ในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา กล้องเว็บแคมในโน้ตบุ๊กกลับมาเป็นสิ่งจำเป็นขึ้นมาอีกครั้ง จากการที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนการประชุมงานมาเป็นแบบออนไลน์มากขึ้น ประกอบกับทางฝั่งผู้ผลิตโน้ตบุ๊กเองก็นำเทคโนโลยีกล้อง IR เข้ามาใส่ และใช้ในการโปรโมตด้วยพอดี จึงทำให้หลาย ๆ ท่านที่กำลังจะซื้อโน้ตบุ๊กใหม่อาจจะสับสนกันบ้างว่ากล้องเว็บแคมที่มี IR นี้มันคืออะไร และจำเป็นต้องมีด้วยหรือเปล่า
IR คืออะไร?
IR เป็นตัวย่อของคำว่าอินฟราเรด (Infrared) ซึ่งก็คือรังสีความร้อน ซึ่งเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความยาวคลื่นอยู่ในช่วง 700 นาโนเมตรถึง 1 มิลลิเมตร อยู่ในช่วงคลื่นที่มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ในปัจจุบันก็มีการนำรังสีอินฟราเรดมาใช้งานอย่างแพร่หลายมานานแล้ว ที่อยู่ใกล้ตัวก็เช่น รีโมทอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก กล้องวงจรปิดสำหรับทำให้กล้องเก็บภาพในที่มืดได้ ปืนวัดอุณหภูมิ เป็นต้น หรือถ้าในอดีตหน่อยก็คือใช้รับส่งข้อมูลระหว่างสองอุปกรณ์ เช่นในโน้ตบุ๊กและมือถือเมื่อซักหลายปีก่อน
ส่วนข้อจำกัดของอินฟราเรดก็คือ ด้วยตัวรังสีที่มีคลื่นยาว ความถี่ต่ำ ทำให้มีพลังในการทะลุทะลวงสิ่งกีดขวางค่อนข้างต่ำ ส่งผลให้รังสีอินฟราเรดจะไม่สามารถทำงานผ่านสิ่งกีดขวางได้ และจะสะท้อนแสงออกจากผิววัตถุ จึงทำให้เมื่อก่อน เวลาที่จะส่งข้อมูลผ่านอินฟราเรด วัตถุทั้งสองจะต้องวางให้เซ็นเซอร์อินฟราเรดอยู่ตรงกัน นอกจากนี้ยังมีระยะในการรับส่งข้อมูลที่สั้นด้วย ทำให้ความนิยมในการใช้รับส่งข้อมูลขนาดใหญ่ลดลง แต่นำมาใช้ในการส่งข้อมูลขนาดเล็กแทน เช่น การส่งข้อมูลจากรีโมทไปยังอุปกรณ์อื่น เป็นต้น
กล้อง IR + กล้องเว็บแคม
กล้องเว็บแคมคือสิ่งที่อยู่คู่โน้ตบุ๊กมาอย่างยาวนาน แต่ที่ผ่านมามักจะถูกนำมาใช้เฉพาะการถ่ายภาพ การพูดคุยแบบวิดีโอคอลเป็นหลัก ต่อมา วงการมือถือเริ่มนำเทคโนโลยีการสแกนใบหน้าที่นำอินฟราเรด และเซ็นเซอร์อื่น ๆ เข้ามาเสริมเพื่อปลดล็อกหน้าจอมาใช้งาน ตัวอย่างที่เห็นได้ค่อนข้างชัดก็คือ Face ID ใน iPhone X เป็นต้น
สำหรับในโน้ตบุ๊กเอง ก็ได้มีการนำเอาอินฟราเรดมาใช้ในการสแกนใบหน้าด้วยเช่นกัน โดยวิธีการใช้งานหลัก ๆ ก็จะใช้ในการยิงคลื่นอินฟราเรดมายังใบหน้าของผู้ใช้งาน แล้วจับตำแหน่งของอวัยวะและพื้นผิวในจุดต่าง ๆ ของใบหน้า เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลใบหน้าที่ผู้ใช้เพิ่มไว้ในเครื่องเองอีกที ต่างจากการใช้กล้องปกติในการเก็บภาพ เพราะกล้องปกติจะสามารถรับภาพได้เฉพาะในช่วงคลื่นแสงที่มนุษย์มองเห็นเท่านั้น ซึ่งยังไม่ละเอียดเพียงพอ ส่งผลถึงการนำข้อมูลใบหน้าไปเปรียบเทียบกับข้อมูลที่มีอยู่ในฐานข้อมูล ที่อาจทำได้ช้า และมีความปลอดภัยต่ำ เพราะข้อมูลที่ใช้เทียบนั้นไม่ละเอียดเพียงพอ
นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นที่สามารถสแกนใบหน้าได้แม้จะอยู่ในบริเวณที่สภาพแสงไม่เอื้ออำนวย หรือมีแสงน้อย โดยอาศัยคุณสมบัติของคลื่นอินฟราเรด อย่างในภาพด้านบนก็เป็นภาพตัวอย่างที่ได้จากกล้องอินฟราเรดที่ Microsoft ใช้อ้างอิง จะเห็นว่าหากใช้ภาพในสภาพแสงจริง (ฝั่งซ้าย) รายละเอียดบนใบหน้าจะไม่ค่อยชัดเจนมากนัก โดยเฉพาะส่วนที่อยู่ในเงา แต่พอเป็นอีกฝั่งหนึ่งที่ได้จากกล้องอินฟราเรด จะมีรายละเอียดชัดขึ้น สามารถนำข้อมูลรูปร่างของคิ้ว ตา จมูก ปากไปใช้ในการตรวจสอบกับฐานข้อมูลใบหน้าที่เก็บไว้ในเครื่องได้ดีกว่า
และจุดเด่นอีกข้อของการนำอินฟราเรดมาใช้ในการสแกนใบหน้าก็คือ มันสามารถป้องกันการปลอมแปลงใบหน้าได้ในระดับหนึ่ง เช่น ป้องกันการนำภาพถ่าย ภาพที่อยู่ในหน้าจอมาใช้สแกนแทนใบหน้าจริง เนื่องจากความยาวคลื่นที่ต่างกัน ทำให้กล้องไม่สามารถจับภาพผ่านภาพถ่ายหรือหน้าจอใด ๆ แต่ที่ผ่านมา ก็มีผู้โจมตีในจุดนี้ได้อยู่เหมือนกัน แต่จะต้องใช้ภาพถ่ายที่มาจากกล้องอินฟราเรดผสานกับกล้อง RGB ด้วย เพื่อนำมา process รวมเป็นภาพเดียวกัน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับบุคคลทั่วไป ดังนั้นการใช้กล้องอินฟราเรดในการสแกนใบหน้าก็ยังเป็นฟีเจอร์ที่ยังสามารถใช้งานได้อยู่ในปัจจุบัน
ในการนำกล้อง IR มาใส่ในโน้ตบุ๊ก จะมีทั้งแบบทำเป็นกล้องแยกออกมา และแบบที่รวมเข้ามาในโมดูลกล้องเว็บแคมเลย ซึ่งก็แล้วแต่ทางผู้ผลิตโน้ตบุ๊กจะเลือกใช้ แต่หน้าที่และความสามารถนั้นไม่ต่างกัน คือใช้ช่วยในการสแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกหน้าจอ รวมถึงใช้ทดแทนการพิมพ์รหัสผ่านเพื่อจุดประสงค์ด้านความปลอดภัยของข้อมูลภายในเครื่องเป็นหลัก โดยทำงานร่วมกับฟีเจอร์ Windows Hello ที่มีอยู่ในตั้งแต่ Windows 10 เป็นต้นมา เพื่อตรวจสอบและแยกแยะใบหน้าผู้ใช้งาน
ทั้งปลอดภัยและสะดวกด้วย Windows Hello
Windows Hello คือหนึ่งในฟีเจอร์ที่เป็นจุดขายของ Windows 10 และ 11 ทั้งกับทางฝั่ง Microsoft เอง รวมถึงฝั่งผู้ผลิตโน้ตบุ๊ก เพราะจุดประสงค์ของฟีเจอร์นี้คือช่วยเสริมด้านการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากในยุคนี้ ในขณะเดียวกันก็ยังเป็นการแก้จุดอ่อนด้านความยากในการใช้งานด้วย เพราะปกติแล้วการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลในเครื่องที่ผ่านมา มักจะใช้การพิมพ์รหัสผ่านเพื่อปลดล็อกหน้าจอ ซึ่งในบางสถานการณ์ ผู้ใช้ก็อาจจะไม่สะดวกในการพิมพ์ รวมถึงยังเสียเวลาอีกด้วย
ทำให้ Windows Hello ออกแบบมาให้สามารถใช้ข้อมูล biometric ในการปลดล็อกความปลอดภัยได้ โดยอาศัยการสแกนใบหน้า ที่บังคับว่าต้องมีกล้อง IR ด้วย เพื่อใช้ร่วมกับคลื่น near infrared จึงจะสามารถใช้ฟีเจอร์นี้ได้ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ระบบรักษาความปลอดภัย โดยทาง Microsoft ออกแบบให้สามารถสแกน ยืนยัน และปลดล็อกหน้าจอได้ภายในเวลาไม่เกิน 2 วินาทีเท่านั้น รวมถึงยังมีตัวเลือกในการสแกนลายนิ้วมือ และการใส่รหัสพินก็ได้เช่นกัน
