Connect with us

Hi, what are you looking for?

CONTENT

โน๊ตบุ๊คจอ OLED vs Mini-LED แบบไหนดีกว่ากัน

เวลาจะเลือกซื้อโน้ตบุ๊กใหม่ซักเครื่อง นอกจากเรื่อง CPU การ์ดจอ ความแรง ขนาดเครื่องแล้ว ประเภทของจอก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญสำหรับการเลือกซื้อด้วยเช่นกัน เพราะเป็นจุดที่แสดงภาพสู่สายตาของผู้ใช้งานแบบโดยตรง ทำให้ผู้ผลิตต่างก็สรรหาเทคโนโลยีจอแบบต่าง ๆ มาเป็นจุดขาย โดยเฉพาะเรื่องของพาเนลจอ ที่ในปัจจุบันก็เข้าสู่ยุคของจอ OLED กันไปพอสมควรแล้ว แถมยังมีพาเนลแบบ Mini-LED เพิ่มเข้ามาอีก เรามาดูกันดีกว่าว่าทั้งสองแบบต่างกันอย่างไร แบบไหนดีกว่ากัน และควรเลือกซื้อจอ หรือโน้ตบุ๊กที่มาพร้อมจอแบบไหนดี

จอ OLED vs Mini-LED

Advertisement

จอ OLED

OLED ย่อมาจาก Organic Light-Emitting Diode แปลเป็นไทยแบบง่าย ๆ ก็คือเป็นการทำให้เกิดภาพโดยใช้ไดโอดที่เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่สามารถเปล่งแสงได้ในตัวเอง สำหรับการนำมาใช้ทำจอคอม จอทีวี จะใช้การผลิตมาเป็นลักษณะคล้ายแผ่นฟิล์ม ซึ่งด้วยการที่มันสามารถเปล่งแสงได้ในตัวเมื่อได้รับกระแสไฟฟ้า จึงทำให้ไม่จำเป็นต้องมีแผงหลอดไฟให้ความสว่างด้านหลัง (backlight) เหมือนกับพวกจอ LCD และ LED

OLED chemicals

หากเทียบโครงสร้างกับจอ LCD/LED แบบง่าย ๆ ก็จะเป็นแบบภาพด้านบน จะเห็นได้ว่าโครงสร้างส่วนการแสดงผลของ OLED จะมีความเรียบง่ายกว่า เพราะมีเพียงแค่ชั้นฟิล์มเท่านั้น และตัวฟิล์มเองก็สามารถแสดงผลในแต่ละจุด แต่ละพิกเซลได้เองอย่างอิสระ ในขณะที่จอ LCD/LED จะมีแผงหลอดไฟ backlight ให้แสงสว่างด้านหลัง มีแผงคริสตัลเหลวในการควบคุมการส่องผ่านของแสง โดยอาศัยการบิดตัวของคริสตัลตามข้อมูลควบคุมการแสดงภาพ จากนั้นแสงก็จะมาส่องผ่านชั้นฟิลเตอร์ เพื่อให้แต่ละพิกเซลแสดงสีสันออกมาตามข้อมูลที่ส่งมาอีกที แต่ที่จริงแล้ว จอจะมีแผงฟิลเตอร์ แผงควบคุมต่าง ๆ ซ้อนกันอยู่อีกหลายชั้นนะครับ

