ASUS Chromebook Detachable CM3 ทำงานสะดวกแบตอึดสะใจ ปากกาก็มี ครบเครื่องไปไหน!!
ในยุคที่ชีวิตเราถูกผูกเข้ากับอินเตอร์เน็ตแทบทุกองศาของชีวิต ตั้งแต่งานไปจนชีวิตประจำวันแล้ว ASUS Chromebook Detachable CM3 แท็บเล็ตติดคีย์บอร์ดเพื่อตอบโจทย์สายพกพาโดยเฉพาะ ซึ่งตัวระบบปฏิบัติการ ChromeOS จาก Google ก็ใช้งานได้ไม่ต่างกับสมาร์ทโฟน Android แถมยังมี Play Store ไว้โหลดแอพฯ มาใช้งานได้เหมือนกัน แค่ล็อคอิน Google Account ก็ใช้ทำงานได้ทันทีและจะใช้แบบไม่มีอินเตอร์เน็ตก็ได้ ซึ่งถือว่ายืดหยุ่นกว่าในอดีตมากทีเดียว
ด้านจุดเด่นภายใน ASUS Chromebook Detachable CM3 นอกจากตัวเครื่องจะใหญ่ 10.5 นิ้ว และน้ำหนัก 0.5 กิโลกรัมแล้ว ยังมีปากกา Garaged USI stylus สำหรับเขียนสิ่งต่างๆ ที่ต้องการลงไปบนหน้าจอได้อย่างไหลลื่นพร้อมฟีเจอร์ชาร์จไว 15 วินาทีใช้งานได้ 45 นาทีเต็มๆ และในแพ็คเกจยังให้ฝาหลังกับคีย์บอร์ดมาครบพร้อมใช้งาน สามารถกางขาตั้ง (Kickstand) ออกมาได้กว้าง 90 องศาให้เข้ามุมสายตาได้สะดวก แป้นคีย์บอร์ดแบบ ErgoLift ยกตัวเล็กน้อยให้พิมพ์งานได้สะดวกขึ้น ประกอบกับขนาดและน้ำหนักนี้ก็ไม่จำเป็นต้องนั่งพิมพ์งานบนโต๊ะคอมอย่างเดียวก็ได้ จะไว้ที่โต๊ะเคาน์เตอร์เล็กๆ มุมร้านกาแฟหรือแม้แต่ในรถยนต์ก็ใช้ได้สะดวกไม่แพ้กันแถมยังใช้งานต่อเนื่องได้นานสุด 12 ชั่วดมงทีเดียว
NBS Verdicts
ASUS Chromebook Detachable CM3 เป็นแท็บเล็ตตัวเล็กอเนกประสงค์สำหรับคนที่มีคอมพิวเตอร์อยู่แล้ว แต่ไม่อยากพกโน๊ตบุ๊คติดตัวไปทำธุระหรือติดต่องานกับลูกค้ามากนักเพราะหนักเกินไปหรือเทอะทะทำงานไม่สะดวกเท่าไหร่ก็พกเครื่องนี้ไปก็ใช้ทำงานได้ง่ายๆ แทบไม่ต่างกันเลย และยังเอาความเข้าใจและความคุ้นเคยตอนใช้แท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟน Android มาปรับใช้งานได้แถมยังโหลดแอพฯ จาก Play Store มาใช้งานได้ตามสะดวกอีกด้วย
นอกจากจะทำงานแบบโน๊ตบุ๊คได้แล้ว Chromebook Detachable CM3 ก็มีปากกาสไตลัส Garaged USI กับกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล สำหรับถ่ายภาพสิ่งที่ต้องการแล้วเอาปากกาเขียนจดวาดสิ่งต่างๆ ที่ต้องการลงไปได้อย่างสะดวกรวดเร็วได้แบบแท็บเล็ตเครื่องหนึ่ง ไม่ว่าจะใช้จดเลคเชอร์ในห้องเรียนหรือไปหน้างานแล้วถ่ายภาพสิ่งต่างๆ มาแล้วเขียนคอมเมนท์ด้วยปากกาก็สะดวกไม่แพ้กันและยังได้พาเนลหน้าจอ IPS ขอบเขตสีกว้าง 121% sRGB เวลาต้องการดูภาพหรือพรู้ฟสีงานอาร์ทก็เปิดเช็คได้ทันทีอีกด้วย