สำหรับการเปิดใช้งานการสแกนใบหน้าใน Windows 11 สามารถเข้าไปได้ที่ Settings > Accounts > Sign-in options แล้วดูที่ส่วนบนสุด ซึ่งจะมีวิธีต่าง ๆ ให้ใช้งาน โดยถ้าเครื่องรองรับ ก็จะสามารถตั้งค่าได้ทันที ส่วนใน Windows 10 สามารถดูขั้นตอนการตั้งค่าได้ที่นี่ นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบได้ด้วยว่าเครื่องที่ใช้อยู่มีกล้องอินฟราเรด หรือเปล่า ก็คือดูที่หัวข้อ Sign-in options ได้เช่นกัน ถ้าไม่มี ตรงใต้หัวข้อ Facial recognition (Windows Hello) จะมีแจ้งไว้เลยว่าตัวเลือกนี้ไม่สามารถใช้งานได้ (This option is currently unavailable) ตามในภาพด้านบน
ส่วนอีกวิธีที่ไว้ใช้เช็คได้แบบง่าย ๆ ก็คือตอนหน้าจอล็อกเครื่อง ให้ลองเปิดแอปกล้องในมือถือ แล้วส่องไปที่บริเวณกล้องเว็บแคมของโน้ตบุ๊ก ส่วนใหญ่แล้ว ถ้าเครื่องมีกล้องอินฟราเรดอยู่ ก็จะมีแสงสีชมพู-ม่วงกระพริบเป็นระยะ ๆ ตัวอย่างเช่นในภาพด้านบน
ส่วนวิธีการใช้กล้อง IR กับฟีเจอร์ Windows Hello เพื่อปลดล็อกหน้าจอก็ง่ายมาก ๆ เพียงแค่หันหน้าเข้าหาหน้าจอขณะที่อยู่ในหน้าล็อกสกรีน เพียงเท่านี้ก็ล็อกอินได้เรียบร้อยแล้ว ทั้งยังสามารถใช้ในที่มีแสงน้อยได้อีกด้วย
นอกจากกล้อง IR แล้ว ในช่วงหลังมานี้ ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กยังมีการเพิ่ม proximity sensor สำหรับวัดระยะห่างจากวัตถุเข้ามาด้วย เพื่อใช้ตรวจสอบว่ามีคนอยู่หน้าจอหรือเปล่า ซึ่งจะทำงานเสริมกับกล้องอินฟราเรด ในการล็อกอินด้วย Windows Hello พอดี ทำให้ผู้ใช้สามารถเดินเข้ามาที่เครื่อง นั่งลงตรงหน้าจอ กล้องก็จะจับภาพ ถ้ายืนยันตัวตนถูกต้อง เครื่องก็จะปลดล็อกจอและพร้อมใช้งานได้ทันที โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องใช้นิ้วแตะเครื่องเลยแม้แต่น้อย ส่วนพอผู้ใช้เดินออกจากหน้าเครื่อง ระบบก็จะจับได้ว่าไม่มีคนอยู่ แล้วทำการล็อกหน้าจอทันที เหมาะสำหรับการทำงานในพื้นที่ที่มีคนพลุกพล่าน เพื่อป้องกันความปลอดภัยให้กับข้อมูลภายในเครื่อง
ซื้อโน้ตบุ๊กใหม่ จำเป็นต้องมีกล้องเว็บแคม IR หรือเปล่า?
สำหรับใครที่มีแผนจะซื้อโน้ตบุ๊กใหม่ แล้วลังเลว่าจำเป็นจะต้องเลือกรุ่นที่มาพร้อมกล้องเว็บแคมที่มี IR หรือเปล่า เพราะรุ่นที่มีก็มักจะอยู่ในกลุ่มโน้ตบุ๊กบางเบา ประสิทธิภาพสูง สำหรับใช้ทำงานได้แทบทุกรูปแบบ มีราคาตั้งแต่ประมาณ 30,000 บาทขึ้นไปเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความต้องการเลย ว่าอยากใช้ฟีเจอร์ Windows Hello ในการสแกนและปลดล็อกหน้าจอด้วยใบหน้าหรือเปล่า แนะนำว่าหากมีงบตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป ต้องการโน้ตบุ๊กไปใช้ทำงานระดับออฟฟิศ งานกราฟิกแบบที่สามารถพกพาไปทำงานได้แบบคล่องตัว การเลือกซื้อโน้ตบุ๊กที่มีกล้องอินฟราเรด มาในตัวด้วยก็ดี
ด้านของกลุ่มเกมมิ่งโน้ตบุ๊ก ส่วนใหญ่แล้วจะยังไม่มีกล้องอินฟราเรดมาให้ ซึ่งส่วนหนึ่งก็อาจจะเป็นเรื่องต้นทุน ทำให้ถ้าใครอยากจะใช้งานกล้องอินฟราเรด แต่ไม่อยากซื้อโน้ตบุ๊กใหม่ ก็พอจะหาซื้อกล้องเว็บแคมแยกแบบที่รองรับฟีเจอร์ Windows Hello จากแบรนด์ยอดนิยมมาใช้งานได้ แต่ราคาก็สูงใช้ได้ทีเดียว เช่น Logitech Brio 4K ที่มีวางขายในไทย โดยมีราคาอยู่ในช่วง 5,000 – 8,000 บาท (ราคาปลีกหน้าร้านส่วนใหญ่อยู่ที่ 6,990 บาท)
ดังนั้น ถ้าจำเป็นต้องใช้ Windows Hello ก็ควรเลือกโน้ตบุ๊กที่มีกล้องอินฟราเรดในตัวมาตั้งแต่แรกเลยจะดีที่สุด