จากกระบวนการในการแสดงภาพที่กล่าวไปข้างต้น เราจึงจะเห็นข้อดีแบบชัดเจนที่สุดของ OLED ก็คือแต่ละพิกเซลสามารถแสดงสีสันได้ชัดเจน สดใส (แต่ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพจอด้วย) และที่สำคัญคือ ส่วนที่ภาพเป็นสีดำ ก็จะเกิดจากการที่ส่วนควบคุมไม่ได้จ่ายไฟไปยังพิกเซลนั้น จึงทำให้สีดำออกมาดำสนิทตามความดำทางกายภาพของจอจริง ๆ ด้วย ส่งผลให้ภาพจาก OLED ดูมีมิติ มีคอนทราสต์ที่สูงมาก รวมถึงยังมีมุมมองของภาพที่กว้างด้วย เพราะมันแทบจะเปรียบได้กับการที่เรามองหลอดไฟตรง ๆ เลยนั่นเอง ไม่ว่าจะมองจากมุมเอียงขนาดไหน สีสันของหลอดไฟก็แทบจะไม่เพี้ยนเลย หรืออาจจะมีเพี้ยนบ้างก็น้อยมาก ๆ ซึ่งอาจเกิดจากการสะท้อนแสงของผิวกระจกที่ครอบทับหน้าจอเอง

ASUS Zenbook New DSC01859

สรุปจอประเภท OLED

ข้อดี

  • สีสันสดใส คอนทราสต์สูง ส่วนที่ดำ สามารถแสดงออกมาได้ดำสนิทกว่าจอประเภทอื่น และไม่เกิดอาการแสงรั่วเลย
  • ด้วยการใช้ส่วนแสดงผลเป็นแบบแผ่นฟิล์ม ทำให้สามารถดัดจอให้โค้งได้
  • ถ้าแสดงภาพที่มีสีดำมาก ๆ จะประหยัดไฟกว่าจอประเภทอื่น เพราะเป็นการไม่จ่ายกระแสไฟไปยังพิกเซลนั้นเลย
  • Response time ต่ำ เพราะสามารถควบคุมการเปลี่ยนภาพ เปลี่ยนความสว่างและสีในแต่ละพิกเซลได้อย่างรวดเร็ว โดยทั่วไปสามารถทำได้ในระดับ 0.2 ถึง 3 ms เลยด้วย ในขณะที่จอ IPS LED จะอยู่ที่ประมาณ 4 ms ขึ้นไป หรือต่ำกว่านี้ในรุ่นสูง ๆ ที่มีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริม

ข้อสังเกต

  • ในกรณีที่ใช้แสดงภาพแบบนิ่ง ๆ ที่ไม่มีการเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้พิกเซลเกิดปัญหา burn-in (ภาพค้างเป็นรูป แม้จะปิดจอไปแล้ว) จึงอาจจะไม่เหมาะใช้เป็นจอคอมที่ต้องเปิด standby จอนิ่ง ๆ เป็นเวลานาน

Screenshot 2566 06 25 at 2.20.34 PM

ภาพด้านบนก็เป็นตัวอย่างของอาการ burn-in ที่เกิดกับจอประเภท OLED ในมือถือ ซึ่งมีโอกาสเกิดได้สูงมาก เพราะปกติจอมือถือจะมีส่วนที่แสดงผลค้างจอจุดใดจุดหนึ่งอยู่เสมอ เช่นถ้าเมื่อก่อนก็จะเป็นแถบปุ่ม navigation ด้านล่าง ที่มีปุ่มย้อนกลับ ปุ่มโฮมแบบในภาพ รวมถึงตรงบริเวณแถบ notification ด้านบนสุดของจอด้วย ซึ่งในปัจจุบันทางผู้ผลิตและฝั่ง Google เองก็ใช้การ swipe จอเพื่อใช้งานฟังก์ชันเหล่านี้แทน ทำให้ไม่จำเป็นต้องมีส่วนที่แสดงค้างจอนาน ๆ อีก

ส่วนทางฝั่งจอคอม จุดที่ต้องระวังหากใช้จอประเภทนี้ก็คือแถบ taskbar ที่ต้องมีการแสดงค้างไว้บนจอตลอดเวลานั่นเอง ซึ่งก็มีวิธีป้องกันอาการ burn-in อาทิ การตั้งให้แถบ taskbar ซ่อนตัวไปเมื่อไม่ได้ใช้งาน หรือมีการตั้งให้มี screen saver แบบที่ภาพบนจอไม่หยุดนิ่ง หรืออาจจะเป็นการตั้งให้ปิดหน้าจอไปเลยถ้าไม่ได้ใช้งานนาน ๆ เป็นต้น