ข้อดีอีกอย่างของเจ้า Chromebook Detachable CM3 ตัวนี้ ต้องยกให้พอร์ต USB-C Full Function ของมันที่ต่อหน้าจอแยก DisplayPort และชาร์จแบตเตอรี่แบบ Power Delivery ได้ครบเครื่อง เวลาไปธุระแล้วแบตเตอรี่ไม่พอใช้ก็เอาอแดปเตอร์ของสมาร์ทโฟนต่อชาร์จได้ เวลานั่งทำงานในออฟฟิศก็เอา USB-C Multiport Adapter ต่อเพิ่มพอร์ตใช้งานได้ทันที แต่มันก็เป็นข้อจำกัดอยู่บ้างเพราะถ้าจะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ใดๆ ชิ้นนั้นก็ต้องรองรับ USB-C เท่านั้น ถ้าใครใช้ External Harddisk หัว USB-A อยู่ก็ต้องต่อผ่านตัวแปลงเสมอ และวิธีแบ็คอัพงานอีกทางก็ต้องพึ่ง Google Drive ไปเลย
ข้อสังเกตของ ASUS Chromebook Detachable CM3 มีประเด็นเดียว คือราคาซึ่งสูงถึง 20,300 บาท ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าราคาค่อนข้างแพงเกินไปจนหลายๆ คนเกิดการเปรียบเทียบอย่างเลี่ยงไม่ได้ อย่างน้อยก็จะมีรุ่นฝาแฝดของมันอย่าง ASUS ExpertBook B3 Detachable ซึ่งราคาเท่ากันแต่ได้ชิปดีกว่าอย่าง Qualcomm Snapdragon 7c Gen 2 มาใช้งานแถมยังรัน Windows 11 Pro ซึ่งหลายๆ คนน่าจะใช้งานกันคล่องอยู่แล้วด้วยก็อาจทำให้ Chromebook Detachable CM3 ที่มีจุดเด่นน่าใช้หลายๆ อย่างในตัวถูกมองข้ามอย่างน่าเสียดาย หากทาง ASUS ปรับราคาลงมาสักนิดให้เหลือราว 15,000~18,000 บาท น่าจะดึงความสนใจผู้ใช้ที่อยากลองของใหม่และอยากได้แท็บเล็ตพกง่ายให้หันมาสนใจได้ง่ายขึ้นและจะได้ตอบโจทย์กลุ่มนักเรียนนักศึกษาที่หาแท็บเล็ต Android ราคาไม่แพงมากเอาไว้ใช้ได้ด้วย
ข้อดีของ ASUS Chromebook Detachable CM3
- พกพาง่าย น้ำหนักน้อยไม่ถึง 1 กิโลกรัมและขนาดเล็กพกสะดวก ไม่ต้องใช้กระเป๋าเป้ใบใหญ่ก็ได้
- มีปากกาให้ใช้เขียนวาดจดงานบนหน้าจอได้สะดวกหรือจะใช้แทนนิ้วก็ได้เหมือนกัน
- แบตเตอรี่ทนทานใช้งานได้ข้ามวัน ไม่ต้องพกอแดปเตอร์ติดกระเป๋าก็ได้
- เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน Android แล้วควบคุมการโอนไฟล์และเปิดปิดอินเตอร์เน็ตได้สะดวกมาก
- ระบบปฏิบัติการ Chrome OS ถ้าใช้งานกับสมาร์ทโฟน Android จะใช้งานร่วมกันได้สะดวก
- โหลดแอพฯ จาก Google Play มาใช้ได้ทันที มีชิปรักษาความปลอดภัย Titan C ในตัว
- มีแรม 4GB LPDDR4x จึงทำงานได้ไหลลื่นต่อเนื่องไม่มีอาการหน่วงรบกวนตอนใช้งานเลย
- พอร์ต USB-C รองรับการต่อหน้าจอ DisplayPort และชาร์จแบตเตอรี่ Power Delivery
- หน้าจอมีค่า Refresh Rate สูงถึง 144Hz และขอบเขตสีกว้าง 121% sRGB
