็อคเข้าฐานบานพับภายในเครื่องด้วยก้านอลูมิเนียม เวลากางหน้าจอแล้วมั่นคงมากไม่มีอาการสะบัดกระพือแม้แต่น้อยแถมมีชิ้นพลาสติกติดไว้ส่วนขอบล่างฝาหลังจอ ช่วยป้องกันรอยขีดข่วนและขนแมวจะเกิดขึ้นกับตัวเครื่องและกางบานพับหน้าจอได้แบนราบ 180 องศา แชร์หน้าจอให้เพื่อนร่วมงานดูได้ง่ายหรือจะตั้งบนโต๊ะ บนแท่นวางโน๊ตบุ๊คก็ปรับมุมองศาให้เข้ากับสายตาได้สะดวกมาก
ฝาหลังของ MSI Prestige 13 Evo A13M จะดูเรียบง่าย ติดเฉพาะโลโก้ตัวอักษร MSI ทำจากอลูมิเนียมสีเงินเอาไว้บนฝาหลังสีฟ้าเรียบๆ เท่านั้น ไม่มีลวดลายอะไรเป็นพิเศษ เน้นความเรียบง่ายพกไปได้ทุกโอกาสไม่ว่าจะนั่งประชุมงานกับลูกค้าหรือเอาไปนั่งทำงานตามร้านกาแฟก็ดูดี
ลูกเล่นดีไซน์หลักของ Prestige 13 Evo A13M จะซ่อนเอาไว้ใต้ขอบล่างหน้าจอ เป็นแถบสีน้ำเงินพร้อมยิงเลเซอร์โลโก้ MSI ฝังเอาไว้เพื่อความสวยงาม ซึ่งมักจะเห็นเวลาพับหน้าจอปิดเครื่องเอาไว้แล้วหันไปเห็นเป็นหลัก ฝาด้านใต้เครื่องจะมีช่องนำลมเข้าเป็นแถบใหญ่ 1 โซน กินพื้นที่ราว 40% ของฝาใต้เครื่อง มีน็อตหัวดาว Trox head ขันล็อคเอาไว้ทั้งหมด 9 ตัว
นอกจากนี้จะเห็นว่าส่วนของน็อตตรงกลางฝั่งขวาจะมีรูพอเอาเข็มจิ้มซิมแทงเข้าไปได้อยู่ หน้าที่ของมันเป็นรูสำหรับรีเซ็ตคอนโทรลเลอร์ (EC – Embedded Controller) ของ MSI Prestige 13 Evo A13M ใช้เมื่อโน๊ตบุ๊คเริ่มทำงานไม่เสถียรและรวนจนใช้งานไม่ได้ ก็นำคลิปหนีบกระดาษมากางออกแล้วแทงได้เลย มีวิธีการใช้งานดังนี้
- สั่ง Shut Down ตัวเครื่องจนดับสนิทดี ไม่ได้เปิดทำงานอยู่
- ถอดสายชาร์จทุกแบบทิ้งให้หมด ให้โน๊ตบุ๊คใช้ไฟจากแบตเตอรี่เท่านั้น
- เอาปลายเหล็กของคลิปหนีบกระดาษมาแทงช่อง EC ค้างไว้ 30 วินาที ไม่ต้องกดแรงแค่พอรู้สึกว่ากดสวิตช์ค้างไว้ก็พอ พอดึงคลิปหนีบกระดาษออกแล้วเปิดเครื่องใหม่โน๊ตบุ๊คจะพร้อมใช้อีกครั้ง
Screen & Speaker
หน้าจอของ MSI Prestige 13 Evo A13M เป็นหน้าจอ 13.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ (1920×1200) พาเนล IPS แสดงผลได้มุมกว้าง 178 องศา หน้าจอเป็นอัตราส่วน 16:10 ซึ่ง MSI เคลมเป็น Golden Ratio ซึ่งใช้แสดงผลได้ดีเหมาะจะใช้ทำงานต่างๆ มาก ขอบเขตสีหน้าจอเคลมไว้ 100% sRGB เมื่อเปิดดูใน Advanced display จะเห็นว่า Prestige 13 Evo สามารถปรับ Refresh Rate เหลือ 40Hz ได้เพื่อประหยัดพลังงาน ลดความถี่เวลากระพริบภาพหน้าจอลงได้
