หูฟังไอโฟนยุคใหม่ๆ เสียงดีฟังเพลงเพลินสุดๆ โดนเอาไว้ฟินหูสุด!
ถ้าพูดถึงหูฟังไอโฟนเมื่อไหร่ ใครหลายๆ คนก็จะนึกถึงบรรดา AirPods ซึ่งเป็นหูฟัง True Wireless ที่เกิดมาใช้คู่กันกับ iPhone โดยเฉพาะ ซึ่งแม้หลายๆ คนจะรู้สึกไม่คุ้นชินไม่คุ้นตาไม่คุ้นชินกับหูฟังแบบนี้เท่าไหร่ก็ตาม แต่หลังจากปี 2016 เป็นต้นมา ผู้ผลิตหูฟังแบรนด์ต่างๆ ก็พากันเปิดตัวหูฟังประเภทนี้ออกมาอย่างต่อเนื่องหลากหลายรุ่นจนผู้ใช้ส่วนใหญ่ยอมรับหูฟังประเภทนี้แล้วมีติดตัวใช้ในกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเที่ยว, ทำงาน, เล่นเกม แต่บางทีการออกกำลังกายก็ไม่เหมาะกับหูฟัง True Wireless เท่าไหร่ เพราะตอนออกท่าทางแล้วหลายๆ คนก็พลอยทำหูฟังข้างใดข้างหนึ่งหายโดยไม่ตั้งใจ บางคนจึงมีหูฟังไอโฟนแบบ Lace Earbuds ซึ่งเป็นหูฟังบลูทูธแบบมีสายคล้องคอและเชื่อมระหว่างหูทั้งสองข้างไว้ เวลาออกท่าทางเมื่อไหร่ก็แค่หลุดแล้วพาดคอเอาไว้ไม่ได้หล่นหายไปไหนอย่างแน่นอน
สำหรับจุดแข็งของหูฟังไอโฟน นอกจากเรื่อง Gesture Control ทั้งการแตะ, รูดก้านหูฟังเพื่อควบคุมการเปลี่ยนเพลงหรือเพิ่มลดเสียงในหูฟังได้แล้ว ทาง Apple ก็ติดตั้งชิปพิเศษอย่าง Apple H1, H2 สำหรับปรับแต่งคุณภาพเสียงให้ดียิ่งขึ้นก่อนออกยังไดรเวอร์และแอมปลิฟายเออร์ในตัว AirPods ให้ผู้ใช้ได้ฟังเพลงให้ได้อรรถรสยิ่งกว่าเดิมและชิปนี้ยังเอาไว้ใช้จับคู่กับ iPhone ได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย เรียกว่าเป็นฟีเจอร์ซึ่งผู้ใช้หลายๆ คนชื่นชอบจนไม่อยากเปลี่ยนไปใช้หูฟัง True Wireless รุ่นอื่นเลยด้วยซ้ำ และข้อดีอีกอย่างคือ ระบบตัดเสียงรบกวนของ AirPods นั้นถือว่าดีในระดับแนวหน้าไม่แพ้แบรนด์อื่นเลย
ตัวหูฟังไอโฟนนอกจากกลุ่ม AirPods ที่ได้กล่าวมา หากจำกันได้ทาง Apple ได้เข้าซื้อกิจการของผู้ผลิตหูฟังชั้นนำของโลกอย่าง Beats by Dre มาตั้งแต่ปี 2014 ที่ผ่านมา ทำให้ผู้ใช้มีทางเลือกเพิ่มเติมว่าถ้าไม่ชอบดีไซน์หรือโทนเสียงของ AirPods ก็มี Beats ให้เลือกซื้อ ซึ่งโทนเสียงน่าจะถูกใจผู้ใช้ที่ชอบฟังเพลงแนว Hip Hop, R&B หรือเพลงที่เน้นเบสอย่างแน่นอนและยังได้คุณสมบัติจับคู่กับหูฟัง iPhone ได้อย่างรวดเร็วติดมาอีกด้วย เรียกว่าดีน่าใช้และได้โทนเสียงถูกใจยิ่งขึ้นอีกด้วย
สรุปสเปค 8 หูฟังไอโฟนน่าใช้ แนะนำให้โดน!