- แป้นคีย์บอร์ดเป็น ErgoLift ใช้พิมพ์งานได้สะดวกและองศายกตัวกำลังดี
ข้อสังเกตของ ASUS Chromebook Detachable CM3
- ราคา 20,300 บาท นับว่าค่อนข้างแพง จนผู้ใช้เกิดการเปรียบเทียบโดยเลี่ยงไม่ได้
- พอร์ต USB-C เป็นแบบ USB 2.0 เท่านั้น น่าทำเป็น USB 3.1 ได้แล้ว
รีวิว ASUS Chromebook Detachable CM3
- Specification
- Hardware & Design
- Screen & Speaker
- Keyboard & Touchpad
- Connector / Thin & Weight
- User Experience
- Conclusion & Award
Specification
สเปคของ ASUS Chromebook Detachable CM3 ในฐานะ Chromebook เครื่องหนึ่งก็ถือว่าสเปคดีพอตัวน่าใช้ไม่เลวไม่ว่าจะซีพียู Octa-core และจอขอบเขตสีกว้าง ซึ่งสเปคและราคามีรายละเอียดดังนี้
สเปคของ ASUS Chromebook Detachable CM3
CPU | MediaTek Kompanio 500 แบบ Octa-core |
GPU | ARM Mali-G72 MP3 |
SSD | e.MMC ความจุ 128GB |
RAM | 4GB LPDDR4x บัส 2933MHz |
Display | หน้าจอทัช 10.5 นิ้ว ความละเอียด WUXGA (1920×1200) พาเนล IPS ค่า Refresh Rate 144Hz ขอบเขตสี 121% sRGB รองรับสไตลัส กล้องหน้าความละเอียด 2 ล้าน, กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล |
Connectivity | USB-C 2.0 รองรับ DisplayPort และ Power Delivery x 1, Audio combo x 1 Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 4.2 |
Software | Chrome OS |
Weight | 0.5 กิโลกรัม |
Price | 20,300 บาท ชมสเปคที่นี่ |
Hardware & Design
รูปลักษณ์ดีไซน์ของ ASUS Chromebook Detachable CM3 เป็นแท็บเล็ตติดฝาหลังแบบพับได้กับคีย์บอร์ดมาให้ โดยชิ้นส่วนทั้งสามจะถอดแยกกันได้ทั้งหมดเป็นฝาหลังพร้อมก้านบานพับที่กางได้ 90 องศาเป็นตัว L ได้ ส่วนคีย์บอร์ดจะเชื่อมต่อกับแท็บเล็ตด้วยหัวเชื่อมต่อพิเศษแบบดูดติดด้วยแม่เหล็ก เวลาไม่ใช้งานจะถอดออกหรือพับกลับไปเหมือนแท็บเล็ตรุ่นอื่นก็ได้เช่นกัน โดยหน้าตาตัวเครื่องจะดูเรียบง่ายไม่มีลวดลายอะไรเป็นพิเศษนัก
บานพับฝาหลังเครื่องเป็นผ้าหุ้มมาบนตัวบานพลาสติกแข็ง ส่วนบานพับจะมีข้อต่ออลูมิเนียมเหมือนบานวงกบประตูห้อง เมื่อกางฝาหลังเคสแล้วทาง ASUS แนะนำให้กางได้กว้างสุดเพียง 90 องศา จะได้ไม่เกินระยะของตัวบานพับแล้วเสียหายและมองเห็นได้พอดีมุมสายตาด้วย ส่วนตัวฝาหลังถือว่าบานพับแข็งแรงไม่โยกและแม่เหล็กไม่หลุดง่ายอย่างแน่นอน