ขอบเขตสีหน้าจอเมื่อทดสอบด้วยโปรแกรม DisplayCal 3 ด้วยกับเครื่อง Colorchecker ของ Calibrite ได้ Gamut coverage หรือค่าขอบเขตสีจริงของหน้าจอได้สีกว้าง 95.1% sRGB, 68.8% Adobe RGB, 70.9% DCI-P3 ส่วน Gamut volume หรือขอบเขตสีองค์รวมได้ 100.9% sRGB, 69.5% Adobe RGB, 71.4% DCI-P3 ค่าความเที่ยงตรงสี Delta-E เฉลี่ย 0.15 สูงสุด 0.91 หน้าจอเมื่อปรับความสว่าง 100% แล้ว วัดค่าได้ 448.35 cd/m2 จัดว่าสว่างมาก สู้แสงแดดสะท้อนหน้าจอได้สบายๆ และขอบเขตสีหน้าจอก็กว้างพอใช้พรู้ฟสีงานอาร์ตหรือตัดต่อแต่งภาพบนหน้าจอนี้ก็ได้ ถือว่าพาเนลหน้าจอของ MSI Prestige 13 Evo A13M จากโรงงาน Chimei Innolux Coporation มีคุณภาพดีทีเดียว
ความสว่างเมื่อใช้งานจริงถ้าอยู่ในออฟฟิศหรือในห้องส่วนตัว แนะนำให้ปรับความสว่างไว้ราว 50~60% ก็สว่างพอให้มองเห็นได้ชัดเจนแล้ว ถ้าแสงส่องสะท้อนหน้าจอเมื่อไหร่ก็ปรับความสว่างขึ้นไป 70% ก็ลดอาการจอมืดจากแสงสะท้อนได้แล้ว ไม่ต้องปรับ 100% ให้เปลืองแบตเตอรี่ก็ได้
ทว่าสิ่งที่คาดหวัง คือ โน๊ตบุ๊ค Intel Evo จากแบรนด์คู่แข่งหลายรุ่นเริ่มอัพเกรดความละเอียดหน้าจอไป QHD / 2.2K / 2.8K กันแล้ว แต่ Prestige 13 Evo ยังเป็น Full HD+ อยู่ ถึงจะคมชัดใช้งานได้ดีก็จริงแต่หวังว่าโมเดลของปีหน้าจะอัพเกรดเพิ่มความละเอียดหน้าจอให้คมขึ้นอีกสักนิดจะยอดเยี่ยมมาก
ลำโพงคู่ของ MSI Prestige 13 Evo A13M ด้านใต้ตัวเครื่องเมื่อทดลองดูหนังฟังแล้วมีมิติและเสียงพูดของแต่ละตัวละครก็ฟังชัด ส่วนการฟังเพลงจะได้สเตจเสียงกว้างระดับกลางๆ เน้นเสียงเครื่องดนตรีเป็นหลักและแยกชิ้นได้ค่อนข้างชัดเจน มีเสียงเบสเสริมเข้ามาพอให้ฟังเพลงได้มีอรรถรสแต่แรงปะทะอยู่ระดับกลางๆ ไม่ทุ้มเท่าไหร่ ซึ่งถ้าฟังเพลงทั่วไปอย่างป็อป, ร็อค, แจ๊สหรือเปิดเพลง Lo-fi ยังถือว่าฟังได้ดี แต่ถ้าชอบเพลงบีตหนักอย่างฮิปฮอป, เมทัล ควรต่อลำโพงแยกไปเลยจะดีสุด
Keyboard & Touchpad
คีย์บอร์ดของ MSI Prestige 13 Evo A13M เป็นแบบ Tenkeyless พอดีกับขนาดตัวเครื่อง 13.3 นิ้ว แต่ก็ติดตั้งปุ่มฟังก์ชั่นใช้งานต่างๆ มาค่อนข้างครบเครื่อง มีปุ่มจำเป็นใช้งานอย่าง Page Up, Page Down ซ้อนปุ่ม Home, End เอาไว้ เซ็ตอยู่เหนือปุ่มลูกศรซ้ายขวา รวมถึงปุ่ม Delete กับคำสั่ง Insert ตรงมุมบนขวาของคีย์บอร์ดและ Print Screen ที่เรียกโปรแกรม Snipping Tool ขึ้นมาใช้ได้ด้วย จัดว่าครบถ้วนพอใช้ทำงานได้เป็นอย่างดี
เวลาพิมพ์งานในที่แสงน้อยไฟสลัวก็ไม่มีปัญหาเพราะ MSI ใส่ไฟ LED Backlit สีขาวมา กดปุ่มปรับควมสว่างได้ 3 ระดับตรงปุ่ม F8 โดยทำงานแบบ Cycle คือ กดเพิ่มความสว่างครบ 3 ครั้งจะสว่างสุด พอกดอีกครั้งจะดับไฟทิ้งไป นอกจากนี้ปุ่ม F5, F6, Caps Lock จะมีไฟ LED เสริมเข้ามาเพื่อบอกสถานะว่าในตอนนี้ไมค์, กล้องเว็บแคมและปุ่ม Caps Lock ทำงานอยู่หรือโดนถูกสั่งปิดการทำงานเอาไว้ด้วย