สรุปสเปคหูฟังไอโฟน | Type | Connectivity | Battery Life | Supported OS Application |
ราคา (บาท) |
Beats Flex | Lace Earbuds | Bluetooth ชิป Apple W1 |
12 ชม. ชาร์จไว 10 นาที ฟังเพลงได้ 1.5 ชม. |
iPhone Android |
2,700 |
Beats Studio Buds | True Wireless ANC IPX4 |
Bluetooth Class 1 One-Touch |
8 ชม. รวมเคสได้ 24 ชม. Fast Fuel ชาร์จไว 5 นาที ใช้ได้ 1 ชม. |
iPhone, Android Beats |
5,700 |
Powerbeats Pro | True Wireless Apple H1 IPX4 |
Bluetooth Class 1 |
9 ชม. รวมเคสได้ 24 ชม. Fast Fuel ชาร์จไว 5 นาที ใช้ได้ 1.5 ชม. |
iPhone, Android Beats |
9,600 |
AirPods (รุ่นที่ 2) | True Wireless Apple H1 Gesture Control |
Bluetooth 5.0 | 5 ชม. รวมเคสได้ 24 ชม. ชาร์จไว 15 นาที ใช้ได้ 3 ชม. ชาร์จผ่าน Lightning, Qi |
อุปกรณ์ Apple ระบบ iOS |
5,290 |
AirPods (รุ่นที่ 3) | True Wireless Apple H1 Gesture Control Spatial Audio |
Bluetooth 5.0 | 6 ชม. รวมเคสได้ 30 ชม. ชาร์จไว 5 นาที ใช้ได้ 1 ชม. ชาร์จผ่าน Lightning, Qi |
อุปกรณ์ Apple ระบบ iOS |
6,990 |
AirPods Pro (รุ่นที่ 2) | True Wireless Apple H2 Gesture Control Spatial Audio |
Bluetooth 5.3 | 6 ชม. รวมเคสได้ 30 ชม. ชาร์จไว 5 นาที ใช้ได้ 1 ชม. ชาร์จผ่าน Lightning, Qi, MagSafe |
อุปกรณ์ Apple ระบบ iOS |
8,990 |
Sony WF-1000XM4 |
True Wireless Integrated Processor V1 IPX4 |
Bluetooth 5.2 | 8 ชม. รวมเคสได้ 16 ชม. ชาร์จไว 5 นาที ใช้ได้ 1 ชม. ชาร์จผ่าน USB-C |
iPhone, Android Sony Headphone Connect |
6,800 |
Sennheiser Momentum True Wireless 3 | True Wireless Hybrid Adaptive ANC IPX4 |
Bluetooth 5.2 aptX aptX adaptive |
7 ชม. รวมเคสได้ 28 ชม. ชาร์จไว 10 นาที ใช้ได้ 1 ชม. ชาร์จผ่าน USB-C, Qi |
iPhone, Android Sennheiser Smart Control App |
8,699 |
8 หูฟังไอโฟนเพื่อสายฟังเพลง เสียงดีฟังเพลงสนุกน่ามีติดกระเป๋า
ผู้ใช้คนไหนที่อยากหาซื้อหูฟังไอโฟนดีๆ ไว้ใช้คู่กับ iPhone สักตัวล่ะก็ ณ ตอนนี้ก็มีให้เลือกหลากหลายรุ่น ไม่ว่าจะ AirPods หรือ Beats รวมไปถึงแบรนด์ชั้นนำด้านหูฟังก็มีให้เลือก ซึ่งถ้าใครอยากเปลี่ยนหรือกำลังคิดจะซื้ออยู่ล่ะก็ ผู้เขียนก็มีรุ่นน่าซื้อมาแนะนำทั้งหมด 8 รุ่นด้วยกัน ได้แก่
- Beats Flex (2,700 บาท)
- Beats Studio Buds (5,700 บาท)
- Powerbeats Pro (9,600 บาท)
- AirPods (รุ่นที่ 2) (5,290 บาท)
- AirPods (รุ่นที่ 3) (6,990 บาท)