Screenshot 2566 06 25 at 3.38.23 PM

จอ Mini-LED

เป็นจอที่เพิ่งเริ่มแพร่หลายในท้องตลาดเมื่อช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้เอง โดยหลัก ๆ ก็คือมาจาก Apple ที่เปิดตัว iPad Pro 12.9″ รุ่นปี 2021 จากนั้นก็เข้ามาสู่วงการโน้ตบุ๊กใน MacBook Pro 14″ และ 16″ ที่เปิดตัวในช่วงปลายปีเดียวกันนั้นเอง โดยถ้าให้พูดถึงจุดเด่นของจอ Mini-LED แบบง่าย ๆ เลยก็คือ มันเป็นจอ LED ที่เหนือกว่าจอ LED ทั่วไป และมีประสิทธิภาพที่ขึ้นไปใกล้เคียง OLED มาก ๆ แล้วในปัจจุบัน

หลักการทำงานของจอ Mini LED ก็จะเหมือนจอ LED/LCD ทั่วไปที่เราคุ้นเคยกันดี กล่าวคือมีแผงหลอดไฟ backlight ด้านหลัง ให้แสงสว่างส่องผ่านแถบผลึกคริสตัลเหลว ทะลุมาถึงชั้นฟิลเตอร์เพื่อแสดงภาพออกมาตามปกติเลย แต่มีการปรับแต่งที่แผงไฟ backlight ไปใช้หลอดไฟ LED ขนาดเล็กกว่าปกติ และใช้หลอดไฟเป็นปริมาณมาก ทำให้สามารถควบคุมโซนความสว่าง สีสันของแต่ละบริเวณของภาพได้แม่นยำกว่าจอ LED ปกติ หรือถ้าเทียบกับจอทีวี ก็คือมีการ local dimming ได้ดีนั่นเอง

Screenshot 2566 06 25 at 2.41.02 PM

ถ้าเทียบจำนวนหลอด LED ที่ใช้ ตัวของ MacBook Pro 16″ ทาง Apple ระบุไว้บนหน้าเว็บไซต์ว่ามีหลอด LED อยู่ร่วม 10,000 หลอดต่อหนึ่งจอ ส่วนถ้าเป็นจอ LED ปกติก็จะขึ้นอยู่กับราคาด้วยว่าจะวางหลอดแบบไหน เช่นถ้ารุ่นราคาไม่สูงมาก ก็มักจะวางหลอด LED แค่บริเวณขอบจอแค่หลักสิบดวงเท่านั้น (Edge lighting) หรือถ้ารุ่นสูงหน่อย ก็จะมีวางกระจายอยู่ทั่วจอ สำหรับจอทีวี จะมีอย่างมากสุดก็แค่หลักพันหลอดเท่านั้น

จำนวนหลอด LED มีความสำคัญอย่างไร?

Screenshot 2566 06 25 at 2.37.32 PM

ดูจากภาพด้านบนนี้จะเห็นชัดสุดครับ ภาพซ้ายคือจอ LED ที่มีหลอดไฟอยู่แค่ที่ขอบจอเท่านั้น เวลาที่ต้องแสดงภาพที่มีความสว่าง โดยมีพื้นหลังมืด การทำงานของจอก็คือจะต้องเปิดหลอดไฟตรงบริเวณที่ต้องแสดงภาพขึ้นมา ทีนี้จะเห็นว่าถ้าหลอดไฟอยู่แค่ที่ขอบ หรือมีหลอดไฟน้อย มันก็ต้องพยายามเปิด จนทำให้ภาพส่วนมืดของจอมันมีแสงสว่างแลบมาจากด้านหลังด้วย ส่งผลให้ภาพไม่ดำสนิทอย่างที่ควรจะเป็น