พอถอดฝาหลังตัวเครื่องออกจะเห็นบอดี้อลูมิเนียมติดสติ๊กเกอร์ต่างๆ ได้แก่ ASUS Perfect Warranty, Energy Star เอาไว้ ส่วนมุมบนขวาเป็นกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซลเอาไว้ถ่ายภาพต่างๆ อีกตัวหนึ่ง ถ่ายแล้วภาพถือว่าคมชัดพอนำไปใช้งานต่างๆ อย่างถ่ายภาพหน้างานหรือจดเลคเชอร์ได้ แต่จะชัตเตอร์จะใช้เวลาโฟกัสและถ่ายภาพช้ากว่าสมาร์ทโฟนหลายๆ รุ่นอยู่เล็กน้อย ดังนั้นตอนถ่ายภาพให้ถือเครื่องค้างไว้นิ่งๆ สัก 1-2 วินาที จะได้ภาพคมชัดขึ้น
Screen & Speaker
หน้าจอขนาด 10.1 นิ้ว ความละเอียด 1920×1200 พาเนล IPS นี้ถูกอัพเกรดเพิ่มค่า Refresh Rate ขึ้นเป็น 144Hz ให้ภาพลื่นไหลขึ้นและใช้พาเนลคุณภาพ ได้ขอบเขตสีกว้าง 121% sRGB ดังนั้นนอกจากจะใช้ทำงานเอกสารดูหนังฟังเพลงได้ตามปกติแล้ว ยังเอาไว้พรู้ฟสีงานอาร์ทหรือวาดภาพด้วยสไตลัสของ ASUS เลยก็ได้เช่นกัน
ดีไซน์หน้าจอจะเป็นจอกรอบหนา 4 ด้านและติดกล้องเว็บแคมกับไมโครโฟนเอาไว้ประชุมออนไลน์ได้และมุมบนขวาของหน้าจอจะมีช่องสำหรับสอดเก็บปากกาสไตลัสเอาไว้ด้วย แต่ตัวพาเนลจะไม่ได้รีดขอบให้บางเหมือนโน๊ตบุ๊คหลายๆ รุ่นในปัจจุบันคาดว่าเพราะเผื่อพื้นที่ติดตั้งพอร์ตและชุดพาเนลหน้าจอรวมถึงต้องคำนึงถึงความสวยงามต่อเนื่องด้วยนั่นเอง
ด้านการทดสอบใช้งานเมื่อผู้เขียนเทียบหน้าจอของ ASUS Chromebook Detachable CM3 กับจอโน๊ตบุ๊คที่ขอบเขตสีระดับ 100% sRGB แล้ว ต้องถือว่าพาเนล IPS นี้ให้สีสันสวยงามไม่แพ้กัน ดังนั้นนอกจากจะใช้ทำงานเอกสารต่างๆ ได้ดีแล้ว ถ้าใครชอบสเก็ตช์และวาดภาพด้วย ก็น่าจะถูกใจมันอย่างแน่นอน
ลำโพงทั้ง 2 ตัวของ ASUS Chromebook Detachable CM3 จะมี 2 ตัว ติดตั้งเอาไว้ตรงขอบเครื่องส่วนเหนือหน้าจอ ส่วนเสียงถือว่าดังฟังชัดเจนแต่เนื้อเสียงจะเน้นทางเครื่องดนตรีและนักร้องเป็นหลักไม่ค่อยมีเบสมาซัพพอร์ตตอนฟังเพลงเท่าไหร่แต่จะเหมาะกับการฟัง Podcast หรือใช้ตอนประชุมออนไลน์เสียมากกว่า ดังนั้นถ้าจะฟังเพลงส่วนตัวแล้วผู้เขียนแนะนำให้ต่อลำโพงแยกไปเลยจะดีที่สุด
Keyboard & Touchpad
คีย์บอร์ดของ ASUS Chromebook Detachable CM3 จะเป็นแบบถอดแยกออกจากตัวแท็บเล็ตได้ พอถอดแล้วแท็บเล็ตจะเปลี่ยนจากโหมด Desktop เป็นแบบแท็บเล็ต Android อย่างเดียวแล้วเปิดหน้ารวมแอพฯ ขึ้นมาให้ใช้งานแทน โดยส่วนเชื่อมต่อจะเป็นขั้ว Smart Connector สีทอง 5 จุดกับก้านแม่เหล็กแบบสอดติดเข้ากับใต้ฐานตัวเครื่อง เลย์เอ้าท์คีย์บอร์ดเป็นแบบ Tenkeyless แต่ปุ่มฟังก์ชั่นต่างๆ จะต่างจากแท็บเล็ตแบบ Windows โดยเป็นคีย์ลัดสำหรับ ChromeOS โดยเฉพาะ