- AirPods Pro (รุ่นที่ 2) (8,990 บาท)
- Sony WF-1000XM4 (6,800 บาท)
- Sennheiser Momentum True Wireless 3 (8,699 บาท)
1. Beats Flex (2,700 บาท)
หูฟังไอโฟนรุ่นแรกจากบริษัทในเครือ Apple อย่าง Beats Flex เป็นหูฟังแบบ Lace Earbuds โดยออกแบบมาให้คล้องคอผู้ใช้และมีปุ่มคอนโทรลติดมาให้ที่ตัวสายให้กดเพิ่มลดเสียงหรือหยุดเพลงก็ได้และใช้งานต่อเนื่องได้นาน 12 ชั่วโมง ใช้สาย USB-C ชาร์จแบตเตอรี่ให้หูฟังได้ มีฟีเจอร์ Fast Fuel ชาร์จเพียง 10 นาที ฟังเพลงได้ 1.5 ชั่วโมง มีชิป Apple W1 ติดตั้งมาให้สำหรับจับคู่กับอุปกรณ์ Apple ได้อย่างรวดเร็วผ่านทาง Bluetooth อีกด้วย หากผู้ใช้คนไหนเป็นสายออกกำลังกายไม่ว่าจะเข้ายิมหรือวิ่งออกกำลังกายเป็นประจำล่ะก็ Beats Flex ตัวนี้ถือว่าน่าใช้งานมากและไม่ต้องห่วงว่าหูฟังจะตกหายด้วย และถ้าใครใช้สมาร์ทโฟน Android ก็ซื้อไปใช้งานได้เช่นกัน
สเปคของ Beats Flex
Type | Lace Earbuds |
Connectivity | Bluetooth มีชิป Apple W1 |
Battery Life | 12 ชม. ชาร์จไว 10 นาที ฟังเพลงได้ 1.5 ชม. |
Supported OS Application |
iPhone, Android – |
Price | 2,700 บาท (Apple) |
2. Beats Studio Buds (5,700 บาท)
ถ้าชื่นชอบดีไซน์ True Wireless เน้นฟังเพลงและใช้งานทั่วไปล่ะก็ Beats Studio Buds รุ่นนี้ผู้เขียนแนะนำเป็นส่วนตัวหากอยากใช้หูฟัง Beats ดู โดยรุ่นนี้ใช้งานกับ iPhone, Android ได้โดยเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth Class 1 แต่ไม่มีชิปเฉพาะทางของ Apple แต่มีเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวน (ANC) ในตัวเพื่อช่วยตัดเสียงรบกวนได้เป็นอย่างดี มีฟังก์ชั่นจับคู่เร็วแบบ One-Touch และใช้งานต่อเนื่องได้ 8 ชั่วโมง เมื่อรวมปริมาณแบตเตอรี่ในเคสแล้วใช้งานได้นานสุด 24 ชั่วโมง มี Fast Fuel ชาร์จไว 5 นาที ฟังเพลงได้ 1 ชั่วโมง ชาร์จแบตเตอรี่ให้เคสและหูฟังได้ผ่านสาย USB-C กันน้ำกันฝุ่น IPX4 และมี Gesture Control แตะควบคุมการทำงานได้ง่ายๆ และรองรับการเรียก “Hey Siri” อีกด้วย มีแอพฯ Beats ไว้ใช้ตั้งค่าหูฟังให้โหลดทั้ง Android, iOS ส่วนเนื้อเสียงของหูฟังตัวนี้จะเน้นเรื่องเสียงเบสเป็นหลักตามสไตล์หูฟัง Beats มีแรงปะทะหนักแน่นและเบสลงลึกพอควรแต่ก็ไม่บวมจนเสียงเพลงเพี้ยน สเตจเสียงอยู่ระดับกลางๆ ไม่กว้างมากและเครื่องดนตรีมีรายละเอียดดีระดับหนึ่ง เหมาะกับผู้ใช้ที่อยากได้หูฟังไอโฟนแบบฟังเพลงได้อรรถรส ฟังสนุกเบสหนักแน่นก็น่าลงทุนซื้อตัวนี้ไปฟังเพลงมากๆ
สเปคของ Beats Studio Buds
