ข้อจำกัดหนึ่งของ SSD พกพาคือมักใช้งานได้แค่ อุปกรณ์ใด อุปกรณ์หนึ่งเท่านั้น เมื่อจะใช้งานกับอุปกรณ์อื่นก็ต้องถอดสายไปต่อ ซึ้ง Synology BeeDrive เองก็เห็นข้อจำกัดนี้ ไหนๆตัวเองก็เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์บนเครือข่ายรายใหญ่แล้วจะทำแค่ SSD พกพาอย่างเดียวไปทำไม ก็ทำให้มันแชร์กับอุปกรณ์ได้ไปเลยสิอย่าง BeeDrive
ถ้าจะให้อธิบายว่า BeeDrive คืออะไร ถ้าบอกว่าไม่ใช่แค่ SSD พกพาทั่วไป ผมก็คงบอกว่ามันคือ Nas พกพาที่ต่อผ่านพอร์ต USB แทนที่จะเป็น Lan ก็คงได้ เพราะถ้าเราไม่ลงซอฟแวร์เพิ่มเติมมันก็สามารถเชื่อต่อผ่าน USB ใช้เป็น SSD พกพาได้ แต่ถ้าเราลงโปรแกรมของทาง BeeDrive เพิ่มไป จะทำให้เราสามารถเปลี่ยน BeeDrive เพื่อ Backup Windows ได้ และถ้าเราลงทะเบียน โหลดแอปเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนด้วย จะทำให้เราสามารถโอนไฟล์จากสมาร์ทโฟนไปเก็บที่ตัว BeeDrive ได้ด้วย ทำให้ BeeDrive สามารถใช้งานได้แบบ 2 in 1 ทั้งมีสายและไม่มีสาย
นอกจากนั้น BeeDrive ยังมาพร้อมสเปคเพียบพร้อมในแบบ SSD พกพา ทั้งความจุที่มีให้เลือกทั้ง 1-2TB ความเร็วการอ่านเขียนสูงสุด 1,050 MB/s ด้วยพอร์ต USB-C มาตรฐาน USB 3.2 Gen 2 และพกพาได้สบายๆด้วยน้ำหนักเพียง 43 กรัม เท่านั้น
หลักการทำงานของ BeeDrive
กล่องของ BeeDrive แบบรักษ์โลกตามสไตล์ ของ Synology โชว์หน้าตา พร้อมความจุ และสเปคเบื้องต้นครบครัน
อุปกรณ์ภายในกล่องจะมีตัว BeeDrive คู่มือ สายเชื่อมต่อแบบ USB-C to USB-C และหัวแปลง USB-C to USB-A
สาย USB-C to USB-C คุณภาพดีทีเดียว รองรับมาตรฐาน USB 3.2 Gen 2
BeeDrive ใช้วัสดุพลาสติกสีดำ คุณภาพดี ขนาดเล็กกะทัดรัดน้ำหนักเบามากๆ สามารถใส่กระเป๋าเสื้อพกพาได้สบาย รูปทรงเป็นสีเหลี่ยมจตุรัส ถ้าเทียบขนาดผมว่าประมาณที่รองแก้วได้
โดยจะมีโลโก้ BeeDrive อยู่ตรงกลางด้านหนึ่ง ส่วนอีกด้านจะเป็น รายละเอียดสเปค พร้อม QR สแกนเพื่อโหลดแอป
พอร์ตเชื่อมต่อหลัก USB-C
ลองเชื่อมต่อสาย เอาจริงๆ ผมว่าสายแข็งแรงมากพอที่จะให้เจ้า BeeDrive ตั้งลอยๆ โดยที่ไม่ต้องวางไว้บนโต๊ะก็ยังได้ มุมด้านข้างจะเป็นไฟแสดงสถานะการเชื่อมต่อสีขาว
ไฟแสดงสถานะ จะติดก็ต่อเมื่อมีการโอนถ่ายข้อมูล ไปจนถึงการโอนถ่ายเมื่อเชื่อมต่อผ่านแอปด้วย ถ้าเชื่อมต่อไว้แล้วมีไฟกะพริบแสดงว่ามีผู้ใช้กำลังโอนถ่ายข้อมูลเข้ามาที่ตัว BeeDrive
สเปคของตัว BeeDrive
ความเร็วการอ่านระดบ 1,053 MB/s และเขียนที่ 828 MB/s ตามสเปค แม้จะไม่ได้ใช้งานคู่กับแอปก็ใช้งานได้เหมือน SSD พกพาทั่วไป
BeeDrive จะมีโปรแกรมที่สามารถติดตั้งกับ Windows อยู่ในไดร์ฟมาเลย เมื่อเราติดตั้งแล้วโปรแกรมจะถามเราว่าจะ Backup จาก Windows เราเข้ามาเลยไหม ซึ่งเราสามารถเลือกให้ว่าจะ Backup อะไรเข้ามาบ้าง
ซึ่งเมื่อติดตั้งโปรแกรมเร็จครั้งแล้ว จะเข้ามาที่หน้าสถานะของตัว BeeDrive โชว์ความจุ แบ่งเป็นรูปแบบไฟล์ สถานะของตัวไดร์ฟ และสเตตัสของตัวไดร์ฟว่ากำลังทำอะไรอยู่ เช่นกำลัง Backup ข้อมูล ก็จะมีโลโก้กำลังโหลดข้อมูลอยู่ ซึ่งเรายังสามารถโอนถ่ายไฟล์ อื่นๆไปพร้อมกันได้