ปุ่มฟังก์ชั่นของ MSI Prestige 13 Evo A13M บริเวณปุ่ม F1~F12 จะมีคำสั่ง Fn Lock ไว้สลับเลเยอร์ปุ่มไปมาได้โดยกด Fn+Esc ให้ไฟ LED ติดขึ้นมา โดยมีคำสั่งดังนี้
- F1~F3 – ปิด, ลดหรือเพิ่มเสียงลำโพง
- F4 – ล็อคการทำงานทัชแพด
- F5 – ปิดหรือเปิดไมโครโฟน
- F6 – ปิดหรือเปิดกล้องเว็บแคม
- F7 – ปุ่มลัด MSI Center ใช้เปลี่ยนโหมดของตัวเครื่อง
- F8 – ปรับไฟ LED Backlit คีย์บอร์ด
- F9~F10 – ลดหรือเพิ่มความสว่างหน้าจอ
- F11 – ปุ่ม Project ตั้งค่าหน้าจอหลักและเสริม
- F12 – ปุ่มพลิกหน้าจอกลับ 180 องศา
ถ้าสังเกตจะเห็นว่าเลย์เอ้าท์คีย์ลัดของ Prestige 13 Evo A13M เซ็ตเอาไว้เหมือน MSI Modern Series ซึ่งปุ่มฟังก์ชั่นใช้งานครบถ้วนและกางหน้าจอให้แบนราบได้เหมือนกัน ในแง่การใช้งานถือว่าครบถ้วนพอดีไม่ขาดไม่เกินครบถ้วนพอใช้งานแล้ว
ทัชแพดของ Prestige 13 Evo เทียบกับขนาดตัวเครื่อง 13.3 นิ้ว จัดว่าใหญ่มากใช้ลากเคอร์เซอร์ไปมาได้สะดวกรวดเร็วและใช้ Gesture control ของ Windows 11 Home ได้ด้วย เวลาวางมือบนคีย์บอร์ดสันมือทั้งสองข้างจะทาบบนทัชแพดพอดีแต่ไม่ค่อยเจอปัญหาเรื่องทัชแพดลั่น ถ้าจะต่อเมาส์แยกก็กด Fn+F4 เพื่อล็อคทัชแพดทิ้งไปก็ได้
Connector / Thin & Weight
พอร์ตและการเชื่อมต่อของ MSI Prestige 13 Evo A13M นอกจากทันสมัยแล้วยังครบเครื่องพอใช้ต่อกับอุปกรณ์ทั่วไปได้สบายๆ หรือจะต่อ USB-C Multiport adapter เข้าช่อง Thunderbolt 4 เพื่อเพิ่มพอร์ตก็ได้ โดยมีพอร์ตทั้งสองฝั่งดังนี้
- ฝั่งซ้ายจากซ้ายมือ – DC-in, HDMI 2.1, Thunderbolt 4 x 2, Audio combo
- ฝั่งขวาจากซ้ายมือ – MicroSD Card Reader, Kensington Lock, USB-A 3.2
- การเชื่อมต่อไร้สาย – Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax, Bluetooth 5.3
สังเกตว่าพอร์ตเชื่อมต่อแม้จะมี Thunderbolt 4 ติดตั้งมาคู่หนึ่งแล้วและหัวอแดปเตอร์ที่มาพร้อมเครื่องจะเป็นหัว USB-C ด้วยก็ตาม แต่ยังมี DC-in ติดตั้งมาให้ ซึ่ง MSI ให้เหตุผลเอาไว้ว่าถ้าผู้ใช้มีอแดปเตอร์หัวหลอดอันเก่าที่ยังไม่เสียก็เอามาต่อชาร์จได้ แค่กำลังชาร์จเกิน 65 วัตต์ก็พอแล้ว