Type | True Wireless มีระบบตัดเสียงรบกวน ANC, IPX4 |
Connectivity | Bluetooth Class 1 มีฟังก์ชั่น One-Touch |
Battery Life | 8 ชม. รวมเคสแล้วนาน 24 ชม. มี Fast Fuel ชาร์จไว 5 นาที ใช้งานได้ 1 ชม. |
Supported OS Application |
iPhone, Android Beats |
Price | 5,700 บาท (Apple) |
3. Powerbeats Pro (9,600 บาท)
ถ้าหาหูฟังไอโฟนแบบ True Wireless เน้นออกกำลังกายโดยเฉพาะ ตัว Powerbeats Pro นี้จัดว่าน่าซื้อมาใช้งานมาก เพราะทาง Beats ดีไซน์ให้ตัวหูฟังมีก้านคล้องเข้าโค้งหูของผู้ใช้ให้ไม่หลุดง่ายและได้ชิป Apple H1 มาเสริมคุณภาพเสียงให้ดียิ่งขึ้น มีระบบจับคู่กับอุปกรณ์ Apple ไม่ว่าจะ iPhone, iPad ได้อย่างรวดเร็วด้วย Bluetooth Class 1 และกันน้ำกันฝุ่นระดับ IPX4 แถมยังใช้หูฟังแยกข้างได้ ไม่เจาะจงว่าตัวไหนเป็นตัวหลักหรือรองเหมือน TWS บางรุ่น ระยะเวลาใช้งานของ Powerbeats Pro จะใช้งานได้นานสุด 9 ชั่วโมง นำกลับไปชาร์จในเคสและเอากลับมาใช้งานต่อได้นานสุด 24 ชั่วโมง มีฟีเจอร์ชาร์จไว Fast Fuel ชาร์จ 5 นาที ฟังเพลงได้นาน 1.5 ชั่วโมงอีกด้วย แต่พอร์ตชาร์จยังเป็นสาย Lightning อยู่ จึงเหมาะกับผู้ที่ใช้ iPhone เป็นหลัก แต่ก็หาสายหรือหัวแปลงสายชาร์จมาใช้ก็ได้ จัดเป็น TWS เสียงดี กำลังขับดุดันเบสแน่นอีกรุ่นที่ผู้เขียนอยากแนะนำให้ไปลองฟังที่ Apple Store สักครั้ง
สเปคของ Powerbeats Pro
Type | True Wireless มีชิป Apple H1 กันน้ำและฝุ่น IPX4 |
Connectivity | Bluetooth Class 1 |
Battery Life | 9 ชม. รวมเคสแล้วนาน 24 ชม. มี Fast Fuel ชาร์จไว 5 นาที ใช้งานได้ 1.5 ชม. |
Supported OS Application |
iPhone, Android Beats |
Price | 9,600 บาท (Apple) |
4. AirPods (รุ่นที่ 2) (5,290 บาท)
แม้ว่า AirPods (รุ่นที่ 2) จะเปิดตัวมานานแล้ว แต่ก็ยังมีให้ผู้ใช้เลือกซื้อได้อยู่และเป็นรุ่นราคาประหยัดสุดสำหรับคนที่อยากได้หูฟังไอโฟนโดยเฉพาะสักอัน โดยหูฟังตัวนี้นอกจากจะมีชิป Apple H1 เอาไว้เชื่อมต่อกับ iPhone ได้เสถียรด้วย Bluetooth 5.0 และเสริมคุณภาพเสียงตอนฟังเพลงให้ดียิ่งขึ้น สามารถใช้งานต่อนเื่องได้นาน 5 ชั่วโมง และนำกลับไปชาร์จในเคสแล้วเอากลับมาใช้ได้อีกรวม 24 ชั่วโมง มีฟีเจอร์ชาร์จไว 15 นาที ใช้งานได้ 3 ชั่วโมงด้วยสาย Lightning และยังรองรับการชาร์จไร้สายตามมาตรฐาน Qi แถมยังมี Gesture Control สำหรับควบคุมหูฟังโดยแตะที่ก้านหูฟังได้ แต่อย่างไรก็ตามแม้ AirPods (รุ่นที่ 2) จะเอาไปใช้กับสมาร์ทโฟน Android ได้ก็ตามแต่จะเหมาะกับอุปกรณ์ Apple ที่สุด และแม้ AirPods รุ่นนี้จะมีอายุพอควรแล้วแต่ก็ยังฟังเพลงและตัดเสียงรบกวนตอนโทรศัพท์ได้ดีทีเดียว