เมนูต่อมาจะเป็นสถานะ Backup เครื่องที่เราติดตั้งโปรแกรมและกำลังใช้งานอยู่ พร้อมเวลาที่เราสำรองข้อมูลล่าสุด
อีก 2 เมนูจะเป็นการตั้งค่าไฟล์ซิงค์กับเครื่องพีซี และสุดท้ายเป็นการตั้งค่าเพื่อเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนซึ่งตัวโปรแกรมจะสร้าง QR Code ให้เราสแกนเพื่อเชื่อมต่อ
แต่ก่อนจะเชื่อมต่อได้ ต้องโหลดแอป BeeDrive ลงสมาร์ทโฟนก่อน Android , IOS และต้องอยู่ในวงไวไฟเดียวกัน พร้อมเชื่อมต่อแบบ 2.4 GHz (ตรงนี้สำคัญมาก ตอนแรกต่อ 5 GHz แล้วสแกนยังไงก็ไม่ติดสักที สรุปต้องเป็น 2.4 GHz ทั้งคู่พีซีและสมาร์ทโฟน) และณ วันที่รีวิว BeeDrive ยังมีโปรแกรมที่รองรับเฉพาะ Windows เท่านั้น ส่วน Mac OS ยังอยู่ในสถานะรออัพเดทอยู่
การเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนก็ไม่ยุ่งยาก แค่สแกน QR จกโปรแกรมบนเครื่องพีซี ตัวแอปก็จะเชื่อมต่อให้ พร้อมแนะนำการสำรองข้อมูล ซึ่จะมีเฉพาะรูปเท่านั้น แต่จะมีให้เลือกทั้งสำรองทั้งหมด และสำรองเฉพาะรูปใหม่ก็ได้
เมื่อเชื่อมต่อพร้อมสำรองข้อมูลแล้ว ตัวแอปบนสมาร์ทโฟนก็จะแสดงสถานะความจุของ BeeDrive เหมือนบนเครื่องพีซี ซึ่งถ้าเราต้องการสำรองข้อมูล หรือส่งข้อมูลไปที่ BeeDrive ก็เพียงแค่กดปุ่มตรงกลาง จะมีให้เลือกส่งได้ทั้งรูปภาพ วีดีโอ หรือไฟล์รูปแบบอื่นๆก็ได้ จากนั้นโปรแกรมจะให้เราเลือกข้อมูลที่ต้องการ แล้วกดส่งได้เลย
จากเราเลือกไฟล์สำรองข้อมูลแล้ว ไฟล์ก็จะถูกส่งไปที่ตัว BeeDrive และเราสามารถเช็คจากเครื่องพีซีของของเราได้แบบทันทีเลย ซึ่งสะดวกกับสายถ่ายรูปดีทีเดียว เพราะส่งมาแต่งที่พีซีได้เลย ผมว่าหลักการมันคล้าย Airdrop ของ Apple แต่ BeeDrive มาประยุกค์ให้สามารถใช้งานได้ทุก OS
แต่เท่าที่ลองมายังมีข้อจำกัดอยู่พอสมควรคือถ้าเป็นไฟล์ขนาดใหญ่เช่นวีดีโอที่มีความจุระดับกิ๊กกะไบท์ มีโอกาสส่งไม่ผ่านสูงมาก รวมไปถึงไฟล์รูปเองที่แม้ส่วนใหญ่จะส่งได้สมบูรณ์ แต่ก็มีโอกาสที่บางรูปจะส่งไม่ผ่านได้เช่นกัน ซึ่งโปรแกรมจะแจ้งสถานะชัดเจนและเที่ยงตรงเลยทีเดียว
BeeDrive ถ้าเรามองเป็นแค่ SSD พกพาอาจจะไม่ได้ต่างไปจากของเจ้าอื่นทั่วไป ทั้งความเร็วการอ่านเขียน ขนาดที่สามารถทำได้ดีตามมาตรฐาน แต่สิ่งที่ทำให้ BeeDrive แตกต่างจาก SSD พกพาทั่วไปคือการนำเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายอันเป็นจุดเด่นของ Synology มาประยุกค์ได้อย่างน่าสนใจ ทำให้แค่การเชื่อมต่อ USB สามารถส่งไฟล์แบบ Airdrop จากสมาร์ทโฟนได้ ทันทีและรวดเร็ว ทำให้ไม่ต้องมาถอดสายไปมาให้ยุ่งยาก ถ่ายรูปปุ๊ป โอนเข้าพีซีได้ทันที ไม่จำกัดอยู่แค่เฉพาะอุปกรณ์ของ Apple เท่านั้น
ราคา BeeDrive
- 1 TB – 5,990 บาท
- 2 TB – 8,990 บาท
จุดเด่น
- สเปคดี อ่านเขียนเร็ว
- กะทัดรัดพกพาสะดวก
- มีโปรแกรมช่วยสำรองข้อมูล
- โอนถ่ายไฟล์จากสมาร์ทโฟนแบบไร้สายได้
ข้อสังเกต
- ยังไม่รองรับ Mac OS ในตอนนี้
- โอนถ่ายไฟล์ขนาดใหญ่ยังไม่เสถียร
- ราคาต่อความจุถือว่าสูง