น้ำหนักของ MSI Prestige 13 Evo A13M เคลมเอาไว้หน้าสเปค 990 กรัม แต่พอชั่งน้ำหนักแล้วเหลือแค่ 969 กรัม พอรวมชุดอแดปเตอร์ 388 กรัม เข้าไปก็หนักเพียง 1.35 กิโลกรัมเท่านั้น ถือว่าเบากว่าที่เคลมเอาไว้หน้าสเปคพอควรพกติดตัวไปไหนมาไหนก็สบายมาก ถึงพกอแดปเตอร์ไปด้วยก็หนักเท่าน้ำหนักตัวเครื่องของโน๊ตบุ๊คบางเบาหลายๆ รุ่นในปัจจุบันที่ยืนพื้นอยู่ช่วง 1.32 กิโลกรัม ถือเป็นโน๊ตบุ๊ค Intel Evo พกพาสะดวกมาก แต่เมื่อมีพอร์ต Thunderbolt 4 ติดมาให้คู่หนึ่งอย่างนี้ก็ใช้อแดปเตอร์ GaN กำลังชาร์จ 65 วัตต์ร่วมกับสมาร์ทโฟนดีกว่า ของในกระเป๋าจะได้ไม่ซ้ำซ้อนเกินไป
Inside&Upgrade
การเปิดฝาด้านใต้ MSI Prestige 13 Evo A13M ให้ขันน็อต Trox ทั้งหมด 9 ดอกออก จากนั้นใช้การ์ดแข็งไล่กรอบตัวเครื่องจากขอบล่างใต้ลำโพงไปเรื่อยๆ จนรอบตัวจะสามารถดึงเปิดฝาได้ แต่สังเกตจากเมนบอร์ดจะเห็นว่าอุปกรณ์แทบทุกชิ้นรวมถึง RAM ถูกฝังมาบนตัวบอร์ดแทบทั้งหมดและมีช่อง M.2 NVMe SSD อินเตอร์เฟส PCIe 4.0 x4 แค่ช่องหลักอันเดียวเท่านั้น ถ้าจะเปิดฝาก็มีกรณีอยากอัพเกรด SSD เป็นตัวอื่นหรือเปลี่ยนเมื่อมันเสียเท่านั้น
Performance & Software
ซีพียู Intel Core i7-1360P ใน MSI Prestige 13 Evo A13M เป็นซีพียู Intel รุ่นที่ 13 สถาปัตยกรรม Intel 7 รหัสพัฒนา Raptor Lake มี 12 คอร์ 16 เธรด แยกเป็น 4 P-Core กับ 8 E-Core ความเร็วสูงสุด 5GHz มีค่า TDP สูงสุด 28 วัตต์ ซึ่งซีพียูตัวนี้รองรับชุดคำสั่งใช้งานพื้นฐานต่างๆ ครบถ้วน เมื่อทดลองรัน Benchmark ของ CPU-Z แล้ว พบว่าพลังการทำงานเทียบชั้นได้กับ Intel Core i9-9900KF ดังนั้นเรื่องประสิทธิภาพถือว่าทรงพลังพอใช้ทำงานต่างๆ ได้ดีแน่นอน
เมนบอร์ดภายในเครื่องใช้ BIOS ของ American Megatrends International รองรับ M.2 NVMe SSD อินเตอร์เฟส PCIe 4.0 x4 แล้ว ติดตั้ง RAM ออนบอร์ดจากโรงงาน มีความจุ 16GB LPDDR5 บัส 4800MHz ซึ่งความจุระดับนี้ถือว่าเพียงพอใช้ทำงานออฟฟิศทั่วไปได้แล้ว
ด้านการ์ดจอเป็น Intel Iris Xe Graphics ภายในซีพียูสำหรับประมวลผลแสดงภาพทั่วไปและใช้ตัดต่อวิดีโอหรือแต่งภาพได้ รองรับชุดคำสั่ง DirectX 12, OpenCL, OpenGL 4.6, DirectCompute, DirectML, Vulkan ซึ่งเพียงพอต่อการทำงานต่างๆ แล้ว
ชิ้นส่วนอื่นๆ ภายในเครื่องเมื่อเช็คผ่าน Device Manager จะเห็นว่า MSI Prestige 13 Evo A13M ติดตั้งระบบยืนยันตัวแบบชีวมาตร (Biometric) มาให้ 2 แบบทั้งเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือตรงปุ่ม Power ของ Goodix MOC และกล้อง IR Camera ใช้สแกนหน้าปลดล็อคเครื่องและหรี่เร่งล็อคหน้าจอโน๊ตบุ๊คร่วมกับ Tobii Aware และมีชิป TPM 2.0 ติดตั้งเพิ่มเข้ามารักษาความปลอดภัยด้วย