สเปคของ AirPods (รุ่นที่ 2)
Type | True Wireless มีชิป Apple H1, Gesture Control |
Connectivity | Bluetooth 5.0 |
Battery Life | 5 ชม. รวมเคสแล้วนาน 24 ชม. มีฟังก์ชั่นชาร์จไว 15 นาทีใช้ได้ 3 ชม. รองรับการชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi หรือสาย Lightning |
Supported OS Application |
อุปกรณ์ Apple ระบบ iOS |
Price | 5,290 บาท (Apple) |
5. AirPods (รุ่นที่ 3) (6,990 บาท)
ด้าน AirPods (รุ่นที่ 3) นอกจากจะอัพเดทดีไซน์ให้ต่างจากรุ่นก่อนหน้าจนคล้าย AirPods Pro มากขึ้น แต่ก็เสริมฟีเจอร์เพื่อความบันเทิงอย่าง Spatial Audio ให้เสียงรอบทิศทางให้ได้อรรถรสตอนดูหนังฟังเพลงยิ่งขึ้น มี EQ แบบปรับการทำงานอัตโนมัติให้ฟังเพลงได้อรรถรสยิ่งขึ้นและติดเซนเซอร์รับแรงกดเข้ามาให้ระบบ Gesture Control มีฟังก์ชั่นหลากหลายยิ่งขึ้นและกันน้ำกันฝุ่นระดับ IPX4 ด้วย ด้านการเชื่อมต่อมีชิป Apple H1 สำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Apple ได้อย่างรวดเร็วผ่าน Bluetooth 5.0 ใช้ฟังเพลงต่อเนื่องได้นานสุด 6 ชั่วโมง ชาร์จแล้วนำกลับมาใช้ต่อได้นานสุดรวม 30 ชั่วโมง รองรับการชาร์จเร็ว 5 นาที ใช้งานได้ 1 ชั่วโมง และรองรับการชาร์จไร้สายตามมาตรฐาน Qi ได้ในตัว เป็นหูฟังไอโฟนรุ่นที่อัพเกรดคุณภาพเสียงให้ดีและมีมิติยิ่งขึ้นกว่าเดิม หากใครอยากได้หูฟังไร้สายดีๆ ก็ลงทุนซื้อตัวนี้ไปเชื่อว่าดีถูกใจอย่างแน่นอน
สเปคของ AirPods (รุ่นที่ 3)
Type | True Wireless มีชิป Apple H1, Gesture Control, Spatial Audio |
Connectivity | Bluetooth 5.0 |
Battery Life | 6 ชม. รวมเคสแล้วนาน 30 ชม. มีฟังก์ชั่นชาร์จไว 5 นาทีใช้ได้ 1 ชม. รองรับการชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi หรือสาย Lightning |
Supported OS Application |
อุปกรณ์ Apple ระบบ iOS |
Price | 6,990 บาท (Apple) |
6. AirPods Pro (รุ่นที่ 2) (8,990 บาท)
AirPods Pro (รุ่นที่ 2) นี้ถือเป็นหูฟังไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Apple ซึ่งทางบริษัทอัพเกรดเพิ่มฟีเจอร์ดีๆ เข้าไปหลายอย่าง ไม่ว่าจะระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) ที่ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน 2 เท่า Gesture Control ที่รองรับการเลื่อนนิ้วที่ตัวก้านหูฟัง ติดตั้งชิป Apple H2 