ตัวคีย์บอร์ดจะไม่มีไฟ LED Backlit ติดมาให้และใช้วิธีสกรีนตัวอักษรทั้งภาษาไทยและอังกฤษเข้ากับปุ่มโดยตรง ดังนั้นไม่มีปัญหาเวลาพิมพ์งานแน่นอน แต่เวลาใช้งานในที่แสงน้อยอาจไม่ถนัดนักและต้องพึ่งความคุ้นชินทำงานเป็นหลัก ระยะกดปุ่มถือว่าค่อนข้างตื้นเหมือนแป้นคีย์บอร์ดสำหรับแท็บเล็ตหลายๆ รุ่น เวลาพิมพ์ก็ใช้แรงกดปุ่มลงไปเล็กน้อยเท่านั้นก็พอแล้ว
จุดแตกต่างของปุ่มคีย์บอร์ด ChromeOS ตัวนี้จะมีหลายจุดด้วยกัน ได้แก่ ปุ่ม Caps Lock ถูกเปลี่ยนเป็นปุ่ม Search (ไอคอนแว่นขยาย) แล้วใช้กดเรียก App drawer เรียกดูแอพฯ ทั้งหมดในเครื่องได้, ปุ่ม F1~F12 กลายเป็นปุ่มฟังก์ชั่นต่างๆ แล้วไม่มีปุ่ม Fn แล Start ติดมาให้ใช้งาน ทำให้ปุ่ม Ctrl, Alt และ Shift ฝั่งซ้ายมีขนาดเท่ากันหมด กดใช้งานได้ง่ายแต่อาจต้องปรับตัวตอนเริ่มใช้งานเล็กน้อยถึงจะใช้งานได้สะดวกขึ้น
อีกจุดที่ต้องปรับตัวเวลาเปลี่ยนมาใช้ ChromeOS คือ วิธีการเปลี่ยนภาษาตอนพิมพ์จะคล้ายกับ macOS โดยกดปุ่ม Ctrl ฝั่งซ้าย+Spacebar แทนเป็นค่าพื้นฐาน แต่ก็สามารถเปิด Settings ขึ้นมาตั้งค่าภาษาได้เช่นกัน โดยวิธีการสามารถคลิ๊กอ่านได้ที่นี่
ด้านปุ่ม Function Key บริเวณบรรทัด F1~F12 จะมีคำสั่งสำหรับเน้นคุ้มการทำงานตัวเครื่องและใช้กับเบราเซอร์เป็นหลัก ไล่จากซ้ายไปขวาจะมีปุ่ม Back, Forward, Refresh, Screen Capture, Recent app, ลดความสว่างและเพิ่มความสว่างหน้าจอ, ปุ่มปิด/ลด/เพิ่มเสียงลำโพง ปิดท้ายด้วยปุ่มล็อคเครื่องกลับมาที่หน้าล็อคอินอยู่ฝั่งขวาสุดอีกปุ่ม อาจนับเป็นปุ่มฟังก์ชั่นมาตรฐานของแท็บเล็ตหรือโน๊ตบุ๊ค ChromeOS หลายๆ รุ่นในปัจจุบันได้เลย
ทัชแพดของ ASUS Chromebook Detachable CM3 จะมีขนาดไม่สูงมากแต่เน้นความกว้างเป็นหลัก ตอบสนองได้ค่อนข้างรวดเร็วต่อเนื่องและใช้งาน Gesture Control ได้ระดับหนึ่งโดยเอามาเสริมการใช้งานคู่กับหน้าจอทัชสกรีนในบางกรณีเช่น ตอนเลือกวรรคหรือข้อความบางส่วนแล้วใช้นิ้วแตะไม่สะดวกก็ใช้ทัชแพดเลื่อนเคอร์เซอร์เมาส์ไปคลิ๊กเอาได้เลย
Connector / Thin & Weight
ด้านพอร์ตเชื่อมต่อของ Chromebook Detachable CM3 จะมีเพียงไม่กี่พอร์ตเท่านั้น โดยฝั่งซ้ายมือจะมีปุ่มล็อคหน้าจอและเพิ่มลดเสียงลำโพงติดมาให้ ส่วนฝั่งขวามือเป็น USB-C 2.0 ที่ใช้เชื่อมต่อหน้าจอแยก DisplayPort และชาร์จแบตเตอรี่แบบ Power Delivery ได้คู่กับช่องหูฟัง 3.5 มม. อีกช่องเท่านั้น ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายรองรับ Wi-Fi 5 มาตรฐาน 802.11ax และ Bluetooth 4.2