การเชื่อมต่อไร้สายมีชิป Intel Killer AX1675s รองรับ Wi-Fi 6E มาตรฐาน 802.11ax รองรับ Bluetooth 5.3 ได้ แบนด์วิธคลื่นสัญญาณกว้าง 160MHz จับคลื่น Wi-Fi 6GHz ได้ รองรับเทคโนโลยี OFDMA, MU-MIMO ดังนั้นเรื่องการเชื่อมต่อไร้สายจัดว่าดีไม่มีปัญหา
ฮาร์ดดิสก์ OEM ในเครื่องเป็น M.2 NVMe SSD มีความจุ 1TB เป็น Samsung PM9A1 หน้าสเปคแจ้งอินเตอร์เฟสเป็น PCIe 4.0 x4 ความเร็ว Sequential Read 7,000 MB/s และ Sequential Write 5,100 MB/s เมื่อทดสอบด้วยโปรแกรม CrystalDiskMark 8 แล้วได้ความเร็วดังนี้
ความเร็ว | Read | Write |
Sequential | 6,578.77 | 4,908.12 |
Random 4K | 711.75 | 465.92 |
จากผลทดสอบในแง่การใช้ทำงานทั่วไป ถือว่า Samsung PM9A1 ทำงานได้รวดเร็วเพียงพอสำหรับโน๊ตบุ๊ค Intel Evo แล้ว ไม่ต้องอัพเกรดเพิ่มก็ได้ ซึ่งประสิทธิภาพไล่เลี่ยกับ Kingston Fury Renegade, WD Black SN850 และ Transcend MTE250H เลยทีเดียว
การทดสอบเรนเดอร์และพรีวิวโมเดล 3D ด้วยโปรแกรมตระกูล CINEBENCH แล้ว ถือว่าซีพียู Intel Core i7-1360P ใน MSI Prestige 13 Evo A13M ถือว่ามีพลังทำงานดี พอใช้พรีวิวตัวอย่างงานให้ลูกค้าดูได้หรือจะใช้ตัดต่อแต่งภาพก็ไม่มีปัญหา โดยผลการทดสอบเป็นดังนี้
- R23 – ใช้ทดสอบพลังประมวลผลของซีพียูเป็นหลัก มีความละเอียดและแม่นยำสูง ได้คะแนน Multi Core 9,207 pts และ Single Core อีก 1,668 pts
- R20 ใช้ทดสอบกำลังประมวลผลของซีพียูเป็นหลัก ได้คะแนน CPU 4,233 pts
- R15 ใช้ทดสอบการเรนเดอร์งานและโมเดล 3D ว่าซีพียูและกราฟิคการ์ดทำได้ลื่นไหลหรือไม่ คะแนน OpenGL 98.64 fps และ CPU 1,808 cb
แม้จะเป็นซีพียูแบบประหยัดพลังงานกลุ่มเดียวกับ Intel U-Series แต่ i7-1360P ได้เปรียบกว่าตรงมี P-Core เพิ่มเข้ามาอีก 2 คอร์ จึงทำงานได้ต่างๆ ได้ดีกว่าพอควร
ผลการทดสอบด้วยโปรแกรมจำลองสถานการณ์ทำงานจริงอย่าง PCMark 10 ได้คะแนนเฉลี่ย 4,763 คะแนน เด่นในเรื่องการทำงานออฟฟิศอย่างเปิดเว็บ, เปิดโปรแกรมและประชุมงานออนไลน์แบบ Video Call เป็นหลักและพอใช้ตัดต่อภาพได้ระดับหนึ่งหรือเปิดพรีวิวโมเดล 3D ได้อย่างแน่นอน
กลับกันถ้าเอามาเล่นเกมจะไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่เพราะ Intel Core i7-1360P กับการ์ดจอ Intel Iris Xe Graphics ไม่โดดเด่นเรื่องนี้นัก ได้คะแนนในโปรแกรม 3DMark Time Spy ได้เฉลี่ย 1,343 คะแนน แยกเป็น CPU score 4,797 คะแนน และ Graphics score 1,192 คะแนน ถ้าหากเล่นเกมอินดี้หรือเกมเน้นใช้พลังซีพียูเป็นหลัก (CPU Intensive) ก็ถือว่าพอเล่นฆ่าเวลาได้แต่ไม่แนะนำนัก