รุ่นใหม่ล่าสุดให้คุณภาพเสียงตอนฟังเพลงดียิ่งกว่าเดิมและปรับ EQ อัตโนมัติให้ฟังเพลงได้อรรถรสกว่าและจับคู่กับอุปกรณ์ Apple ได้รวดเร็วยิ่งขึ้นด้วย Bluetooth 5.3 และมี Spatial Audio ด้วย ระยะเวลาใช้งานเปิดเพลงฟังได้นานสุด 6 ชั่วโมง รวมชาร์จในเคสแล้วจะใช้ได้นาน 30 ชั่วโมง รองรับชาร์จไว 5 นาที ใช้ฟังเพลงได้ 1 ชั่วโมง ชาร์จด้วยสาย Lightning หรือไร้สายด้วยแท่นชาร์จไร้สายระบบ Qi หรือ MagSafe ก็ได้ นอกจากนี้ยังมีชิป Apple U1 เอาไว้ติดตามหาตัวหูฟังได้กรณีทำตกหายหรือลืมทิ้งเอาไว้ที่ไหนก็ตาม จัดเป็นหูฟังไอโฟนแบบ True Wireless ที่ดีสุดจาก Apple ณ ตอนนี้และมีฟีเจอร์ให้ใช้หลากหลายแบบด้วย หากใครใช้ AirPods รุ่นเก่าอยู่แล้วอยากอัพเกรดมาใช้ ก็น่าลงทุนซื้อมาใช้งานมาก
สเปคของ AirPods Pro (รุ่นที่ 2)
Type | True Wireless มีชิป Apple H2, Apple U1, Gesture Control, Spatial Audio |
Connectivity | Bluetooth 5.3 |
Battery Life | 6 ชม. รวมเคสแล้วนาน 30 ชม. มีฟังก์ชั่นชาร์จไว 5 นาทีใช้ได้ 1 ชม. รองรับการชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi, MagSafe หรือสาย Lightning |
Supported OS Application |
อุปกรณ์ Apple ระบบ iOS |
Price | 8,990 บาท (Apple) |
7. Sony WF-1000XM4 (6,800 บาท)
Sony WF-1000XM4 เป็นหูฟังไอโฟนและสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์จาก Sony ที่ผู้ใช้หลายๆ คนชื่นชอบ โดยรุ่นนี้นอกจากเสียงจะเป็น Hi-Res Audio และมีระบบประมวลผลเสียง DSEE Extreme ให้คุณภาพเสียงให้ดียิ่งกว่าเดิม ทาง Sony ก็ใส่ชิป Integrated Processor V1 มาให้ใช้ตัดเสียงรบกวนได้ยอดเยี่ยมและกันน้ำกันฝุ่นระดับ IPX4 เชื่อมต่อ Bluetooth 5.2 เข้ากับสมาร์ทโฟน Android, iPhone ได้ ตั้งค่าด้วยแอพฯ Sony Headphone Connect ได้ ใช้งานร่วมกับ Google Assistant, Amazon Alexa ได้หมด ใช้งานต่อเนื่องได้ 8 ชั่วโมง รวมเคสชาร์จได้อีก 16 ชั่วโมง ชาร์จแบตเตอรี่ให้เคสด้วยสาย USB-C ได้ โดยส่วนตัวผู้เขียนเองใช้ WF-1000XM3 อยู่เป็นทุนและได้ลองฟังหูฟังไอโฟนรุ่นนี้ที่เลือกมาแนะนำด้วย ก็ถือว่าเนื้อเสียงดีน่าประทับใจมาก ได้เสียงใสดีและขับเบสได้เต็มอิ่มมีแรงปะทะดี รายละเอียดเสียงครบถ้วนฟังเพลงสนุกและตัดเสียงได้หมดไม่มีเสียงแทรกตอนฟังเพลงเลย แถมยังปรับ EQ ได้ในแอพฯ ของทาง Sony อีกด้วย เลือกสไตล์เสียงที่ชอบได้ตามใจ จัดเป็นหูฟังไอโฟนรุ่นที่น่าใช้มากๆ อีกรุ่น
สเปคของ Sony WF-1000XM4
Type | True Wireless มีชิป Integrated Processor V1 ตัดเสียงรบกวนได้ดีมาก รองรับ Google Assistant, Amazon Alexa, IPX4 |