ในมุมของผู้เขียน แม้พอร์ตเชื่อมต่อจะเป็น USB-C แล้วก็ตาม แต่เมื่อเป็นมาตรฐาน USB 2.0 ก็จะโอนไฟล์ได้ไม่เร็วมาก ซึ่งส่วนตัวคิดว่าทาง ASUS น่าจะให้เป็นมาตรฐาน USB 3.2 ไปเลยจะดีกว่ามาก และน่าจะเพิ่มพอร์ตเสริมอื่นๆ เข้ามาอีกสัก 1-2 อย่าง เช่น MicroSD Card Reader ไว้เซฟงานเพิ่มหรือ USB-C 3.2 อีกสักช่องหนึ่งเผื่อให้เชื่อมต่อโอนไฟล์ได้เร็วยิ่งขึ้นก็จะดีมาก
อุปกรณ์เสริมอีกชิ้นของ Chromebook Detachable CM3 คือ ปากกา Garaged USI Stylus ที่เสียบติดมากับตัวแท็บเล็ตในช่องเก็บปากกามุมบนขวาหน้าจอ มีฟีเจอร์ชาร์จไวเพียงเสียบชาร์จไว 15 วินาทีก็ใช้เขียนวาดบนหน้าจอได้นาน 45 นาที ทรงด้ามปากกาจะออกเหลี่ยมแบนและปลายเป็นหัวยางสำหรับเขียนวาด ท้ายจะมีขั้วต่อเพื่อชาร์จแบตเตอรี่และช่วยบังคับมุมสอดปากกากลับเข้าตัวแท็บเล็ตให้ถูกต้องไปในตัวอีกด้วย
สัมผัสการใช้งานตอนเขียนและวาดรูปแล้วต้องถือว่าตัวปากกาตอบสนองได้ดีพอสมควร สามารถใช้วาดรูปหรือเขียนจดสิ่งต่างๆ ได้ง่ายๆ โดยเฉพาะใครที่ถ่ายภาพเลคเชอร์บนกระดานแล้วจดโน๊ตเพิ่มเติมเป็นพิเศษหรือวิศวกรไปถ่ายรูปหน้างานที่กำลังสร้างอยู่แล้วต้องการวาดเส้นลงรายละเอียดหรือดีไซน์เพิ่มเติมก็ทำได้ง่ายพอตัว
น้ำหนักตัวเครื่องเมื่อรวมกับเคสฝาหลังและคีย์บอร์ดเข้าไปแล้ว จะมีน้ำหนัก 908 กรัม ถ้ารวมอแดปเตอร์อีก 174 กรัม จะมีน้ำหนักรวม 1.08 กิโลกรัม ถือว่าไม่หนักเลยและสามารถพกใส่กระเป๋าติดตัวไปทำงานได้สะดวกมาก และพอร์ต USB-C ก็ใช้ชาร์จแบตเตอรี่แบบ Power Delivery ได้จึงไม่ต้องเอาอแดปเตอร์เฉพาะของตัวเครื่องใส่กระเป๋าไปตลอดก็ได้ สามารถใช้อแดปเตอร์ GaN กับสาย USB-C อีกเส้นชาร์จไฟให้แท็บเล็ตเครื่องนี้ได้เลย
อย่างไรก็ตาม จากที่ลองใช้งานมาแล้วแบตเตอรี่ภายในตัว ASUS Chromebook Detachable CM3 จัดการพลังงานได้ยอดเยี่ยมมาก ถ้าใช้งานทั่วไปอย่างเปิดเว็บทำงานเขียนบทความหรืออ่านเอกสารแล้ว แบตเตอรี่ก็ลดช้ามากจนใช้งานจบวันได้หรืออาจข้ามวันได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นถ้าแค่พกติดตัวไปใช้ทำงานเบาๆ หรือตอบอีเมล์ต่างๆ ก็ไม่ต้องกลัวว่าแบตเตอรี่จะหมดระหว่างวันเลย
User Experience
จุดเด่นของ ASUS Chromebook Detachable CM3 นี้ ต้องยกให้เรื่องการพกพาเครื่องไปไหนมาไหนมาก เพราะมันหนักราว 900 กรัม แต่ประสิทธิภาพมันเรียกว่าไม่แพ้กับโน๊ตบุ๊คเครื่องหนึ่งเลย ยิ่งถ้าใครเน้นใช้งานเว็บเบราเซอร์หรือใช้แอพฯ ของ Google เป็นประจำก็ถือว่ามันทำงานได้ต่อเนื่องไม่เจออาการค้างระหว่างใช้งานเลย และจุดเด่นอีกอย่างของแท็บเล็ตหรือโน๊ตบุ๊ค ChromeOS คือ เมื่อล็อคอิน Gmail ของตัวเครื่องเป็นอันเดียวกันกับสมาร์ทโฟนแล้ว มันจะทำงานผสานกันได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะกดสั่งให้สมาร์ทโฟนกระจายสัญญาณ Wi-Fi (Wi-Fi Tethering) จากมือถือได้ทันที ไม่ต้องหยิบมือถือขึ้นมากดให้วุ่นวายเลย