ภายใน Prestige 13 Evo A13M ก็ติดตั้งโปรแกรม MSI Center มาให้ เป็นเวอร์ชั่นสำหรับโน๊ตบุ๊ค Intel Evo โดยเน้นตั้งค่า, เซ็ตอัพการทำงานและอัพเดทเฟิร์มแวร์เป็นหลัก และในหน้าแรกจะเป็น Hardware Monitoring ใช้เช็คสถานะตัวเครื่อได้อีกด้วย
Battery & Heat & Noise
แบตเตอรี่ภายใน Prestige 13 Evo A13M เป็นแบรนด์ OEM ไม่ทราบข้อมูลของแบตเตอรี่แต่มีความจุ 75Wh ไล่เลี่ยกับโน๊ตบุ๊ค Intel Evo ชั้นนำหลายรุ่นในปัจจุบันนี้ ตัวแบตเตอรี่มีขนาดใหญ่สุดขอบลำโพงทั้งสองด้านและชิดกับเมนบอร์ดในส่วนบนพอดี
ส่วนระยะเวลาใช้งานด้วยแบตเตอรี่เมื่อทดสอบตามมาตรฐานของทางเว็บไซต์ โดยปิดไฟ LED Backlit, ลดความสว่างหน้าจอเหลือ 50% ปรับเสียงลำโพงดังเพียง 10% กดปุ่ม MSI Center เปลี่ยนโหมดเครื่องให้เน้นประหยัดแบตเตอรี่และใช้ Microsoft Edge ดู YouTube นาน 30 นาที พบว่า MSI Prestige 13 Evo A13M ใช้งานได้นานสุด 7 ชั่วโมง 34 นาที สำหรับโน๊ตบุ๊คซีพียู Intel แบบประหยัดพลังงานแถมมีแบตเตอรี่ 75Wh เช่นนี้ ถือว่าสั้นไปบ้าง คาดว่ามาจากระบบการจัดการพลังงานเป็นหลักและอาจต้องรอให้ MSI ส่งแพทช์อัพเดท BIOS มาปรับปรุงการทำงานในภายหลัง
แต่จากการใช้งานจริง ถึงแบตเตอรี่จะใช้งานได้ราว 7 ชั่วโมงครึ่งก็ตามแต่มันก็ไม่ถือว่าเลวร้ายหากนำมันเข้าห้องประชุมหรือเป็น Cafe Hopper นั่งทำงานร้านกาแฟร้านหนึ่งแล้วย้ายไปอีกร้านหนึ่งก็ถือว่าพอใช้งานได้จบวันพอดี อาจจะเผื่อพาวเวอร์แบงค์หรืออแดปเตอร์เอาไว้สักหน่อยก็พอแล้ว
ระบบระบายความร้อนของ MSI Prestige 13 Evo A13M เป็นฮีตไปป์ 1 เส้นพาดจากซีพียู Intel Core i7-1360P ตรงไปยังฮีตซิ้งค์หน้าพัดลมโบลวเวอร์แล้วระบายความร้อนออกจากช่องระบายความร้อนเหนือคีย์บอร์ด เวลาใช้งานตามปกติเสียงพัดลมจะเบาจนแทบไม่ได้ยินหรือไม่ทำงาน พอรันโปรแกรมตัดต่อภาพหรือวิดีโอเสียงจะดังระดับหนึ่ง เมื่อวัดด้วยเครื่องวัดเสียงแล้วดังราว 50~60dB
อุณหภูมิใช้งานทั่วไป อุณหภูมิสูงสุด
อุณหภูมิเวลาใช้งานของ Prestige 13 Evo A13M เวลาใช้งานตามปกติจะแทบไม่ร้อนและพัดลมก็แทบไม่มีเสียงรบกวนเวลาใช้งานเลย แต่ตอนรันโปรแกรมใหญ่หรือเปิดหลายโปรแกรมพร้อมกันจะมีเสียงพัดลมทำงานเพื่อระบายความร้อนลดอุณหภูมิลง โดยโปรแกรม CPUID HWMonitor เช็คอุณหภูมิได้ดังนี้
อุณหภูมิ | ใช้งานปกติ (เซลเซียส) | เปิดโปรแกรมทดสอบ (เซลเซียส) |
ซีพียู | 52~63 | 50~99 |
เมนบอร์ด | 54~62 | 53~96 |
SSD | 52 | 52~64 |