ภาพขวาสุดคือ OLED ที่สามารถควบคุมการแสดงผลของแต่ละพิกเซลได้เลย ทำให้จอจะแสดงภาพเฉพาะส่วนที่จำเป็นเท่านั้น ส่วนที่เป็นสีดำก็จะไม่แสดงอะไรออกมาเลย ทำให้ภาพออกมาดำสนิท มีมิติ มีคอนทราสต์สูง

ส่วนภาพกลางคือจอ Mini LED จะเห็นว่าตัวจอมีจำนวนหลอดไฟมากกว่า LED ปกติอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังสามารถควบคุมการเปิดปิดของหลอดไฟในแต่ละจุด แต่ละโซนได้แม่นยำกว่า โซนไหนที่เป็นท้องฟ้ามืด ก็จะได้ภาพที่ดูมืดกว่าด้วย แต่ด้วยความที่จำนวนหลอดไฟมันยังไม่มากเท่ากับจำนวนหลอดของจอประเภท OLED เลยจะทำให้บริเวณขอบภาพมีความสว่างฟุ้งอยู่บ้าง เพราะมันตกอยู่ในโซนที่จำเป็นต้องเปิดหลอดไฟด้วยนั่นเอง แต่ยังไงก็ฟุ้งน้อยกว่าจอ LED ปกติแน่นอน ซึ่งอาการฟุ้งแบบนี้จะมีชื่อเรียกว่าเป็น blooming effect หรือ halo effect

Screenshot 2566 06 25 at 2.55.06 PM

เทียบภาพจากจอทั้งสามแบบอีกทีครับ จะเห็นอาการภาพฟุ้งแบบชัดเจนมากที่บริเวณขอบตัวนกที่อยู่หน้าช่องถ้ำ ส่วนถ้าอยากเช็คอาการ blooming effect ของจอที่ใช้อยู่ ลองเข้าไปเปิดคลิปนี้ก็ได้ แนะนำว่าควรเปิดในห้องมืดนะครับ จะได้มองเห็นแสงขาวฟุ้ง ๆ ที่ขอบวัตถุในคลิปได้ชัดเจน

Review Apple MacBook Pro 14 M1 Pro SpecPhone 26

ในภาพด้านบนเป็นภาพจากจอ MacBook Pro 14″ 2021 ที่ผมเคยทดสอบไว้ จะเห็นว่ามันยังมีแสงฟุ้งอยู่บ้างที่ขอบบนและล่างของสี่เหลี่ยมสีขาว ส่วนของจอประเภท OLED จะแทบไม่มีแสงฟุ้งออกมาเลย ขึ้นอยู่กับคุณภาพจอและกระจกที่ปิดทับ ถ้าใครมีมือถือที่เป็นจอประเภท OLED, AMOLED หรือ P-OLED ก็ลองทดสอบกันดูได้

สิ่งหนึ่งที่เป็นข้อดีแบบสุด ๆ ของจอ Mini LED ก็คือ มันไม่มีปัญหาเรื่องจอ burn-in ในลักษณะเดียวกับ OLED ดังนั้นจึงตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลายกว่า จะใช้ทำงานทั่วไปก็ดี ดูหนังก็เยี่ยม หรือถ้าจำเป็นต้องเปิดจอทิ้งไว้ก็แทบไม่ต้องห่วงมากนัก

แต่จุดที่อาจทำให้จอ Mini-LED ยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก ก็คือเรื่องของราคา เนื่องจากมันยังเป็นเทคโนโลยีใหม่อยู่ เมื่อเทียบกับ OLED ที่มีการคิดค้นและพัฒนามาแล้วอย่างยาวนาน จึงทำให้เรายังไม่ค่อยพบกับโน้ตบุ๊กจอ Mini LED มากนัก จะมีก็คือกลุ่มของ MacBook Pro 14″ และ 16″ ราคาเริ่มต้น 70,000 กว่าบาท ส่วนฝั่งโน้ตบุ๊ก Windows ก็จะเป็นกลุ่มเครื่องราคาสูงระดับไฮเอนด์ เน้นตีตลาดครีเอเตอร์ในราคาหลักแสน ในขณะที่โน้ตบุ๊กจอประเภท OLED ในปัจจุบันสามารถหาซื้อได้ในราคาเริ่มต้นไม่ถึง 20,000 บาทเท่านั้นเอง