ส่วนประสิทธิภาพการทำงาน ก่อนหน้านี้ผู้เขียนได้ลองใช้ Chromebook ชิปเซ็ต MediaTek Kompanio 500 มารุ่นหนึ่งแล้ว และพอได้ใช้ใน ASUS Chromebook Detachable CM3 อีกครั้ง ก็สรุปได้ว่าชิปตัวนี้จริงๆ แล้วมันสามารถทำงานได้ดีพอสมควรแต่จะผกผันกับปริมาณแรมในตัวเครื่อง หากมีความจุแค่ 2GB ก็ถือว่าใช้ทำงานได้ดีพอควรแต่ตอนเรียกแอพฯ ต่างๆ ขึ้นมาใช้งานจะต้องรอสัก 1-2 วินาที แอพฯ ถึงจะพร้อมใช้งาน ส่วนแรม 4GB LPDDR4x เรียกว่าแตะแล้วก็เปิดใช้งานทันทีและติดมือพอควรและยังเปิดแอพฯ ค้างเอาไว้ได้มากระดับหนึ่งด้วย
การใช้งานอย่างการแตะสัมผัสหน้าจอและใช้ปากกาถือว่าวาดเขียนได้ต่อเนื่อง สามารถใช้เขียนโน้ตหรือเน้นเนื้อหาส่วนที่ต้องการได้สะดวกพอสมควรและการทัชหน้าจอก็ตอบสนองได้ดีไม่มีปัญหา แต่กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซลของ Chromebook Detachable CM3 ต้องถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ แค่พอถ่ายภาพได้คมชัดแต่เรื่องสีสันและการถ่ายภาพเล่นเอาสวยงามไปอัพโหลดโซเชียลเน็ตเวิร์คไม่ค่อยตตอบโจทย์เท่าไหร่ ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนแนะนำว่าถ่ายภาพจากกล้องสมาร์ทโฟนแล้วเปิด Google Photos เอาภาพมาเขียนจดโน้ตเพิ่มเติมภายหลังจะคมชัดกว่า
ส่วนตัวผู้เขียนได้นำเครื่องติดตัวไปนั่งทำงานตามร้านกาแฟดูแล้วถือว่าสะดวกมาก จะวางทำงานบนโต๊ะในร้านกาแฟก็ไม่กินพื้นที่มากเกินไป สามารถวางบนโต๊ะกระจกวงกลมแล้วพิมพ์งานได้สบายๆ ไม่มีปัญหาและส่วนตัวมีวันหนึ่งต้องไปธุระกับครอบครัวแล้วผู้เขียนต้องนั่งรอในรถ ก็สามารถหยิบเจ้า Chromebook Detachable CM3 ออกมาวางบนหน้าขาแล้วสั่งเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตพิมพ์งานได้เลยไม่เสียเวลาเปล่าแม้แต่น้อย ซึ่งส่วนนี้ถือว่าได้ใจผู้เขียนมาก
อย่างไรก็ตามแท็บเล็ตนี้ก็มีจุดสังเกตจะมีอยู่บ้าง คือ เสียงลำโพงถือว่าไม่ค่อยมีมิติเท่าไหร่ ได้แต่เสียงดังและเน้นเสียงผู้พูดชัดเจน จึงน่าจะเหมาะกับการฟัง Podcast หรือประชุมงานออนไลน์เป็นหลัก ถัดมาคือตัวเครื่องมีแค่พอร์ต USB-C เพียงช่องเดียวและเป็น USB 2.0 อีกด้วย แม้จะต่อหน้าจอแยกและชาร์จแบตฯ ได้ก็ตาม แต่ก็ต้องหาตัวแปลงติดกระเป๋าไปเสมอ ถ้าทาง ASUS แถมตัวแปลงมาให้สักชิ้นก็น่าจะใช้งานได้สะดวกขึ้นมาก