Connectivity | Bluetooth 5.2 |
Battery Life | 8 ชม. รวมเคสได้อีก 16 ชม. ชาร์จด้วยสาย USB-C |
Supported OS Application |
iPhone, Android Sony Headphone Connect |
Price | 6,800 บาท (Munkong Gadget Shopee Mall) |
8. Sennheiser Momentum True Wireless 3 (8,699 บาท)
หูฟังไอโฟนแนะนำสำหรับสายฟังเพลงอีกรุ่นเป็น Sennheiser Momentum True Wireless 3 โดยโทนเสียงของหูฟังนี้จะได้เรื่องเสียงเบสหนักแน่นลงลึก เก็บรายละเอียดได้ดีแถมยังปรับ EQ ได้ด้วยตัวเองและมีระบบตัดเสียงรบกวน (Hybrid Adaptive ANC) และกันน้ำกันฝุ่นระดับ IPX4 ในตัว ใช้ฟังเพลงได้นาน 7 ชั่วโมง รวมเคสชาร์จแล้วใช้ได้นานสุด 28 ชั่วโมง มีฟีเจอร์ชาร์จไว 10 นาที ฟังเพลงได้ 1 ชั่วโมง ชาร์จตัวเคสด้วยสาย USB-C หรือชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi ก็ได้ เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.2 ได้ในตัวและรองรับ aptX, aptX adaptive ได้ ตั้งค่าตัวหูฟังได้ด้วยแอพฯ Sennheiser Smart Control App ซึ่งโหลดมาติดตั้งได้ทั้ง Android, iOS ได้เลย จัดเป็นหูฟัง True Wireless คุณภาพเสียงเยี่ยมอีกชิ้นที่ไม่อยากให้พลาด ถ้าหาโอกาสทดลองฟังได้ก็อยากให้ลองมาก เชื่อว่าจะตกหลุมรักมันได้ไม่ยากนัก
สเปคของ Sennheiser Momentum True Wireless 3
Type | True Wireless ระบบตัดเสียง Hybrid Adaptive ANC กันน้ำและฝุ่น IPX4 ปรับ EQ ได้ |
Connectivity | Bluetooth 5.2 รองรับ aptX, aptX adaptive |
Battery Life | 7 ชม. รวมเคสแล้วนาน 28 ชม. มีชาร์จไว 10 นาที ฟังเพลงได้ 1 ชั่วโมง ด้วยสาย USB-C หรือไร้สายตามมาตรฐาน Qi |
Supported OS Application |
iPhone, Android Sennheiser Smart Control App |
Price | 8,699 บาท (Munkong Gadget Shopee Mall) |
จะเห็นว่ายุคนี้หูฟังไอโฟน นอกจาก AirPods ซึ่งทาง Apple สร้างมาให้ใช้กับสมาร์ทโฟนของตัวเองโดยเฉพาะแล้ว ยังมีแบรนด์ในเครืออย่าง Beats หรือแบรนด์ชั้นนำด้านเสียงเพลงเจ้าอื่นๆ ให้เลือกซื้อมาใช้ได้อีกด้วย แต่อุปกรณ์อย่างหูฟังนั้นเป็นสิ่งที่อ่านรีวิวอย่างเดียวแล้วไปซื้อเลยก็ไม่ได้ เพราะรสนิยมการฟังเพลงของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันมาก ดังนั้นถ้ามีโอกาสก็อยากแนะนำให้ลองไปฟังเพลงที่ชอบฟังด้วยหูฟังรุ่นที่สนใจดูสักเล็กน้อย จะสามารถตัดสินใจเลือกได้ง่ายยิ่งขึ้น ไม่ต้องเสียอารมณ์ว่าซื้อหูฟังมาไม่ถูกใจแล้วต้องทนฟังไปหรือต้องหาทางขายต่อในอนาคตนั่นเอง