สรุปจอ Mini-LED

ข้อดี

  • สีสันดีเยี่ยม ความสว่างสูง คอนทราสต์ไกล้เคียงกับ OLED
  • กินไฟต่ำ เพราะสามารถคุมการเปิดปิดของหลอดไฟเป็นโซน ๆ ได้ละเอียด
  • ตามทฤษฎี ต้นทุนการผลิตจะต่ำกว่า OLED
  • ไม่มีปัญหาเรื่องจอ burn-in

ข้อสังเกต

  • ในตอนนี้ ต้นทุนการผลิตชิป LED ยังสูงอยู่ จึงยังไม่แพร่หลายนัก
  • คุณภาพของภาพในบางจุด ยังไม่ถึงระดับ OLED เช่น ยังมีแสงฟุ้งอยู่บ้างตามลักษณะโครงสร้างของจอ

MSI Creator 17 i7 RTX 2070s Review 53

โน้ตบุ๊ก OLED vs Mini-LED เลือกแบบไหนดี

สำหรับสถานการณ์ในปัจจุบัน ต้องบอกว่าทั้งคู่ยังไม่ใช่คู่แข่งที่สูสีกันเท่าไหร่ ด้วยปัจจัยด้านราคาเป็นหลักเลย กับราคาเครื่องที่มีส่วนต่างหลายหมื่นบาท การเลือกโน้ตบุ๊กที่ใช้จอประเภท OLED ดูจะสมเหตุสมผลกว่า Mini-LED มาก ถ้าจำเป็นต้องเปิดจอทิ้งไว้นิ่ง ๆ จริง ๆ สู้เอาเงินส่วนต่างไปซื้อจอแยกมาใช้ยังจะคุ้มกว่าเลย เน้นมองสเปคในจุดอื่น ๆ เป็นหลักน่าจะดีกว่า

ส่วนถ้าเป็นกลุ่มของ MacBook ก็คล้ายกันครับ แต่ฝั่งนี้จะไม่มีโน้ตบุ๊กที่ใช้พาเนล OLED ให้เลือกอยู่แล้ว เลยมีจอ Mini-LED เป็นตัวเลือกระดับท็อปสุด ทำให้ปัจจัยที่ควรหยิบมาพิจารณาจะเป็นเรื่องขนาดเครื่อง ระดับประสิทธิภาพที่ต้องการ และก็ราคาเป็นหลักมากกว่า ถ้าปัจจัยทุกข้อมันไปลงตัวที่ MacBook Pro 14″ หรือ 16″ ที่ใช้จอ Mini-LED ก็จบเลย คือได้โน้ตบุ๊กที่มีจอดีที่สุดของฝั่ง Apple ในขณะนี้ไปโดยปริยาย

ดังนั้น หากต้องการเลือกซื้อโน้ตบุ๊กโดยเน้นที่คุณภาพจอด้วย นอกเหนือจากพาเนลจอ แนะนำว่าควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ประกอบ ได้แก่

  • ค่าขอบเขตสีที่รองรับ หรือถ้าต้องใช้ระดับมืออาชีพจริง ๆ อาจต้องดูพวกค่า delta E ประกอบด้วย
  • ค่าบิตสี
  • รีเฟรชเรต และ response time ในกรณีที่จะใช้เล่นเกมด้วย

ทั้งนี้ สามารถอ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือกจอทำงาน เลือกโน้ตบุ๊กในปี 2023 ได้ครับ