จะเห็นว่าอุณหภูมิของซีพียู Intel Core i7-1360P ตอนรันเต็มที่จะมีบางจังหวะอุณหภูมิวิ่งขึ้นไปสูงสุดถึง 99 องศาเซลเซียสก็จริง แต่ตอนนั่งมอนิเตอร์อุณหภูมิตอนรันโปรแกรม Benchmark แล้ว อุณหภูมิวิ่งขึ้นไปสูงเพียง 1-2 วินาทีเท่านั้นแล้วตกลงมาเหลือช่วง 80~85 องศาตามเดิม และบางโอกาสก็ลดลงเหลือ 78 องศาด้วยซ้ำ ซึ่งถ้าใช้ทำงานออฟฟิศตามปกติหรือดูหนังฟังเพลงก็แทบไม่มีโอกาสเห็นอุณหภูมิสูงระดับนี้เลย ถือว่าอุณหภูมิระดับนี้เป็นอุณหภูมิสูงสุดที่อาจเกิดขึ้นได้เท่านั้น
User Experience
ความประทับใจแรกเมื่อนำ MSI Prestige 13 Evo A13M ไปลองใช้งานดูแล้ว ความประทับใจแรกต้องยกให้น้ำหนักเครื่องที่เบาเพียง 969 กรัม แถมได้บอดี้แม็กนีเซียมอัลลอยด์ซึ่งแข็งแรงทนทานเลยไม่ต้องกังวลเวลาพกไปไหนมาไหน อย่างมากก็ใส่เคสซองผ้านุ่มอีกสักหน่อยก็ป้องกันเครื่องไม่ให้มีรอยขีดข่วนได้แล้ว ซึ่งความเบาระดับนี้ทำเอาบางครั้งเผลอนึกว่าพกแท็บเล็ตจอ 11 นิ้วมา 2 เครื่องพร้อมกันด้วยซ้ำ จนบางทีก็ตกใจว่าเผลอลืมโน๊ตบุ๊คเอาไว้ที่ร้านกาแฟหรือเปล่าเพราะแทบไม่รู้สึกหนักเลย
เวลาพกติดตัวไปทำงานตามร้านกาแฟ ถ้าไม่สะดวกถอดหน้ากากอนามัยก็ใช้วิธีสแกนนิ้วบนปุ่ม Power ของ MSI Prestige 13 Evo แทน หรือถ้านั่งทำงานในบ้านหรือออฟฟิศก็สแกนหน้าปลดล็อคเครื่องได้ แถมเวลานั่งทำงานอยู่ Tobii Aware ก็คอยเช็คสถานะว่าเจ้าของเครื่องนั่งใช้งานโน๊ตบุ๊คอยู่หรือเปล่า แค่ห่างจากเครื่องเกินระยะมือเอื้อมแตะคีย์บอร์ดได้กล้องก็เบลอหน้าจอคอมให้ พอไปเข้าห้องน้ำราว 1 นาที เครื่องก็ล็อคกลับไปหน้า Log In แล้ว เรียกว่าเร็วทันใจไม่ปล่อยโอกาสให้คนอื่นขโมยใช้โดยพลการหรือแอบดูหน้าจอคอมของเราได้เลย เป็นฟีเจอร์รักษาความเป็นส่วนตัวที่ดีมากๆ อย่างหนึ่ง
พอร์ตการเชื่อมต่อก็ครบใช้งานสะดวกไม่ต้องปรับตัวเยอะ เพราะมีทั้ง USB-A 3.2, HDMI, MicoSD Card Reader ติดมาให้พร้อม Thunderbolt 4 อีกคู่ จะหยิบจอมาต่อ โอนไฟล์จาก External SSD หรือ MicroSD Card เข้าคอมมาใช้ทำงานก็ไม่ต้องผ่านตัวแปลงให้เสียเวลา หรือถ้าต้องการพอร์ตอื่นๆ ก็หา USB-C Multiport adapter มาเตรียมเอาไว้ จะเป็น 7-in-1 หรือ 8-in-1 ก็พอใช้งานแล้ว หรือให้ดีแนะนำให้หาจอคอมแบบ Port Hub ที่มี LAN, USB-C Full Function, USB-A เอามาใช้คู่กับ MSI Prestige 13 Evo A13M จะดีมากๆ เวลาต่อใช้งานก็เอาอุปกรณ์ทั้งหมดต่อกับหน้าจอแล้วเอาสาย Thunderbolt 4 เส้นเดียวต่อ MSI Prestige 13 Evo เท่านี้ก็ใช้งานได้เลย สายไม่รกเกะกะถูกใจคนอยากจัดโต๊ะคอมแน่ๆ
อย่างไรก็ตาม ระบบจัดการพลังงานและแบตเตอรี่ของ MSI Prestige 13 Evo A13M ณ วันทดสอบยังใช้งานได้ราว 7 ชั่วโมงครึ่ง ถ้าอิงจากพฤติกรรมส่วนตัว ปกติผู้เขียนจะนั่งทำงานออฟฟิศต่อชาร์จแบตเตอรี่ทั้งวันอยู่แล้วและวันหยุดพกโน๊ตบุ๊คติดตัวไปตามร้านกาแฟแบบ Cafe Hopper เปิดคอมตอบเมล์เขียนงานบ้างเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่มีปัญหาใช้ได้จบทั้งวันแน่นอน แต่ถ้าทำงานหนักกลัวแบตเตอรี่หมดก่อนงานเสร็จแนะนำให้พกพาวเวอร์แบงค์หรือหัวปลั๊กพร้อมสายกำลังชาร์จ 65 วัตต์ขึ้นไปติดกระเป๋าเอาไว้ก็ไม่ต้องกังวลแล้ว
Conclusion & Award
MSI Prestige 13 Evo A13M เป็นโน๊ตบุ๊ค Intel Evo ระดับพรีเมี่ยมซึ่งมีข้อดีน่าประทับใจหลายอย่าง ทั้งพอร์ตครบเครื่อง สเปคแรงทำงานออฟฟิศร้อยแปดได้สบายๆ แถมรักษาความปลอดภัยได้ดีมากจนเกินหน้าเกินตาแบรนด์คู่แข่งด้วยเซนเซอร์สแกนนิ้วหรือสแกนหน้าก็ได้ แถมมี Tobii Aware เอาไว้เบลอภาพหน้าจอและล็อคเครื่องโดยอัตโนมัติเวลาไม่ได้ใช้งาน เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้เจ้าของเครื่องยิ่งขึ้น และจุดแข็งที่ได้ใจใครหลายๆ คนคือน้ำหนักเครื่องเบา 990 กรัม แต่แข็งแรงด้วยบอดี้แม็กนีเซียมอัลลอยด์ รวมแล้วโน๊ตบุ๊คนี้ใส่ทั้งความแข็งแรง, หรูหราและสเปคดีเอาไว้ครบจบในตัวเดียว
ด้านราคาก็ถือว่าไม่เลว เพราะรุ่นเริ่มต้น 41,900 บาท ส่วนตัวท็อป 49,990 ได้สเปคเหมือนกันเกือบหมดยกเว้น SSD มีความจุต่างกันเท่าหนึ่งที่ 512GB กับ 1TB เชื่อว่ารุ่นเริ่มต้นจะทำให้คนอยากลองสัมผัสประสบการณ์โน๊ตบุ๊ค Intel Evo ที่เบาสุดในปัจจุบันและรุ่น 1TB จะดีต่อคนมีไฟล์ในเครื่องเยอะ เปิดใช้งานบ่อยไม่อยากเสียเวลาต่อ External Harddisk ให้วุ่นวาย หยิบเครื่องมาพร้อมทำงานได้ทันที
Awards
Best Mobility
MSI Prestige 13 Evo A13M นอกจากบอดี้แข็งแรงทนทานด้วยวัสดุแม็กนีเซียมอัลลอยด์แล้ว ยังเบาแค่ 990 กรัมเท่านั้น เหมาะกับการพกพามาก เบาจนเหมือนพกแท็บเล็ตเพิ่มอีกเครื่องไม่มีผิด
Best Durability
บอดี้แม็กนีเซียมอัลลอยด์ นอกจากจะทนทานผ่านมาตรฐาน MIL-STD-810H แล้ว งานประกอบยังแข็งแรง ทนทาน มั่นใจว่าพกติดตัวไปไหนไม่ต้องกังวลว่าถ้าเกิดเหตุสุดวิสัยแล้วโน๊ตบุ๊คจะพังอย่างแน่นอน
Best Features
ถึงหน้าตาจะเรียบง่ายไม่มีอะไรมาก แต่ลูกเล่นใน MSI Prestige 13 Evo A13M ถือว่าเยอะล้นตัวไม่ว่าจะพอร์ต Thunderbolt 4 คู่ ต่อหน้าจอแยกและชาร์จแบตเตอรี่ได้, Tobii Aware แถมมีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือกับใบหน้าของผู้ใช้อีกด้วย