สุดท้ายเรื่องที่ติดใจเป็นพิเศษ คือ ราคาของ Chromebook Detachable CM3 ซึ่งสูงถึง 20,300 บาท เท่ากับ ASUS ExpertBook B3 Detachable แต่ได้ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 7c Gen 2 กับระบบปฏิบัติการ Windows 11 Pro ทำให้เกิดการเปรียบเทียบโดยเลี่ยงไม่ได้ ถ้าทาง ASUS ตั้งราคาไม่เกิน 15,000~18,000 บาท จะทำให้ผู้ใช้หลายๆ คนที่หาแท็บเล็ตเอาไว้ใช้คู่กับพีซีสักเครื่องตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเพราะมันเหมาะกับนักเรียนนักศึกษาไปจนพนักงานออฟฟิศหลายๆ คนเป็นอย่างมาก
ส่วนการดูหนังหรือคลิปบนสตรีมมิ่ง จากการทดสอบต้องแยกตามแพลตฟอร์มผู้ให้บริการ ซึ่งถ้าใครเน้นดูหนังและซีรี่ส์บน Netflix เป็นหลัก Chromebook Detachable CM3 ก็ดูหนังฟังเพลงความละเอียดระดับ HD ได้อย่างแน่นอนและได้ภาพสวยคมชัดไม่มีปัญหา ไม่มีอาการหน่วงอืดให้เสียอารมณ์เลย
ด้าน YouTube ไม่ว่าจะเปิดด้วยแอพฯ หรือผ่านเบราเซอร์ก็ปรับความละเอียดภาพได้มากสุดเพียง 1080p เท่านั้น แม้ Source ของวิดีโอทดสอบเกมของทาง Notebookspec จะปรับความละเอียดได้ 4K ก็ตาม ซึ่งผู้เขียนคาดว่าจะล็อคเอาไว้ตามความละเอียดหน้าจอเพื่อไม่ให้ชิปเซ็ต MediaTek Kompanio 500 ต้องรับภาระหนักเกินไปจนเครื่องร้อนหรือเกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาในภายหลังนั่นเอง
Conclusion & Award
ASUS Chromebook Detachable CM3 เป็นแท็บเล็ต ChromeOS พร้อมฟังก์ชั่นให้ใช้ครบเครื่องทั้งปากกาและคีย์บอร์ดซึ่งใช้งานได้สะดวก ตอบโจทย์งานหลากหลายแบบตั้งแต่พกไปจดเลคเชอร์แล้วเอาปากกาเน้นคำหรือเขียนโน้ตเพิ่มเติม, พกไปทำงานออฟฟิศและตอบอีเมล์ได้ง่ายมาก ยิ่งใครใช้แอพฯ ทำงานบ่อยๆ น่าจะชอบ เพราะเราสามารถโหลดจาก Play Store มาลงเครื่องใช้งานได้เลยแถมแบตเตอรี่ก็ทนทานใช้งานได้นานจนอยู่ได้ทั้งวันและบางทีก็เกินวันได้สบายๆ เป็นอุปกรณ์เพื่อสายพกพาที่น่าหาซื้อมาใช้งานเป็นที่สุด
award
best mobility
Chromebook Detachable CM3 เป็นแท็บเล็ต Android แต่ใช้งานได้เหมือนโน๊ตบุ๊ค น้ำหนักเบาเพียง 1 กิโลกรัม ตอบโจทย์คนที่ต้องพกคอมพิวเตอร์ไปไหนมาไหนมากและยังหยิบออกมาทำงานได้หลายสถานการณ์อีกด้วย
best battery life
จากการใช้งานจริงมาร่วมสัปดาห์ Chromebook Detachable CM3 แบตเตอรี่ของแท็บเล็ตเครื่องนี้ทนทานมาก ใช้งานได้ทั้งวันหรือบางครั้งก็เกินวันด้วยซ้ำ ถือว่าทนทานน่าประทับใจสุดๆ