Click to comment
Advertisement

บทความน่าสนใจ

Special Story

หากจะพูดถึงซีพียูรุ่นใหม่ล่าสุดปี 2024 สำหรับโน้ตบุ๊กของ AMD ก็จะต้องเป็น AMD Ryzen AI 300 series ที่เน้นเพิ่มประสิทธิภาพทั้งในด้านพลังประมวลผล พลังกราฟิก และที่เด่นชัดสุดคือความสามารถในการทำงานด้าน AI โดยที่ผ่านมาก็จะมีรุ่นที่ออกมาทำตลาดคือ AMD Ryzen AI 9 HX 370 ที่เป็นชิปรุ่นกลาง แต่ล่าสุดเราเริ่มเห็นโน้ตบุ๊กที่ใช้ AMD...

CONTENT

ในปัจจุบัน นอกเหนือจากโน้ตบุ๊กที่เป็นดีไซน์แบบฝาพับอย่างที่คุ้นเคยกันมาอย่างยาวนานแล้ว ตัวเครื่องยังมีการพัฒนารูปทรงเพื่อเพิ่มความคล่องตัวให้กับการพกพา และอรรถประโยชน์ในการใช้งานให้สูงขึ้นไปอีก ซึ่งหนึ่งในรูปแบบที่ได้รับความนิยมก็คือการทำออกมาเป็นโน้ตบุ๊ก 2-in-1 โดยใช้หน้าจอสัมผัสที่สามารถพลิกจอได้ 360 องศา ทำให้สามารถใช้เป็นได้ทั้งโน้ตบุ๊กและแท็บเล็ตในเครื่องเดียว ในบทความนี้ก็เลยจะมาแนะนำโน้ตบุ๊กจอพับ AMD ในรูปแบบ 2-in-1 ที่น่าใช้กันครับ ตอบโจทย์ทั้งใช้ทำงาน ไปจนถึงการเล่นเกมได้เลยในบางรุ่น

CONTENT

ในบทความก่อนหน้านี้จะเป็นการแนะนำโน้ตบุ๊ก AMD น้ำหนักเบาที่มีประสิทธิภาพสูง พร้อมตอบโจทย์การทำงานที่ต้องเน้นการพกพาเครื่องบ่อย ๆ โดยที่ยังได้พลังในการทำงานที่ดีอยู่ ส่วนในบทความนี้เราจะมาดูโน้ตบุ๊ก AMD การ์ดจอแรง แต่มาพร้อมกับน้ำหนักที่เบากันบ้าง เผื่อในกรณีของท่านที่ต้องการซื้อโน้ตบุ๊กใหม่ซักเครื่อง แล้วอยากได้แพลตฟอร์มของค่ายแดงมาไว้ใช้ทำงาน เล่นเกม แต่ก็ยังอยากพกง่าย ๆ อยู่ด้วยในเครื่องเดียว

Buyer's Guide

หนึ่งในคุณสมบัติที่หลายคนมองหาเวลาเลือกซื้อโน้ตบุ๊กก็คือน้ำหนักเครื่องที่เบา ทำให้สามารถพกพาได้สะดวก สามารถนำไปใช้งานได้ในทุกเวลาที่ต้องการ แต่อีกปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือประสิทธิภาพที่สูง เพื่อให้สามารถรองรับงานได้หลากหลาย ตั้งแต่นำไปใช้ทำงานเอกสารเบา ๆ จนถึงใช้งานด้านภาพ วิดีโอ และในการเล่นเกมที่ต้องการฮาร์ดแวร์ประสิทธิภาพสูง ซึ่งในปี 2024 ก็มีตัวเลือกในตลาดหลากหลายรุ่นทีเดียว แต่ในบทความนี้เราจะมาดูโน้ตบุ๊ก AMD น้ำหนักเบาที่น่าสนใจด้วยกัน 5 รุ่นกันครับ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึก